เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

EGT 022 สิงโตเปิดปากส่วนที่ 1




"ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด เฉินเจียอี้ได้ทำการบ่มเพาะพลังเวทจนทะลวงผ่านระดับห้า ลุงรอง ท่านกำลังพยายามจะบอกว่าเฉินเจียอี้ซึ่งเป็นมีพลังเวทระดับห้าได้รับบาดเจ็บอันเนื่องมาจากหยานเซียวผู้ที่ไม่มีพลังเวทและพลังลมปราณ? ร่องรอยแห่งความโกรธปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเฉินซืออู๋ ซึ่งเคยดูสุภาพอ่อนอ่อนโยนเช่นหยกในก่อนหน้านี้ ความโกรธยังคงแผ่ออกไปในอากาศจากชายหนุ่มที่เคยดูสุภาพอ่อนโยนในก่อนหน้านี้

ถึงแม้ว่าจะเป็นเฉินหยิว แต่ก็เห็นได้ว่าความโกรธที่แผ่ออกมาจากเฉินซืออู๋ มันให้ความรู้สึกกดดันที่มีพลังอำนาจมากที่สุด และกลายเป็นความกลัวอย่างยิ่งอยู่ภายใน

เพียงแค่ระดับพลังความแข็งแกร่งที่เด็กหนุ่มคนนี้สามารถเข้าถึง สำหรับเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดฝัน เด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามเช่นนี้ออกมาได้!

คนที่มีพลังเวทระดับห้าและได้รับบาดเจ็บเนื่องมาจากคนงี่เง่าที่ไม่มีแม้แต่พลังลมปราณและพลังเวทอย่างสมบูรณ์ มันเป็นไปได้หรือไม่? ถ้าข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป แน่นอนว่าจะสามารถกลายเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิหลงซวนในรอบร้อยปีนี้

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่า เฉินเฟิงจะเชื่อหรือไม่ แม้แต่เฉินหยิว เองก็คงจะไม่สามารถรับความเป็นจริงแบบนี้ได้ ถ้ามันเป็นจริงแล้ว มันก็อาจจะกล่าวได้ว่าขยะผู้นี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมากกว่าลูกสาวของเขา ซึ่งเขามีความภาคภูมิใจจนถึงขณะนี้?

สีหน้าของเฉินหยิวเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียวและเป็นสีม่วง

"เจี่ยเว่ย เจ้าบอกมา ว่ามันเกิดอะไรเกิดขึ้นบ้าง" เฉินเฟิงขมวดนคิ้วของเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นในห้องเฉินหยานเซียว และด้วยเหตุผลตามปกติ การที่เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยมาที่นี่ แน่นอนว่าเฉินหยานเซียวจะต้องเป็นคนที่เคราะห์ร้าย อย่างไรก็ตามวันนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เปลี่ยนตำแหน่งกัน เฉินเจียอี้ยังไม่ได้สติขณะที่ใบหน้าของเฉินเจียเว่ยนั้นดูเจื่อนลง

เฉินเจียเว่ยกลัวเฉินเฟิงหากเขายังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม แม้ว่า เฉินเฟิงจะเป็นปู่ของเขา แต่เฉินเฟิงก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเฉินเจียเว่ยเช่นความสัมพันธ์ปู่หลานทั่ว ๆ ไป

เมื่อชื่อของเขาถูกเอ่ยออกมา เฉินเจียเว่ยกลืนน้ำลายของเขาและเขาอดที่จะหันไปมองเฉินหยานเซียวตามสัญชาตญาณไม่ได้ เฉินหยานเซียวผู้ที่ได้รับการคุ้มครองอยู่ที่ด้านหลังของเฉินซืออู๋ เฉินหยานเซียวตอนนี้ราวกับว่าเธอได้กลับมาสู่สภาพเดิมที่ควรจะเป็นเช่นในก่อนหน้านี้ รูปลักษณ์ปีศาจและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายในก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ระยะเวลานั้น ฉากนั้นยังคงฝังลึกลงไปในจิตใจของเฉินเจียเว่ยโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเหตุผลใด ๆ ขณะที่เขามองไปที่เฉินหยานเซียว ภายในใจของเขาไม่ได้มีเจตนาที่ดูถูกและรังเกียจเธอ แต่มีเพียงแค่ความไม่เต็มใจจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับแผ่นดินไหว

“ทำไมเจ้าถึงไม่พูด!” เมื่อเห็นว่าลูกชายของเขาจ้องมองไปที่ตัวโง่เง่าประจำตระกูล มันก็ทำให้เฉินหยิวรู้สึกโกรธ

เฉินเจียเว่ยรีบพูดออกไป "ข้า ... ข้าก็ไม่รู้อะไรเช่นกัน พี่สาวเพียงแค่ขอร้องให้ข้าเฝ้าที่ประตู เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นภายในห้องนั้นข้าไม่ทราบแต่อย่างใด"

โดยปกติแล้ว เฉินเจียเว่ยจะต้อง ‘ขว้างปาก้อนหินให้กับคนที่ล้มลง’ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็น เฉินหยานเซียวทำการใด ๆ เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันเพื่อตำหนิเฉินหยานเซียว แต่ในตอนนี้จิตใจของเขาก็เหมือนกับก้อนหินที่ถูกกดลงไป และไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็คงจะไม่กล้าที่จะพูดคำพูดใด ๆ เพื่อใส่ร้ายเฉินหยานเซียว

แน่นอนเขาไม่อยากเห็นรอยยิ้มแบบนั้น มันทำให้เลือดของเขาแทบจะแช่แข็ง

"เฝ้าที่ประตู?" เฉินซืออู๋จ้องเขม้งไปที่เฉินเจียเว่ย ในตอนนี้เฉินเจียเว่ยก็เหมือนนกกระทาที่หดคอของมัน เฉินเจียเว่ยค่อย ๆ หดกลับไปที่ด้านหนึ่ง

เฉินเฟิงขมวดคิ้วของเขาลึกมากขึ้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ ด้วยภูมิปัญญาของเฉินหยานเซียวที่อยู่ในระดับมาตรฐานของเด็กวัยสี่ขวบเท่านั้น และคำพูดที่ออกจากปากของเธอก็ไม่สามารถนับได้ ส่วนเรื่องเฉินเจียอี้ เธอยังหมดสติและยังไม่สามารถให้ข้อมูลใด ๆ ได้

"พวกเจ้ากลับออกไปก่อน แล้วข้าจะให้เฉินชิวมาดู พวกเจ้าคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องทำแล้วหรืออย่างไรกัน? พวกเจ้ามัวแต่ทำอะไรแถวนี้อยู่อีก? ไปทำสิ่งอื่น ๆ ที่สมควรจะต้องทำซะ!” เฉินเฟิงมีอาการปวดหัวมากในตอนนี้ ทั้งพลังกายและจิตใจทั้งหมดของเขาต้องมาวุ่นวายกับเรื่องภายในตระกูล และเขาจะยังมีอารมณ์ในการจัดการเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย ที่บรรดาลูกหลานกำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีจุดหมายต่อไปได้อย่างไร

ภายใต้คำสั่งของเฉินเฟิง ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างรวดเร็ว

เฉินหยิวปกปิดอาการที่ไม่พอใจก่อนที่เขาจะออกไปพร้อมกับเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย หลังจากที่เฉินเฟิงพูดออกมาอีกสองสามคำ เขาก็เดินออกไป


1 ความคิดเห็น: