"มันได้เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น? เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด
ที่พวกเจ้าจะปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
หรือเพียงแค่คิดว่ามันเป็นกฎเท่านั้น!” ในการสอบถามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้
เฉินหลิงไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาใด ๆ ต่อเฉินเฟิง เขารีบเปิดปากของเขาออกมาและเริ่มทำการสอบถาม
ผู้ดูแลทั้งสามต่างรับรู้ด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ๆ อย่างที่คิดและน่าจะต้องระวังคำพูด
"ในวันนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้คุณหนูเจ็ดเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
อย่างไรก็ตามในขณะที่คุณหนูเจ็ดลอบเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ไม่ได้อยู่ที่ทางเข้าของสถานกักขังสัตว์เวท”
ผู้ดูแลคนหนึ่งตอบอย่างเคร่งครัดและระมัดระวัง
"ไม่อยู่ที่ประตูทางเข้าของสถานกักขังสัตว์เวท? แล้วพวกเจ้าไปที่ไหน ในเวลานั้น? เป็นไปได้หรือว่าพวกเจ้าไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่คอยเฝ้าระวังไม่สามารถออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังเฝ้าประตูทางเข้าของสถานกักขังสัตว์เวท?" เฉินหลิงถามออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
สถานกักขังสัตว์เวทได้กักขังกับสัตว์ดุร้ายที่มีพลังเวทไว้ในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลหงส์ไฟ
เช่นเดียวกับผู้ดูแลที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังไม่เพียงแต่พวกเขาต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ผู้คนจากครอบครัวตระกูลหงส์ไฟเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่พวกเขาก็ยิ่งต้องปกป้องผู้คนจากตระกูลคนอื่นด้วยที่ต้องการบุกรุกเข้ามาในสถานกักขังสัตว์เวทหรือแม้แต่จะทำลายมัน
สำหรับผู้ดูแลที่จะออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตใด
ๆ มันเป็นเพียงการละเลยการปฏิบัติหน้าที่!
เจ้าหน้าที่เหล่านี้
ต่างรู้ตัวดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีจากความผิดของตัวเองได้
และพวกเขาก็รีบกล่าวออกมาว่า
"มันเป็นความประมาทของผู้ใต้บังคับบัญชาเองที่ไม่รอบคอบ
แต่ในวันนั้นคุณหนูห้าและคุณชายหก ได้มาบอกว่าพวกเขามีปัญหาอย่างเร่งด่วน
ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นพวกเราจึง....."
หลังจากคำพูดเหล่านั้นหลุดออกไป
ทั้งห้องโถงต่างตกอยู่ในความเงียบสงบเป็นพิเศษ และภายในชั่วครู่
ทุกคนต่างได้หันเหความสนใจไปที่ร่างของเฉินเจียเว่ยและเฉินเจียอี้
เด็กสองคนนั้นกำลังสำนึกผิด
แต่ในขณะที่ยิ่งเกิดความวุ่นวายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งเป็นเหมือนว่าพวกเขาจะสะดุ้งด้วยความตกใจ
ราวกับ "นกสะดุ้งตกใจเพียงแค่ลูกธนู"
[คนที่สำนึกผิดรู้สึกกลัวแม้แต่กับการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อย]
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย?” เฉินเฟิงเปิดปากถามออกมา
พร้อมด้วยสายตาที่คมชัดของเขาที่กำลังมองไปยังพี่น้องทั้งสองคนที่ตื่นตระหนก
"ท่านปู่
... .." เฉินเจียอี้ต้องการจะเปิดปากของเธอเพื่อแก้ตัว
แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาในขณะนั้น
สำหรับ
เฉินเจียเว่ยเขายิ่งไม่ค่อยมีความคิดเห็นเท่าไรนัก และก็ก้มหน้าลงเหมือนนกกระจอกเทศ
ในขณะนี้
เฉินหยิว
ผู้ซึ่งนิ่งเงียบมาตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้ก็ได้ลุกขึ้นยืนและทำความเคารพต่อเฉินเฟิง
"รายงานผู้นำตระกูล
เด็กสองคนนี้ใกล้ที่จะอายุสิบหกปีภายในหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ทั้งสองคนได้แสวงหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
และระมัดระวังเกี่ยวกับสัตว์เวท
ในวันนั้นเด็กทั้งสองคนได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมน้องห้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสิ่งต่าง
ๆ เกี่ยวกับสัตว์เวท แต่น้องห้าได้ออกจากบ้านโดยบังเอิญ
และเด็กสองคนนี้ก็ได้พยายามหาคนที่จะสามารถช่วยเหลือในภาวะวิกฤตินี้
พวกเขาจึงต้องไปรบกวนผู้ดูแลสถานกักขังสัตว์เวท
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นการเปิดโอกาสทำให้ผู้อื่นมีโอกาสบุกรุกเข้าไปในช่วงเวลานี้
พวกเขาได้ทำผิดพลาดร้ายแรง
ดังนั้นท่านผู้นำตระกูลโปรดเมตตาเด็กทั้งสองที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์!"
คำพูดที่ดูตรงไปตรงมาและดูเที่ยงธรรมของเฉินหยิว
คือการขอให้อภัยสำหรับเด็กสองคนของเขา
และสิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเฉินเฟิงนุ่มนวลเล็กน้อย
ใบหน้าของเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยยังปราศจากสีแดงเลือด
เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ยินมันขัดกับสิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้
แต่เดิมพวกเขายังคงหวังว่าพ่อของตัวเองจะขออภัยโทษให้กับพวกเขา
แต่ไม่เคยคาดคิดว่าช่วงเวลาที่พ่อของเขาเปิดปากออกมา
สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการบอกสิ่งที่เป็นความผิดและร้องขอความเมตตาสำหรับพวกเขา!
บิดาของเขาได้แสดงความเที่ยงธรรมต่อหน้าครอบครัวของเขา
ภายในห้องโถงหลัก
แต่ละคนต่างก็ถอนหายใจออกมา สำหรับการกระทำของเฉินหยิว
ในการแสดงออกมาถึงความยุติธรรมต่อหน้าครอบครัวของเขา
และพวกเขาก็ค่อนข้างเชื่อว่าข้อแก้ตัวได้ถูกโยนออกไปโดยเฉินหยิว
ในมณฑลคังหมิง
เด็กหนุ่มทุกคนที่มีอายุย่างเข้าสิบหกปีจะได้รับสิทธิพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อฉลองวันเกิดของเขา
และในวันเกิดของพวกเขาที่ใกล้มาถึง พวกเขาจะได้ครอบครองสัตว์เวทตัวแรกและมันก็จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต!
เพราะฉะนั้นเรื่องของเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย
ในการพยายามหาใครสักคนที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาในภาวะวิกฤตินี้
อาจกล่าวได้ว่าสามารถปล่อยให้มันผ่านไปได้
หลังจากที่ทุกเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกคนก็จะได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ในโลกใบนี้
พลังลมปราณและพลังเวทอาจที่จะสามารถจำแนกเป็นความสามารถในการบ่มเพาะของตัวเอง
ในขณะที่สัตว์เวทจะเป็นตัวแทนของสหายคู่หูต่อสู้ของตัวเองที่จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต
ถ้าคนใดคนหนึ่งหมดหนทางในการบ่มเพาะพลังลมปราณและพลังเวท พวกเขาอาจเจอจะได้รับการสนับสนุนที่ดี
หากพวกเขาได้รับสัตว์เวทที่แข็งแกร่ง เมื่อต้องผ่านวิกฤต
มันก็เป็นไปได้มากที่จะพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยจากอันตราย
ด้วยการใช้พลังที่น่ากลัวของสัตว์เวทในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีการบ่มเพาะที่สูงกว่า
ขอบคุณครับ
ตอบลบนกสะดุ้งตกใจเพียงแค่ลูกธนู ประโยคนี้ในนิยายส่วนใหญ่ใช้คำว่า 'นกหวาดเกาฑัณ'
ตอบลบ