เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ZX 090 ถ้ำอมตะนี้ไม่ดี




สำหรับการถูกปิดผนึกความรู้สึกทั้งหก พูดให้ถูกหยางเฉินได้ปิดประสาทสัมผัสไว้เพียง 5 เท่านั้น คือ หู จมูก ตา ลิ้น ลำตัว ความรู้สึกทั้งห้านี้ถูกปิดผนึกไว้หยางเฉินเหลือไว้เพียงสติการรับรู้ ไม่มีใครในโลกเบื้องล่างรู้เคล็ดวิชานี้มีเพียงหยางเฉินที่เคยเป็นอมตะทองคำเท่านั้นที่รู้

การทิ้งจิตสำนึกไว้ก็หมายความว่าเขายังสามารถคิดและไม่ได้ตกอยู่ในอาการหมดสติ ถ้าเขาหวังที่จะหลบหนีการคงสติไว้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่ในสถานการณ์นี้ที่ห้าความรู้สึกของเขาถูกปิดผนึกก็เป็นมากกว่าฝันร้ายมากกว่าโชคดี

เขาไม่ได้ยิน ไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รสชาติ และไม่มีความรู้สึกใด ๆ พูดจริงๆ แล้วหลังจากที่ประสาทสัมผัสของเขาถูกปิดผนึกเขาก็ไม่มีความรู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือความไม่สะดวกสบายใดๆ ในความคิดของเขานี่ก็เหมือนกับเขาถูกส่งไปอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดรอบตัว เขาไม่สามารถรับรู้การไหลผ่านของเวลาได้อย่างชัดเจน

"ข้าต้องการให้เจ้าตอบคำถามมา แล้วข้าจะหยุดความทุกข์ที่เจ้าได้รับอย่างรวดเร็ว!"

เมื่อหยางเฉินปล่อยชายคนนั้น เขาก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมน้ำตา เขาอยากตายในทันทีไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาไม่อยากรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เขาต้องถูกผนึกไว้ แทนที่จะถูกขังไว้แบบนั้นเขาอยากตายในทันที

ประมุขพระราชวังและผู้คุมกฏเหลือบมองกันและกันนี่ค่อนข้างจะอยู่เหนือความคาดหมาย เมื่อเหลียงเซาหมิงมองไปที่ชายผู้นั้นเขาเหมือนถูกทิ่มแทง หลังจากคิดถึงคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกไปทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าชายคนนี้มีหลักฐานเขาก็จะไม่สามารถปกป้องชูเฮิงได้อีกต่อไป

เมื่อทุกคนได้ยินคำให้การทุกสิ่งทุกอย่างก็ชัดเจนและจะเต็มไปด้วยความโกรธ คนของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ช่างน่าประหลาดใจที่จะเล็งคนของนิกายสวรรค์ล้ำเลิศเช่นนี้
ในเวลาที่หยางเฉินเข้านิกายและเมื่อเขาขึ้นไปถึงจุดบนสุดของบันไดสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้เสมอ และพวกเขายังส่งคนไปตามล่าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ? นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการตบใบหน้านิกายสวรรค์ล้ำเลิศ?

นี่เป็นเพียงพยานคนเดียวเท่านั้นเหลียงเซาหมิงยังคงต้องการต่อสู้เพื่อศิษย์ผู้สืบทอดของเขา แต่ก่อนที่เขาจะสามารถอ้าปากเถียงหยางเฉิน หยางเฉินก็นำคนอื่นออกมาอีก ไม่นานหลังจากคนแรกเล่าเรื่องจบก็มีคนอื่นมาเพิ่มทั้งหมดสี่คน เมื่อเขาเห็นเช่นนี้แล้วเหลียงเซาหมิงรู้รึกว่าถึงจุดจบของชูเฮิงแล้ว

"ผู้ดูแลหอซีเจ้าไปถามนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ข้าต้องการคำอธิบายเรื่องนี้!"

แม้จะไม่เห็นว่าประมุขพระราชวังโกรธมีท่าทีอย่างไร แต่น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมามีความโกรธอยู่ในนั้นอย่างรุนแรง

"ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำให้พวกเขาต้องก้มหัว และไม่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายพวกเขา! นี่ยังมีเรื่องที่บันไดสวรรค์ครั้งล่าสุดนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ต้องมีคำอธิบายให้เรา!"

"ท่านประมุขเรื่องที่บันไดสวรรค์สาวกนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ระดับก่อลำต้นสามคนพ่ายแพ้ให้กับหยางเฉิน ถ้าพวกเราพูดเรื่องนี้อีกครั้ง ..."

ซีเชิงซินผู้ดูแลหอฑูตต้องจัดการเรื่องต่างๆอย่างราบรื่นดังนั้นเขาต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง ถ้าประมุขให้เขาไปเอ่ยเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดความตรึงเครียดระหว่างนิกายกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่หรือ?

"แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียร้อยผู้เชี่ยวชาญก่อลำต้น แต่ก็ใครให้พวกเขานิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พวกเขาเป็นหนี้คำอธิบายที่ต้องให้คำตอบพวกเรา!"

ประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์พิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญกว่าที่ซีเชิงซินคิด และเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวว่าสำคัญมากกว่า

"เจ้าเพียงแค่ไปและตกลงกับเขาไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งอื่นใดอีก!"

เมื่อได้ยินคำที่ประมุขพระราชวังเอ่ยทุกคนณที่นั้นรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเดือด ประมุขพระราชวังได้ให้ความสำคัญกับศิษย์ภายในนิกายอย่างมากจนไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับนิกายอันดับหนึ่งในโลกมนุษย์นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ ในขณะที่เหล่าสาวกหอพิทักษ์กฏก็พร้อมที่จะสละชีวิตให้กับนิกาย

แม้ว่าเขาจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งจนไม่สามารถประนีประนมได้ระหว่าง พระราชวังหยางบริสุทธิ์กับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ แต่หยางเฉินก็รู้สึกดีสุดๆ เหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกครั้งนั้น จุดประสงค์หลักของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์จะปกป้องสาวก ตราบใดที่เขาไม่อนุญาติให้เหลียงเซาหมิงผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราก็ถือว่าทุกอย่างในเวลานั้นก็จะไม่เป็นไร

ผู้ดูแลเหลียง!”

หลังจากที่เขาพูดเรื่องที่ต้องจัดการกับฝ่ายฑูตเสร็จ เขาก็หันไปหาเหลียงเซาหมิงและพูดว่า

"ชูเฮิงมีคดีสมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอกทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกัน เรามีพยานหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถหักล้างได้ เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?"

"ศิษย์ไม่กล้า!"

ด้วยตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัสมีจันทร์ไม่ใช่ตำแหน่งที่วิเศษอะไร ต่อหน้าประมุขภายใต้การจ้องมอง เหลียงเซาหมิงทำได้เพียงลดศีรษะของเขาลงไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรให้มากความ

"ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีสิ่งใดคัดค้าน?"

ประมุขพระราชวังถามอีกครั้ง

"ไม่มีท่านประมุข!"

เหลียงเซาหมิงยังคงจ้องมองไปที่พื้น เขาสั่นศีรษะเบาๆด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย ภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจชูเฮิง

"เมิงเซียน ชูเฮิงเป็นศิษย์ของนิกายพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้สมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอกและทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกัน เขามีความผิดอย่างร้ายแรง โชคดีที่หยางเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ โทษของชูเฮิงคือทำลายตบะของเขาและขับออกจากนิกาย!"

หลังจากที่เหลียงเซาหมิงไม่ได้คัดค้างใดๆ ประมุขพระราชวังจึงหันไปหาเมิงเซียนผู้ดูแลหอพิทักษ์กฏและเอ่ยว่า

"เรียกชูเฮิงมาและให้หอพิทักษ์กฏสำเร็จโทษ!"

"รับทราบท่านประมุข!"

เมิงเซียนโค้งและรับคำ ความผิดที่ชูเฮิงได้กระทำแม้แต่เหลียงเซาหมิงก็มิอาจช่วยเขาได้

"หยางเฉิน!"

หลังจากพิจารณาโทษ่ชูเฮิง ประมุขพระราชวังได้หันไปหาหยางเฉิน หยางเฉินรีบรับคำเขายืนอยู่ข้างเหลียงเซาหมิง

"การทำลายตบะและขับไล่เป็นการลงโทษจากนิกายของข้า สำหรับความไม่พอใจส่วนตัวเจ้าต้องจัดการด้วยตัวเอง!"

ประมุขพูดด้วยความสงบอย่างมาก แต่ทุกคนรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของเขา ตัดสินโทษทำลายการบ่มเพาะต่อหน้าหยางเฉินผู้ที่ต้องการจัดการส่วนตัวด้วยตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

"ศิษย์รู้สึกขอบคุณประมุขที่ให้ความยุติธรรม!"

หยางเฉินโค้งคำนับให้ประมุขพระราชวังที่เหมือนพยาธิในท้องของเขาที่รู้ว่าเขาต้องการจะฆ่าชูเฮิงด้วยมือของเขาเอง แต่เขาก็ยังคงเปิดทางชี้ทางเช่นนี้ให้เขา นอกจากการแสดงการขอบคุณแล้วอะไรที่หยางเฉินเคยได้พูดไว้?

ผู้ดูแลเหลียง!”

เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตัดสินเมื่อประมุขพระราชวังหันไปทางเหลียงเซาหมิงอีกครั้ง

"เจ้าไม่เข้าใจและเพื่อให้ศิษย์ของเจ้าได้รับคำชี้แนะที่เหมาะสมดังนั้นเจ้าจึงต้องรับผิดชอบในความผิดนี้เช่นกัน โทษของเจ้าคือเข้ากักตนเป็นเวลาสิบปีและคำนึงถึงสิ่งผิดพลาดของตัวเจ้าเอง นอกจากนี้หยางเฉินต้องได้รับของปลอบใจเป็นส่วนผสมกระบี่บินที่มาจากเจ้า"

รับทราบ ท่านประมุข!”

เหลียงเซาหมิงไม่ได้โต้แย้งอย่างน้อยเมื่อมองจากมุมมองภายนอก เหลียงเซาหมิงเป็นเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น สำหรับการเปลี่ยนกระเป๋าจัดเก็บแม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นการกระทำของชูเฮิงใครล่ะจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง? แต่ประมุขพระราชวังได้ตัดสินใจที่จะไม่สืบสาวต่อไป เหลียงเฉาหมิงกล่าวว่าบางสิ่งน่าหัวเราะเบาๆออกไป

"หยางเฉิน! นี่เป็นรางวัลของเจ้าตั้งแต่เจ้าขึ้นไปถึงยอดบันไดสวรรค์ แต่ในเวลานั้นระดับการบ่มเพาะของเจ้ายังไม่ถึงขั้นก่อสร้างรากฐาน รางวัลจึงล่าช้าออกไป"

ประมุขพระราชวังเอ่ยให้กำลังใจหยางเฉินอีกครั้ง

"ในตอนนี้เจ้าได้เป็นศิษย์ภายในแล้ว รางวัลเดิมจากระดับก่อสร้างรากฐานไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่เจ้าจะได้รับคะแนนหนึ่งหมื่นคะแนนจากนิกาย นอกจากนี้อาจารของเจ้าจะปรับแต่งกระบี่บินที่เหมาะสมให้กับคุณสมบัติของเจ้า หวังว่าเจ้าจะบ่มเพาะอย่างขยันหมั่นเพียรและได้รับความรู้ที่ดียิ่งขึ้น! สำหรับสถานที่ฝึกตนของเจ้า เจ้าจะได้รับอนุญาติให้เลือกถ้ำอมตะในภูเขาเหมยชิง!"

"ขอบคุณ ท่านประมุข!"

หยางเฉินคำนับอีกครั้ง ในตอนนี้เขาได้เป็นศิษย์ภายในแล้ว รางวัลเหล่านั้นที่ได้สัญญาไว้กับเขาเมื่อนานมาแล้วก็ได้ส่งมอบให้กับเขา

แต่หยางเฉินยังไม่พอใจกับของรางวัลหรือการลงโทษเหล่านั้น เขาไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรเหล่านี้ สำหรับการลงโทษนี้ประมุขพระราชวังเพียงต้องการคำอธิบายจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าต้องการสนับสนุนหยางเฉิน

แต่ในหัวข้อหลัก การขอคำอธิบายเรื่องบันไดสวรรค์ มันก็ได้ผ่านมาแล้วเจ็ดถึงแปดปี ในตอนนั้นทำไมเขาถึงไม่ถามเหตุผล?

หยางเฉินทราบอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์แต่เขาก็มีระดับบ่มเพาะเพียงรวบรวมลมปราณ แม้หลังจากการชุมนุมที่บันไดสวรรค์เขาก็ยังไม่สำคัญพอที่จะทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องกลาเยป็นศัตรูกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ นับประสาอะไรที่จะคู่ควรไปขอคำอธิบาย พวกเขาสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นหลายคน แล้วเขายังต้องให้คำอธิบายแบบไหนอีก?

แต่ในตอนนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่มีข่าวว่าหยางเฉินประสบความสำเร็จในการกลั่นยาคว้าสวรรค์แพร่กระจายออกไป หยางเฉินก็ไม่ได้เป็นเพียงศิษย์ก่อสร้างรากฐานทั่วไปอีกต่อไป เขาสามารถเป็นผู้ช่วยให้กับผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกและออกผลที่มีอำนาจหลายคน

พรสวรรค์แต่เดิมเพียงอย่างเดียวอาจช่วยการบ่มเพาะของเขาและเพิ่มชื่อเสียงของเขาในนิกาย นั่นคือทั้งหมด แต่ยาคว้าสวรรค์ที่ระดับสูงล้ำไม่ได้เป็นเพียงการกลั่นสกัดยาระดับสูงมันสามารถนำมาซึ่งประโยชน์มากมายให้กับนิกายแม้กระทั่งการได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนก็ไม่ใช่ปัญหา


ทัศนคติก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้พระราชวังหยางบริสุทธิ์เพียงสนับสนุนเขาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ในคราวนี้พวกเขาจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อสนับสนุนหยางเฉิน

ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้รับความคับข้องใจดังนั้นเจาจึงต้องการตอบแทนพวกเขาในตอนนี้ ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้รับการคัดค้านดังนั้นในตอนนี้ศัตรูต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่เขา

ก่อนหน้านี้หยางเฉินต้องได้รับบาดเจ็บ ในตอนนี้เขาต้องการจะส่งคืนพวกมันไปสองเท่า ไม่ว่ากรณีใด ๆ ขณะนี้หยางเฉินได้กลายเป็นตัวแทนพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกคนที่กล้าอยู่ตรงข้ามกับเขาจะถูกทำลายในทันทีอย่างโหดเหี้ยม เพื่อหยางเฉินจะได้ไม่เจอปัญหาใด ๆ

หยางเฉินจะคาดเดาความคิดของประมุขพระราชวังได้อย่างไร? กับเพื่อนตัวน้อยอย่างหยางเฉิน มันจะเป็นเพียงแค่ดูเหมือนพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องการสนับสนุนหยางเฉินแต่พวกเขาไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องนี้

การที่หยางเฉินได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์นั้นเกิดจากการสนับสนุนจากประมุขและวิหารหยางอัคคี แต่ในตอนนี้ยังรวมถึง หอโอสถ หอภารกิจต่างแดน และวิหารพิทักษ์กฏ แต่สำหรับเรื่องประมุขและวิหารรัศมีจันทราหยางเฉินยังไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไร

พูดจริงๆแล้วถึงแม้ว่าประมุขจะดีกับเขาในขณะนี้ แต่เขาก็ยังคงเห็นแก่หน้าวิหารรัศมีจันทรา มิฉะนั้นเขาคงไม่ให้เหลียงเซาหมิง ซึ่งในตอนนั้นหลังจากที่ทรยศและขับไล่กั่วหยูออกจากตำแหน่งผู้ดูแลหอ เพียงเพราะเหตุผลนี้หยางเฉินก็รู้สึกไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณประมุขพระราชวัง

สำหรับประมุขพูดอย่างจริงจังการกระทำเขาช่างสมบูรณ์แบบ ปกป้องเหลียงเซาหมิง แม้แต่ในเรื่องนี้เหลียงเซาหมิงแทบจะไม่ได้เอ่ยคำใด ๆ และหลักฐานที่บางเบาบางอย่างทำให้เขาถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด แม้ว่าเขาจะยังคงถูกสอบสวนว่าเหลียงเซาหมิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการปองร้ายหยางเฉินหรือไม่ก็ตาม เพียงเพราะเขากล่าวว่าชูเฮิงได้หลอกเขาเบาๆ และท้ายที่สุดเขาก็ได้รับการลงโทษเล็กน้อย เขายังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราและกักตัวบ่มเพาะอีกเล็กน้อยไม่ได้ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

ท้ายที่สุดหยางเฉินไม่มีความเชื่อในตัวประมุขเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขายังไม่คุ้มค่าพอที่จะสละตำแหน่งผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทรา หยางเฉินต้องการเปลี่ยนแปลงความสมดุลนี้บางทีอาจจะมีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองจนกว่าจะไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อเขา

แต่หยางเฉินก็ยังไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งเหล่านี้นาน แม้ว่าเขาจะคิดถึงเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นหยางเฉินจึงทำได้เพียงยอมรับคำตัดสินของประมุขและยืนหยัดอยู่ข้างหลังอาจารย์ของเขา

หยางจากที่ประกาศบทลงโทษเรียบร้อย วิหารพิทักษ์กฏก็ได้ทำการหาตัวชูเฮิงอย่างบ้าคลั่ง ตูเชี่ยนรู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยหยางเฉินเลือกถ้ำอมตะได้ สำหรับคนอื่นๆได้นัดหมายกับหยางเฉินเพื่อเลือกถ้ำอมตะ แต่ก่อนอื่นทุกคนต้องการกลับไปที่ถ้ำของตนเองเพื่อบ่มเพาะ ส่วนเรื่องหยางเฉินเขาติดตามกั่วหยูและกลับไปที่ถ้ำอมตะของเธอ

"นี่เป็นถ้ำอมตะของข้า เจ้าสามารถนั่งที่ไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการ!"

ภายในถ้ำอมตะของกั่วหยูนั้นเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ เมื่อเธอกลับมาที่เขตแดนของตนเองเธอก็ผ่อนคลายมาก และไม่ค่อยรู้สึกขัดหูขัดตาอีกต่อไป เธอยอมให้หยางเฉินทำอะไรก็ได้ที่ต้องการในท่าทีที่ผ่อนคลาย

หยางเฉินจำได้ว่านี่เป็นเรื่องประจำที่อาจาย์ของเขาจะไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ และบรรยากาศในตอนนี้ก็เหมือนอยู่บ้าน หยางเฉินชอบมาก [สงสัยลืมพ่อแม่ไปแล้ว]

"บอกการบ่มเพาะของเจ้าที่เจ้าถนัด และชนิดของกระบี่บินที่เจ้าต้องการมาข้าจะได้ปรับแต่งมันให้กับเจ้า?"

ไม่ต้องพูดให้มากความกั่วหยูจึงถามหยางเฉินก่อนว่ากระบี่บินหยางเฉินต้องการแบบไหน นี่เป็นรางวัลที่ประมุขพระราชวังมอบวัสดุมาให้ อาจารย์หยางเฉินเช่นนางก็ต้องเริ่มทำงานกลัวว่าศิษย์ผู้สืบทอดของเธอจะคิดว่าเธอไม่ใส่ใจ

"ไม่ต้องรีบร้อนอาจารย์! พักผ่อนก่อนเถิดแล้วปล่อยให้ศิษย์ผู้นี้ชงชาให้ท่าน!"

หยางเฉินไม่ต้องการให้กั่วหยูต้องเหน็ดเหนื่อย เขาดึงชุดชาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากแหวนแห่งความสำเร็จของเขา จากนั้นก็หยิบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมา และน้ำพุที่เขาค้นพบมาในการเดินทางไปบันไดสวรรค์

กั่วหยูเป็นผู้ชื่นชอบชา เป็นธรรมดาที่หยางเฉินจะรู้เรื่องนี้ เขาได้ค้นหาทุกสิ่งทุกอย่างและรอช่วงเวลานี้

เมื่อเห็นหยางเฉินกระตือรือร้นเช่นนี้กั่วหยูรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขมาก กลิ่นของใบชาที่หยางเฉินนำมาทำให้เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งขึ้น หยางเฉินกำลังจัดเตรียมน้ำชาอย่างลระมัดระวังเป็นพิเศษตามความชอบของกั่วหยู และวิธีทำให้น้ำเดือนของเขาก็ยิ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่จากของเดิม เขายังมีความเชี่ยวชาญในการล้างใบชาทำให้กั่วหยูคาดหวังอย่างเต็มที่

หลังจากที่ได้รับความร้อนจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ และล้างใบชาแล้ว น้ำพุได้ถูกเติมเข้าไปในกาน้ำชา หลังจากทำอะไรเรียบร้อยแล้ว หยางเฉินก้อรินน้ำชาใส่ถ้วยและถือถ้วยยื่นให้ที่ด้านหน้าของกั่วหยู

"อาจารย์เชิญดื่มชา!"

ทันทีที่กั่วหยูรับมา เธอค่อยๆดมกลิ่นหอมหวานของใบชา หยางเฉินก็พูดต่อว่า

"คุณสมบัติของชานี้ยังไม่ดีพอ หลังจากนี้อีกสิบปีอาจารย์สามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติที่ดีที่สุดของใบชาได้!"

"ดีข้าจะรอ!"

กั่วหยูไม่ได้พูดกับอย่างเฉินอย่างอ่อนโยน เธอพยักหน้าและลิ้มรสชาในมือของเธอหนึ่งอึก และกล่าวชมเชย

"ชาดี!"

"อาจารย์นี่เป็นถ้ำอมตะของท่าน เป็นเรื่องง่ายมากและยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณในที่นี้ยังขาดอยู่!"

หยางเฉินรู้นิสัยชอบดื่มชาของกั่วหยู เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เฝ้าดูเธอดื่มชาที่เขาได้ชงให้ โดยไม่ต้องคิดมากเขาจึงพูดว่า
[แอบใส่อะไรให้อาจารย์กินหรือเปล่า?]

"ในเมื่อศิษย์คนนี้จะเลือกถ้ำในวันพรุ่งนี้ อาจารย์ก็ควรจะได้เลือกถ้ำที่ดีกว่านี้!"

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ ศิษย์อาจารย์คู่นี้มุ้งมิ้งกันดีจริงๆ

    ตอบลบ