EGT
086 สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน ส่วนที่ 1
ระยะห่างระหว่างสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานและเมืองหลวงจักรวรรดิค่อนข้างไกล
เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถพัฒนาปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเธออยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานได้มากขึ้น
เฉินหยานเซียวจึงได้เดินทางไปยังอาคารประมูลกิเลน สามวันก่อนที่เธอจะออกเดินทาง
และส่งมอบเหรียญทองจำนวนมากอีกครั้ง เพื่อให้ฉีเมิ่งจัดหาแก่นผลึกชีวิตให้เธอเพิ่ม
หลังจากรวบรวมแล้วก็ให้นำไปส่งที่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานในช่วงเวลาที่กำหนด
"เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานใช่หรือไม่?" เมื่อฉีเมิ่ง ได้ยินเฉินหยานเซียวพูดอย่างนั้นเขาค่อนข้างประหลาดใจ
เมื่อมองไปยังสารเลวตัวน้อยผู้นี้ที่มีลักษณะที่ดูสามัญธรรมดา
ชื่อเสียงของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานมีมากมายมหาศาลภายใน
จักรวรรดิหลงซวน ไม่เพียงแต่เป็นเพราะคุณภาพการศึกษาที่น่าเกรงขาม
แต่ในสภาพการณ์ที่มีความต้องการที่มากขึ้น โดยไม่ได้พูดถึงสิ่งอื่นใด
ค่าเล่าเรียนจำนวนมหาศาลสำหรับทุกภาคการศึกษาก็เพียงพอที่จะทำให้เด็ก ๆ
จากตระกูลสามัญชนต้องสะดุ้งได้
ยิ่งไปกว่านั้นสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
มีความต้องการบางอย่างเกี่ยวกับระดับพรสวรรค์ของศิษย์
ไม่ว่าจะเข้าเรียนในระดับใดของสถาบัน ผู้สมัครเข้าเพื่อที่จะเข้าเรียนจะต้องผ่านมาตรฐานบางอย่างในการสอบเข้า
แม้ว่าเจ้าจะเป็นทายาทแห่งราชบัลลังก์
สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานก็ไม่สนใจที่จะไล่ผู้ที่ไม่ได้มาตรฐานออกไป
ภายในช่วงเวลานี้
ลูกค้าที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ปรากฏตัวขึ้นที่อาคารประมูลกิเลนค่อนข้างบ่อย แต่ด้วยสายตาของฉีเมิ่ง
เขาไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้ารายนี้ได้อย่างจริงจัง
นอกเหนือจากการเป็นเศรษฐีใหม่แล้ว พรสวรรค์พิเศษอะไรบ้างที่เธอมี? หากพิจารณาจากเอวและแขนขาของเธอ
มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำการบ่มเพาะพลังลมปราณ
และจากระดับของพลังจิตวิญญาณที่อ่อนแอของเธอ มันก็ยากที่จะทำให้ผู้คนเชื่อมโยงได้ว่าเธอสามารถทำการบ่มเพาะพลังเวท
เฉินหยานเซียวพยักหน้า
ซิวได้บอกไว้ว่า
ถ้าเธออยากจะเปิดผนึกตราประทับชั้นที่สามโดยอาศัยแก่นผลึกชีวิตของสัตว์ปีศาจระดับต่ำนั้นไม่เพียงพอ
คราวนี้เธอได้สั่งรายการพิเศษให้ฉีเมิ่ง จัดหาแก่นผลึกชีวิตของสัตว์ปีศาจระดับกลางและแก่นผลึกชีวิตของสัตว์ปีศาจระดับสูงสำหรับเธอ
เธอยังไม่ทราบว่าเธอจะต้องไปสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานนานเท่าไร
แต่เธอก็อาจจะสั่งการลงไปล่วงหน้า เพื่อให้ฉีเมิ่งส่งคนไปจัดหาสิ่งต่าง ๆ
แล้วส่งถึงเธอโดยตรง เช่นคำกล่าวที่ว่าไว้ เงินถึงงานง่ายขึ้น
และตราบเท่าที่เงินไปได้ถูกที่แล้ว
อาคารประมูลกิเลนก็จะเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของเธอ
“ที่จริงนี่เป็นเรื่องบังเอิญมาก”
เสียงที่ดังชัดเจนและขี้เกียจสะท้อนออกมาจากด้านหลังของเฉินหยานเซียว
ฉีเซียได้มาที่ห้องโถงด้านหลังของอาคารประมูลกิเลนเมื่อไหร่ไม่รู้แน่ชัด
เขาลุกขึ้นยืนและพิงกรอบประตูและทันได้ยินคำพูดของเฉินหยานเซียว ตอนนี้ คู่ดวงตา
เรียว ยาว แคบ ที่ดูเหมือนจิ้งจอก กำลังยิ้มจนตาหยี
มันเป็นเขาใช่หรือไม่? เฉินหยานเซียวจำรูปลักษณ์ฉีเซียได้
เมื่อตอนที่เธอมาที่อาคารประมูลกิเลนเป็นครั้งแรก เด็กหนุ่มคนนี้ก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้านหลังและตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็มองมาที่เธอด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสนใจ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่ได้เจอเขาในอาคารประมูลกิเลนอีก
ดังนั้นเธอจึงไม่คาดหวังว่าเธอจะได้เจอเขาอีกครั้งในวันนี้
"เมื่อมองดูอายุของเจ้า เจ้าควรจะเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนัก
ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าควรเรียกข้าว่าศิษย์พี่" ฉีเซียมองไปที่สารเลวน้อย
ในช่วงเวลานี้ ฉีเมิ่งเคยได้รับข้อมูลรายงานเกี่ยวกับลูกค้ารายนี้มาที่เขาเสมอ
ในวันนี้เขามาตรวจงานที่อาคารประมูลกิเลนเขาไม่คาดว่าจะได้เจอเธอ
'เอ๊ะ?!’ เฉินหยานเซียว กระพริบตา อาจเป็นได้ว่า ...
"ข้าเป็นศิษย์ปีที่สองจากสาขานักเวทของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน"
ฉีเซียยิ้ม ขณะที่พูด
เฉินหยานเซียว
กล่าวทักทายออกไปในทันทีว่า "คารวะ ศิษย์พี่"
ถ้าหงส์ไฟอยู่ข้าง
ๆ เฉินหยานเซียวในตอนนี้ มันน่าจะเป็นไปได้ว่ามันจะกระโดดขึ้นมาและตบเจ้านายของมัน
ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีความภูมิใจใด ๆ เพราะเธอเพิ่งเรียกคนอื่นว่า 'ศิษย์พี่' เพียงเพราะคนๆนั้น
ขอให้เธอเรียกเขาว่าศิษย์พี่! เจ้ามีความคุ้ยเคยกับคนอื่นหรืออย่างไร?
ในความเป็นจริง
เฉินหยานเซียว ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าเธอผู้นี้
เพราะในตอนแรกที่พบเขา เธอสามารถรู้สึกได้อย่างราง ๆ
ว่าอิทธิพลของเจ้าหนูคนนี้ไม่ได้มีขนาดเล็กแต่อย่างใด
มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพักภายในห้องโถงด้านหลังของอาคารประมูลกิเลน
EGT
087 สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน ส่วนที่ 2
เมื่อเห็นว่าฉีเมิ่งแสดงท่าทีเคารพต่อเด็กหนุ่มผู้นี้
เฉินหยานเซียว
สามารถคาดเดาตัวตนของเด็กหนุ่มผู้นี้ว่าอาจจะเป็นคุณชายน้อยคนหนึ่งของครอบครัวตระกูลกิเลนได้หรือไม่
ปัจจุบันเธอยังคงร่วมมือกับอาคารประมูลกิเลน
ดังนั้นธรรมชาติของเธอจะไม่ทำเช่นที่ไร้ประโยชน์ปัญญานิ่ม
เช่นการกระทำผิดต่อกลุ่มที่ได้ร่วมมือกับเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น
มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บจากการที่จะต้องเรียกเขาว่า "ศิษย์พี่"
เพราะการมีสหายเพิ่มอีกคนหนึ่ง มันจะขยายเส้นทางของเธอ
เพราะเขาเป็นศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน และใครจะรู้
บางทีเขาอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเธอในอนาคต
เสียง
'ลูกคิด' ดังก้องภายในหัวของเฉินหยานเซียว
ขณะที่เธอกำลังคำนวน เธอได้เริ่มประเมินคุณค่าของการใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
จากคำพูดไม่กี่คำของบทสนทนาและกำลังพยายามที่จะได้รับโอกาสที่ใหญ่ที่สุดในการบีบอีกฝ่ายให้สะอาด
"เจ้าเป็นคนที่ทำให้กิจการของอาคารประมูลของครอบครัวของเราเป็นไปได้อย่างดีจริงๆ
ในตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไร ...ข้า ฉีเซีย
จากครอบครัวตระกูลกิเลน และเจ้า?" ฉีเซียมองไปที่
เฉินหยานเซียว
ฉีเซีย? จากช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เฉินหยานเซียวเคยได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอีก
สี่ตระกูลใหญ่ จากปากของ เฉินซืออู๋ มากกว่าสองสามเรื่อง
มีการกล่าวกันว่าครอบครัวตระกูลกิเลนเป็นตระกูลที่เร็วมากที่สุดในหมู่ห้าตระกูลใหญ่ที่ทำการสร้างผู้นำตระกูลคนต่อไป
และบุคคลที่ถูกกำหนดไว้ว่าเป็นทายาทครอบครัวตระกูลกิเลนอย่างถูกต้องเมื่อนานมาแล้ว
ก็คือเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าของเธอในขณะนี้ ที่รู้จักกันในชื่อว่า ฉีเซีย
ตามสิ่งที่
เฉินซืออู๋ กล่าวไว้ว่าพรสวรรค์ของ ฉีเซีย
ในด้านการค้าก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าผู้ค้าทั้งหมดในจักรวรรดิหลงซวนได้ในทันที
หลังจากที่ได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่มที่ด้านหน้าของเธอ
เขาผู้ที่จะเป็นผู้นำของครอบครัวตระกูลกิเลนในอนาคต เฉินหยานเซียว
ตระหนักว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาที่โดดเด่นเท่านั้น
หากแต่เป็น ภูเขาทองคำเดินได้!
"ข้า เฉินจิว"
เฉินจิว
เป็นตัวตนที่เฉินเฟิงจัดไว้ให้ เฉินหยานเซียว
เมื่อเธอเดินทางไปสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน เรื่องของ
เฉินหยานเซียวที่สามารถฟื้นฟูสติปัญญาความคิดของเธอเป็นที่รู้จักกันเฉพาะสมาชิกในสาขาหลักของตระกูลหงส์ไฟ
เนื่องจากเรื่องของหงส์ไฟ
เฉินเฟิงได้ทำการปิดผนึกทุกชิ้นส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
เฉินหยานเซียวจากบุคคลภายนอก
กำหนดสถานะเอกลักษณ์ประจำตัวที่เฉพาะเจาะว่าเป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลหงส์ไฟ
และได้กำหนดเส้นทางเข้าสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานให้กับเธอ
มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งในอนาคตเธอจะได้พบกับฉีเซียในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
ดังนั้น เฉินหยานเซียว จึงรู้ดีว่าควรจะพูดอย่างไร
"สองวันนับจากนี้ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ -
ถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่คุ้นชินในสำนักเจ้าสามารถมาหาข้าได้”
ฉีเซียกล่าวออกไปอย่างสุดซึ้ง
"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้อก็ขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก" เฉินหยานเซียว
ธรรมชาติจะไม่เจียมเนื้อเจียมตัว
"เจ้าต้องการเตรียมสอบเข้าสาขาไหนบ้าง?" ฉีเซียยิ้มในขณะที่เขาถาม
"สาขาปรุงยา" เฉินหยานเซียวไม่ได้มีอะไรที่จะซ่อน
หลังจากนั้นสักครู่แล้ว
ฉีเซียก็ยิ้มและพูดว่า "นักปรุงยาจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
ข้ากำลังรอคอยที่จะให้เจ้าเป็นนักปรุงยาในระดับสูงสักวันหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนั้นอย่าลืมจัดลำดับความสำคัญของการส่งมอบยาไปยังอาคารประมูลกิเลน
ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะได้รับราคาที่น่าพอใจมาก"
"แน่นอนข้าจะทำอย่างนั้น สบายใจได้" เฉินหยานเซียวยิ้มขณะที่เธอตอบ
ทั้งสองคนพูดทักทายแบบปกติและ
ฉีเมิ่ง ผู้ซึ่งอยู่ด้านข้างก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา แม้ว่าเขาจะคิดจนหัวของเขาพังทลาย
เขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายของเขาว่าทำไมเขาถึงปฏิบัติต่อลูกค้ารายนี้เป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้ฉีเซียก็ให้ความสนใจกับลูกค้ารายนี้ เขาก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่แล้ว
ตอนนี้เขากลับต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลคู่ค้าของเขา อย่างไม่คาดฝัน
นี่เป็นไปไม่ได้เลย
ถึงแม้ว่าตอนนี้นักปรุงยาส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้ได้
ครอบครัวตระกูลกิเลน มีสถานะอย่างไร? มีนักปรุงยาจำนวนมากที่ต้องการรับใช้ครอบครัวตระกูลกิเลน
ซึ่งแม้แต่นักปรุงยาระดับต่ำก็ไม่สามารถผ่านเกณฑ์ของครอบครัวตระกูลกิเลน ได้
ลูกค้ารายเล็ก ๆ ผู้นี้
ยังไม่ได้เข้าสู่สาขานักปรุงยาของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
ถึงกระนั้นคุณชายน้อยก็ยังสุภาพกับเธอ
มันเป็นการกระทำที่ผิดปกติกับรูปแบบปกติของคุณชายสาม
ใครจะไปรู้ว่าลูกค้ารายนี้จะพัฒนาไปเป็นอะไรบ้าง? แม้ว่าคุณชายสาม จะต้องการลงทุนในคนที่มีโอกาสที่ดี
แต่มันก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้
แม้ว่าฉีเมิ่งจะมีความคิดเห็นอย่างจริงใจเป็นของตัวเองต่อลูกค้าผู้นี้
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและสามารถยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ
และรับฟังอย่างมีมารยาทเท่านั้น
EGT
088 สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน ส่วนที่ 3
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในวันเดียวกับที่เฉินหยานเซียวกำลังจะออกเดินทางไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
สารเลวสองพี่น้อง เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยก็กำลังออกเดินทาง
พวกเขาได้เข้าสู่สาขาพลังเวทและสาขาพลังลมปราณ ของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้กระนั้นเพราะพวกเขายังไม่ผ่านไปยังระดับหก
พวกเขายังคงติดอยู่ภายในวงกลมนอกสุดของทั้งสองสาขา สาขานักปรุงยาที่เฉินหยานเซียว
ต้องการที่จะเข้าในเวลานี้ตั้งอยู่ภายในใจกลางหลักของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
และมีระยะห่างระหว่างสาขาอื่น ๆ พอสมควร ขณะที่เธอกำลังพยายามจะเข้าไปศึกษาในสำนัก
เฉินเฟิงไม่ต้องการให้ เฉินหยานเซียวได้รับความสนใจมากนัก
เพราะฉะนั้นเขาจึงให้รถม้าพาเธอออกไปก่อน
สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
จะรับลงทะเบียนศิษย์ใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ในช่วงเวลาเหล่านี้จะเกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมากในจักรวรรดิหลงซวน
ฤดูกาลการลงทะเบียนในฤดูใบไม้ร่วงนี้
มีจำนวนผู้คนเป็นจำนวนมากที่ต้องการเข้าสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน มีรถม้ามากมายนับไม่ถ้วนมาจอดเรียงรายที่ทางเข้าของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
ในความเป็นจริงมันก็คับแคบไปจนหยดน้ำแทบจะไม่สามารถไหลผ่านทางเข้าสำนักได้
ผู้คนที่มาสมัครเป็นศิษย์ต่างกำลังคึกคักอยู่ในขณะนี้
ราวกับฝูงมดที่หนาแน่นขณะเดินอยู่ที่จัตุรัสสาธารณะของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
"เฮ้ เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? ในปีนี้คุณชายของตระกูลเต่าดำได้กลับมาอีกครั้ง"
ผู้เข้าสมัครสองสามคนที่ต้องการเข้าร่วมการสอบเข้า
รู้สึกเบื่อจากการรอคอยและกำลังหาเรื่องมานินทาด้วยกัน
"เขาไม่ได้ลาออกอย่างแท้จริง เขาอายุเท่าไหร่ในตอนนี้? เขาควรจะมีอายุสิบหกในปีนี้ใช่หรือไม่? ข้าจำได้ว่าเขาเริ่มมาสมัครอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ขาอายุสิบสี่
เขาต้องการที่จะเข้าสู่สาขานักปรุงยาของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
ผ่านมาสองปีแล้วและก็ยังไม่ผ่าน แม้จะทำข้อสอบมาถึงสี่ครั้ง
ครั้งนี้มันควรจะเป็นครั้งที่ห้าของเขาใช่หรือไม่? และเขาก็ยังไม่ยอมแพ้?"
"ไอยา ดูเหมือนว่าเจ้าก็รู้ดีว่า
ตระกูลใหญ่ทั้งห้ามีเพียงเด็กหนุ่มผู้นั้นที่มาจากครอบครัวตระกูลเต่าดำ
ที่ไม่สามารถผ่านการสอบได้และครอบครัวตระกูลเต่าดำ ก็รู้สึกว่าเสียหน้า
เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงอนุญาตให้เขามาทำการสอบซ้ำอีกครั้ง"
"เจ้าพูดได้ถูกต้อง อ่า
ข้าได้ยินมาว่าทั้งคุณหนูและคุณชายที่อายุน้อยที่สุดของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
ได้รับการยอมรับเข้าเรียนในสาขาพลังเวทและสาขาพลังลมปราณแล้ว
จนถึงตอนนี้มีเพียงคุณชายน้อยของตระกูลเต่าดำเท่านั้นที่ยังคงติดอยู่ในการสอบเข้า
ทำไมเขาถึงทำเรื่องที่ยากเกินตัวเขาเอง -
ยังคงยืนกรานที่จะเข้าสู่สาขานักปรุงยาและไม่สอบเข้าสาขาอื่น? ถ้าเขาอาศัยความแข็งแกร่งของครอบครัวตระกูลเต่าดำ เข้าไปในสาขาอื่น
มันก็น่าที่เป็นไปได้"
"ใครจะรู้? แม้กระนั้นภายในห้าตระกูลใหญ่ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครผ่านการสอบเพื่อเข้าสู่สาขานักปรุงยา
- การขยับของเขาก็เป็นวิธีที่มีความเสี่ยง
"เดี๋ยวนะ...
ทำไมข้าดูเหมือนจะจำได้ว่าภายในห้าตระกูลใหญ่นอกเหนือจากคุณชายคนนั้นแล้ว
ก็ยังมีอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน?"
"ฮ่าฮ่า เจ้าจะไปคิดถึงเรื่องอับอายของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ? หยุดยั่วเราได้แล้ว
ใครบ้างที่ไม่รู้จักเด็กสาวคนนั้นที่ไม่เพียงแต่จะเป็นขยะแต่ยังเป็นคนงี่เง่า
อย่าแม้แต่จะพูดถึงการที่เธอเข้าไปในสาขาหลักสองสามแห่งของสำนัก
แม้แต่สาขาย่อยของพลังเวทและพลังลมปราณก็มากเกินไปสำหรับเธอ? เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้ากำลังหวังให้คนอื่น ๆ จาก ครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
ปล่อยให้คนมีปัญหาทางด้านสมองมาทำให้เสียหน้า?”
กลุ่มศิษย์ที่รอสอบเข้ากำลังซุบซิบนินทาเกี่ยวกับตระกูลใหญ่ทั้งห้าอย่างมีความสุข
และให้ความสำคัญไปกับเรื่องราวรอบ ๆ ในจักรวรรดิหลงซวน
ร่างเล็กกระทัดรัดกำลังยืนอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาและกำลังฟังข่าวซุบซิบที่ออกมาจากปากของพวกเขา
การแสดงออกของรอยยิ้มที่น่าอัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ดูธรรมดาสามัญ
"สาขานักปรุงยายากที่จะเข้า?” คนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ฟังเรื่องซุบซิบมาตลอด
ก็เอ่ยถามออกมา
กลุ่มศิษย์ที่กำลังชุบซิบ
เพิ่งนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามีสารเลวมาอยู่ข้างกายพวกเขาอย่างไม่คาดฝัน
คนผู้นี้มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่? มันเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีใครในหมู่พวกเขาค้นพบคนผู้นี้? ตัวตนของคนผู้นี้ต่ำเกินไปใช่หรือไม่!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น