เฉินชิวได้พูดขอเวลาพักฟื้นให้กับเฉินหยานเซียวได้เป็นระยะเวลาห้าวัน
สำหรับห้าวันนี้นอกเหนือจากการกินและการนอนหลับ
เวลาที่เหลือทั้งหมดถูกนำมาใช้ฝึกฝนตามขั้นตอนการสอนของซิว
ภายในห้องที่ปิดสนิด
เฉินหยานเซียวสวมใส่ชุดยับยู่ยี่ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
เปียกชุ่มและเม็ดเหงื่อกระทบแสงเป็นประกาย เผยให้เห็นใบหน้าสีเหรื่อราวกับดอกกุหลาบเล็ก
ๆ ในขณะที่เธอนั่งขัดสมาธิบนเตียง
"ภายในระยะเวลาห้าวัน
พลังลมปราณของเจ้าได้เข้าถึงระดับสี่ ในขณะที่พลังเวทของเจ้าอยู่ที่ระดับสาม
สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ระดับนี้ มันอาจจะถือว่าไม่ค่อยดีนัก"
เสียงของซิวยังคงฟังเหมือนน้ำแข็งเหมือนเดิม
ในขณะที่เฉินเจียอี้ได้เริ่มทำการบ่มเพาะพลังเวทตั้งแต่เด็กและจนถึงขณะนี้เฉินเจียอี้ได้ถึงระดับห้าเท่านั้น
ขณะที่การบ่มเพาะพลังลมปราณของเฉินเจียเว่ย อยู่ในระดับสี่
เพียงเท่านี้ก็ทำให้เฉินเฟิงค่อนข้างพอใจ
เฉินหยานเซียวใช้เวลาเพียงห้าวันและได้ทะลวงผ่านระดับตัวเองจากการเป็นขยะมาอยู่ในระดับปัจจุบันของเธอ
ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ได้กระจายออกไป
มันก็อาจทำให้กลุ่มคนอิจฉาจุกอกจนตายได้
เพียงห้าวัน
เธอไม่เพียงแต่ฝึกฝนในทักษะการต่อสู้และเวทมนตร์
แต่ยังคงได้ระดับสามและระดับสี่ตามลำดับ นี่คือการดำรงอยู่ของสวรรค์ที่ท้าทาย!
สำหรับคนธรรมดาไม่ต้องพูดถึงห้าวัน
แม้ว่าจะมีเวลาห้าปี หากพวกเขาต้องการที่จะบรรลุระดับใด ๆ เช่นเฉินหยานเซียว
แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับตำแหน่งเป็นอัจฉริยะ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิธีการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์
ด้วยมันเป็นการบ่มเพาะทั้งพลังเวทและพลังลมปราณ
อย่างไรก็ตามจากปากของซิว
ความเร็วที่น่าอัศจรรย์นี้ยังคงเป็นเพียงสภาพที่ไม่ค่อยดี
เฉินหยานเซียว
ไม่เข้าใจการจัดระดับพลังลมปราณและพลังเวทในโลกนี้
ดังนั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจของ ซิว
จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะพิจารณาความเร็วในการบ่มเพาะของเธอว่าไม่มีอะไรโดดเด่น
และไม่ได้สร้างความประหลาดใจมากนัก
“เอาละพอสำหรับวันนี้
ในวันพรุ่งนี้ ข้ายังคงมีเรื่องที่ต้องต่อกรอีกมาก "สงครามที่แข็งแกร่ง"
ที่ข้าต้องต่อสู้" หลังจากถอนหายใจ เฉินหยานเซียวแผ่ร่างตัวเองลงไปบนเตียง
เป็นผลมาจากการบ่มเพาะของเธอได้ถึงขีดจำกัด
ซึ่งความแข็งแกร่งทางกายและพลังทางจิตของเธอถูกนำออกมาใช้มากเกินไป
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการทำอย่างอื่น แม้แต่การขยับนิ้วมือของเธอก็รู้สึกลำบาก
วันพรุ่งนี้เธอจะไปพบกับเฉินเฟิง ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลหงส์ไฟ
และมีโอกาสมากที่เฉินเฟิงจะไม่ยอมปล่อยเธอ ในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ต้องห้าม
หลังจากทั้งหมด
เธอเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ไร้ที่พึ่ง และมันก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของผู้นำตระกูลหงส์ไฟ
มันแทบจะไม่มีค่าพอสำหรับขยะงี่เง่านี้
เฉินเฟิงอาจมีเหตุผลที่จะผ่อนปรนในการลงโทษเธอ
เพื่อเธอจะได้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป
ในขณะนี้
เฉินหยานเซียวก็ไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ของเธอ
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันและความสามารถของเธอ
มันไม่ได้เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่จะเปิดเผยไพ่ตายในการเจรจาต่อรองของเธอออกไป
แม้ว่าเฉินเฟิงจะสังเกตเห็นเธอด้วยเหตุนี้
แต่ก็น่าจะไม่ดีสำหรับคนรุ่นเธอที่จะได้รู้
พวกเขาอาจที่จะไม่พอใจหากเห็นว่าคู่แข่งของเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
ในรุ่นที่สามของตระกูลหงส์ไฟ
เธอไม่จำเป็นต้องทำการชิงชัยเพื่อขอเป็นคนโปรดของเฉินเฟิง
เพื่อเพิ่มการต่อรองของตัวเองในการสืบทอดตระกูลหงส์ไฟ
มันก็เป็นเพราะเฉินหยานเซียวในก่อนหน้านี้เป็นขยะที่โง่เง่า
เพราะฉะนั้นการมีอยู่ของเธอในรุ่นที่สาม มันก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนอยากที่จะจัดการกับเธอ
นอกจากเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยที่ทำร้ายเธอเพื่อความสนุกสนาน
สถานการณ์ของเฉินหยานเซียวก็ยังถือได้ว่าไม่อันตราย
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้เปิดเผยสถานการณ์ของตัวเองและอนุญาตให้พวกเขารู้เกี่ยวกับความสามารถในการครอบครองความสามารถในการบ่มเพาะทั้งพลังลมปราณและพลังเวท
มันก็เป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นไม่อาจไว้ใจเธอได้ และอาจคิดที่จะสร้างปัญหาให้ธอ
มันมีอะไรมากกว่านั้นคือ เฉินหยานเซียวได้สูญเสียพ่อแม่ของเธอ
และเธอไม่หลงเหลือผู้ที่จะคอยช่วยเหลือภายในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
เธอมีเพียงตัวคนเดียว การที่ตัวเธอจะกลายเป็นเป้าหมายในชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล
มันเป็นไปได้มากว่าท่านลุงของเธอจะทำการสนับสนุนลูกชายและลูกสาวของพวกเขาในการเข้าชิงตำแหน่งของหัวหน้าตระกูล
พวกเขาก็จะจัดการเธอนี้ ต้นกล้าเล็กที่เพิ่งงอกมาได้ไม่นานนี้
แม้ว่า
เฉินหยานเซียว ไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับการจัดระดับของพลังเวทและพลังลมปราณ
แต่เธอก็ยังคงมีประสบการณ์ในด้านความรู้
ความลึกลับเกี่ยวกับด้านมืดธรรมชาติของมนุษย์
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ