ในทีแรกที่หยางเฉินนำหินจิตวิญญาณขนาดกลางหกสิบสี่ชิ้นออกมา ซ่างกวนเฟง
และหวังหยวนก็เริ่มเป็นกังวล
หินจิตวิญญาณขนาดกลางทั้งหมดหกสิบสี่กองมีขนาดเท่ากันและทุก ๆ กองมีสิบก้อน
หลังจากแลกเปลี่ยนพวกเขาเทียบมันได้เท่ากับหินจิตวิญญาณระดับต่ำหกหมื่นสี่พันก้อน
แม้ว่าจะนำทรัพย์สินของซ่างกวนเฟง
และกงซุนหลิงมารวมกันก็ยังไม่เท่ากับความมั่งคั่งนี้
แต่หยางเฉินกลับใช้ออกไปโดยไม่กระพริบตา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น
เพียงแค่ดูดซับพลังจิตวิญญาณภายในหินวิญญาณสามารถเปรียบได้ดั่งเส้นลมปราณระดับต่ำ
แต่ที่น่าแปลกใจหยางเฉินกลับนำมาใช้ในการจัดรูปแบบคาถาที่ไม่รู้จัก
แต่ทุกคนรู้ว่าหยางเฉินร่ำรวย
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใดเขาได้มีส่วนร่วมในการสกัดยาเม็ดคว้าสวรรค์ได้สำเร็จ
ผู้อาวุโสหวูไม่มีทางที่จะปฏิบัติกับหยางเฉินอย่างไม่เป็นธรรม
หินจิตวิญญาณเป็นเพียงสิ่งตอบแทนเล็กๆจากทั้งหมด ทุกคนแค่คิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หินจิตวิญญาณจำนวนมากถูกใช้ไป
แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณอันไร้ขอบเขตนี้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งทุกคนก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกต่อไป
เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นจิตวิญญาณใต้ดินนี้ไม่ต้องพูดถึงหกร้อยสี่สิบหินจิตวิญญาณระดับกลาง
แม้ว่าจะเป็นหกพันสี่ร้อยหรือหกหมื่นสี่พันก้อน นั่นก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
เส้นจิตวิญญาณชนิดนี้เพียงพอที่จะเปรียบเทียบกับแปดในสิบของพลังจิตวิญญาณในพระราชวังหยางบริสุทธิ์และมันก็จะถูกใช้เพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น
ในปัจจุบันซางกวนเฟิงและหวังหยวนไม่จำเป็นต้องถามนายของพวกเขา
พวกเขามั่นใจว่าหากพวกเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเส้นชีพจรจิตวิญญาณนี้
อาจารย์ของพวกเขาจะต้องบังคับให้พวกเขาย้ายมาที่นี่อย่างแน่นอน
แม้อาจารย์จะไม่มีโอกาสยื่นหน้าย้ายมาที่นี่
แต่ถ้าศิษย์ของพวกเขามีโอกาสแบบนี้ทำไมพวกเขาจะปฏิเสธล่ะ? พวกเขาควรย้ายมาที่นี่ทันที
ทุกคนต่างก็รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่หนาแน่นและควบคุมไม่ได้เกือบทั้งหมด
สามารถอธิบายได้ด้วยคำเดียว: ช่างฟุ่มเฟือย
นี่มันฟุ่มเฟือยมากจริงๆ
มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งและหนาแน่นมากเพียงพอสำหรับการใช้งานโดยคนหลายร้อยคน
แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใช้มัน ... คำพูดใดที่นอกเหนือจากความสิ้นเปลืองอย่างมากที่สามารถอธิบายได้
เดิมทีกั่วหยู่คิดว่าการต้องเปลี่ยนถ้ำเดิมของเธอมาอยู่ใกล้กับเส้นจิตวิญญาณนั้น
เธอไม่ได้มีความปรารถนาเช่นนั้น แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณไหลบ่าออกมาอย่างท่วมท้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเช่นเธอก็อดไม่ได้ต้องประหลาดใจ
และลึกๆเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังสัมผัสอยู่
‘นี่เรื่องจริง?’
กั่วหยู่คิดวนเวียนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ
คนอื่นๆก็รู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในอยู่ในความฝัน
หากพวกเขาเปรียบเทียบสิ่งนี้กับถ้ำดั้งเดิมของพวกเขาเปรียบได้ดั่งสายธารเล็ก ๆ
ที่สามารถดับกระหาย แต่ที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบที่พวกเขาสามารถลงไปแช่น้ำได้
แล้วมันช่างเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่เหลือเกิน
"นี้! นี้! นี่มันไม่มากไปใช่ไหม”
กั่วหยู่พูดอย่างงุ่มง่ามคำเหล่านี้เป็นการแสดงออกของความปีติยินดีผสมกับการไม่เชื่อบนใบหน้าของเธอ
ในชีวิตนี้ความปรารถนาส่วนลึกที่สุดของ หยางเฉินคือได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกั่วหยู่
และตอนนี้เป็นครั้งแรก หลังจากนี้หยางเฉินยังคงสามารถทำหลาย ๆ
อย่างเพื่อให้กั่วหยู่ดีใจ
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของ กั่วหยู่
ทำให้หยางเฉินรู้สึกว่าการทำงานหนักที่ผ่านมาของเขานั้นช่างคุ้มค่า
ในขณะที่ทุกคนตกตะลึง ตัวเขาเองก็เพลิดเพลินไปกับความสุขของอาจารย์
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ไอออกมาเพื่อปลุกคนเหล่านี้ให้เตื่นขึ้นมาจากความมึนงง
“ เราไม่ควรสร้างถ้ำอมตะก่อนเหรอ?”
หลังจากที่หยางเฉินเตือนให้ทุกคนระลึกถึงสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่
พวกเขาทุกคนถูกทำให้เคลิบเคลิ้ม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นกั่วหยู่
ดังนั้นจึงไม่มีใครขบขันเพราะทุกคนล้วนถูกทำให้ตกตะลึงงัน
หยางเฉินได้เสนอว่าควรสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ และกั่วหยู่ก็ปรบมืออนุมัติ
เธอชอบที่จะอยู่ในสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
และข้อเสนอของหยางเฉินก็ตรงกับสิ่งที่อยู่ภายในใจของเธอ
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ
และทุกคนก็มีความสามารถที่น่าทึ่งดังนั้นภายในหุบเขาขนาดเล็กจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากผ่านไปเพียงสิบวัน
บ้านต่างๆถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ศาลา ซุ้มสะพานเล็กๆบนลำธาร
ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นเหมือนคฤหาสน์ของชนชั้นสูง
ซ่างกวนเฟง
และหวังหยวนกลับมาที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์เพื่อพาข้ารับใช้ของตนเองมา
อย่างที่คาดไว้อาจารย์ของพวกเขาผลักดันพวกเขาอย่างรีบเร่ง
เมื่อบ้านถูกสร้างขึ้นแม้แต่ประมุขและผู้ดูแลหอโอสถจูเฉินเตาก็รีบไปที่นั่นเพื่อแสดงความยินดี
หยางเฉินไม่ได้วางแผนที่จะปกปิดมันจากประมุขพระราชวัง และคนรู้จักอื่นๆของเขา
เมื่อพวกเขาผ่านม่านคาถาแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับผลิดอกและก่อลำต้นก็ไม่อาจเก็บกริยาเอาไว้ได้
เมื่อได้สัมผัสพลังจิตวิญญาณภายในค่ายอาคม ปากของพวกเขาก็เปิดกว้างเพราะความตกใจ
"นี่เป็นเส้นลมปราณที่เจ้าพบ?"
ประมุขพระราชวังได้สติอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าน้ำลายในปากของเขาแทบจะไหลเพราะความชื่นชม แต่เขาก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว
"ใช้แล้ว ท่านประมุข!"
ในฐานะที่กั่วหยู่อาวุโสที่สุดในหมู่พวกเขา
เธอจึงตอบคำถามประมุขพระราชวังและจากนั้นเธอก็ถามเขาด้วยรอยยิ้ม
"จะบอกว่าในตอนนี้ท่านประมุขรู้สึกเสียใจหรือ? ไม่เช่นท่านประมุขต้องการมาอยู่ที่นี่ไหม?"
"มันเป็นผลกรรมของพวกเจ้า
ที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวพวกมันเอาไว้ได้" [บุ๋งๆ งงๆ]
ประมุขพระราชวังรู้สึกตาร้อนมาก
แต่เขาก็ยังคงส่ายศีรษะและปฏิเสธคำเชิญที่สุภาพของกั่วหยู่ หลังจากที่ใจเย็นลง
ประมุขพระราชวังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในใจ
ในท้ายที่สุดสถานที่นี้ก็ถูกใช้โดยสาวกวังหยางบริสุทธิ์
และยิ่งกว่านั้นในสองคนนั้นก็มีความสามารถมากที่สุด หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้มีความสามารถในรอบร้อยปี
ดังนั้นไม่ว่าจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังคงเป็นประโยชน์ต่อพระราชวังหยางบริสุทธิ์อยู่ดี
ประมุขพระราชวังมองดูช่วงเวลาที่ดีนี้ และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ไม่ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตหรือไม่เขาไม่สน แต่พลังจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ที่นี่พร้อมกับการผนึกคาถาที่ถูกต้องนั้น
เกือบทุกคนสามารถบ่มเพาะพลังลมปราณเหล่านี้ได้ ในเมื่อมันอยู่ในพระราชวัง
นี่จะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงเหล่าศิษย์หลักที่อยู่ด้านในสุด
แต่ที่นี่แม้แต่ข้ารับใช้ก็สามารถเข้าถึงได้
"ที่นี่มีชื่อหรือยัง?"
หลังจากที่เห็นคุณค่าของมัน
เป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขพระราชวังจะอดถามไม่ได้
"ข้ากำลังจะขอให้ประมุขพระราชวังมอบชื่อให้!”
กงซุนหลิงต้องการเอาใจประมุขพระราชวังด้วยการมอบสิทธิอำนาจให้เขา
"เช่นนั้น เนื่องจากเจ้ามาจากวิหารหยางอัคคี
เราสามารถเรียกที่นี่ง่าย ๆ ว่า วิหารหยางอัคคีแห่งที่สองได้!"
ประมุขพระราชวังแสดงออกอย่างจริงใจ
และหลังจากไตร่ตรองเล็กน้อยเขาก็พบชื่อนี้
ดังนั้นจึงเอ่ยชื่อนี้ออกมากับหยางเฉินและกงซุนหลิง
"หยางเฉิน กงซุนหลิง นี่เป็นถ้ำอมตะของเจ้าทั้งสองคน
ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้า เจ้าต้องการจะเอ่ยอะไรสำหรับโอกาสนี้หรือไม่?"
[ประหนึ่งงานแต่งงาน]
"ขอบคุณท่านประมุขที่มอบชื่อนี้ให้อย่างมาก!"
กงซุนหลิงเพียงโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ประมุขพระราชวังพยักหน้าเล็กน้อยแสดงท่าทีไม่ต้องสุภาพจนเกินไป
แต่การจ้องมองเขาจดจ่ออยู่กับหยางเฉิน
ทุกคนรู้ว่าหยางเฉินเป็นคนที่ค้นพบเส้นจิตวิญญาณนี้ดังนั้นประมุขพระราชวังจึงกระตือรือร้นที่จะรู้ว่าหยางเฉินจะพูดอะไร
"ศิษย์ผู้นี้มีเรื่องขอท่านประมุขซักเล็กน้อย!"
หยางเฉินเผชิญหน้ากับประมุขพระราชวังอย่างไม่สนใจความสูงต่ำของระดับของพวกเขา
และร้องขออย่างเช่นญาติสนิท
"เรื่องอะไร?"
ประมุขพระราชวังถามอย่างสงสัย
"ศิษย์ได้รับหินจิตวิญญาณห้าธาตุบางอย่างจากในหลุมดักเซียน
และกำลังจะขอให้ประมุขพระราชวังช่วยจัดการกับมัน!”
ในขณะที่พูดกระเป๋าของจัดเก็บปรากฎในมือของหยางเฉิน
แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นของใครที่เขาฆ่า
เมื่อเขาเปิดกระเป๋าจัดเก็บหินจิตวิญญาณก็ไหลออกมาจากข้างใน
"นี่!"
เมื่อมองไปที่กองหินจิตวิญญาณขนาดมหึมาเหล่านี้ทุกคนในที่นั้น
ดั่งถูกรากหยั่งลึกลงไปในดิน เหมือนถูกผนึกไว้ ไม่มีใครสามารถเคลื่อนไหวได้
สายตาของพวกเขาทั้งหมดถูกดึงไปทางกองหินจิตวิญญาณที่อยู่บนพื้นและพวกเขาไม่สามารถละสายตาออกไปได้
พวกเขาทั้งหมดล้วน
แต่งงงวยอย่างสมบูรณ์แม้แต่ประมุขพระราชวังก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปที่หลุมดักเซียน แต่เขาก็รู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของหินจิตวิญญาณทั้งห้าธาตุและยังเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของหินจิตวิญญาณทั้งห้าธาตุ
แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเพิ่มระดับของได้โดยการใช้เพิ่มพลังจิตวิญญาณ!
แม้แต่ประมุขพระราชวังก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อมองดูกองหินจิตวิญญาณขนาดใหญ่ในเวลานี้
ประมุขพระราชวังเคยเห็นหินจิตวิญญาณ และเขาก็เคยใช้มันเช่นกัน
แต่เขาไม่เคยเห็นมากมายขนาดนี้มาก่อน
ศิษย์ขั้นก่อสร้างรากฐานผู้ใดเล่าจะสามารถมีหินจิตวิญญาณมาครอบครองหลายหมื่นก้อนเช่นนี้? โดยทั่วไปแล้วเหล่าศิษย์จะจับกลุ่มกันสองถึงสามคน
และใช้เวลาสิบปีที่หลุมดักเซียน พวกเขาสามารถนำหินจิตวิญญาณมาได้แค่ห้าหมื่นหรือมากกว่านั้น
ซึ่งพวกเขาจะนำมาให้ทุกคนดูดซับเส้นลมปราณ แต่หยางเฉินอยู่เพียงขั้นรวบรวมลมปราณ
ในเวลานั้นกลับนำกองหินจิตวิญญาณกลับมาได้กองใหญ่จนน่าประหลาดใจ?
[ถ้ามันงงๆ โปรดทำใจเพราะผู้แปลก็งงๆเหมือนกัน]
เมื่อมองดูกองวิญญาณขนาดใหญ่บนพื้นดิน
จากสายตาพวกเขาคาดว่าจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นแน่นอนหรืออาจมากกว่าหนึ่งแสนก้อน
สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมากก็คือ
หินห้าธาตุเหล่านี้ซึ่งเป็นสมบัติที่นักบ่มเพาะทุกคนต้องการ
ถูกนำมากองไว้บนพื้นดินได้อย่างไร้การเหลียวแลโดยหยางเฉิน นอกจากนั้นกระเป๋าจัดเก็บในมือของหยางเฉินก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นของนักบ่มเพาะคนใด
แล้วมันยังเป็นกระเป๋าจัดเก็บที่มีคุณภาพดีเยี่ยมอีกด้วย
หญ้าจากอีกด้านหนึ่งของรั้วมักจะดูเขียวกว่า
แม้แต่ประมุขพระราชวังก็ยังอดชื่นชมหยางเฉินไม่ได้
เขาไม่สามารถกดข่มความรู้สึกนี้ลงไปได้ ความเข้มแข็งของหินจิตวิญญาณเหล่านี้
ถ้ามีใครใช้หินจิตวิญญาณห้าธาตุเหล่านี้ในการบ่มเพาะ
ยี่สิบคนรวมถึงคนรับใช้ก็ยังดีกว่าผู้อาวุโสนิกายสูงสุด!
เป็นครั้งที่สองที่ประมุขพระราชวังต้องสวดหยางเฉินเสียงดังลั่น
ที่นี่มีเส้นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เขายังต้องใช้หินจิตวิญญาณมากมายขนาดนี้? เขาต้องการจะทำอะไรกับโลกใบนี้?
"นี่มันจำนวนเท่าไรกัน?"
กั่วหยู่ก็ตะลึงงันไปเช่นกัน
แต่เมื่อพูดถึงแล้วหยางเฉินก็สร้างความประหลาดใจให้กับนางมากมาตลอด
แม้แต่ตอนนี้กั่วหยู่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงสามารถถามคำถามนี้ออกมาได้
"ไม่มากไม่น้อยประมาณหนึ่งแสนก้อน"
หยางเฉินตอบอย่างไม่แยแสทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่อยากจะซัดเขาซักหมัด
หินจิตวิญญาณห้าธาตุหนึ่งแสนก้อนนั้นเรียกว่า 'ไม่มาก'? มีใครจะทนรับพวกสิ่งเหล่านี้ได้?
เป็นเพราะคำตอบของหยางเฉินทำให้สายตาของทุกคนเปลี่ยนจากกองหินจิตวิญญาณ
มามองที่หยางเฉินแทน
เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เขายักไหล่อย่างไร้ปัญหาและตอบอย่างไร้เดียงสา:
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้อาวุโสหวูเป็นหัวหน้าผู้ดูแลในหลุมดักเซียน และเขาก็เป็นผู้ดูแลมาเป็นเวลาหลายร้อยปีดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะมีหินจิตวิญญาณมากมาย
เปรียบเทียบกับเม็ดยาคว้าสวรรค์มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้สึกอิจฉาโชคของหยางเฉิน
พวกเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการปรุงยาของหยางเฉิน
เพื่อที่จะได้รับความสำคัญจากผู้อาวุโสหวู ทั้งประมุขพระราชวัง
และจูเฉินเตาตัดสินใจว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนหน้าบ้านหยางเฉินอีกครั้ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรื่องใดๆเลยก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะมีโชคหล่นทับบ้าง
พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่านี่เป็นแผนของหยางเฉิน ในฐานะผู้นำของนิกาย
เป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขจะไม่สามารถแย่งชิงสมบัติในถ้ำอมตะของลูกศิษย์ในนิกายของเขาได้
แต่การเยี่ยมเยียนบ่อยครั้งก็ไม่ได้แปลกเกินไป
ไม่ว่ากรณีใดก็เพียงพอที่จะสร้างแรงสนับสนุนนักบ่มเพาะระดับผลิดอกคนหรือสองคนได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้าผู้นำนิยายมาเยี่ยมพวกเขาบ่อยครั้ง สถานะของวิหารหยางอัคคีแห่งที่สอง
หากมีผู้ใดต้องการมีปัญหาและมีตาอยู่บ้างอย่างน้อยก็จะลังเลก่อนที่จะมารบกวนพวกเขา
แม้ว่าประมุขพระราชวังจะขับไล่ชูเฮิงออกจากนิกายไปแล้ว
และยังออกคำสั่งให้อาจารย์ของเขาเก็บตัวเป็นเวลาสิบปี
เพื่อรับผิดชอบต่อความผิดพลาด
มิตรสหายและเหล่าศิษย์ในวิหารจะต้องออกมาเรียกร้องอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าพวกเขาต้องมองหาโอกาสแก้แค้นหยางเฉินแม้หว่าหยางเฉินจะไม่ได้สนใจอุบายสกปรกเหล่านั้นหากพวกเขาจะต้องการต่อสู้
แต่เขาไม่ต้องการให้พวกนั้นมารบกวนอาจารย์ของเขา
หรือมาทำให้อารมณ์ของเขาขุ่นมัวแบบไม่มีเหตุผล
ถ้าประมุขพระราชวังมาเยี่ยมพวกเขาบ่อยครั้ง
คนที่มีตาผู้ใดเล่าจะกล้าดื้อดึงเข้ามารบกวนพวกเขา?
ยิ่งไปกว่านั้นหากประมุขพระราชวังและจูเฉินเตามาเยี่ยมเยียนพวกเขาเป็นประจำ
ทุกคนรวมทั้งหยางเฉินก็สามารถเพลิดเพลินกับแสงจันทร์ก่อน
เนื่องจากพวกเขาสามารถขอคำชี้แนะปัญหาการบ่มเพาะแบบใด็กได้
ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายประมุขจะปฏิเสธลูกศิษย์โดยไม่ชี้แนะให้ถูกต้องได้อย่างไร?
แม้ว่าหยางเฉินจะมีประสบการณ์บ่มเพาะจนถึงระดับอมตะทองคำ
แต่นั่นก็เป็นเพียงธาตุไฟอย่างเดียว เขาไม่มีประสบการณ์ในการฝึกคุณสมบัติอื่นๆ
ในระดับสูง ดั้งนั้นเขาจึงกระตือรือร้นที่จะขอคำแนะนำจากผู้คนที่นี่
“เจ้าวางแผนจะใช้ทั้งหมดกับพวกเขาที่นี่?”
เขาคิดทบทวนหลายครั้งประมุขพระราชวังก็ไม่ได้คิดเช่นกันว่าเงื่อนไขที่นี่ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาถามถึงสิ่งนี้โดยไม่คำนึงถึงและไม่ต้องรอคำตอบของเฉิน
แก่นแท้จิตวิญญาณทั้งห้าธาตุสามารถปรับปรุงเส้นลมปราณ
ยิ่งขยันบ่มเพาะมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ประมุขพระราชวังนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับนำไปใช้งาน แต่หลังจากทั้งหมดถูกพูดออกไป
ทำให้เขาก็ยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ ฉันขอให้ประมุขพระราชวังนำสิ่งเหล่านี้ไป”
หยางเฉินโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของประมุขพระราชวังและเขาก็ไม่ได้คิดที่จะแลกเปลี่ยนแก่นจิตวิญญาณเพื่อความประทับใจอันดีต่อผู้คนในพระราชวังหยางบริสุทธิ์อยู่แล้ว
ดังนั้นเขาจึงหยิบกระเป๋าจัดเก็บอีกใบหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เพื่อส่งมอบให้กับประมุขพระราชวัง
“ นี่เป็นของขวัญศิษย์ขอมอบให้ประมุขพระราชวัง!”
เขายังมีอีก? ทุกคนคุ้นเคยกับวิธีการจัดการของหยางเฉิน แม้พวกเขายังประหลาดใจ
แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย ประมุขพระราชวังสำรวจโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของเขา เขารู้สึกตกใจมากจนเขาขยับไม่ได้
ภายในกระเป๋าจัดเก็บยังมีแก่นแท้จิตวิญญาณนับแสน!
หลังจากครุ่นคิดสักครู่ประมุขพระราชวังได้ตระหนักถึงความตั้งใจของหยางเฉิน
เขาพยักหน้าไปทางหยางเฉินและรับกระเป๋าจัดเก็บจากหยางเฉิน
“
เนื่องจากเจ้าได้ช่วยเหลือนิกายข้าจะยกเว้นเจ้าจากการจ่ายคะแนนสะสมเพื่อเข้าสู่ศาลาลี้ลับในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในอนาคต
นอกจากนี้ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเข้าสู่ศาลาลี้ลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกครั้ง!”
[ตรงนี้อย่าได้งงทำไมมันพูดซ้ำกันเยี่ยงนี้อิ้งมาเช่นนี้จริงๆ ]
“ รับทราบ ท่านประมุขพระราชวัง!”
หยางเฉินไม่ได้แสดงความขอบคุณเพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
เพื่อแลกกับแก่นจิตวิญญาณนับแสนก้อน
การมีมโนธรรมชัดเจนเขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงความขอบคุณ
ประมุขพระราชวังได้รับแก่นจิตวิญญาณนับแสนก้อนก็รู้สึกมั่นใจว่าเขาสามารถระงับความไม่สมดุลภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในขณะนี้ได้
แม้ว่าหยางเฉินจะค้นพบที่นี่ด้วยตัวเอง และสร้างเป็นถ้ำอมตะของเขา
แต่ก็ยังคงมีความอิจฉาริษยาจากผู้อื่นอยู่ วันนี้อาจจะเป็นเรื่องแค่นี้
แต่ในวันพรุ่งนี้อาจจะมีเรื่องอื่นอีกที่สร้างความยุ่งยากมากมาย
แก่นแท้จิตวิญญาณห้าธาตุเหล่านี้เพียงพอที่จะปิดปากผู้คน
"ทุกอย่างเรียบร้อย!"
ด้วยแก่นแท้จิตวิญญาณในกระเป๋าจัดเก็บที่ประมุขพระราชวังรับมา เขาจึงเอ่ย
"อย่าลืมเตรียมห้องสำหรับข้าด้วย
และห้องรับแขกสักสองสามห้องบางทีมันอาจจะมีประโยชน์!"
จากผู้แปลบก.หมู แปลแล้วแต่อารมณ์นะจ๊ะ มีฟรีทามแค่วันละ 2
ชัวโมงเอง ความล่าช้าขึ้นอยู่กับการทวงว่าถี่แค่ไหน 555+ [บก.หมู
แปลแบบไม่อ่านทวนคำผิดนะบอกให้]
eiei
ตอบลบ😍😍😍ขอบคุณครับ😍😍😍
ตอบลบ