เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

EGT 161-163 หลอก




EGT 161 หลอก (1)


เมื่อเห็นว่าเฉินหยานเซียวนั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ นักกระบี่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นกลัวเขา อารมณ์ของเขาเริ่มหึกเหิมขึ้นในทันที

ส่งมอบป้ายบนพื้นมาให้ข้า” นักกระบี่พูดออกไป

เฉินหยานเซียวเลิกคิ้วดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้ตั้งใจที่จะได้รับผลประโยชน์โดยไม่เจ็บปวด

แต่…..

พวกเขากล้าที่จะอยากได้ของเธอและข่มขู่เธอ? คนกลุ่มนี้อยากฆ่าตัวตายหรือไม่?

มันน่ารำคาญเมื่อเจ้าไม่มีทักษะหรือเคล็ดวิชาของโจร” เฉินหยานเซียวมองไปที่ดวงตาของนักกระบี่ที่โลภ ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้กลุ่มคนไร้เดียงสาโง่เขลากลุ่มนี้เสียใจ

"เจ้าพูดว่าอะไร!?" นักดาบไม่ได้คาดหวังว่าเด็กน้อยคนนี้จะตอบกลับเช่นนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มในทันที

เป็นเพียงแค่นักปรุงยาตัวน้อย ยังกล้าพูดกับเขาแบบนั้น!

นักกระบี่บิดข้อมือของเขาและกระบี่ยาวในมือของเขาบินไปที่คอของเฉินหยานเซียวในทันที ผมของเฉินหยานเซียว ขาดหายไปในพริบตา

เด็กน้อยข้าขอแนะให้เจ้าซื่อสัตย์มากขึ้น มิฉะนั้นข้าก็จะไม่เมตตาเจ้า” นักกระบี่มองเฉินหยานเซียวที่นิ่งเฉยอย่างเยาะเย้ย และคิดว่าเธอคงรู้สึกกลัวจนทำอะไรโง่ ๆ ออกมา

ศิษย์นักปรุงยาเป็นกลุ่มคนขี้ขลาดใจเสาะ เด็กน้อยก็แค่กลัวเขานิดหน่อย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ก็แข็งไปหมดแล้ว

เฉินหยานเซียวเหลือบตามองไปที่เส้นผมที่ร่วงหล่นบนพื้นคิ้วของเธอย่นเล็กน้อย

มีใครเคยบอกคนโง่บ้างไหมว่าผมของผู้หญิงเป็นใบหน้าที่สองของผู้หญิง?

ส่งเขาไปลงนรก อาจเป็นเหตุผลที่ดี

นักกระบี่ไม่รู้ว่าความตายของเขากำลังจะมาถึง เขาหันหน้าไปหาสหายและเผยความภาคภูมิใจออกมา ในขณะที่เดียวกันนั้น เขาไม่เห็นมือเล็ก ๆ ของเฉินหยานเซียวกำลังทำสัญลักษณ์มืออย่างรวดเร็ว

เมื่อนักกระบี่ต้องการกลับมาสอนบทเรียนต่อไป แต่ในขณะนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะโดนหินก้อนโตทุบ เมื่อตลอดร่างกายทั้งหมดไม่ตอบสนอง เหมือนมีเสียงของวัตถุที่ตกลงไปในน้ำ ร่างกายของเขากระแทกกับพื้น แขนขาทั้งสี่ของเขาแผ่กว้างออกมา

พลังที่มองไม่เห็นดูเหมือนจะอยู่ในร่างกายของเขา เขานอนลงอยู่กับพื้นหญ้าและแม้แต่การหายใจของเขาก็กลายเป็นเรื่องยาก มือของเขาตกลงไปกับพื้น อย่าพูดถึงการกำดาบแม้แต่นิ้วของเขาก็ขยับไม่ได้

ความแข็งแกร่งของร่างกายทั้งหมดของเขาหมดไปในทันที ภายในหัวของนักกระบี่ส่งเสียงหึ่งและสายตาของเขาก็หมองมัว เขาเห็นแต่เพียงนักปรุงยาตัวน้อยที่กำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว

ถึงในตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายของเขา ในชั่วพริบตา เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?

เฉินหยานเซียวรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งหลังจากเห็นผลของเคล็ดวิชาคำสาปของเธอ นักกระบี่ที่มีความแข็งแกร่งสูงกว่าเธอไม่น้อยกว่าห้าระดับ ผลของคำสาปล่มสลายได้ถูกนำไปสู่จุดสูงสุด ไม่เพียงแต่จะยับยั้งการกระทำของคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันเปลี่ยนนักกระบี่ให้กลายเป็นโคลนโดยตรง

บางคนมาหาเธอและให้โอกาสเธอในการทดลองคำสาปของเธอ เธอจะปฏิเสธได้ยังไง

เมื่อเห็นสหายร่วมกลุ่มของพวกเขาล้มลงไปบนพื้น พวกเขาที่อยู่ห่างออกมาใจหายในทันที

เขาเป็นอะไรไป? นักธนูผู้ถือธนูและลูกธนู หันไปถามสหายร่วมกลุ่ม สถานการณ์ของนักกระบี่นั้นแปลกเกินไป เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างไม่มีที่ติ ทำไมเขาถึงได้นอนลยไแบนพื้นในทันที

ข้าก็ไม่แน่ใจ เราจะไปดูหรือเปล่า” นักดาบลังเล ฉากที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนพวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ




EGT 162 หลอก (2)


ชายสี่คนยังคงนอนหลับอยู่บนพื้นอย่างเงียบ ๆ นักกระบี่ถูกล้อมรอบด้วยศิษย์นักปรุงยาตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนแอซึ่งดูเหมือนจะล้มลงด้วยเพียงเสียงลมพัด ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเฝ้าดูอีกด้านหนึ่งและนักปรุงยาตัวเล็กกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเงียบ ๆ และมั่นคง นอกเหนือจากการถูมืออย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความกังวลใจ มันไม่มีสัญญาณของการโจมตีเลย

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ เขาจะมีอาการป่วยอย่างลมบ้าหมู?เพราะคนสี่คนนั้นอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้ค้นพบว่ามือของเฉินหยานเซียวนั้นเคลื่อนไหวอย่างไรและนักกระบี่ก็บังเฉินหยานเซียวไว้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะไม่นึกคิดว่านักปรุงยาตัวน้อยที่พวกเขาพยายามจะปล้นนั้นเปิดใช้งานเวทอาคมระดับสูงของนักเวทมนต์ดำ!

ใช่ เฉินหยานเซียว ผู้เรียนรู้เคล็ดวิชาผสานคำสาปห้าระดับ เธอได้มาถึงระดับของนักเวทมนต์ดำอาวุโสแล้ว แต่เธอยังไม่ค่อยมีความเข้าใจในทักษะเวทและไม่มีใครนำทางเธอได้อย่างเหมาะสม เธอยังมีความไม่แน่ใจอยู่บ้าง ในความเป็นจริง เฉินหยานเซียวคิดเพียงแค่ว่าเธอเพิ่งเข้าเข้าสู่เส้นทางของนักเวทมนต์ดำ

เธอรู้สึกว่าเธอยังเป็นนักเวทมนต์ดำฝึกหัดอยู่

เด็กหนุ่มทั้งสี่คนไม่พบสิ่งผิดปกติ พวกเขาแค่คิดแต่เพียงว่านักกระบี่ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยกะทันหันของเขา

เด็กหนุ่มที่เป็นหมอเวทของกลุ่ม ถูกกระตุ้นจากสมาชิกคนอื่นให้เข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ของนักกระยี่ ในขณะที่นักธนูยังคงเล็งลูกธนูไปที่เฉินหยานเซียว เพื่อไม่ให้เฉินหยานเซียวตะโกนปลุกสหายร่วมกลุ่มคนอื่นของเธอ

หมอเวทพร้อมด้วยไม้คทาในมือ เขาก็ค่อย ๆ เดินไปด้านข้างของนักกระบี่ เขามองดูรอยยิ้มของเฉินหยานเซียว อย่างระมัดระวังและไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ในท้ายที่สุด อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นเด็กน้อยอายุเพียงสิบสามปี นักปรุงยาที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ด้วยอายุยังน้อย เขาย่อมเป็นน้องใหม่และยังไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักปรุงยาอย่างเป็นทางการ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเด็กน้อยจะมียาพิษเพื่อป้องกันตัว

หลังจากที่หมอเวทได้ตัดสินว่าเฉินหยานเซียวไม่ใช่ภัยคุกคาม เขาก็ก้มลงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของนักกระบี่

สิ่งที่หมอเวทเห็น มันทำให้เขาประหลาดใจ!

ใบหน้าของนักกระบี่เป็นสีเหลือง เขาอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวพร้อมกับมุมปากของเขาที่เกิดฟอง

อย่างไรก็ตามก่อนที่หมอเวทจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ ความกดดันมหาศาลก็แผ่กระจายไปทั่วร่างของเขาในทันที

เพียงได้ยินเสียงกระหน่ำลงบนตัว เช่นเดียวกับนักกระบี่ หมอเวทผู้เคราะห์ร้ายก็ล้มลงไปนอรบนพื้นและยิ่งแย่กว่านักกระบี่ ใบหน้าของเขาถูกฝังอยู่ในพื้นดิน

อีกสามคนที่อยู่ในระยะไกลต่างก็จ้องเขม็งไปที่หมอเวทอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง คนสองคนที่มีร่างกายปกติดีเพียงแค่เดินไปที่นั่น พวกเขาพากันล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นในทันทีได้อย่างไร พวกเขาไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น!

"นี่ไม่ดี มันจะต้องเป็นไปได้ว่าคนสี่คนที่นอนอยู่ เพียงแค่แกล้งทำเป็นหลับ บางทีพวกเขาอาจใช้กลอุบายที่มีเสทอาคมบนพื้นดินและใช้ตราสัญลักษณ์นั้นเพื่อล่อลวงเรา ศิษย์จากสาขาปรุงยากำลังตกอยู่ในภาวะหนาวเย็นในสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้ เขามีความกล้าน้อยในการเผชิญกับสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนั้น เขารู้สึกว่าตัวเขาสั่นสะท้าน ความเย็นแผ่ไปตามกระดูกสันหลังของเขา

คำพูดของเขาก็สะท้อนกับอีกสองคน

ตอนนี้พวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายใต้ท้องฟ้าสีครามสดใส กลุ่มนั้นจริง ๆ แล้วเพียงแค่แกล้งนอนบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เช่นนี้ นอกจากนี้พวกเขาวางป้ายบนหญ้าอย่างโจ่งแจ้งราวกับเชิญผู้คนมารับพวกมัน เห็นได้ชัดว่านี่คือกับดัก!





EGT 163 หลอก (3)


ยิ่งคนสามคนคิดในเรื่องนี้มากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกกลัว ในที่สุดพวกเขาก็พบว่านี่เป็นกับดักอย่างแน่นอน ทั้งสามคนก็ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือสหายร่วมกลุ่มทั้งสองของพวกเขาและหันหลังกลับและวิ่งหนีเพื่อชีวิตของพวกเขาเอง พวกเขากลัวอย่างสุดซึ้งว่าชายสี่คนที่นอนอยู่บนพื้นจะกระโดดขึ้นมาจับพวกเขาในทันที

เฉินหยานเซียวมองดูด้วยความสับสนในขณะที่ศิษย์ทั้งสามวิ่งหนีออกไป จนถึงจุดที่พวกเขาจากมา เธอแตะจมูกของเธออย่างไม่เบิกบาน

แค่นี้?

เธอพร้อมที่จะรับตราเพิ่มอีกสักสองสามป้าย

เธอแน่ใจว่าเธอปกปิดซ่อนมือของเธออย่างดี เมื่อเธอทำสัญลักษณ์มือ อีกฝ่ายจะไม่ค้นพบว่าคนสองคนนั้นถูกทำให้ล้มลงบนพื้นอย่างจงใจ แต่…

ทำไมพวกเขาถึงวิ่งออกไป!

สามป้ายเพิ่งหนีออกไปจากมือของเธอ เฉินหยานเซียวลูบคางของเธอด้วยมือเดียว เธอหยิบกิ่งไม้จากพื้นดินแล้วสะบัดอย่างไร้ความปราณีไปที่มุมปากที่มีฟองของนักดาบ

เจ้ากล้าปล้นปู่น้อยผู้นี้”

เจ้ากล้าที่จะอวดดี”

เจ้าไม่สามารถแยกแยะความดีจากความไม่ดีได้”

เจ้าทำให้พวกโจรเสียหน้า”

ใบหน้าของนักดาบนั้นถูกกิ่งไม้ฟาดอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขามีใบหน้าที่น่าเกลียด จนตอนนี้มีร่องรอยจุดสีแดงขึ้นทั่วใบหน้าของเขา

เฉินหยานเซียว ถอนหายใจด้วยความเบื่อ จ้องมองไปที่ไข่ไร้โชคทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้น ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายผุดออกมาจากแววตาของเธอ เธอร่ายคำสาปภาพลวงตาไปที่หมอเวทที่อ่อนแอ จากนั้นก็ถอนคำสาปล่มสลายของคนสองคนออก เธอก็ทิ้งคำสาปเฉื่อยชาไว้บนร่างของนักกระบี่เพื่อที่จะจำกัดการกระทำของเขา

นักกระบี่ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เพียงเพื่อจะรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นเขาพบว่าหมอเวทของกลุ่มนั่งไขว่ขา และที่สำคัญกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าร่างของเขาเปลือยเปล่าไปตั้งแต่ตอนไหน!

เจ้า…เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!” นักกระบี่จ้องไปที่หมอเวทอย่างไม่น่าเชื่อ หมอเวทที่กำลังนั่งอยู่บนร่างของเขา เขาดูสยองขวัญด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของหมอเวท

เฮ้…” ใบหน้าธรรมดาของหมอเวทเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ เขาสัมผัสมือของนักกระบี่อย่างมีเสน่ห์

อา! อ่า! อ่า !!” นักกระบี่ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาในทันที

เฉินหยานเซียวนั่งดูเงียบ ๆ และดูหมอเวทที่ถูกควบคุมโดยภาพลวงตา เหมือนสัตว์ร้ายที่โกรธ มือของเขาฟาดลงไปที่ร่างของนักกระบี่

เสียงคร่ำครวญที่น่ากลัวดังออกมาจากปากของนักกระบี่  แขนขาทั้งสี่ของเขาหนักราวกับว่าพวกมันเป็นโลหะตะกั่วบางทีอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ฝ่ามาจนถึงครึ่งวัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถผลักหมอเวทออกไปจากร่างกายของเขาได้

เมื่อเห็นว่ามือของหมอเวทกำลังเข้ามาใกล้ส่วนที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ ดวงตาที่โกรธแค้นของนักกระบี่ก็พร่ามัว

เฉินหยานเซียวเตะนักกระบี่ที่น่าเบื่อออกไปแล้ว ถอนคำสาปภาพลวงตาออกจากร่างของหมอเวท

หมอเวทหลังจากต้องเผชิญกับคำสาปทั้งสองรวมกัน เขาจึงหมดสติล้มลงบนร่างนักกระบี่ในทันที

จนกระทั่งบ่าย ชายสี่คนที่หลับเหมือนหมูตาย ในที่สุดก็ลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้านจากพื้น

แต่เมื่อพวกเขากำลังจะลุกขึ้นยืนพวกเขาเห็นชายสองคนนุ่งน้อยห่มน้อยและนอนกอดกันอย่างไร้ยางอาย

การแสดงออกของคนสี่คนนั้นบิดเบี้ยวในทันที

เสี่ยวจิว…เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ถังนาจื่อสั่นเทาชี้นิ้วที่สั่นเทาของเขาไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่นอนกอดกันอยู่ เขาเพิ่งนอนหลับตื่นขึ้นมาหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาก็ได้เป็นพยาน ***!

ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งตื่น…” เฉินหยานเซียวยักไหล่ ใบหน้าของเธอดูจะแทนคำพูดที่ว่า “ข้าไร้เดียงสาและข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งใด ๆ”

อ๊ะ! ศิษย์ในโรงเรียนของเราตอนนี้กล้าหาญมาก! อย่างไม่น่าเชื่อในเวลากลางวันภายใต้สายตาของสวรรค์และโลกกล้าทำสิ่งนั้นจริง ๆ !” ถังนาจื่อไม่สามารถทนที่จะมองตรงไปที่ศิษย์สองคน เขาทำได้เพียงแค่ซ่อนใบหน้าของเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น