มันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความสามารถพรสวรรค์ของเฉินเจียเว่ย
และเฉินเจียอี้ที่มีเป็นเพียงแค่ติ่งเนื้อหากถูกวางไว้ที่ด้านหน้าของเฉินอี้เฟิง
ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเฉินอี้เฟิงก็คือลูกชายคนที่สองของเฉินเฟิง
ซึ่งเฉินเฟิงให้ความสำคัญมากที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้พ่อของเฉินอี้เฟิง
ก็น่าจะเป็นหัวหน้าตระกูลหงส์ไฟในรุ่นต่อไป
ปัจจุบัน
เฉินหยิวก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลามเพื่อให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาของเฉินอี้เฟิง
"ท่านปู่
แม้ว่าน้องเจ็ดจะอายุสิบสี่ปี แต่ภูมิปัญญาของเธอก็ยังคงเป็นเด็กเพียงอายุสี่ขวบ
บอกตามตรง เธอจะมีความสามารถในการลอบเข้าไปในช่วงเวลานั้นพอดีได้อย่างไร
เมื่อผู้ดูแลได้ละทิ้งหน้าที่ไป และเธอได้ลักลอบเข้าสถานกักขังสัตว์เวท
มันดูประจวบเหมาะเกินไปหรือไม่?” เฉินอี้เฟิงพูดออกมาอย่างชัดเจน
"แม้ว่าหลานจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับน้องเจ็ดมากนัก
แต่ข้าก็รู้ว่าน้องเจ็ดไม่ค่อยได้ออกจากห้องตัวเอง
ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับการที่เธอต้องการเดินไปจนถึงทางเข้าของสถานกักขังสัตว์เวท
ซึ่งตั้งอยู่ที่อื่นภายในคฤหาสน์
ถ้าใครอยากจะบอกว่าน้องเจ็ดได้ตั้งใจเดินไปจนถึงประตูทางเข้าของสถานกักขังสัตว์เวทในเวลานั้น
และในทำนองเดียวกันมันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่เธอได้วิ่งเข้าไปในช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้ดูแลเฝ้าอยู่พอดี”
คดีพลิก!
เฉินหยานเซียวก็ยังคงทำหน้าอย่างไร้เดียงสายืนอยู่ที่เดิม
แต่ในหัวใจของเธอ
เธอต้องการที่จะตบโต๊ะและตะโกนออกมายกย่องสำหรับการปรากฏที่ได้จังหวะอย่างฉับพลันของอัจฉริยะเฉินอี้เฟิง!
จากความทรงจำของเธอ
เฉินอี้เฟิงได้พบปะกับเฉินหยานเซียวเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มที่อยู่ที่ด้านหน้า
ด้วยการกระทำของเขาที่มีต่อเธอมันก็นับว่าดูมีมารยาทและสุภาพ
มันไม่ได้คล้ายกับสมาชิกคนอื่น ๆ ทุกคนในตระกูลหงส์ไฟที่ต่างปฏิบัติกับเธอ
ด้วยการวิจารณ์ที่รุนแรง
แต่มันก็ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นมิตรภาพใด
ๆ ระหว่างพวกเขา และการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเขา
เพื่อล้างความผิดให้กับเฉินหยานเซียวในตอนนี้ มันทำให้ทุกคนรู้สึกชะงักอึ้งไปในทันที
แทนที่จะบอกว่าเฉินอี้เฟิงมาช่วยเฉินหยานเซียว
มันดีกว่าที่จะบอกว่า
เขากำลังคิดถึงการที่จะทำให้สารเลวน้อยสองคน เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเสียมากกว่า
เฉินหยานเซียวหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ
ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใด ๆ เธอก็เป็นเพียงแค่ ‘ยัยโง่’ ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร
‘เธอไม่สามารถที่จะเข้าใจได้’ ถ้าเธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วพวกเขาจะสามารถทำอะไรเธอได้?
ด้วยความคิดเช่นนี้ เฉินหยานเซียวนั่งลงในขณะรอชมการแสดงและการเป็นพยานของละครอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ตามที่คาดไว้
คำพูดของเฉินอี้เฟิงได้ทำให้ใบหน้าของเฉินหยิวดูน่าเกลียดมากขึ้น
เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยได้คาดเดาและสงสัยว่าพ่อของตัวเองกำลังทำการปกป้องพวกเขาอย่างลับ
ๆ แต่พวกเขาเกลียดการปรากฏตัวอย่างฉับพลันที่น่ารำคาญของเฉินอี้เฟิง
แต่เดิมพวกเขาไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีกับเฉินอี้เฟิง
และตอนนี้เฉินอี้เฟิงได้กระโดดออกมา เพื่อพูดสิ่งเหล่านี้ซึ่งทำให้พวกเขาเกลียดเฉินอี้เฟิงมากขึ้น
คำพูดของ
เฉินอี้เฟิงก็เป็นเหมือนตัวที่จุดประกายความสงสัยภายในหัวใจของทุกคน
เฉินเฟิงกำลังมองเฉินอี้เฟิงอยู่เงียบ
ๆ ผู้ที่กำลังสวมหน้ากากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาก้มศีรษะลงมองเฉินหยิวที่อยู่ใกล้
ๆ เขา
"สำหรับเรื่องนี้
ใครเป็นคนทำ มันไม่สำคัญ วันนี้ที่ข้าได้เรียกพวกเจ้ามาพบทั้งหมดนี้นี้ก็เพราะว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องกล่าวถึง" เฉินเฟิงเริ่มพูดออกมาอย่างช้า
ๆ
เฉินหยิวถอนหายใจออกมา
สำหรับชีวิตหรือความตายของคนงี่เง่า เฉินหยานเซียวนี้เขาจะไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเรื่องมันมาเกี่ยวข้องกับเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย
เขาจะอนุญาตให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างไร
เฉินอี้เฟิงจ้องมองแต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม้ว่าเขาจะได้รับความสำคัญเป็นอย่างมากจากเฉินเฟิง
แต่เขาเป็นคนรุ่นหลังของเฉินหยิว ตามลำดับชั้นของตระกูล และไม่ควรมุ่งมั่นมากเกินไปที่จะต่อต้านเฉินหยิว
มันจบแล้ว? เฉินหยานเซียวแอบลอบเงยหน้าขึ้น
เธอคิดว่าเฉินหยิวและเฉินอี้เฟิงจะเริ่มต่อสู้กัน
แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้า วิธีการของเฉินเฟิงทำให้ทุกคนเข้าใจสับสน
ตอนแรกมันถูกกล่าวว่าในวันนี้จะทำการสอบปากคำหยานเซียว
แต่ตอนนี้มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีกหรือไม่? ณ
ตอนนี้ยังกล่าวอีกว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป เขามาแค่ร้องเพลงหรืออย่างไรกัน?
ในหัวใจของเธอ
เฉินหยานเซียวยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่เธอไม่เคยลืมตัวตนของเธอมาก่อน
เธอก็หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเป็นคนโง่ ในขณะที่เธอเฝ้าดูการแสดงที่ดีนี้เพราะคนอื่น
ๆ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
หลังจากหยุดพักมานาน
เฉินเฟิงก็กล่าวออกมาว่า
"พวกเจ้าทุกคนคิดว่าข้าโกรธเพราะความจริงที่ว่ามีใครล่วงล้ำพื้นที่ต้องห้าม? แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า สัตว์เวทชนิดใดที่ถูกกักขังอยู่ในสถานกักขังสัตว์เวทนั้น?"
ขอบคุณครับ
ตอบลบ