นอกจากนั้นดินแดนเทพเจ้าซึ่งเป็นที่เคารพนับถือโดยคนทั่วไป
ก็เกลียดมากกับการดำรงอยู่ของเส้นทางนักเวทมนต์ดำ
มันเป็นเส้นทางที่ใกล้เคียงกับความมืดที่สุดในบรรดาเส้นทางที่เป็นไปได้ทั้งหกเส้นทางของ
นักบ่มเพาะพลังลมปราณและพลังเวท และดินแดนเทพเจ้าในทวีปคังหมิง ก็คว่ำบาตร
ทุกอำนาจชั่วร้ายที่เดินเข้าไปในเส้นทางแห่งความมืด
เนื่องจากความอคติของคนทั่วไปและความกดดันของดินแดนเทพเจ้า
มันจึงยากที่จะสามารถหาใครที่ศึกษาในเส้นทางนักเวทมนต์ดำในทวีปคังหมิง
แม้ว่าจะมีใครบางคนที่เข้าสู่เส้นทางนี้
คนผู้นั้นก็จะต้องผ่านวันคืนของเขาจากการเป็นเป้าหมายการดูถูก -
ตะโกนใส่และโจมตีโดยทุกคน
เฉินหยานเซียว ไม่เข้าใจว่าทำไมเส้นทางอาชีพนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจหลังจากที่ผ่านปากของพวกน่าซื่อใจคดเหล่านี้
น่ารังเกียจ?
ในโลกนี้ มีผู้คนที่สง่างามมากมายเป็นเช่นคำนี้
ผู้ซึ่งหากมองแต่เพียงด้านนอก เขาก็ดูสว่างและสะอาด
แต่เมื่อลับหลังพวกเขากลับทำในสิ่งที่สกปรก
ประชาชนทั่วไปกลับสามารถยอมรับคนหน้าซื่อใจคดผู้มีอำนาจเหล่านี้ได้
และพวกเขากลับยังไม่เต็มใจที่จะรับผู้เชี่ยวขาญในเวทมนต์ที่มหัศจรรย์บางอย่าง?
ความไร้สาระนี้แท้จริงมี
มันทำให้เฉินหยานเซียวมาถึงจุดที่ไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
"การใช้การคว่ำบาตรแบบนี้คืออะไร?
ดังนั้น ถ้าพวกเขาไม่ชอบมัน
ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้คนชี้ทางที่ข้าได้เลือกไว้สำหรับตัวข้า"
เฉินหยานเซียวเยาะเย้ยเพราะเธอไม่เคยสนใจว่าผู้คนบนโลกจะมองว่าเธอเป็นอย่างไร
เธอเพียง
แต่เลือกสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจว่าถูกต้องและไม่สุ่มสี่สุ่มห้าปฏิบัติตามมุมมองของผู้คนบนโลก
เฉินหยานเซียวเห็นได้ชัดว่าในโลกใบนี้ต้องพึ่งพาตนเองเพราะไม่มีใครสามารถพึ่งพาได้
‘จำได้ว่าวันนี้ เจ้าได้พูดอะไรไว้
เจ้าสามารถดำเนินการในสิ่งที่เจ้าเลือกได้อย่างรวดเร็ว' เกี่ยวกับความตั้งใจของเฉินหยานเซียว
ซิวไม่ได้พูดอะไรอีกในการห้ามเธอ เฉินหยานเซียวรู้สึกว่า
ซิวค่อนข้างพอใจกับการเลือกของเธอ
แม้ว่าทิศทางในอนาคตของนักบ่มเพาะพลังเวทของเธอได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว
แต่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับนักเวทมนต์ดำในสถานที่ที่เรียบง่ายเช่นนี้
แม้ว่าซิวจะมีความลึกลับมาก แต่เวลาได้ผ่านมาหลายร้อยปี
เขาก็ไม่สามารถคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ว่าคนที่เขาต้องมาอาศัยร่างอยู่
จะเลือกเข้าสู่เส้นทางของนักเวทมนต์ดำ
เขาย่อมไม่ได้เตรียมวัตถุดิบของเนื้อหาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นนักเวทมนต์ดำไว้ในจิตวิญญาณของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นชั้นที่สองของตราประทับเจ็ดดวงดาวกักจันทราก็ยังไม่สามารถยกเลิกได้
หลังจากที่เฉินหยานเซียวได้ทะลวงผ่านระดับหก
การเติบโตของพลังเวทมของเธอก็เริ่มนิ่งขึ้น
ไม่ว่าการบ่มเพาะด้วยจิตใจที่นิ่งสงบอย่างไร มันไม่เพิ่มขึ้นมาแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับที่ซิวบอกไว้ว่า
มันเกี่ยวข้องกับการปิดผนึกแน่นของตราประทับ
มันจำเป็นที่จะต้องยกเลิกตราประทับดังกล่าวเสียก่อน
เฉินหยานเซียวจึงทำได้แต่เพียงขจัดความคิดของเธอออกไปและยังคงบ่มเพาะในเส้นทางของนักเวทมนต์ดำในขณะนี้และสามารถเริ่มต้นฝึกบ่มเพาะในพลังลมปราณได้เท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่การทะลวงผ่านระดับหกในช่วงเวลาสั้น
ๆ นั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก
และยังต้องการที่จะทะลวงผ่านระดับพลังลมปราณ ของเธอภายในระยะเวลาสั้นมาก ...
แน่นอนจะเป็นความหฤโหดของคนบ้าเท่านั้น!
ซิวก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่ก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ที่เขาสั่งให้ เฉินหยานเซียวทำการบ่มเพาะ
ขณะที่รถม้าของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟได้ก้าวไปสู่ความลึกของหุบเขาลาวา
อุณหภูมิรอบตัวของพวกเขาก็ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าน้ำหยดลงบนพื้นผิว
มันย่อมระเหยกลายเป็นไอได้ในทันที
แม้แต่สัตว์ปีศาจระดับต่ำก็ไม่กล้าที่จะเข้าสู่บริเวณนี้
สำหรับผู้คนที่อยู่ในรถ พร้อมกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นพวกก็รู้ดีว่า
พวกเขาได้เข้าไปใกถ้ำหงส์ไฟจำศีลอยู่ภายใน
... ...
เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยนั่งอยู่ในรถเดียวกัน
ภายในรถนั้นมีเพียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่คอยอยู่ให้บริการทั้งสองคนขณะที่พวกเขาพัก
ผู้ติดตามอีกสองคนก็อยู่ในรถที่เฉินเจียเว่ยควรที่จะอยู่
"อีกนานหรือไม่ที่เราจะไปถึง?
นั่งอยู่ภายในรถคันนี้ตลอดทั้งวันข้าเหนื่อย เมื่อยหัวเข่า!
ข้าป่วยจากการกินเนื้อตากแห้ง! ถ้าข้ากินมันต่อไป ข้าคงจะต้องโยนมันทิ้ง"
เฉินเจียอี้ขมวดคิ้วขณะนั่งข้างในรถ
ตลอดมาเธอก็คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตเหมือนเจ้าหญิงในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
ไม่กี่วันของการรีบเร่งในการเดินทางของพวกเขา มันทำให้เธอมีความรู้สึกไม่สบาย
ถ้าไม่ใช่ว่ามันเกี่ยวข้องกับหงส์ไฟ
และเพราะเธอมีโอกาสที่จะได้รับความประทับใจจากนักปราชญ์
เธอคงจะไม่ยอมทนทุกข์ลำบากแบบนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น