อันเป็นผลมาจากก่อนหน้านี้
'เฉินหยานเซียว' ที่ถูกรังแก โดยพี่ชายและพี่สาว
เธอถูกรังแกบ่อยมาก
จนกระทั่งร่างกายของเธอพรุนไปด้วยรอยแผลเป็นและอาจถือได้ว่าเป็นผู้ป่วยประจำของเฉินชิว
ถ้ามีคนบอกว่ายังคงมีคนที่ไม่ได้กลั่นแกล้งเฉินหยานเซียว เฉินชิวอาจถูกนับว่าเป็นหนึ่งในนั้น
"ลุงชิว"
เฉินหยานเซียวกระพริบตาของเธอ ขณะที่มองไปที่ เฉินชิวด้วยสายตาที่ดูสับสน
ในขณะที่เธอซ่อนความดุร้ายไว้ภายใต้ดวงตาของเธอ
เมื่อมองไปที่คุณหนูเจ็ดที่โง่เขลาที่อยู่ที่ด้านหน้าของเขา
เฉินชิวรู้สึกไม่สบายใจอยู่ในใจของเขา
แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงแสดงออกอย่างอ่อนโยนและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ .. เขากล่าวว่า
"คุณหนูเจ็ดท่าทางของเจ้ายังอ่อนแออยู่ ในช่วงเวลานี้เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ๆ
ลุงได้นำขนมเปี๊ยะที่เจ้าชอบมาให้ด้วย"
ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามของตระกูลหงส์ไฟ
เฉินชิวนับว่าเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยังได้รับความนับถือในระดับสูงจากเฉินเฟิง
เฉินชิวเป็นหมอที่พยายามอย่างหนักในการศึกษาด้านการแพทย์และเขาไม่เคยมีภรรยาและบุตรมาก่อน
สำหรับเฉินหยานเซียวจากการที่เขาต้องทำการรักษาเธอหลายต่อหลายครั้ง จนเขาคิดว่าเธอเป็นหลานสาวของเขาไปแล้ว
แม้ว่าตัวเขาจริง ๆ จะไม่ได้เป็นญาติของตระกูลเฉิน
เขาก็ยีงมีความตั้งใจที่จะดูแลเฉินหยานเซียว แต่ถ้าหากไม่มีคำสั่งของเฉินเฟิง
เขาก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
เฉินหยานเซียวยิ้มออกมาอย่างมีความสุขขณะที่เธอรับเอาขนมเปี๊ยะมาถือไว้ในมือ
และมันก็เหมือนกับว่าอาการเจ็บบนร่างกายของเธอไม่สามารถเทียบำด้กับของหวานที่อยู่ด้านหน้าของเธอ
เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับมัน
มันก็น่าเศร้าที่แม้ว่าเฉินหยานเซียวจะมีสิ่งของจำเป็นตามความต้องการขั้นพื้นฐาน
แต่ทุกสิ่งที่เธอกินหรือใช้ก็เป็นเพียงสิ่งของที่มีคุณภาพคล้ายกับของคนรับใช้ที่ด้อยที่สุดของตระกูลหงส์ไฟ
ภายใต้การกลั่นแกล้งของเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยที่ได้ทำสิ่งที่จงใจสำหรับเธอ
จนทำให้เธอพบกับความยากลำบาก โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับขนมหวานซึ่งเป็น
"สินค้าหรูหรา"
เมื่อเฉินชิวมองดูเด็กสาวตัวน้อย
ที่ยังต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่เธอกำลังแสดงสีหน้าดีใจ ขณะที่เธอจัดการกับขนมเปี๊ยะ
เฉินชิวถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าด้วยสติปัญญาของเฉินหยานเซียว
เธอจะไม่สามารถเข้าใจคำพูดที่ซับซ้อนเกินไปได้
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับการพูดย้ำคิดย้ำทำของเขา
"คุณหนูเจ็ดคราวนี้นายท่านโกรธมาก และลุงก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
สำหรับช่วงนี้เจ้าก็พักฟื้นในห้องไปก่อน อย่างไรก็ตามลุงจะพยายามพูดให้
และจะไม่ยอมให้ร่างกายที่อ่อนแอของเจ้าต้องได้รับการลงโทษจากนายท่าน..."
โดยไม่กระพริบตา
เฉินหยานเซียวยังกัดขนม เคี้ยวมันอย่างอร่อย แต่หูของเธอยังตั้งใจฟัง
โดยแทบจะไม่ให้คำใด ๆ หายไป เมื่อเฉินชิวพูดคุยกับตัวเอง
สถานที่กักขังสัตว์เวทของตระกูลหงส์ไฟ
เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเด็กผู้เยาว์ แม้กระทั่งเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย
ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะบุกรุกเข้าไป
การบุกรุกเข้าไปในที่แห่งนั้นในครั้งก่อนหน้านี้ของเธอ มันทำให้เฉินเฟิงโกรธมาก
ก่อนหน้านั้นทั้งสองคนนั้นพูดถึง เฉินเฟิง
ว่าเขาจะต้องทำการสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
'เฉินหยานเซียว' ได้วิ่งเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
เฉินหยานเซียวก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ดี
จากความทรงจำที่เธอได้รับมามันช่างวุ่นวายมาก
นอกจากความทรงจำเกี่ยวกับความมืดและความกลัวไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
เธอก็ไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ
เฉินหยานเซียวเข้าใจอย่างชัดเจนว่า
เฉินเฟิงไม่ได้กังวลในเรื่องความปลอดภัยของเธอแม้ต่อน้อย
"ขยะที่น่าอับอายของตระกูลหงส์ไฟ"
ต่ออันตรายที่เธอได้พบเจอในสถานกักขังสัตว์เวท แต่เขากลับสนใจแต่เพียงแค่ว่า
คำเตือนของเขาได้ถูกละเลยจากคนอื่นหรือไม่
โชคดีที่เฉินชิวได้วางแผนที่จะช่วยเธอยื้อเวลาออกไป
จากการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัวของเฉินชิว
ชายชราคนนี้ได้เปลี่ยนความคิดของเธอไปแล้วและทำให้เฉินหยานเซียว ติดป้ายว่าเป็น
"คนดี" ไว้ในใจของเธอ
เฉินชิวนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของเฉินหยานเซียวอีกครั้ง
คราวนี้เขายังคงพูดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ หลังจากที่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเฉินชิว
เด็กสาวตัวน้อยที่อยู่ด้านหน้าเขาก็ยังคงเป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร
ด้วยสติปัญญาที่เทียบเท่าเด็กอายุสี่ขวบ
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหามากเกินไปกับท่าทางของเฉินหยานเซียว
เฉินชิวจึงได้ออกจากห้องไป
ขณะที่เฉินชิวออกจากห้อง
เฉินหยานเซียวก็ลุกออกจากเตียง
เธออดทนตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอ
ในสมองของเธอ เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าก่อนที่เธอจะหมดสติ
ซิวได้ช่วยเธอในการยกเลิกชั้นแรกของตราประทับ และยังบอกเธอว่า
เฉินหยานเซียวสามารถฝึกพลังลมปราณและพลังเวทได้แล้ว
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบสนุกมาก
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ