ภายในห้องคัมภีร์ ในตอนนี้เหลือเพียงเฉินเฟิงเท่านั้น
ขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เขาหายใจเข้าลึก ๆ
สายตาของเขามองไปที่ด้านหลังห้องคัมภีร์
"เจ้ารู้อยู่แล้วว่าเมื่อเซียวเซี่ยวเดินทางไปที่หุบเขาลาวา
เธอจะได้รับการยอมรับจากหงส์ไฟ อย่างแน่นอนใช่หรือไม่? ทำไมเจ้าเพียงแต่ยืนยันที่จะให้ข้าเพิ่มเธอลงในรายชื่อผู้สมัคร?"
เฉินเฟิงก็เปิดปากและถามออกไป
"ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้ารู้ว่าไม่มันสำคัญ ในเมื่อเจ้าได้รับหงส์ไฟ
และยังสามารถช่วยหลานสาวของเจ้า มันยังดีไม่พอ"
ที่มาพร้อมกับเสียงได้ปรากฏร่างออกมา เขาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน เฉินซืออู๋
เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ จากทางด้านหลังของห้อง
รูปลักษณ์ในก่อนหน้านี้ที่ปรากฏในช่วงตอนกลางวัน
ในตอนนี้กลับดูเย็นชาและแตกต่างออกไปเป็นพิเศษ
"เจ้าพูดถูก มันดีมาก" เฉินเฟิงพยักหน้า
"นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน เจ้าต้องหาคนติดสินบนอย่างเหมาะสม
ก่อนที่เธอจะจบการศึกษา เจ้าจะต้องไม่ให้ใครที่ด้านนอก ครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ” เสียงของเฉินซืออู๋เย็นเยือกและมองออกไปที่เฉินเฟิง
ปราศจากความนอบน้อมเช่นที่แสดงออกในเวลากลางวัน
เฉินเฟิงมองไปที่เฉินซืออู๋ ผู้ซึ่งอยู่ข้างหน้าเขา
เขาดูแตกต่างราวกับสีดำและสีขาว ดูเหมือนว่า
เฉินเฟิงจะคุ้นเคยกับทัศนคติปัจจุบันของเฉินซืออู๋ แล้ว
การเพิ่มชื่อของเฉินหยานเซียวลงในรายชื่อผู้สมัครลงนามสัญญาหงส์ไฟ
ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการในนาทีสุดท้ายของเฉินเฟิงที่เขาวางแผน แต่ก็เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้นี้
ที่อยู่ข้างหน้าเขายืนกรานถึงสิ่งนี้
"เจ้ากลัวว่าตระกูลอื่น ๆ จะเคลื่อนไหวบางอย่าง?"
เฉินซืออู๋พยักหน้าเบา ๆ ราวกับสายลมหนาวที่ไม่แยแส เขาพูดออกไปว่า
"ข้าจะไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายเธอก่อนที่เธอจะสามารถป้องกันตัวเองได้"
...
"เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นักปรุงยานั้นเป็นอย่างไร?" ทันทีที่เฉินหยานเซียว กลับมาที่ห้องของเธอ เธอก็นั่งลงบนเก้าอี้
เธอรับรู้ได้ถึงข้อเสนอแนะของ เฉินเฟิง อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้วางแผนที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอว่าเธอได้บ่มเพาะทั้งพลังลมปราณและพลังเวทไว้เพราะ
ณ ตอนนี้เธอยังไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าเธอเปิดเผยไพ่ใบสำคัญของตัวเองก่อน
มันก็จะทำให้ศัตรูของเธอสามารถวางแผนที่ดียิ่งขึ้นได้
หงส์ไฟกำลังนอนอยู่บนเตียง
หลังจากพักผ่อนในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วมันก็จะฟื้นตัวขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามใบหน้าของมันเองก็กลับมาอย่างสมบูรณ์
‘การเป็นนักปรุงยาเป็นทางเลือกที่ดี
แต่คำถามก็คือเจ้ามีความเข้มแข็งพลังจิตอย่างเพียงพอหรือไม่’
เกี่ยวกับเรื่องของความแข็งแกร่งของเฉินหยานเซียว ซิว ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
"แล้วไม่ควรมีปัญหาใช่หรือไม่? ปัญหาหลักคือการยกเลิกการตราประทับ สำหรับอย่างอื่น ๆ พวกมันก็คงจะไม่เป็นไร"
เฉินหยานเซียว ยังคงนับได้ว่าเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ
หลังจากตราประทับของเธอถูกยกเลิก การพัฒนาของเธอก็คล้ายกับจรวดที่พุ่งทะยานออกไป
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลกับการเสียเวลามากเกินไปในบ่มเพาะทั้งพลังลมปราณ
และพลังเวท จริง ๆ แล้ว นักปรุงยาน่าจะเป็นวิธีง่ายๆในการหารายได้ที่สนใจอย่างมาก
‘ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ลองทำดูสิ
อย่างไรก็ตามบทบาทของนักปรุงยาก็ไม่ได้โดเด่นนัก
เมื่อเจ้าขึ้นไปยังระดับที่สูงขึ้น เจ้าจะขยายออกไปได้แค่ไหน’
ซิววิเคราะห์อย่างจริงจังเมื่อพูดออกมา
"เดี๋ยวก่อน! หงส์ไฟซึ่งนอนอยู่ ชะงักอึ้ง ก็พุ่งขึ้นมา เขามองไปที่
เฉินหยานเซียว และพูดว่า "ตราประทับ? ตราอะไร?"
เฉินหยานเซียวมองไปที่หงส์ไฟ และม้วนแขนเสื้อของเธอที่ปิดอย่างมิดชิดขึ้นมา
เพื่อให้มองเห็น ตราประทับ เจ็ดดวงดาวกักจันทรา
"นี่คือ เจ็ดดวงดาวกักจันทรา?!" หงส์ไฟ
ได้มองอย่างประหลาดใจไปที่ เฉินหยานเซียว
"เจ้า สาวน้อย เจ้าไปขวางทางใคร
เหนือความคาดคิดคนผู้นั้นถึงกับใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างมากเพื่อปิดผนึกตราประทับ
เจ็ดดวงดาวกักจันทรา ให้กับเจ้า?!"
เฉินหยานเซียวมองหงส์ไฟด้วยความสงสัย เป็นที่ชัดเจนว่าหงส์ไฟ
รู้เกี่ยวกับตราประทับนี้ด้วย
"เจ้ารู้เรื่องตรานี้หรือไม่?"
หงส์ไฟส่งเสียงขึ้นจมูกและกล่าวว่า "ไร้สาระ!
ข้าอาศัยอยู่มานานกว่าหมื่นปี เจ็ดดวงดาวกักจันทรา เป็นสิ่งที่ผู้คนค้นคว้าและสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่พันปีที่ผ่านมาในระหว่างสงครามกับเทพปีศาจ
ส่วนใหญ่ของตราประทับจะถูกนำมาใช้กับเชลยทั้งสองฝ่าย - สงคราม เทพเจ้าที่น่ากลัว
เจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่ามนุษย์ธรรมดา ดังนั้นทำไมคนผู้นั้นจึงใช้ตราประทับที่น่ากลัวนี้เพื่อที่จะยับยั้งความแข็งแกร่งของเจ้า?"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น