เขาไม่เคยเห็นการแสดงออกทางสีหน้าบนใบหน้าของ เฉินหยานเซียวเช่นนี้มาก่อน
ใบหน้าเช่นนี้ ไม่มีที่ไหนที่ใกล้เคียงกับการแสดงออกของคนงี่เง่า
หากแต่ดูคล้ายกับสาวน้อยที่ปกติธรรมดา
การคาดเดาผุดขึ้นในใจของเฉินเฟิง แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะมั่นใจ
กรอบความคิดในปัจจุบันของ เฉินหยิว และ เฉินทวน
ราวกับถูกทำลายโดยลมและสายฝน พวกเขามองไปที่ เฉินหยานเซียว
และค้นพบอย่างน่าอัศจรรย์ว่า มันไม่มีใบหน้าที่งี่เง่าแบบเดิม ๆ
ที่ขาดการแสดงออกทางสีหน้า และรู้แต่เพียงที่จะหัวเราะแบบโง่ ๆ ออกมา
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ที่อยู่หน้าพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ยืนอยู่ข้างรถ
ภายในแววตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหล่านี้ ล้วนเป็นร่องรอยของสติปัญญา
ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ของเธอกวาดตามองไปแต่ละคน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากที่สุดคือรอยตราประทับตราเปลวไฟระหว่างคิ้วของเธอ
ในบรรดาตำราโบราณของตระกูลหงส์ไฟ
มีบันทึกระบุว่าทุกคนที่ลงนามสัญญากับหงส์ไฟ
พวกเขาจะมีเปลวไฟปรากฎอยู่ระหว่างคิ้วของพวกเขาและนั่นเป็นข้อพิสูจน์สำหรับคนที่ลงนามในสัญญกับหงส์ไฟ
ในก่อนหน้านี้ เฉินหยิว และ เฉินทวน ต่างก็มั่นใจในตัวเองมากและก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้หรือคิดที่จะสังเกตที่ลูก
ๆ ของตัวเองว่าพวกเขามีเปลวไฟอยู่ระหว่างคิ้วหรือไม่
พวกเขาสร้างเรื่องตลกขึ้นมาจากการกระทำของตัวเองและทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างไม่เจตนา
มันเป็นบันทึกที่ผ่านมาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี และทุกคนกล้าที่จะไม่แน่ใจในความถูกต้องของมัน
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นตราประทับเปลวไฟนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อ เฉินหยานเซียวได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดของตัวเองนั้นไร้สาระมากขนาดไหน
ตราประทับเปลวไฟที่น่าหลงใหลมันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
หงส์ไฟได้เลือกเฉินหยานเซียว เป็นเจ้านายของมันจริง ๆ!
ในหัวใจของทุกคน พวกเขาก็ได้ข้อสรุปแบบนี้ เช่นที่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา
แม้ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเชื่อมัน แต่ตราประทับระหว่างคิ้วของ เฉินหยานเซียว
ก็ยังคงมีอยู่จริง
ใบหน้าของ เฉินหยิว และ เฉินทวน มีสีเข้มเหมือนกับก้นกะทะ
สำหรับเด็กที่โดดเด่นของครอบครัวของตัวเองได้หายตัวไปอย่างไม่คาดคิดกับคนงี่เง่าแบบนี้
แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ต่อความตาย
พวกเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่ยอมให้
เฉินเฟิง อนุญาตให้เฉินหยานเซียวเข้าร่วมกลุ่มนี้
ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และมันก็สายเกินไป
ตั้งแต่หงส์ไฟได้ยอมรับเจ้านาย พวกเขาก็ไม่มีพลังอำนาจที่จะกอบกู้สถานการณ์
“ท่านปู่ หลานสาวได้ตอบสนองความคาดหวังของท่านและได้นำหงส์ไฟกลับมา"
เฉินหยานเซียวยิ้มอย่างอ่อนโยนและเดินเข้าไป จนกระทั่งเธอยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเฉินเฟิง
ผู้ซึ่งจ้องมองอย่างตกตะลึง และจากนั้นเด็กสาวน่ารักที่หาตัวจับได้ยากก็พูดกับเขา
"...
" สมาชิกครอบครัวตระกูลหงส์ไฟทุกคนที่มาอยู่ในบริเวณนั้นต่างงงงัน
พวกเขามีอาการประสาทหลอนใช่หรือไม่?
คนปัญญาอ่อนที่ไม่สามารถอธิบายถึงสิ่งที่คนอื่นพูดได้อย่างเป็นระเบียบและมีเหตุมีผล
ในตอนนี้เธอได้เปิดปากพูด!
ตั้งแต่ที่ เฉินหยานเซียว ได้ปรากฏตัว
เฉินเฟิงก็พบการเปลี่ยนแปลงในตัวหลานสาวของเขาได้ในทันที แต่เมื่อ
เฉินหยานเซียวได้เรียกเขาว่า "ท่านปู่"
เฉินเฟิงย่อมยังคงตกตะลึงอยู่สักครู่
ตั้งแต่ยังเยาว์วัย นับจำนวนครั้งที่เฉินหยานเซียวได้พบกับ เฉินเฟิง
มันมีไม่มากนัก
แม้ว่าเธอจะได้เห็นเขาเป็นครั้งคราวเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
อาจกล่าวได้ว่าแม้หลังจากที่เฉินหยานเซียวได้โตขึ้นมา
เธอก็ยังไม่เคยพูดคำใดออกมาให้กับเฉินเฟิงแม้แต่คำเดียว
สำหรับวันนี้ ขณะที่เธอได้เปิดปากของเธอ
มันก็เหมือนกับกระแสน้ำที่รุนแรงไหลกระแทกในใจของทุกคน
คนบ้าที่ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันคนนั้นไปอยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
ที่พูดเก่งและคล่องแคล่วผู้นี้? คุณหนูเจ็ดที่โง่เง่าของครอบครัวของพวกเขาหายไปไหน?
แม้ว่า เฉินเฟิง จะไม่ทราบว่า เฉินหยานเซียว ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว
เฉินหยานเซียวไม่ได้เป็นแค่หลานสาวของเขา แต่เธอกลับนำหงส์ไฟกลับมาด้วย
เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
"มันดีแล้ว ที่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย เป็นเรื่องดีที่เจ้าได้กลับมาแล้ว!”
เฉินเฟิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ในขณะที่เขามองไปที่ เฉินหยานเซียว
อย่างไรก็ตามเขาอดที่จะเปิดปากของเขาและถามออกไปว่า
"เซียวเซี่ยว ทำไมเจ้าถึงได้..."
เฉินหยานเซียว กระพริบตาของเธอ ลูบปลายจมูกของเธอและจากนั้นยิ้ม
ขณะที่เธอกล่าวออกมาว่า "ท่านปู่คงต้องการที่จะถามข้าว่าทำไมจู่ ๆ
ข้าถึงได้ดูปกติใช่หรือไม่? ในความเป็นจริงข้าก็ไม่ทราบเหตุผล
เพียงแต่ว่าหลังจากที่ข้าลงนามสัญญากับหงส์ไฟ
มันก็เหมือนกับว่าภายใสสมองของข้าแจ่มชัดขึ้น"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น