เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

EGT 012 การวางตัวที่ชอบธรรมต่อหน้าครอบครัว Part 3


ถ้าหากจะมีการแบ่งสัดส่วนของพลังอำนาจของคน ๆ หนึ่ง มันก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งของพลังลมปราณและพลังเวทที่พวกเขามีราว ๆ สี่ส่วน พลังจากสัตว์เวทอีกสามส่วนและจากอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบครองอีกสามส่วน

ในยุคที่มีขาดแคลนของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ สัดส่วนของพลังลมปราณและพลังเวทและสัตว์เวทได้เปลี่ยนไปแล้วเป็นห้าสิบห้าสิบ

ดังนั้นสำหรับทุกคนที่มีสัตว์เวทที่น่าเกรงขาม จะกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดนอกจากการบ่มเพาะ

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะยอมรับเหตุผลของเฉินหยิว แต่ในหมู่ทุกคนที่มีอยู่ยังคงมีคนหนึ่งคนที่ยังคงเยาะเย้ย เย้ยหยันกับคำพูดของเขา

คนคนนี้เป็นตัวหลักของเรื่องนี้ เฉินหยานเซียว

ตั้งแต่ที่เธอได้เข้ามาในห้องโถงหลัก นอกเหนือจากประโยคแรกของเฉินเฟิงที่ได้กล่าวถึงเธอ มันก็เหมือนกับว่าสิ่งนี้ทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ดูเหมือนว่าตอนนี้ มันได้เกี่ยวข้องกับทั้งสองคนนี้คือเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย ในขณะที่มันอยู่ในขอบเขตของสิ่งที่จะต้องคาดหวัง ทัศนคติของ เฉินหยิวก็มีผลต่อความคิดของพวกเขา

จากรูปลักษณ์ของเฉินหยิว เขาอาจดูเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมในการขอความเมตตาในการลงโทษสารเลวน้อยทั้งสอง โดยการขออภัย แต่ในความเป็นจริง เฉินหยิวได้กำจัดความเป็นไปได้ของสารเลวน้อยทั้งสองออกไป กลายเป็นว่า 'เธอ' ให้บุกรุกบริเวณที่ต้องห้าม นอกจากนี้แล้ว ในตอนนี้ มันก็ทำให้พวกเขารู้เหตุผลและเพื่อที่จะรักษาเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย เพื่อให้ทั้งสองคนได้สามารถพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง โดยมุ่งมั่นในการยกระดับความแข็งแกร่งของตนเอง ในทางกลับกัน เป้าหมายได้พลิกกลับมาเป็น "เธอ" คนที่ล่วงล้ำสถานกักขังสัตว์เวท

ส่วนหนึ่งของคำที่เรียบง่ายที่สามารถแสดงออกโดยเฉินหยิว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความหมายที่ซับซ้อนมากมาย เฉินหยิวผู้นี้เป็นคนที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย!

เฉินเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของเฉินหยิวในทันที แต่เขาก็มองไปที่พี่น้องสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเฉินหยิว

คำพูดของอาสามน่าชื่นชมนัก มันช่างเป็นคำพูดที่ตรงไปและตรงมาเสียจริง” ทันใดนั้นเสียงที่ดังฟังชัดเจนก็ดังออกมาจากภายในห้องโถงหลัก

ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูสง่างามราวกับหยกสีขาว ขณะที่เขาค่อย ๆเปิดเผยตัวเองโดยการเดินมาจากด้านหลังของพ่อของเขา เขามองไปที่ เฉินหยิว พร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มออกมาแต่กลับแฝงไปด้วยความดุดัน เด็กหนุ่มคนนี้อายุมากกว่าเมื่อเทียบกับพี่น้องสองคนและการปรากฏตัวของเขาสามารถกดทับ เฉินเจียเว่ย ได้ในทันที รูปลักษณ์ที่งดงามพร้อมกับรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะทำให้คนต้องการเข้าใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว

เฉินหยิว มองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น แต่เขาก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจของเขา

เฉินอี้เฟิงเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นที่สาม! ด้วยอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีเขาสามารถทะลวงผ่านระดับหกของพลังลมปราณ การเริ่มต้นการบ่มเพาะระดับห้าของพลังลมปราณและพลังเวท รับรู้กันว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับห้าระดับแรกของการบ่มเพาะทั้งสอง มันเป็นเพียงขั้นต้นของการบ่มเพาะเท่านั้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเริ่มทำการบ่มเพาะเข้าระดับหก ทั้งพลังลมปราณและพลังเวท พวกเขาต้องทำการเลือกเส้นทางการบ่มเพาะของพวกเขา

ในตอนต้นของระดับหก การบ่มเพาะทั้งพลังลมปราณและพลังเวทจะแบ่งออกเป็นสามแนวทางในการพัฒนา

ก่อนที่จะเข้าสู่ระดับหก บรรดาผู้ที่บ่มเพาะพลังลมปราณและพลังเวทได้รับการเรียกว่าผู้ฝึกพลังเวทและผู้ฝึกพลังลมปราณ แต่หลังจากเข้าสู่ระดับหกได้แล้ว บรรดาผู้ฝึกพลังเวทสามารถเลือกที่จะกลายเป็นหนึ่งในสามประเภทเหล่านี้ ซึ่งก็คือ จอมเวทที่มีลักษณะการโจมตีที่รุนแรงมาก จอมอาคมซึ่งสามารถร่ายอาคมลึกลับ และเป็นจอมมารที่มีพลังอำนาจอันลี้ลับ เช่นเดียวกับผู้ฝึกพลังลมปราณ พวกเขาสามารถเลือกที่จะกลายเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นสูงหรือเป็นนักธนูที่สามารถล่าศีรษะของมนุษย์จากระยะที่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้

สำหรับ เฉินอี้เฟิง เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาอายุได้สิบห้าปี เขาประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านการเป็นผู้ฝึกพลังลมปราณ และได้เลือกการเป็นนักดาบที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ด้วยเวลาเพียงสองปีเขาได้เข้าสู่ระดับสามดาว หากมองในภาพกว้าง ตลอดช่วงชีวิตของตระกูลหงส์ไฟ มีเพียงผู้ตาย เฉินอู๋ ที่มีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้

อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายที่ เฉินอู๋ เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร เช่นเดียวกับครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ ตอนนี้เฉินอี้เฟิง ก็เหมือนดวงอาทิตย์ในตอนเที่ยงที่อยู่สูงและก็เป็นเช่นนั้น เขากลายเป็นหมายเลขหนึ่งของตระกูลหงส์ไฟในรุ่นหลัง ๆ

2 ความคิดเห็น: