EGT 161 หลอก (1)
เมื่อเห็นว่าเฉินหยานเซียวนั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด
ๆ นักกระบี่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นกลัวเขา อารมณ์ของเขาเริ่มหึกเหิมขึ้นในทันที
“ส่งมอบป้ายบนพื้นมาให้ข้า”
นักกระบี่พูดออกไป
เฉินหยานเซียวเลิกคิ้วดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้ตั้งใจที่จะได้รับผลประโยชน์โดยไม่เจ็บปวด
แต่…..
พวกเขากล้าที่จะอยากได้ของเธอและข่มขู่เธอ? คนกลุ่มนี้อยากฆ่าตัวตายหรือไม่?
“มันน่ารำคาญเมื่อเจ้าไม่มีทักษะหรือเคล็ดวิชาของโจร”
เฉินหยานเซียวมองไปที่ดวงตาของนักกระบี่ที่โลภ
ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้กลุ่มคนไร้เดียงสาโง่เขลากลุ่มนี้เสียใจ
"เจ้าพูดว่าอะไร!?"
นักดาบไม่ได้คาดหวังว่าเด็กน้อยคนนี้จะตอบกลับเช่นนี้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มในทันที
เป็นเพียงแค่นักปรุงยาตัวน้อย
ยังกล้าพูดกับเขาแบบนั้น!
นักกระบี่บิดข้อมือของเขาและกระบี่ยาวในมือของเขาบินไปที่คอของเฉินหยานเซียวในทันที
ผมของเฉินหยานเซียว ขาดหายไปในพริบตา
“เด็กน้อยข้าขอแนะให้เจ้าซื่อสัตย์มากขึ้น
มิฉะนั้นข้าก็จะไม่เมตตาเจ้า” นักกระบี่มองเฉินหยานเซียวที่นิ่งเฉยอย่างเยาะเย้ย
และคิดว่าเธอคงรู้สึกกลัวจนทำอะไรโง่ ๆ ออกมา
ศิษย์นักปรุงยาเป็นกลุ่มคนขี้ขลาดใจเสาะ
เด็กน้อยก็แค่กลัวเขานิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ก็แข็งไปหมดแล้ว
เฉินหยานเซียวเหลือบตามองไปที่เส้นผมที่ร่วงหล่นบนพื้นคิ้วของเธอย่นเล็กน้อย
มีใครเคยบอกคนโง่บ้างไหมว่าผมของผู้หญิงเป็นใบหน้าที่สองของผู้หญิง?
ส่งเขาไปลงนรก
อาจเป็นเหตุผลที่ดี
นักกระบี่ไม่รู้ว่าความตายของเขากำลังจะมาถึง
เขาหันหน้าไปหาสหายและเผยความภาคภูมิใจออกมา ในขณะที่เดียวกันนั้น
เขาไม่เห็นมือเล็ก ๆ ของเฉินหยานเซียวกำลังทำสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็ว
เมื่อนักกระบี่ต้องการกลับมาสอนบทเรียนต่อไป
แต่ในขณะนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะโดนหินก้อนโตทุบ
เมื่อตลอดร่างกายทั้งหมดไม่ตอบสนอง เหมือนมีเสียงของวัตถุที่ตกลงไปในน้ำ
ร่างกายของเขากระแทกกับพื้น แขนขาทั้งสี่ของเขาแผ่กว้างออกมา
พลังที่มองไม่เห็นดูเหมือนจะอยู่ในร่างกายของเขา
เขานอนลงอยู่กับพื้นหญ้าและแม้แต่การหายใจของเขาก็กลายเป็นเรื่องยาก
มือของเขาตกลงไปกับพื้น อย่าพูดถึงการกำดาบแม้แต่นิ้วของเขาก็ขยับไม่ได้
ความแข็งแกร่งของร่างกายทั้งหมดของเขาหมดไปในทันที
ภายในหัวของนักกระบี่ส่งเสียงหึ่งและสายตาของเขาก็หมองมัว เขาเห็นแต่เพียงนักปรุงยาตัวน้อยที่กำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว
ถึงในตอนนี้
เขาก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายของเขา ในชั่วพริบตา
เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?
เฉินหยานเซียวรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งหลังจากเห็นผลของเคล็ดวิชาคำสาปของเธอ
นักกระบี่ที่มีความแข็งแกร่งสูงกว่าเธอไม่น้อยกว่าห้าระดับ
ผลของคำสาปล่มสลายได้ถูกนำไปสู่จุดสูงสุด
ไม่เพียงแต่จะยับยั้งการกระทำของคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์
แต่มันเปลี่ยนนักกระบี่ให้กลายเป็นโคลนโดยตรง
บางคนมาหาเธอและให้โอกาสเธอในการทดลองคำสาปของเธอ
เธอจะปฏิเสธได้ยังไง
เมื่อเห็นสหายร่วมกลุ่มของพวกเขาล้มลงไปบนพื้น
พวกเขาที่อยู่ห่างออกมาใจหายในทันที
“เขาเป็นอะไรไป?
นักธนูผู้ถือธนูและลูกธนู หันไปถามสหายร่วมกลุ่ม
สถานการณ์ของนักกระบี่นั้นแปลกเกินไป เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างไม่มีที่ติ
ทำไมเขาถึงได้นอนลยไแบนพื้นในทันที
“ข้าก็ไม่แน่ใจ
เราจะไปดูหรือเปล่า” นักดาบลังเล
ฉากที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนพวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ
EGT 162 หลอก (2)
ชายสี่คนยังคงนอนหลับอยู่บนพื้นอย่างเงียบ
ๆ นักกระบี่ถูกล้อมรอบด้วยศิษย์นักปรุงยาตัวเล็ก ๆ
ที่ดูอ่อนแอซึ่งดูเหมือนจะล้มลงด้วยเพียงเสียงลมพัด
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเฝ้าดูอีกด้านหนึ่งและนักปรุงยาตัวเล็กกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเงียบ
ๆ และมั่นคง นอกเหนือจากการถูมืออย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความกังวลใจ มันไม่มีสัญญาณของการโจมตีเลย
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่
เขาจะมีอาการป่วยอย่างลมบ้าหมู?เพราะคนสี่คนนั้นอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
พวกเขาไม่ได้ค้นพบว่ามือของเฉินหยานเซียวนั้นเคลื่อนไหวอย่างไรและนักกระบี่ก็บังเฉินหยานเซียวไว้ส่วนหนึ่ง
ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะไม่นึกคิดว่านักปรุงยาตัวน้อยที่พวกเขาพยายามจะปล้นนั้นเปิดใช้งานเวทอาคมระดับสูงของนักเวทมนต์ดำ!
ใช่ เฉินหยานเซียว
ผู้เรียนรู้เคล็ดวิชาผสานคำสาปห้าระดับ เธอได้มาถึงระดับของนักเวทมนต์ดำอาวุโสแล้ว
แต่เธอยังไม่ค่อยมีความเข้าใจในทักษะเวทและไม่มีใครนำทางเธอได้อย่างเหมาะสม เธอยังมีความไม่แน่ใจอยู่บ้าง
ในความเป็นจริง
เฉินหยานเซียวคิดเพียงแค่ว่าเธอเพิ่งเข้าเข้าสู่เส้นทางของนักเวทมนต์ดำ
เธอรู้สึกว่าเธอยังเป็นนักเวทมนต์ดำฝึกหัดอยู่
เด็กหนุ่มทั้งสี่คนไม่พบสิ่งผิดปกติ
พวกเขาแค่คิดแต่เพียงว่านักกระบี่ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยกะทันหันของเขา
เด็กหนุ่มที่เป็นหมอเวทของกลุ่ม
ถูกกระตุ้นจากสมาชิกคนอื่นให้เข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ของนักกระยี่
ในขณะที่นักธนูยังคงเล็งลูกธนูไปที่เฉินหยานเซียว
เพื่อไม่ให้เฉินหยานเซียวตะโกนปลุกสหายร่วมกลุ่มคนอื่นของเธอ
หมอเวทพร้อมด้วยไม้คทาในมือ
เขาก็ค่อย ๆ เดินไปด้านข้างของนักกระบี่ เขามองดูรอยยิ้มของเฉินหยานเซียว
อย่างระมัดระวังและไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ในท้ายที่สุด
อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นเด็กน้อยอายุเพียงสิบสามปี
นักปรุงยาที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ด้วยอายุยังน้อย
เขาย่อมเป็นน้องใหม่และยังไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักปรุงยาอย่างเป็นทางการ
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเด็กน้อยจะมียาพิษเพื่อป้องกันตัว
หลังจากที่หมอเวทได้ตัดสินว่าเฉินหยานเซียวไม่ใช่ภัยคุกคาม
เขาก็ก้มลงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของนักกระบี่
สิ่งที่หมอเวทเห็น มันทำให้เขาประหลาดใจ!
ใบหน้าของนักกระบี่เป็นสีเหลือง
เขาอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวพร้อมกับมุมปากของเขาที่เกิดฟอง
อย่างไรก็ตามก่อนที่หมอเวทจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด
ๆ ความกดดันมหาศาลก็แผ่กระจายไปทั่วร่างของเขาในทันที
เพียงได้ยินเสียงกระหน่ำลงบนตัว
เช่นเดียวกับนักกระบี่
หมอเวทผู้เคราะห์ร้ายก็ล้มลงไปนอรบนพื้นและยิ่งแย่กว่านักกระบี่
ใบหน้าของเขาถูกฝังอยู่ในพื้นดิน
อีกสามคนที่อยู่ในระยะไกลต่างก็จ้องเขม็งไปที่หมอเวทอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
คนสองคนที่มีร่างกายปกติดีเพียงแค่เดินไปที่นั่น
พวกเขาพากันล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นในทันทีได้อย่างไร
พวกเขาไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น!
"นี่ไม่ดี
มันจะต้องเป็นไปได้ว่าคนสี่คนที่นอนอยู่ เพียงแค่แกล้งทำเป็นหลับ
บางทีพวกเขาอาจใช้กลอุบายที่มีเสทอาคมบนพื้นดินและใช้ตราสัญลักษณ์นั้นเพื่อล่อลวงเรา
ศิษย์จากสาขาปรุงยากำลังตกอยู่ในภาวะหนาวเย็นในสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้
เขามีความกล้าน้อยในการเผชิญกับสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนั้น
เขารู้สึกว่าตัวเขาสั่นสะท้าน ความเย็นแผ่ไปตามกระดูกสันหลังของเขา
คำพูดของเขาก็สะท้อนกับอีกสองคน
ตอนนี้พวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายใต้ท้องฟ้าสีครามสดใส
กลุ่มนั้นจริง ๆ แล้วเพียงแค่แกล้งนอนบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เช่นนี้
นอกจากนี้พวกเขาวางป้ายบนหญ้าอย่างโจ่งแจ้งราวกับเชิญผู้คนมารับพวกมัน
เห็นได้ชัดว่านี่คือกับดัก!
EGT 163 หลอก (3)
ยิ่งคนสามคนคิดในเรื่องนี้มากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกกลัว
ในที่สุดพวกเขาก็พบว่านี่เป็นกับดักอย่างแน่นอน
ทั้งสามคนก็ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือสหายร่วมกลุ่มทั้งสองของพวกเขาและหันหลังกลับและวิ่งหนีเพื่อชีวิตของพวกเขาเอง
พวกเขากลัวอย่างสุดซึ้งว่าชายสี่คนที่นอนอยู่บนพื้นจะกระโดดขึ้นมาจับพวกเขาในทันที
เฉินหยานเซียวมองดูด้วยความสับสนในขณะที่ศิษย์ทั้งสามวิ่งหนีออกไป
จนถึงจุดที่พวกเขาจากมา เธอแตะจมูกของเธออย่างไม่เบิกบาน
แค่นี้?
เธอพร้อมที่จะรับตราเพิ่มอีกสักสองสามป้าย
เธอแน่ใจว่าเธอปกปิดซ่อนมือของเธออย่างดี
เมื่อเธอทำสัญลักษณ์มือ
อีกฝ่ายจะไม่ค้นพบว่าคนสองคนนั้นถูกทำให้ล้มลงบนพื้นอย่างจงใจ แต่…
ทำไมพวกเขาถึงวิ่งออกไป!
สามป้ายเพิ่งหนีออกไปจากมือของเธอ
เฉินหยานเซียวลูบคางของเธอด้วยมือเดียว เธอหยิบกิ่งไม้จากพื้นดินแล้วสะบัดอย่างไร้ความปราณีไปที่มุมปากที่มีฟองของนักดาบ
“เจ้ากล้าปล้นปู่น้อยผู้นี้”
“เจ้ากล้าที่จะอวดดี”
“เจ้าไม่สามารถแยกแยะความดีจากความไม่ดีได้”
“เจ้าทำให้พวกโจรเสียหน้า”
ใบหน้าของนักดาบนั้นถูกกิ่งไม้ฟาดอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า
จนเขามีใบหน้าที่น่าเกลียด จนตอนนี้มีร่องรอยจุดสีแดงขึ้นทั่วใบหน้าของเขา
เฉินหยานเซียว
ถอนหายใจด้วยความเบื่อ จ้องมองไปที่ไข่ไร้โชคทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้น
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายผุดออกมาจากแววตาของเธอ
เธอร่ายคำสาปภาพลวงตาไปที่หมอเวทที่อ่อนแอ จากนั้นก็ถอนคำสาปล่มสลายของคนสองคนออก
เธอก็ทิ้งคำสาปเฉื่อยชาไว้บนร่างของนักกระบี่เพื่อที่จะจำกัดการกระทำของเขา
นักกระบี่ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง
เพียงเพื่อจะรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่างกายของเขา
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นเขาพบว่าหมอเวทของกลุ่มนั่งไขว่ขา
และที่สำคัญกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าร่างของเขาเปลือยเปล่าไปตั้งแต่ตอนไหน!
“เจ้า…เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!”
นักกระบี่จ้องไปที่หมอเวทอย่างไม่น่าเชื่อ หมอเวทที่กำลังนั่งอยู่บนร่างของเขา
เขาดูสยองขวัญด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของหมอเวท
“เฮ้…”
ใบหน้าธรรมดาของหมอเวทเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ เขาสัมผัสมือของนักกระบี่อย่างมีเสน่ห์
“อา! อ่า! อ่า
!!” นักกระบี่ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาในทันที
เฉินหยานเซียวนั่งดูเงียบ
ๆ และดูหมอเวทที่ถูกควบคุมโดยภาพลวงตา เหมือนสัตว์ร้ายที่โกรธ
มือของเขาฟาดลงไปที่ร่างของนักกระบี่
เสียงคร่ำครวญที่น่ากลัวดังออกมาจากปากของนักกระบี่
แขนขาทั้งสี่ของเขาหนักราวกับว่าพวกมันเป็นโลหะตะกั่วบางทีอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ฝ่ามาจนถึงครึ่งวัน
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถผลักหมอเวทออกไปจากร่างกายของเขาได้
เมื่อเห็นว่ามือของหมอเวทกำลังเข้ามาใกล้ส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์
ดวงตาที่โกรธแค้นของนักกระบี่ก็พร่ามัว
เฉินหยานเซียวเตะนักกระบี่ที่น่าเบื่อออกไปแล้ว
ถอนคำสาปภาพลวงตาออกจากร่างของหมอเวท
หมอเวทหลังจากต้องเผชิญกับคำสาปทั้งสองรวมกัน
เขาจึงหมดสติล้มลงบนร่างนักกระบี่ในทันที
จนกระทั่งบ่าย ชายสี่คนที่หลับเหมือนหมูตาย
ในที่สุดก็ลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้านจากพื้น
แต่เมื่อพวกเขากำลังจะลุกขึ้นยืนพวกเขาเห็นชายสองคนนุ่งน้อยห่มน้อยและนอนกอดกันอย่างไร้ยางอาย
การแสดงออกของคนสี่คนนั้นบิดเบี้ยวในทันที
‘เสี่ยวจิว…เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ถังนาจื่อสั่นเทาชี้นิ้วที่สั่นเทาของเขาไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่นอนกอดกันอยู่
เขาเพิ่งนอนหลับตื่นขึ้นมาหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาก็ได้เป็นพยาน ***!
“ ข้าไม่รู้
ข้าเพิ่งตื่น…” เฉินหยานเซียวยักไหล่ ใบหน้าของเธอดูจะแทนคำพูดที่ว่า
“ข้าไร้เดียงสาและข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งใด ๆ”
“อ๊ะ!
ศิษย์ในโรงเรียนของเราตอนนี้กล้าหาญมาก!
อย่างไม่น่าเชื่อในเวลากลางวันภายใต้สายตาของสวรรค์และโลกกล้าทำสิ่งนั้นจริง ๆ !”
ถังนาจื่อไม่สามารถทนที่จะมองตรงไปที่ศิษย์สองคน เขาทำได้เพียงแค่ซ่อนใบหน้าของเขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น