สำหรับการถูกปิดผนึกความรู้สึกทั้งหก
พูดให้ถูกหยางเฉินได้ปิดประสาทสัมผัสไว้เพียง 5 เท่านั้น คือ หู จมูก ตา ลิ้น ลำตัว
ความรู้สึกทั้งห้านี้ถูกปิดผนึกไว้หยางเฉินเหลือไว้เพียงสติการรับรู้
ไม่มีใครในโลกเบื้องล่างรู้เคล็ดวิชานี้มีเพียงหยางเฉินที่เคยเป็นอมตะทองคำเท่านั้นที่รู้
การทิ้งจิตสำนึกไว้ก็หมายความว่าเขายังสามารถคิดและไม่ได้ตกอยู่ในอาการหมดสติ
ถ้าเขาหวังที่จะหลบหนีการคงสติไว้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา
แต่ในสถานการณ์นี้ที่ห้าความรู้สึกของเขาถูกปิดผนึกก็เป็นมากกว่าฝันร้ายมากกว่าโชคดี
เขาไม่ได้ยิน ไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รสชาติ และไม่มีความรู้สึกใด ๆ
พูดจริงๆ
แล้วหลังจากที่ประสาทสัมผัสของเขาถูกปิดผนึกเขาก็ไม่มีความรู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือความไม่สะดวกสบายใดๆ
ในความคิดของเขานี่ก็เหมือนกับเขาถูกส่งไปอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดรอบตัว
เขาไม่สามารถรับรู้การไหลผ่านของเวลาได้อย่างชัดเจน
"ข้าต้องการให้เจ้าตอบคำถามมา
แล้วข้าจะหยุดความทุกข์ที่เจ้าได้รับอย่างรวดเร็ว!"
เมื่อหยางเฉินปล่อยชายคนนั้น เขาก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมน้ำตา
เขาอยากตายในทันทีไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน
เขาไม่อยากรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เขาต้องถูกผนึกไว้
แทนที่จะถูกขังไว้แบบนั้นเขาอยากตายในทันที
ประมุขพระราชวังและผู้คุมกฏเหลือบมองกันและกันนี่ค่อนข้างจะอยู่เหนือความคาดหมาย
เมื่อเหลียงเซาหมิงมองไปที่ชายผู้นั้นเขาเหมือนถูกทิ่มแทง
หลังจากคิดถึงคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกไปทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าชายคนนี้มีหลักฐานเขาก็จะไม่สามารถปกป้องชูเฮิงได้อีกต่อไป
เมื่อทุกคนได้ยินคำให้การทุกสิ่งทุกอย่างก็ชัดเจนและจะเต็มไปด้วยความโกรธ
คนของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ช่างน่าประหลาดใจที่จะเล็งคนของนิกายสวรรค์ล้ำเลิศเช่นนี้
ในเวลาที่หยางเฉินเข้านิกายและเมื่อเขาขึ้นไปถึงจุดบนสุดของบันไดสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้เสมอ
และพวกเขายังส่งคนไปตามล่าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ?
นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการตบใบหน้านิกายสวรรค์ล้ำเลิศ?
นี่เป็นเพียงพยานคนเดียวเท่านั้นเหลียงเซาหมิงยังคงต้องการต่อสู้เพื่อศิษย์ผู้สืบทอดของเขา
แต่ก่อนที่เขาจะสามารถอ้าปากเถียงหยางเฉิน หยางเฉินก็นำคนอื่นออกมาอีก
ไม่นานหลังจากคนแรกเล่าเรื่องจบก็มีคนอื่นมาเพิ่มทั้งหมดสี่คน
เมื่อเขาเห็นเช่นนี้แล้วเหลียงเซาหมิงรู้รึกว่าถึงจุดจบของชูเฮิงแล้ว
"ผู้ดูแลหอซีเจ้าไปถามนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ข้าต้องการคำอธิบายเรื่องนี้!"
แม้จะไม่เห็นว่าประมุขพระราชวังโกรธมีท่าทีอย่างไร
แต่น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมามีความโกรธอยู่ในนั้นอย่างรุนแรง
"ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำให้พวกเขาต้องก้มหัว
และไม่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายพวกเขา!
นี่ยังมีเรื่องที่บันไดสวรรค์ครั้งล่าสุดนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ต้องมีคำอธิบายให้เรา!"
"ท่านประมุขเรื่องที่บันไดสวรรค์สาวกนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ระดับก่อลำต้นสามคนพ่ายแพ้ให้กับหยางเฉิน
ถ้าพวกเราพูดเรื่องนี้อีกครั้ง ..."
ซีเชิงซินผู้ดูแลหอฑูตต้องจัดการเรื่องต่างๆอย่างราบรื่นดังนั้นเขาต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง
ถ้าประมุขให้เขาไปเอ่ยเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดความตรึงเครียดระหว่างนิกายกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่หรือ?
"แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียร้อยผู้เชี่ยวชาญก่อลำต้น
แต่ก็ใครให้พวกเขานิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
พวกเขาเป็นหนี้คำอธิบายที่ต้องให้คำตอบพวกเรา!"
ประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์พิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญกว่าที่ซีเชิงซินคิด
และเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวว่าสำคัญมากกว่า
"เจ้าเพียงแค่ไปและตกลงกับเขาไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งอื่นใดอีก!"
เมื่อได้ยินคำที่ประมุขพระราชวังเอ่ยทุกคนณที่นั้นรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเดือด
ประมุขพระราชวังได้ให้ความสำคัญกับศิษย์ภายในนิกายอย่างมากจนไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับนิกายอันดับหนึ่งในโลกมนุษย์นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
ในขณะที่เหล่าสาวกหอพิทักษ์กฏก็พร้อมที่จะสละชีวิตให้กับนิกาย
แม้ว่าเขาจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งจนไม่สามารถประนีประนมได้ระหว่าง
พระราชวังหยางบริสุทธิ์กับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ แต่หยางเฉินก็รู้สึกดีสุดๆ
เหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกครั้งนั้น
จุดประสงค์หลักของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์จะปกป้องสาวก
ตราบใดที่เขาไม่อนุญาติให้เหลียงเซาหมิงผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราก็ถือว่าทุกอย่างในเวลานั้นก็จะไม่เป็นไร
“ผู้ดูแลเหลียง!”
หลังจากที่เขาพูดเรื่องที่ต้องจัดการกับฝ่ายฑูตเสร็จ
เขาก็หันไปหาเหลียงเซาหมิงและพูดว่า
"ชูเฮิงมีคดีสมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอกทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกัน เรามีพยานหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถหักล้างได้
เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?"
"ศิษย์ไม่กล้า!"
ด้วยตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัสมีจันทร์ไม่ใช่ตำแหน่งที่วิเศษอะไร
ต่อหน้าประมุขภายใต้การจ้องมอง
เหลียงเซาหมิงทำได้เพียงลดศีรษะของเขาลงไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรให้มากความ
"ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีสิ่งใดคัดค้าน?"
ประมุขพระราชวังถามอีกครั้ง
"ไม่มีท่านประมุข!"
เหลียงเซาหมิงยังคงจ้องมองไปที่พื้น
เขาสั่นศีรษะเบาๆด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย ภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจชูเฮิง
"เมิงเซียน ชูเฮิงเป็นศิษย์ของนิกายพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้สมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอกและทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกัน
เขามีความผิดอย่างร้ายแรง โชคดีที่หยางเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ
โทษของชูเฮิงคือทำลายตบะของเขาและขับออกจากนิกาย!"
หลังจากที่เหลียงเซาหมิงไม่ได้คัดค้างใดๆ
ประมุขพระราชวังจึงหันไปหาเมิงเซียนผู้ดูแลหอพิทักษ์กฏและเอ่ยว่า
"เรียกชูเฮิงมาและให้หอพิทักษ์กฏสำเร็จโทษ!"
"รับทราบท่านประมุข!"
เมิงเซียนโค้งและรับคำ
ความผิดที่ชูเฮิงได้กระทำแม้แต่เหลียงเซาหมิงก็มิอาจช่วยเขาได้
"หยางเฉิน!"
หลังจากพิจารณาโทษ่ชูเฮิง ประมุขพระราชวังได้หันไปหาหยางเฉิน
หยางเฉินรีบรับคำเขายืนอยู่ข้างเหลียงเซาหมิง
"การทำลายตบะและขับไล่เป็นการลงโทษจากนิกายของข้า
สำหรับความไม่พอใจส่วนตัวเจ้าต้องจัดการด้วยตัวเอง!"
ประมุขพูดด้วยความสงบอย่างมาก แต่ทุกคนรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของเขา
ตัดสินโทษทำลายการบ่มเพาะต่อหน้าหยางเฉินผู้ที่ต้องการจัดการส่วนตัวด้วยตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
"ศิษย์รู้สึกขอบคุณประมุขที่ให้ความยุติธรรม!"
หยางเฉินโค้งคำนับให้ประมุขพระราชวังที่เหมือนพยาธิในท้องของเขาที่รู้ว่าเขาต้องการจะฆ่าชูเฮิงด้วยมือของเขาเอง
แต่เขาก็ยังคงเปิดทางชี้ทางเช่นนี้ให้เขา
นอกจากการแสดงการขอบคุณแล้วอะไรที่หยางเฉินเคยได้พูดไว้?
“ผู้ดูแลเหลียง!”
เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตัดสินเมื่อประมุขพระราชวังหันไปทางเหลียงเซาหมิงอีกครั้ง
"เจ้าไม่เข้าใจและเพื่อให้ศิษย์ของเจ้าได้รับคำชี้แนะที่เหมาะสมดังนั้นเจ้าจึงต้องรับผิดชอบในความผิดนี้เช่นกัน
โทษของเจ้าคือเข้ากักตนเป็นเวลาสิบปีและคำนึงถึงสิ่งผิดพลาดของตัวเจ้าเอง
นอกจากนี้หยางเฉินต้องได้รับของปลอบใจเป็นส่วนผสมกระบี่บินที่มาจากเจ้า"
“รับทราบ ท่านประมุข!”
เหลียงเซาหมิงไม่ได้โต้แย้งอย่างน้อยเมื่อมองจากมุมมองภายนอก
เหลียงเซาหมิงเป็นเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
สำหรับการเปลี่ยนกระเป๋าจัดเก็บแม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นการกระทำของชูเฮิงใครล่ะจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง? แต่ประมุขพระราชวังได้ตัดสินใจที่จะไม่สืบสาวต่อไป
เหลียงเฉาหมิงกล่าวว่าบางสิ่งน่าหัวเราะเบาๆออกไป
"หยางเฉิน! นี่เป็นรางวัลของเจ้าตั้งแต่เจ้าขึ้นไปถึงยอดบันไดสวรรค์
แต่ในเวลานั้นระดับการบ่มเพาะของเจ้ายังไม่ถึงขั้นก่อสร้างรากฐาน
รางวัลจึงล่าช้าออกไป"
ประมุขพระราชวังเอ่ยให้กำลังใจหยางเฉินอีกครั้ง
"ในตอนนี้เจ้าได้เป็นศิษย์ภายในแล้ว รางวัลเดิมจากระดับก่อสร้างรากฐานไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
แต่เจ้าจะได้รับคะแนนหนึ่งหมื่นคะแนนจากนิกาย
นอกจากนี้อาจารของเจ้าจะปรับแต่งกระบี่บินที่เหมาะสมให้กับคุณสมบัติของเจ้า
หวังว่าเจ้าจะบ่มเพาะอย่างขยันหมั่นเพียรและได้รับความรู้ที่ดียิ่งขึ้น!
สำหรับสถานที่ฝึกตนของเจ้า เจ้าจะได้รับอนุญาติให้เลือกถ้ำอมตะในภูเขาเหมยชิง!"
"ขอบคุณ ท่านประมุข!"
หยางเฉินคำนับอีกครั้ง ในตอนนี้เขาได้เป็นศิษย์ภายในแล้ว
รางวัลเหล่านั้นที่ได้สัญญาไว้กับเขาเมื่อนานมาแล้วก็ได้ส่งมอบให้กับเขา
แต่หยางเฉินยังไม่พอใจกับของรางวัลหรือการลงโทษเหล่านั้น เขาไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรเหล่านี้
สำหรับการลงโทษนี้ประมุขพระราชวังเพียงต้องการคำอธิบายจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าต้องการสนับสนุนหยางเฉิน
แต่ในหัวข้อหลัก การขอคำอธิบายเรื่องบันไดสวรรค์
มันก็ได้ผ่านมาแล้วเจ็ดถึงแปดปี ในตอนนั้นทำไมเขาถึงไม่ถามเหตุผล?
หยางเฉินทราบอย่างชัดเจน
แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์แต่เขาก็มีระดับบ่มเพาะเพียงรวบรวมลมปราณ
แม้หลังจากการชุมนุมที่บันไดสวรรค์เขาก็ยังไม่สำคัญพอที่จะทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องกลาเยป็นศัตรูกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
นับประสาอะไรที่จะคู่ควรไปขอคำอธิบาย พวกเขาสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นหลายคน
แล้วเขายังต้องให้คำอธิบายแบบไหนอีก?
แต่ในตอนนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง
ตั้งแต่มีข่าวว่าหยางเฉินประสบความสำเร็จในการกลั่นยาคว้าสวรรค์แพร่กระจายออกไป
หยางเฉินก็ไม่ได้เป็นเพียงศิษย์ก่อสร้างรากฐานทั่วไปอีกต่อไป เขาสามารถเป็นผู้ช่วยให้กับผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกและออกผลที่มีอำนาจหลายคน
พรสวรรค์แต่เดิมเพียงอย่างเดียวอาจช่วยการบ่มเพาะของเขาและเพิ่มชื่อเสียงของเขาในนิกาย
นั่นคือทั้งหมด
แต่ยาคว้าสวรรค์ที่ระดับสูงล้ำไม่ได้เป็นเพียงการกลั่นสกัดยาระดับสูงมันสามารถนำมาซึ่งประโยชน์มากมายให้กับนิกายแม้กระทั่งการได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนก็ไม่ใช่ปัญหา
ทัศนคติก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้พระราชวังหยางบริสุทธิ์เพียงสนับสนุนเขาอย่างเอาจริงเอาจัง
แต่ในคราวนี้พวกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อสนับสนุนหยางเฉิน
ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้รับความคับข้องใจดังนั้นเจาจึงต้องการตอบแทนพวกเขาในตอนนี้
ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้รับการคัดค้านดังนั้นในตอนนี้ศัตรูต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่เขา
ก่อนหน้านี้หยางเฉินต้องได้รับบาดเจ็บ
ในตอนนี้เขาต้องการจะส่งคืนพวกมันไปสองเท่า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ขณะนี้หยางเฉินได้กลายเป็นตัวแทนพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ทุกคนที่กล้าอยู่ตรงข้ามกับเขาจะถูกทำลายในทันทีอย่างโหดเหี้ยม
เพื่อหยางเฉินจะได้ไม่เจอปัญหาใด ๆ
หยางเฉินจะคาดเดาความคิดของประมุขพระราชวังได้อย่างไร? กับเพื่อนตัวน้อยอย่างหยางเฉิน
มันจะเป็นเพียงแค่ดูเหมือนพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องการสนับสนุนหยางเฉินแต่พวกเขาไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องนี้
การที่หยางเฉินได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์นั้นเกิดจากการสนับสนุนจากประมุขและวิหารหยางอัคคี
แต่ในตอนนี้ยังรวมถึง หอโอสถ หอภารกิจต่างแดน และวิหารพิทักษ์กฏ
แต่สำหรับเรื่องประมุขและวิหารรัศมีจันทราหยางเฉินยังไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไร
พูดจริงๆแล้วถึงแม้ว่าประมุขจะดีกับเขาในขณะนี้
แต่เขาก็ยังคงเห็นแก่หน้าวิหารรัศมีจันทรา มิฉะนั้นเขาคงไม่ให้เหลียงเซาหมิง
ซึ่งในตอนนั้นหลังจากที่ทรยศและขับไล่กั่วหยูออกจากตำแหน่งผู้ดูแลหอ
เพียงเพราะเหตุผลนี้หยางเฉินก็รู้สึกไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณประมุขพระราชวัง
สำหรับประมุขพูดอย่างจริงจังการกระทำเขาช่างสมบูรณ์แบบ
ปกป้องเหลียงเซาหมิง แม้แต่ในเรื่องนี้เหลียงเซาหมิงแทบจะไม่ได้เอ่ยคำใด ๆ
และหลักฐานที่บางเบาบางอย่างทำให้เขาถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด
แม้ว่าเขาจะยังคงถูกสอบสวนว่าเหลียงเซาหมิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการปองร้ายหยางเฉินหรือไม่ก็ตาม
เพียงเพราะเขากล่าวว่าชูเฮิงได้หลอกเขาเบาๆ
และท้ายที่สุดเขาก็ได้รับการลงโทษเล็กน้อย
เขายังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราและกักตัวบ่มเพาะอีกเล็กน้อยไม่ได้ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดหยางเฉินไม่มีความเชื่อในตัวประมุขเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าเขายังไม่คุ้มค่าพอที่จะสละตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทรา
หยางเฉินต้องการเปลี่ยนแปลงความสมดุลนี้บางทีอาจจะมีเพียงทางเดียวเท่านั้น
คือเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองจนกว่าจะไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อเขา
แต่หยางเฉินก็ยังไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งเหล่านี้นาน
แม้ว่าเขาจะคิดถึงเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้นหยางเฉินจึงทำได้เพียงยอมรับคำตัดสินของประมุขและยืนหยัดอยู่ข้างหลังอาจารย์ของเขา
หยางจากที่ประกาศบทลงโทษเรียบร้อย
วิหารพิทักษ์กฏก็ได้ทำการหาตัวชูเฮิงอย่างบ้าคลั่ง ตูเชี่ยนรู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยหยางเฉินเลือกถ้ำอมตะได้
สำหรับคนอื่นๆได้นัดหมายกับหยางเฉินเพื่อเลือกถ้ำอมตะ
แต่ก่อนอื่นทุกคนต้องการกลับไปที่ถ้ำของตนเองเพื่อบ่มเพาะ
ส่วนเรื่องหยางเฉินเขาติดตามกั่วหยูและกลับไปที่ถ้ำอมตะของเธอ
"นี่เป็นถ้ำอมตะของข้า เจ้าสามารถนั่งที่ไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการ!"
ภายในถ้ำอมตะของกั่วหยูนั้นเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
เมื่อเธอกลับมาที่เขตแดนของตนเองเธอก็ผ่อนคลายมาก
และไม่ค่อยรู้สึกขัดหูขัดตาอีกต่อไป
เธอยอมให้หยางเฉินทำอะไรก็ได้ที่ต้องการในท่าทีที่ผ่อนคลาย
หยางเฉินจำได้ว่านี่เป็นเรื่องประจำที่อาจาย์ของเขาจะไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ
ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ และบรรยากาศในตอนนี้ก็เหมือนอยู่บ้าน หยางเฉินชอบมาก
[สงสัยลืมพ่อแม่ไปแล้ว]
"บอกการบ่มเพาะของเจ้าที่เจ้าถนัด
และชนิดของกระบี่บินที่เจ้าต้องการมาข้าจะได้ปรับแต่งมันให้กับเจ้า?"
ไม่ต้องพูดให้มากความกั่วหยูจึงถามหยางเฉินก่อนว่ากระบี่บินหยางเฉินต้องการแบบไหน
นี่เป็นรางวัลที่ประมุขพระราชวังมอบวัสดุมาให้
อาจารย์หยางเฉินเช่นนางก็ต้องเริ่มทำงานกลัวว่าศิษย์ผู้สืบทอดของเธอจะคิดว่าเธอไม่ใส่ใจ
"ไม่ต้องรีบร้อนอาจารย์! พักผ่อนก่อนเถิดแล้วปล่อยให้ศิษย์ผู้นี้ชงชาให้ท่าน!"
หยางเฉินไม่ต้องการให้กั่วหยูต้องเหน็ดเหนื่อย
เขาดึงชุดชาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากแหวนแห่งความสำเร็จของเขา
จากนั้นก็หยิบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมา
และน้ำพุที่เขาค้นพบมาในการเดินทางไปบันไดสวรรค์
กั่วหยูเป็นผู้ชื่นชอบชา เป็นธรรมดาที่หยางเฉินจะรู้เรื่องนี้
เขาได้ค้นหาทุกสิ่งทุกอย่างและรอช่วงเวลานี้
เมื่อเห็นหยางเฉินกระตือรือร้นเช่นนี้กั่วหยูรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขมาก
กลิ่นของใบชาที่หยางเฉินนำมาทำให้เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งขึ้น
หยางเฉินกำลังจัดเตรียมน้ำชาอย่างลระมัดระวังเป็นพิเศษตามความชอบของกั่วหยู
และวิธีทำให้น้ำเดือนของเขาก็ยิ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่จากของเดิม
เขายังมีความเชี่ยวชาญในการล้างใบชาทำให้กั่วหยูคาดหวังอย่างเต็มที่
หลังจากที่ได้รับความร้อนจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ และล้างใบชาแล้ว
น้ำพุได้ถูกเติมเข้าไปในกาน้ำชา หลังจากทำอะไรเรียบร้อยแล้ว
หยางเฉินก้อรินน้ำชาใส่ถ้วยและถือถ้วยยื่นให้ที่ด้านหน้าของกั่วหยู
"อาจารย์เชิญดื่มชา!"
ทันทีที่กั่วหยูรับมา เธอค่อยๆดมกลิ่นหอมหวานของใบชา หยางเฉินก็พูดต่อว่า
"คุณสมบัติของชานี้ยังไม่ดีพอ
หลังจากนี้อีกสิบปีอาจารย์สามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติที่ดีที่สุดของใบชาได้!"
"ดีข้าจะรอ!"
กั่วหยูไม่ได้พูดกับอย่างเฉินอย่างอ่อนโยน
เธอพยักหน้าและลิ้มรสชาในมือของเธอหนึ่งอึก และกล่าวชมเชย
"ชาดี!"
"อาจารย์นี่เป็นถ้ำอมตะของท่าน
เป็นเรื่องง่ายมากและยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณในที่นี้ยังขาดอยู่!"
หยางเฉินรู้นิสัยชอบดื่มชาของกั่วหยู
เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เฝ้าดูเธอดื่มชาที่เขาได้ชงให้
โดยไม่ต้องคิดมากเขาจึงพูดว่า
[แอบใส่อะไรให้อาจารย์กินหรือเปล่า?]
"ในเมื่อศิษย์คนนี้จะเลือกถ้ำในวันพรุ่งนี้
อาจารย์ก็ควรจะได้เลือกถ้ำที่ดีกว่านี้!"
ขอบคุณคะ :)
ตอบลบขอบคุณครับ ศิษย์อาจารย์คู่นี้มุ้งมิ้งกันดีจริงๆ
ตอบลบ