"ไม่กี่พันปีที่ผ่านมา ..." เฉินหยานเซียวทอดสายตาออกไปในระยะไกล
แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าต้นกำเนิดของตราประทับนั้นเป็นอย่างไร ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่า
ซิว บอกเธอถึงสิ่งนี้
มันก็เป็นไปได้มากที่เธอจะไม่ได้รู้ว่ามีตราประทับนี้อยู่บนร่างของเธอ
'ถูกตัอง เจ็ดดวงดาวกักจันทรา
ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยจักรพรรดิเทพเจ้าแห่งเทพเจ้า
เพื่อเอาไว้ต่อกรกับกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ ต่อมาข้อมูลถูกขโมยออกไปและนำเข้าไปสู่เผ่าพันธุ์ปีศาจ
ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งสองเผ่าพันธุ์’
ซิวก็เห็นด้วยกับคำพูดของหงส์ไฟ
‘อันดับแรก ข้าก็อยากรู้ว่าทำไมตราประทับนี้ถึงได้ปรากฏอยู่บนตัวเจ้า
ที่เป็นมนุษย์’
เฉินหยานเซียวรู้สึกทึ่งเล็กน้อย ข้อมูลที่ซิวและหงส์ไฟได้มอบให้เธอมากเกินไปและเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะเริ่มต้นจากที่ใด
"อย่างไรก็ตามร่างกายของเจ้ามีสิ่งนี้
ซึ่งหมายความว่าพลังภายในร่างกายของเจ้านั้นอยู่ไกลเกินกว่าที่เจ้ามีอยู่ในขณะนี้
ไม่เลว ข้าเชื่อว่าทันทีที่เจ้ายกเลิกตราประทับชั้นที่เจ็ดได้ เจ้าคู่ควรกับสิทธิ์การเป็นเจ้านายที่แท้จริงของข้า”
หงส์ไฟรู้สึกยินดีอย่างมาก ในขณะที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการค้นพบใหม่นี้
เพราะเขาไม่ต้องการให้เจ้านายของตัวเองมีความสามารถพื้น ๆ เช่นคนปกติธรรมดา
เช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อการเผชิญหน้าของเขาในฐานะที่เป็นสัตว์ในตำนาน
"ซิว จะช่วยข้ายกเลิกตราประทับ แต่ก่อนหน้านั้นดูเหมือนว่าข้ายังมีบางอย่างที่ข้าควรจะต้องทำ"
เฉินหยานเซียวก็จำได้ว่าเธอยังต้องหาผลึกระดับต่ำสำหรับชุดสุดท้าย
ระยะเวลาที่เธอใช้ไปในหุบเขาลาวา ทำให้เธอดำเนินการได้ล่าช้า
และนักปราชญ์ก็ยังไม่ได้จากไป เธอรู้สึกอย่างแท้จริงว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับเธอที่จะขยับทำการใด
ๆ ในพระราชวังจักรพรรดิ
"เขาสามารถยกเลิกตราประทับเจ็ดดวงดาวกักจันทราได้?” เขาประหลาดใจเกี่ยวกับคำพูดของเฉินหยานเซียว
เท่าที่เขารู้ จำนวนผู้ที่สามารถยกเลิกเจ็ดดวงดาวกักจันทรามีอยู่ไม่มากนัก
นอกจากนี้ส่วนใหญ่ของพวกเขาได้ตาย ไปเมื่นพันปีที่ผ่านมาในช่วงสงครามระหว่างเทพเจ้าและปีศาจ
เฉินหยานเซียวพยักหน้า
หงส์ไฟเริ่มอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของ ซิว
ไม่ว่าหงส์ไฟจะอยากรู้อยากเห็นอย่างไรก็ตาม
เฉินหยานเซียวก็ไม่มีอารมณ์ที่จะสนองความกระตือรือร้นที่รุนแรงนั้น
เธอจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะหาชุดสุดท้ายของแก่นผลึกชีวิต รวบรวมและจากนั้นมอบพวกมันให้กับ
ซิว เพื่อช่วยให้เธอยกเลิกชั้นที่สองของตราประทับ
เธอวางแผนไว้แล้วก่อนที่เธอจะไปสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
เธอจะมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังลมปราณ ของเธอจนทะลวงผ่านถึงระดับหก
ไม่นานนัก โอกาสของเฉินหยานเซียวก็ได้มาถึง การมาถึงของนักปราชญ์ไม่ได้มีผลต่อกลุ่มคนที่มีอิทธิพลเพียงกลุ่มเดียวในเมืองหลวงจักรพรรดิ
หากแต่รับรู้ไปถึงอีกสี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาก็เริ่มกระสับกระส่าย
ทุกคนรู้ว่าในโลกนี้คนเดียวที่สามารถปลุกสัตว์ในตำนานให้ตื่นขึ้นได้เป็นนักปราชญ์จากดินแดนเทพเจ้าเท่านั้น
ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ส่งคำเชิญไปให้ผู้ช่วยนักปราชญ์ในทันที
ในเวลาเพียงไม่กี่วันนักปราชญ์ก็ถูกลากไปโดยคนของตระกูลเสือขาว
ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอื่น
เฉินหยานเซียวรู้ว่าในอีกไม่กี่วันต่อมานักปราชญ์และผู้คนจากดินแดนเทพเจ้าจะออกไปจากเมืองหลวงจักรพรรดิและจะดำเนินการต่อไปยังที่ซึ่งขณะนี้
เสือขาวจำศีลอยู่ เวลานี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่จะลงมือ
ในคืนที่มืดมิดไร้ดวงจันทร์ ขโมยน้อยใจร้ายที่เคยเงียบมานานแล้ว
ได้ขยับลงมืออีกครั้ง ในครั้งนี้เธอเลือกสถานที่ในการเก็บเกี่ยวเป็นพระราชวังจักรพรรดิซึ่งได้รับการดูแลอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้
เฉินหยานเซียวได้ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ขโมยสินค้าหรูหราใด ๆ ที่ดูพิเศษ
หากเน้นเป้าหมายไปที่เงิน ยิ่งไปกว่านั้นคราวนี้เธอยิ่งกล้าได้กล้าเสียมากยิ่งขึ้น
เพราะเธอตั้งใจที่จะขโมยเงินจากคลังของ จักรวรรดิหลงซวนโดยตรง เธอกวาดเงินของพวกเขาราวกับลมพายุ
เก็บกวาดเงินทั้งหมด เท่าที่เธอจะสามารถเก็บไว้ภายในแหวนมิติของเธอ
แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่สามารถหยั่งลึกถึงพลังอำนาจของอาคารประมูลกิเลนว่าเป็นอย่างไร
แต่ถ้าหากจักรพรรดิได้ค้นพบการโจรกรรมแล้ว
เขาย่อมต้องทำการค้นหาไปทั่วทั้งเมืองอย่างแน่นอน เธอไม่ต้องการใช้เครื่องเรือนทองคำหรืออัญมณีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น
มันจะทำให้ผู้อื่นค้นพบที่อยู่ของเธอ
จากการเก็บเกี่ยวในคลังของจักรวรรดิหลงซวน เธอสามารถบอกได้ว่า...
มันค่อนข้างดี!
เธอยัดทั้งหมดลงไปในแหวนมิติเธอเต็มพิกัด
อย่างไรก็ตามนั่นคือเต็มพื้นที่ว่างที่ที่เธอสามารถใช้ได้
หนึ่งร้อยหลี่ฟางไม (ลูกบาศก์เมตร)!
มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเฉินหยานเซียวที่จะประเมินว่าเธอเอาเงินมาเท่าไหร่
แม้กระนั้นก็ตามแม้เธอก็นำเงินออกมาเท่าไหร่ก็ตาม แต่เธอก็เหลือเพียงหนึ่งในสิบของเหรียญทองในคลังของ
จักรวรรดิหลงซวน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น