EGT 1214 - อาวุโสเย่ว (2)
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาทำ มันทำให้เธอมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก นอกเหนือจากเอลฟ์ทั้งสองที่เธอเห็นใน บ้านการค้ารัศมีจันทร์
เฉินหยานเซียวก็ไม่ได้พบกับเอลฟ์ที่ซื่อสัตย์และเรียบง่ายมากมาย
แม้แต่ ชิวเอ๋อก็ยังมีการปฏิบัติต่อเอลฟ์ในระดับที่แตกต่างอยู่บ้าง แต่สิ่งนี้หายไปอย่างสมบูรณ์ในตัวของอาวุโสเย่ว
“เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องขอโทษ" อารมณ์ของเฉินหยานเซียวแท้จริงนั้นเรียบง่ายมาก หากเจ้าเคารพเธอ เธอก็จะเคารพเจ้ามาก หากเจ้าต้องการสร้างปัญหากับเธอ เธอจะไม่แนะนำให้เขาทำ
ท่าทีที่น่ารักของอาวุโสเย่วสอดคล้องกับอารมณ์ของเฉินหยานเซียวเป็นอย่างมากดังนั้นเธอจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยมารยาทที่ดี
อาวุโสเยว่กล่าวว่า “แต่ข้ามีดีใจอย่างมากที่เจ้าปลอดภัย ข้ายังอยากรู้อยากเห็นอยู่มาก เจ้าทำได้อย่างไร? พลังชีวิตในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ เป็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ที่สุด ไม่เคยมีเอลฟ์คนใดที่สามารถดำเนินบ่มเพาะที่นั่นได้มากกว่าหนึ่งวันในวันแรกที่เข้ามาในหอคอย แม้แต่เสี่ยวหยูและคนอื่น ๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อพวกเขาเข้าค่ายฝึกขั้นสูงเมื่อห้าปีที่แล้วความสามารถของพวกเขายังนับว่าสูงที่สุด”
“เมื่อพวกเขาเข้าไปในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ครั้งแรก พวกเด็ก ๆ ตัวน้อยทั้งห้าคนนี้สามารถบ่มเพาะได้ครึ่งวันเท่านั้น แต่เจ้าสามารถอยู่ที่นั่นได้สิบวัน เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ” อาวุโสเย่วไม่ได้ปิดบังความประหลาดใจของเขา จากเวลาที่เฉินหยานเซียวสามารถอยู่ในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ได้
เฉินหยานเซียวลูบจมูกเธอและฟังอาวุโสเรียก ม่อหยู และคนอื่น ๆว่า 'พวกเด็กๆตัวน้อย' เธอรู้สึกค่อนข้างแปลก
เธอเป็นคนเด็กตัวน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าม่อหยูและคนอื่น ๆ ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุโสเย่ว พวกเขากลายเป็นเด็กตัวน้อย
อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจมากกับความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งห้า เธอก็รู้สถานการณ์บางอย่างเช่นกัน
ในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ และในหมู่พวกเอลฟ์ที่เข้าค่ายฝึกขั้นสูงในเวลาเดียวกันกับเธอ
ไม่มีใครสามารถอยู่ข้างในได้นานในวันแรก
แม้แต่อันหรานเอง เวลาที่ยาวนานที่สุดในหอคอยของเขาก็แค่ชั่วโมงเดียวและหลังจากนั้นเพียงสิบวันเขาก็แทบจะไม่ได้อยู่นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ม่อหยู และคนอื่น ๆ สามารถอยู่ในหอคอยได้ครึ่งวันในวันแรก
พรสวรรค์ของม่อหยูและของคนอื่นนั้นอยู่ไกลเกินกว่าเอลฟ์คนอื่น ๆ
ทันทีที่เธอคิดว่าเอลฟ์ซึ่งเหมือนกับ ถังนาจื่อ เมื่อพูดถึงการความช่างพูด นั้นแข็งแกร่งมากอย่างไม่น่าเชื่ออารมณ์ของเฉินหยานเซียวก็ค่อนข้างแปลก
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่า เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อเจ้าบ่มเพาะภายในเจ้าไม่รู้สึกอึดอัดเลยหรือ?” อาวุโสเยว่ถาม
เฉินหยานเซียวคิดสักครู่ก่อนที่เธอจะตอบว่า “ข้าไม่รู้สึกอึดอัดเลย ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในความเป็นจริงก่อนที่ข้าจะกลับไปที่หอพัก ข้าคิดเสมอว่าข้าใช้เวลาภายในหอคอยเพียงแค่เวลาช่วงบ่ายวันหนึ่งเท่านั้น”
“อะไรนะ” อาวุโสเย่ว มองเฉินหยานเซียวด้วยความประหลาดใจ
เฉินหยานเซียวกล่าวว่า “เมื่อข้าบ่มเพาะข้าเข้าไปดูการเติบโตของแหล่งกำเนิดชีวิตของข้าและไม่ได้สังเกตกาลเวลา ดังนั้นข้าจึงไม่ชัดเจนว่าทำไม"
คำพูดของเฉินหยานเซียวนั้นเป็นความจริงครึ่ง ความเท็จครึ่ง เธอไม่ได้สนใจเวลาเลย แต่เพราะอะไรที่ทำให้เธอสามารถดูดซับพลังได้มากและไม่ระเบิด … เธอกลัวว่ามันเกี่ยวข้องกับตราประทับบนร่างกายของเธอ
จุดนี้เฉินหยานเซียวจะไม่เปิดเผยมันออกมา แม้ว่าเธอจะถูกฆ่า
“มองดูการเติบโตแหล่งกำเนิดพลังชีวิตของเจ้า?” อาวุโสเย่วรู้สึกตะลึง เขาเป็นเอลฟ์ เขารู้โดยธรรมชาติแล้วในเรื่องการเติบโตของแหล่งกำเนิดพลังชีวิต แต่…สิ่งนี้จะถูกมองเห็นหรือไม่?
ตั้งแต่กำเนิดจนถึงตาย แหล่งกำเนิดพลังชีวิตจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากเมล็ดไปสู่ต้นไม้และจากนั้นมันก็จะเหี่ยวแห้ง
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในช่วงร้อยปีของชีวิตผู้คน
EGT 1215
ทั้งหมดนี้เป็นการเติบโตที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวบอกว่าเธอลืมเวลาเพราะเธอมองดูการเติบโตของแหล่งกำเนิดพลังชีวิต…
อาวุโสเย่วไม่สงสัยความน่าเชื่อถือในคำพูดของเฉินหยานเซียว เขาประหลาดใจเพียงแค่สิ่งที่เฉินหยานเซียวเห็น
“หยานเซียว เจ้าสามารถทำแบบทดสอบระดับได้หรือไม่?”
“ได้” เฉินหยานเซียวให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเธอต้องการทราบว่าอันดับปัจจุบันของเธอคืออะไร
อาวุโสเย่วลุกขึ้นหยิบลูกบอลผลึกขนาดเท่าฝ่ามือจากตู้ข้างๆแล้ววางมันลงบนโต๊ะ
“เจ้าสามารถวางมือลงบนมัน” อาวุโสเย่วกล่าว
“ไม่ใช่ของเหลวทดสอบ?” เฉินหยานเซียวเคยทำการทดสอบด้วยของเหลวทดสอบ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญหน้ากับการทดสอบโดยใช้ลูกบอลผลึกและเธอพบว่ามันน่าสนใจมาก
อาวุโสเย่วยิ้มและตอบว่า “ความเสถียรของของเหลวทดสอบนั้นแย่มาก ข้าได้ยินจากเสี่ยวหยูและคนอื่น ๆ พูดว่า ว่าระดับของเจ้าไม่มั่นคง ดังนั้นลองใช้สิ่งนี้เพื่อทดสอบเจ้า ข้าแค่อยากเห็นผลลัพธ์ของการทดสอบของเจ้าก่อน” อาวุโสเย่ว
มันต้องรู้ว่าระดับของเฉินหยานเซียวนั้นได้ปีนขึ้นไปในระหว่างการทดสอบ แต่การได้ระดับแรกควรที่จะค่อนข้างแม่นยำ แต่ระดับที่เฉินหยานเซียวสามารถทะลวงผ่านได้ชั่วคราวในบางช่วงเวลานั้นยังไม่เสถียร
“ดี" เฉินหยานเซียวยักไหล่ของเธอลุกขึ้นแล้วเดินไปหลัง จากนั้นเธอก็วางมือบนลูกบิลผลึกโดยไม่พูดอะไร
ลูกบอลผลึกโปร่งใสก่อตัวเป็นหมอกในทันทีเช่นกลุ่มดาวเคราะห์น้อยที่ย่อตัวลงในลูกบอลผลึกใส
กลุ่มดาวเคราะห์น้อยค่อยๆกลายเป็นสีแดงก่อนที่จะแพร่กระจายเต็มพื้นที่ในที่สุด
อาวุโสเย่วมองการเปลี่ยนแปลงของลูกบอลผลึกและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าทะลวงระดับแล้ว!”
เฉินหยานเซียวกะพริบตาของเธอ เธอจำได้ว่าเมื่อเธอถูกทดสอบโดยม่อเฟิงและคนอื่น ๆ ในก่อนหน้าเข้าสู่ค่ายฝึกขั้นสูง ผลลัพธ์ของการทดสอบของเธอดูเหมือนจะเป็น ... ระดับเหลือง?
แต่ตอนนี้เธอดูเหมือน ... ดูเหมือนจะ ... ไปถึงระดับสีแดง
“สิบวันเจ้าใช้เวลาเพียงสิบวันในการเลื่อนระดับจากเอลฟ์ระดับสีเหลืองเป็นเอลฟ์ระดับสีแดง…เจ้าเป็นหนึ่งในสามเอลฟ์ที่มีความก้าวหน้าเร็วที่สุดในหมู่เอลฟ์ทั้งหมดที่ข้าเคยเห็น!” ดวงตาของผู้เฒ่าเยว่กระพริบตาเพื่อซ่อนความประหลาดใจ!
เอลฟ์ระดับต่ำถูกเรียกว่าเอลฟ์ระดับต่ำ ไม่เพียงเพราะแหล่งกำเนิดพลังชีวิตของพวกเขาจะอ่อนแอ แต่ยังเป็นเพราะแรงดูดซับกลืนพลังชีวิตของพวกเขาช้าเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะได้รับพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเหมือนกันในเมืองระดับสีดำ พวกเขาก็จะไม่สามารถเลื่อนขั้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นพวกเอลฟ์จึงยอมรับกฎแห่งการเอาชีวิตรอด
ในความเป็นจริงรากของความแตกต่างของเอลฟ์ที่มีตำแหน่งสูง คือความเร็วและขอบเขตของการดูดซับ
แม้ว่าเฉินหยานเซียวจะยังเป็นเพียงเอลฟ์ระดับสีแดงและสามารถมองได้ว่าเป็นเอลฟ์ระดับกลาง แต่ในแง่ของความสามารถ เธอสามารถเอาชนะเหล่าเอลฟ์ระดับสูงในเมืองระดับสีดำได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“หนูน้อยข้าได้ยินมาว่า เจ้าต้องการที่จะเข้าสู่หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตใช่หรือไม่?” อาวุโสเย่วพยายามระงับความสุขภายในใจของเขาอย่างหนัก ในขณะที่เขามองเฉินหยานเซียวพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ใช่" เธอจะไปทุกที่ที่มีต้นไม้แห่งชีวิต นี่คือหลักการของเฉินหยานเซียวที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
"ดีมาก ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะสามารถเข้าสู่หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ได้หลังจากนี้อีกครึ่งปี ข้าจะรอคอยวันนั้น” อาวุโสเย่วไม่ได้ตระหนี่กับความคาดหวังของเขา เขาไม่ได้เจอเอลฟ์ที่มีความสามารถสูงมาเป็นเวลาหลายปี
EGT 1216
“ขอบคุณ” เฉินหยานเซียวรู้สึกแปลก ๆ เธอมาที่นี่ด้วยท่าทีที่ยากลำบาก แต่อาวุโสเย่วคนนี้ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ยากสำหรับเธอ เขากลับชื่นชมเธอด้วยการชมเชยทุกชนิดและเธอไม่สามารถแม้แต่จะเห็นความผิดพลาดเล็กน้อย
ลักษณะนิสัยของอาวุโสเย่วได้เปลี่ยนมุมมองของ เฉินหยานเซียวให้กับพวกเอลฟ์อีกครั้ง
อาวุโสเย่วยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นคนที่ควรจะพูดขอบคุณ หากเจ้าสามารถเข้าสู่ หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ มันอาจที่จะ …"
อาวุโสเย่วก็ตระหนักว่าเขาพูดสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรออกไป เขาชะงักคำพูดของเขาในทันที
ถ้าเธอสามารถเข้าไปในหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ได้จะเกิดอะไรขึ้น? เฉินหยานเซียวนึกถึงคำพูดของอาวุโสเย่วที่หลุดออกมาไม่ตั้งใจ มันให้ความรู้สึกว่าคำพูดของอาวุโสเย่วมีความสำคัญ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาวุโสเย่วลังเลที่จะพูดถึงหัวข้อนี้อีกครั้ง
“หนูตัวน้อย เจ้าไม่มีเผ่าหรืออย่างไร?” อาวุโสเย่วถาม
เฉินหยานเซียวพยักหน้า นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกลัวที่จะถูกสอบสวนในทวีปเทพจันทรา
แม้แต่เอลฟ์ระดับสีฟ้าที่ไม่มีนัยสำคัญที่สุดก็จะมีเผ่าของตัวเอง แต่เฉินหยานเซียวไม่มี
ม่อหยูและคนอื่น ๆ ก็ถามเธอและเธอก็ตอบอย่างสุภาพ
“ใช่” เฉินหยานเซียวตอบ
“พ่อแม่ของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าหรอกหรือว่าครอบครัวของเจ้าเป็นเผ่าอะไร” อาวุโสเย่วอดที่จะสงสัยในสิ่งนี้ไม่ได้
สหายตัวน้อยที่มีความสามารถถูกฝังอยู่ในเมืองระดับสีฟ้าขนาดเล็ก
พวกเอลฟ์ที่มีเผ่า นอกจากจะได้รับความต้องการรายวันแล้ว พวกเขาสามารถพัฒนาแหล่งกำเนิดพลังชีวิตผ่านทรัพยากรของเผ่าของพวกเขา
แต่ละเผ่ามีความรับผิดชอบต่อสมาชิกของตัวเอง พวกเขาจะสนับสนุนเอลฟ์ที่มีความสามารถที่มีสภาพการบ่มเพาะที่ดีที่สุด
เพื่อช่วยพวกเอลฟ์ให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
แต่จากความสามารถของเฉินหยานเซียวมันไม่ได้ดูจะน่าเป็นห่วง ไม่ว่าเธอจะอยู่เผ่าไหน เธอก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับเธอ จนถึงจุดที่เธอต้องดิ้นรนเพื่อทำการปรับปรุงแหล่งกำเนิดพลังชีวิตของเธอโดยการมาเข้าค่ายฝึก
“ข้า…ข้าไม่เคยเห็นพ่อแม่ของข้า” เฉินหยานเซียวก้มหน้าลงและน้ำเสียงของเธอก็หายไป
เธอไม่ได้โกหก เธอยังไม่เคยเห็นพ่อแม่ของเธอเลย!
ที่จริงแล้วเธอสงสัยว่าพ่อแม่ของเธอยังไม่ตาย และบางทีพวกเขาอาจอยู่ในทวีปเทพจันทรา
เธอมักจะมองหาโอกาสที่จะพบพวกเขา
อย่างไรก็ตามคำพูดของเฉินหยานเซียวและน้ำเสียงของเธอทำให้อาวุโสเย่วนึกถึงแนวคิดอื่น
ชีวิตของพวกเอลฟ์นั้นยาวนานมาก พวกเอลฟ์ที่มีลูกหลานรุ่นต่อ ๆ มาก็คงจะไม่ได้แก่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ทวีปเทพจันทราก็สงบสุขมาก ในช่วงไม่กี่ร้อยที่ผ่านมาไม่มีสงคราม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่ของเธอจะตาย
ความจริงที่ว่า เฉินหยานเซียวไม่ได้เห็นพ่อแม่ของเธอในสายตาของผู้อาวุโสเย่ว มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น ...
เธอถูกทอดทิ้ง!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้คิ้วของอาวุโสเย่วขมวดแน่นโดยไม่ตั้งใจ เขามองไปที่เฉินหยานเซียว ซึ่งก้มหน้าลงด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“บางทีพวกเขาอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต” อาวุโสเย่วกล่าวอย่างปลอบใจ
เฉินหยานเซียวตกตะลึงเล็กน้อย อาวุโสเย่วคิดแค่ว่าเธอถูกทอดทิ้งใช่หรือไม่ ทำไมเขาไม่คิดว่า พ่อแม่ของเธอหายไปไหน?
การคาดการณ์เช่นนี้แปลกมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาจากเอลฟ์ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเอลฟ์จะละทิ้งเด็ก ๆ ของพวกเขา แต่ทำไมอาวุโสเย่วถึงมีการคาดการณ์เช่นนี้?
เฉินหยานเซียวไม่เข้าใจ เขาเป็นเอลฟ์แบบไหนกันในท้ายที่สุด? ใจดีและเรียบง่าย หรือยังคงเหมือนมนุษย์เหล่านั้น ที่มีด้านมืด? จึงเป็นสาเหตุที่อาวุโสเย่วคาดเดาเช่นนั้น
อาวุโสเย่วถอนหายใจและดูเหมือนการปลอบโยนของเขาจะแย่มาก เขามองเฉินหยานเซียวซึ่งยังเป็นเด็กและมีความสามารถ แต่ไม่มีเผ่าที่ต้องพึ่งพา เขารู้สึกว่ามันช่างน่าเสียดายจริงๆ
อาวุโสเย่วมองดูเฉินหยานเซียวและพูดอย่างจริงจังว่า
“เด็กน้อย เจ้าต้องการเข้าร่วมเผ่าของข้าหรือไม่?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น