เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ZX 092 แวะมาคุยกันบ่อยๆ





ในทีแรกที่หยางเฉินนำหินจิตวิญญาณขนาดกลางหกสิบสี่ชิ้นออกมา ซ่างกวนเฟง และหวังหยวนก็เริ่มเป็นกังวล หินจิตวิญญาณขนาดกลางทั้งหมดหกสิบสี่กองมีขนาดเท่ากันและทุก ๆ กองมีสิบก้อน หลังจากแลกเปลี่ยนพวกเขาเทียบมันได้เท่ากับหินจิตวิญญาณระดับต่ำหกหมื่นสี่พันก้อน

แม้ว่าจะนำทรัพย์สินของซ่างกวนเฟง และกงซุนหลิงมารวมกันก็ยังไม่เท่ากับความมั่งคั่งนี้ แต่หยางเฉินกลับใช้ออกไปโดยไม่กระพริบตา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น เพียงแค่ดูดซับพลังจิตวิญญาณภายในหินวิญญาณสามารถเปรียบได้ดั่งเส้นลมปราณระดับต่ำ แต่ที่น่าแปลกใจหยางเฉินกลับนำมาใช้ในการจัดรูปแบบคาถาที่ไม่รู้จัก

แต่ทุกคนรู้ว่าหยางเฉินร่ำรวย ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใดเขาได้มีส่วนร่วมในการสกัดยาเม็ดคว้าสวรรค์ได้สำเร็จ ผู้อาวุโสหวูไม่มีทางที่จะปฏิบัติกับหยางเฉินอย่างไม่เป็นธรรม หินจิตวิญญาณเป็นเพียงสิ่งตอบแทนเล็กๆจากทั้งหมด ทุกคนแค่คิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หินจิตวิญญาณจำนวนมากถูกใช้ไป

แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณอันไร้ขอบเขตนี้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งทุกคนก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกต่อไป เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นจิตวิญญาณใต้ดินนี้ไม่ต้องพูดถึงหกร้อยสี่สิบหินจิตวิญญาณระดับกลาง แม้ว่าจะเป็นหกพันสี่ร้อยหรือหกหมื่นสี่พันก้อน นั่นก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน เส้นจิตวิญญาณชนิดนี้เพียงพอที่จะเปรียบเทียบกับแปดในสิบของพลังจิตวิญญาณในพระราชวังหยางบริสุทธิ์และมันก็จะถูกใช้เพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น

ในปัจจุบันซางกวนเฟิงและหวังหยวนไม่จำเป็นต้องถามนายของพวกเขา พวกเขามั่นใจว่าหากพวกเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเส้นชีพจรจิตวิญญาณนี้ อาจารย์ของพวกเขาจะต้องบังคับให้พวกเขาย้ายมาที่นี่อย่างแน่นอน แม้อาจารย์จะไม่มีโอกาสยื่นหน้าย้ายมาที่นี่ แต่ถ้าศิษย์ของพวกเขามีโอกาสแบบนี้ทำไมพวกเขาจะปฏิเสธล่ะ? พวกเขาควรย้ายมาที่นี่ทันที

ทุกคนต่างก็รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่หนาแน่นและควบคุมไม่ได้เกือบทั้งหมด สามารถอธิบายได้ด้วยคำเดียว: ช่างฟุ่มเฟือย

นี่มันฟุ่มเฟือยมากจริงๆ มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งและหนาแน่นมากเพียงพอสำหรับการใช้งานโดยคนหลายร้อยคน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใช้มัน ... คำพูดใดที่นอกเหนือจากความสิ้นเปลืองอย่างมากที่สามารถอธิบายได้

เดิมทีกั่วหยู่คิดว่าการต้องเปลี่ยนถ้ำเดิมของเธอมาอยู่ใกล้กับเส้นจิตวิญญาณนั้น เธอไม่ได้มีความปรารถนาเช่นนั้น แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณไหลบ่าออกมาอย่างท่วมท้น ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเช่นเธอก็อดไม่ได้ต้องประหลาดใจ และลึกๆเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังสัมผัสอยู่

‘นี่เรื่องจริง?’

กั่วหยู่คิดวนเวียนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ คนอื่นๆก็รู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในอยู่ในความฝัน หากพวกเขาเปรียบเทียบสิ่งนี้กับถ้ำดั้งเดิมของพวกเขาเปรียบได้ดั่งสายธารเล็ก ๆ ที่สามารถดับกระหาย แต่ที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบที่พวกเขาสามารถลงไปแช่น้ำได้ แล้วมันช่างเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่เหลือเกิน

"นี้! นี้! นี่มันไม่มากไปใช่ไหม”

กั่วหยู่พูดอย่างงุ่มง่ามคำเหล่านี้เป็นการแสดงออกของความปีติยินดีผสมกับการไม่เชื่อบนใบหน้าของเธอ ในชีวิตนี้ความปรารถนาส่วนลึกที่สุดของ หยางเฉินคือได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกั่วหยู่ และตอนนี้เป็นครั้งแรก หลังจากนี้หยางเฉินยังคงสามารถทำหลาย ๆ อย่างเพื่อให้กั่วหยู่ดีใจ

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของ กั่วหยู่ ทำให้หยางเฉินรู้สึกว่าการทำงานหนักที่ผ่านมาของเขานั้นช่างคุ้มค่า ในขณะที่ทุกคนตกตะลึง ตัวเขาเองก็เพลิดเพลินไปกับความสุขของอาจารย์ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ไอออกมาเพื่อปลุกคนเหล่านี้ให้เตื่นขึ้นมาจากความมึนงง

“ เราไม่ควรสร้างถ้ำอมตะก่อนเหรอ?”

หลังจากที่หยางเฉินเตือนให้ทุกคนระลึกถึงสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ พวกเขาทุกคนถูกทำให้เคลิบเคลิ้ม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นกั่วหยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครขบขันเพราะทุกคนล้วนถูกทำให้ตกตะลึงงัน

หยางเฉินได้เสนอว่าควรสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ และกั่วหยู่ก็ปรบมืออนุมัติ เธอชอบที่จะอยู่ในสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และข้อเสนอของหยางเฉินก็ตรงกับสิ่งที่อยู่ภายในใจของเธอ

พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ และทุกคนก็มีความสามารถที่น่าทึ่งดังนั้นภายในหุบเขาขนาดเล็กจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากผ่านไปเพียงสิบวัน บ้านต่างๆถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ศาลา ซุ้มสะพานเล็กๆบนลำธาร ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นเหมือนคฤหาสน์ของชนชั้นสูง

ซ่างกวนเฟง และหวังหยวนกลับมาที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์เพื่อพาข้ารับใช้ของตนเองมา อย่างที่คาดไว้อาจารย์ของพวกเขาผลักดันพวกเขาอย่างรีบเร่ง

เมื่อบ้านถูกสร้างขึ้นแม้แต่ประมุขและผู้ดูแลหอโอสถจูเฉินเตาก็รีบไปที่นั่นเพื่อแสดงความยินดี หยางเฉินไม่ได้วางแผนที่จะปกปิดมันจากประมุขพระราชวัง และคนรู้จักอื่นๆของเขา เมื่อพวกเขาผ่านม่านคาถาแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับผลิดอกและก่อลำต้นก็ไม่อาจเก็บกริยาเอาไว้ได้ เมื่อได้สัมผัสพลังจิตวิญญาณภายในค่ายอาคม ปากของพวกเขาก็เปิดกว้างเพราะความตกใจ

"นี่เป็นเส้นลมปราณที่เจ้าพบ?"

ประมุขพระราชวังได้สติอย่างรวดเร็ว แม้ว่าน้ำลายในปากของเขาแทบจะไหลเพราะความชื่นชม แต่เขาก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว

"ใช้แล้ว ท่านประมุข!"

ในฐานะที่กั่วหยู่อาวุโสที่สุดในหมู่พวกเขา เธอจึงตอบคำถามประมุขพระราชวังและจากนั้นเธอก็ถามเขาด้วยรอยยิ้ม

"จะบอกว่าในตอนนี้ท่านประมุขรู้สึกเสียใจหรือ? ไม่เช่นท่านประมุขต้องการมาอยู่ที่นี่ไหม?"

"มันเป็นผลกรรมของพวกเจ้า ที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวพวกมันเอาไว้ได้" [บุ๋งๆ งงๆ]

ประมุขพระราชวังรู้สึกตาร้อนมาก แต่เขาก็ยังคงส่ายศีรษะและปฏิเสธคำเชิญที่สุภาพของกั่วหยู่ หลังจากที่ใจเย็นลง ประมุขพระราชวังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในใจ ในท้ายที่สุดสถานที่นี้ก็ถูกใช้โดยสาวกวังหยางบริสุทธิ์ และยิ่งกว่านั้นในสองคนนั้นก็มีความสามารถมากที่สุด หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้มีความสามารถในรอบร้อยปี ดังนั้นไม่ว่าจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังคงเป็นประโยชน์ต่อพระราชวังหยางบริสุทธิ์อยู่ดี

ประมุขพระราชวังมองดูช่วงเวลาที่ดีนี้ และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ไม่ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตหรือไม่เขาไม่สน แต่พลังจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ที่นี่พร้อมกับการผนึกคาถาที่ถูกต้องนั้น เกือบทุกคนสามารถบ่มเพาะพลังลมปราณเหล่านี้ได้ ในเมื่อมันอยู่ในพระราชวัง นี่จะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงเหล่าศิษย์หลักที่อยู่ด้านในสุด

แต่ที่นี่แม้แต่ข้ารับใช้ก็สามารถเข้าถึงได้

"ที่นี่มีชื่อหรือยัง?"

หลังจากที่เห็นคุณค่าของมัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขพระราชวังจะอดถามไม่ได้

"ข้ากำลังจะขอให้ประมุขพระราชวังมอบชื่อให้!”

กงซุนหลิงต้องการเอาใจประมุขพระราชวังด้วยการมอบสิทธิอำนาจให้เขา

"เช่นนั้น เนื่องจากเจ้ามาจากวิหารหยางอัคคี เราสามารถเรียกที่นี่ง่าย ๆ ว่า วิหารหยางอัคคีแห่งที่สองได้!"

ประมุขพระราชวังแสดงออกอย่างจริงใจ และหลังจากไตร่ตรองเล็กน้อยเขาก็พบชื่อนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยชื่อนี้ออกมากับหยางเฉินและกงซุนหลิง

"หยางเฉิน กงซุนหลิง นี่เป็นถ้ำอมตะของเจ้าทั้งสองคน ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้า เจ้าต้องการจะเอ่ยอะไรสำหรับโอกาสนี้หรือไม่?"
[ประหนึ่งงานแต่งงาน]

"ขอบคุณท่านประมุขที่มอบชื่อนี้ให้อย่างมาก!"

กงซุนหลิงเพียงโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ประมุขพระราชวังพยักหน้าเล็กน้อยแสดงท่าทีไม่ต้องสุภาพจนเกินไป แต่การจ้องมองเขาจดจ่ออยู่กับหยางเฉิน ทุกคนรู้ว่าหยางเฉินเป็นคนที่ค้นพบเส้นจิตวิญญาณนี้ดังนั้นประมุขพระราชวังจึงกระตือรือร้นที่จะรู้ว่าหยางเฉินจะพูดอะไร

"ศิษย์ผู้นี้มีเรื่องขอท่านประมุขซักเล็กน้อย!"

หยางเฉินเผชิญหน้ากับประมุขพระราชวังอย่างไม่สนใจความสูงต่ำของระดับของพวกเขา และร้องขออย่างเช่นญาติสนิท

"เรื่องอะไร?"

ประมุขพระราชวังถามอย่างสงสัย

"ศิษย์ได้รับหินจิตวิญญาณห้าธาตุบางอย่างจากในหลุมดักเซียน และกำลังจะขอให้ประมุขพระราชวังช่วยจัดการกับมัน!”

ในขณะที่พูดกระเป๋าของจัดเก็บปรากฎในมือของหยางเฉิน แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นของใครที่เขาฆ่า เมื่อเขาเปิดกระเป๋าจัดเก็บหินจิตวิญญาณก็ไหลออกมาจากข้างใน

"นี่!"


เมื่อมองไปที่กองหินจิตวิญญาณขนาดมหึมาเหล่านี้ทุกคนในที่นั้น ดั่งถูกรากหยั่งลึกลงไปในดิน เหมือนถูกผนึกไว้ ไม่มีใครสามารถเคลื่อนไหวได้ สายตาของพวกเขาทั้งหมดถูกดึงไปทางกองหินจิตวิญญาณที่อยู่บนพื้นและพวกเขาไม่สามารถละสายตาออกไปได้ พวกเขาทั้งหมดล้วน แต่งงงวยอย่างสมบูรณ์แม้แต่ประมุขพระราชวังก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปที่หลุมดักเซียน แต่เขาก็รู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของหินจิตวิญญาณทั้งห้าธาตุและยังเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของหินจิตวิญญาณทั้งห้าธาตุ แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเพิ่มระดับของได้โดยการใช้เพิ่มพลังจิตวิญญาณ!

แม้แต่ประมุขพระราชวังก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อมองดูกองหินจิตวิญญาณขนาดใหญ่ในเวลานี้ ประมุขพระราชวังเคยเห็นหินจิตวิญญาณ และเขาก็เคยใช้มันเช่นกัน แต่เขาไม่เคยเห็นมากมายขนาดนี้มาก่อน

ศิษย์ขั้นก่อสร้างรากฐานผู้ใดเล่าจะสามารถมีหินจิตวิญญาณมาครอบครองหลายหมื่นก้อนเช่นนี้? โดยทั่วไปแล้วเหล่าศิษย์จะจับกลุ่มกันสองถึงสามคน และใช้เวลาสิบปีที่หลุมดักเซียน พวกเขาสามารถนำหินจิตวิญญาณมาได้แค่ห้าหมื่นหรือมากกว่านั้น ซึ่งพวกเขาจะนำมาให้ทุกคนดูดซับเส้นลมปราณ แต่หยางเฉินอยู่เพียงขั้นรวบรวมลมปราณ ในเวลานั้นกลับนำกองหินจิตวิญญาณกลับมาได้กองใหญ่จนน่าประหลาดใจ?
[ถ้ามันงงๆ โปรดทำใจเพราะผู้แปลก็งงๆเหมือนกัน]

เมื่อมองดูกองวิญญาณขนาดใหญ่บนพื้นดิน จากสายตาพวกเขาคาดว่าจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นแน่นอนหรืออาจมากกว่าหนึ่งแสนก้อน สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมากก็คือ หินห้าธาตุเหล่านี้ซึ่งเป็นสมบัติที่นักบ่มเพาะทุกคนต้องการ ถูกนำมากองไว้บนพื้นดินได้อย่างไร้การเหลียวแลโดยหยางเฉิน นอกจากนั้นกระเป๋าจัดเก็บในมือของหยางเฉินก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นของนักบ่มเพาะคนใด แล้วมันยังเป็นกระเป๋าจัดเก็บที่มีคุณภาพดีเยี่ยมอีกด้วย

หญ้าจากอีกด้านหนึ่งของรั้วมักจะดูเขียวกว่า แม้แต่ประมุขพระราชวังก็ยังอดชื่นชมหยางเฉินไม่ได้ เขาไม่สามารถกดข่มความรู้สึกนี้ลงไปได้ ความเข้มแข็งของหินจิตวิญญาณเหล่านี้ ถ้ามีใครใช้หินจิตวิญญาณห้าธาตุเหล่านี้ในการบ่มเพาะ ยี่สิบคนรวมถึงคนรับใช้ก็ยังดีกว่าผู้อาวุโสนิกายสูงสุด!

เป็นครั้งที่สองที่ประมุขพระราชวังต้องสวดหยางเฉินเสียงดังลั่น ที่นี่มีเส้นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เขายังต้องใช้หินจิตวิญญาณมากมายขนาดนี้? เขาต้องการจะทำอะไรกับโลกใบนี้?

"นี่มันจำนวนเท่าไรกัน?"

กั่วหยู่ก็ตะลึงงันไปเช่นกัน แต่เมื่อพูดถึงแล้วหยางเฉินก็สร้างความประหลาดใจให้กับนางมากมาตลอด แม้แต่ตอนนี้กั่วหยู่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงสามารถถามคำถามนี้ออกมาได้


"ไม่มากไม่น้อยประมาณหนึ่งแสนก้อน"

หยางเฉินตอบอย่างไม่แยแสทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่อยากจะซัดเขาซักหมัด หินจิตวิญญาณห้าธาตุหนึ่งแสนก้อนนั้นเรียกว่า 'ไม่มาก'? มีใครจะทนรับพวกสิ่งเหล่านี้ได้?

เป็นเพราะคำตอบของหยางเฉินทำให้สายตาของทุกคนเปลี่ยนจากกองหินจิตวิญญาณ มามองที่หยางเฉินแทน เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เขายักไหล่อย่างไร้ปัญหาและตอบอย่างไร้เดียงสา:

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้อาวุโสหวูเป็นหัวหน้าผู้ดูแลในหลุมดักเซียน และเขาก็เป็นผู้ดูแลมาเป็นเวลาหลายร้อยปีดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะมีหินจิตวิญญาณมากมาย เปรียบเทียบกับเม็ดยาคว้าสวรรค์มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้สึกอิจฉาโชคของหยางเฉิน พวกเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการปรุงยาของหยางเฉิน เพื่อที่จะได้รับความสำคัญจากผู้อาวุโสหวู ทั้งประมุขพระราชวัง และจูเฉินเตาตัดสินใจว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนหน้าบ้านหยางเฉินอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรื่องใดๆเลยก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะมีโชคหล่นทับบ้าง

พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่านี่เป็นแผนของหยางเฉิน ในฐานะผู้นำของนิกาย เป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขจะไม่สามารถแย่งชิงสมบัติในถ้ำอมตะของลูกศิษย์ในนิกายของเขาได้ แต่การเยี่ยมเยียนบ่อยครั้งก็ไม่ได้แปลกเกินไป ไม่ว่ากรณีใดก็เพียงพอที่จะสร้างแรงสนับสนุนนักบ่มเพาะระดับผลิดอกคนหรือสองคนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าผู้นำนิยายมาเยี่ยมพวกเขาบ่อยครั้ง สถานะของวิหารหยางอัคคีแห่งที่สอง หากมีผู้ใดต้องการมีปัญหาและมีตาอยู่บ้างอย่างน้อยก็จะลังเลก่อนที่จะมารบกวนพวกเขา

แม้ว่าประมุขพระราชวังจะขับไล่ชูเฮิงออกจากนิกายไปแล้ว และยังออกคำสั่งให้อาจารย์ของเขาเก็บตัวเป็นเวลาสิบปี เพื่อรับผิดชอบต่อความผิดพลาด มิตรสหายและเหล่าศิษย์ในวิหารจะต้องออกมาเรียกร้องอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าพวกเขาต้องมองหาโอกาสแก้แค้นหยางเฉินแม้หว่าหยางเฉินจะไม่ได้สนใจอุบายสกปรกเหล่านั้นหากพวกเขาจะต้องการต่อสู้ แต่เขาไม่ต้องการให้พวกนั้นมารบกวนอาจารย์ของเขา หรือมาทำให้อารมณ์ของเขาขุ่นมัวแบบไม่มีเหตุผล  ถ้าประมุขพระราชวังมาเยี่ยมพวกเขาบ่อยครั้ง คนที่มีตาผู้ใดเล่าจะกล้าดื้อดึงเข้ามารบกวนพวกเขา?

ยิ่งไปกว่านั้นหากประมุขพระราชวังและจูเฉินเตามาเยี่ยมเยียนพวกเขาเป็นประจำ ทุกคนรวมทั้งหยางเฉินก็สามารถเพลิดเพลินกับแสงจันทร์ก่อน เนื่องจากพวกเขาสามารถขอคำชี้แนะปัญหาการบ่มเพาะแบบใด็กได้ ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายประมุขจะปฏิเสธลูกศิษย์โดยไม่ชี้แนะให้ถูกต้องได้อย่างไร?

แม้ว่าหยางเฉินจะมีประสบการณ์บ่มเพาะจนถึงระดับอมตะทองคำ แต่นั่นก็เป็นเพียงธาตุไฟอย่างเดียว เขาไม่มีประสบการณ์ในการฝึกคุณสมบัติอื่นๆ ในระดับสูง ดั้งนั้นเขาจึงกระตือรือร้นที่จะขอคำแนะนำจากผู้คนที่นี่

“เจ้าวางแผนจะใช้ทั้งหมดกับพวกเขาที่นี่?”

เขาคิดทบทวนหลายครั้งประมุขพระราชวังก็ไม่ได้คิดเช่นกันว่าเงื่อนไขที่นี่ดีขึ้นกว่าเดิม เขาถามถึงสิ่งนี้โดยไม่คำนึงถึงและไม่ต้องรอคำตอบของเฉิน แก่นแท้จิตวิญญาณทั้งห้าธาตุสามารถปรับปรุงเส้นลมปราณ ยิ่งขยันบ่มเพาะมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ประมุขพระราชวังนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับนำไปใช้งาน แต่หลังจากทั้งหมดถูกพูดออกไป ทำให้เขาก็ยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“ ฉันขอให้ประมุขพระราชวังนำสิ่งเหล่านี้ไป”

หยางเฉินโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของประมุขพระราชวังและเขาก็ไม่ได้คิดที่จะแลกเปลี่ยนแก่นจิตวิญญาณเพื่อความประทับใจอันดีต่อผู้คนในพระราชวังหยางบริสุทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงหยิบกระเป๋าจัดเก็บอีกใบหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อส่งมอบให้กับประมุขพระราชวัง

“ นี่เป็นของขวัญศิษย์ขอมอบให้ประมุขพระราชวัง!”

เขายังมีอีก? ทุกคนคุ้นเคยกับวิธีการจัดการของหยางเฉิน แม้พวกเขายังประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย ประมุขพระราชวังสำรวจโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของเขา เขารู้สึกตกใจมากจนเขาขยับไม่ได้

ภายในกระเป๋าจัดเก็บยังมีแก่นแท้จิตวิญญาณนับแสน! หลังจากครุ่นคิดสักครู่ประมุขพระราชวังได้ตระหนักถึงความตั้งใจของหยางเฉิน เขาพยักหน้าไปทางหยางเฉินและรับกระเป๋าจัดเก็บจากหยางเฉิน


“ เนื่องจากเจ้าได้ช่วยเหลือนิกายข้าจะยกเว้นเจ้าจากการจ่ายคะแนนสะสมเพื่อเข้าสู่ศาลาลี้ลับในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในอนาคต นอกจากนี้ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเข้าสู่ศาลาลี้ลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกครั้ง!”
[ตรงนี้อย่าได้งงทำไมมันพูดซ้ำกันเยี่ยงนี้อิ้งมาเช่นนี้จริงๆ ]

“ รับทราบ ท่านประมุขพระราชวัง!”

หยางเฉินไม่ได้แสดงความขอบคุณเพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ เพื่อแลกกับแก่นจิตวิญญาณนับแสนก้อน การมีมโนธรรมชัดเจนเขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงความขอบคุณ

ประมุขพระราชวังได้รับแก่นจิตวิญญาณนับแสนก้อนก็รู้สึกมั่นใจว่าเขาสามารถระงับความไม่สมดุลภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในขณะนี้ได้ แม้ว่าหยางเฉินจะค้นพบที่นี่ด้วยตัวเอง และสร้างเป็นถ้ำอมตะของเขา แต่ก็ยังคงมีความอิจฉาริษยาจากผู้อื่นอยู่ วันนี้อาจจะเป็นเรื่องแค่นี้ แต่ในวันพรุ่งนี้อาจจะมีเรื่องอื่นอีกที่สร้างความยุ่งยากมากมาย แก่นแท้จิตวิญญาณห้าธาตุเหล่านี้เพียงพอที่จะปิดปากผู้คน

"ทุกอย่างเรียบร้อย!"

ด้วยแก่นแท้จิตวิญญาณในกระเป๋าจัดเก็บที่ประมุขพระราชวังรับมา เขาจึงเอ่ย

"อย่าลืมเตรียมห้องสำหรับข้าด้วย และห้องรับแขกสักสองสามห้องบางทีมันอาจจะมีประโยชน์!"


จากผู้แปลบก.หมู แปลแล้วแต่อารมณ์นะจ๊ะ มีฟรีทามแค่วันละ 2 ชัวโมงเอง ความล่าช้าขึ้นอยู่กับการทวงว่าถี่แค่ไหน 555+ [บก.หมู แปลแบบไม่อ่านทวนคำผิดนะบอกให้]

2 ความคิดเห็น: