แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
ถ้าฮั่นหลางต้องการกบฏ เขาไม่ได้ต้องการอะไร
เขาก็แค่ทำมันในทันที
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
"ปล่อย!?" แววตาของของสตีเฟ่นเปล่งประกายวาววับออกมา เขาพูดด้วยเสียงแปลก ๆ ว่า
"เจ้ากำลังล้อข้าเล่น? ใครที่เกี่ยวข้องกับ 9527
เราต้องฆ่าพวกเขาทุกคน!"
เทนดิ้งตกใจและขมวดคิ้ว "แต่ท่านบอกว่าเราไม่มีหลักฐานเพียงพอ
อีกทั้งฮั่นหลางยังเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพชายแดน ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการขององค์กร
ผู้บังคับบัญชาระดับสูงขององค์กรหลายคนต่างรู้ชื่อของเขาและชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก"
"อีกทั้งการต่อสู้ในหุบเขาลี้ลับของฮั่นหลางและซือหม่าฮันเฟิงยังทำให้ผู้บริหารระดับสูงหลายคนประหลาดใจ"
"เมื่อไม่มีหลักฐานอะไร เราจะฆ่าเขาได้อย่างไร?"
สตีเฟ่นเยาะเย้ยและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า "เทนดิ้ง
ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองพิพากษานี้ไม่นาน และยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งต่าง
ๆมากมายในเมืองนี้..จริง ๆ แล้ว มันค่อนข้างง่ายที่จะจัดการกับพวกเขา"
"ห้องขังดูเหมือนง่ายที่จะหลบหนีใช่หรือไม่?"
เทนดิ้งพยักหน้าของเขาก่อนกล่าวออกไปว่า "ใช่แล้ว มันดูให้อิสระกับนักโทษ
ฮั่นหลางสามารถเข้าออกได้ทุกห้องขังภายในเรือนจำได้อย่างอิสระ"
สตีเฟ่นกล่าวว่า "ฮั่นหลางจะต้องคิดว่ายามในเมืองพิพากษานั้นไม่ได้เข้มงวดและกำลังประมาท
จุดนี้ถ้าเจ้าเพิ่มแรงกดดันลงไป ทำร้ายเพื่อนของเขา เจ้าคิดว่าฮั่นหลางและเพื่อนของเขาจะทำอย่างไร?"
เทนดิ้ง กลืนน้ำลาย "ถ้าพวกเขาถูกกดดันมากเกินไป พวกเขาอาจหาทางหลบหนี"
สตีเฟ่นหัวเราะเยาะ "นี่คือวิธีที่เจ้าจะสามารถฆ่าพวกเขาได้โดยไม่มีความผิด
ไปทำตามแผนนี้ซะ"
"พวกเขา? เพียงแค่ฮั่นหลางเองไม่พอหรอกเหรอ?" เทนดิ้งรู้สึกตกใจและถามออกไปอีกครั้ง
สตีเฟ่นส่ายหน้า "ไม่พอ คนเหล่านี้ เราไม่อาจปล่อยให้แม้แต่คนเดียวมีชีวิตรอดออกไปได้"
….
ฮั่นหลางนอนอยู่ในห้องขังของเขา เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อี่เว่ยเว่ยเดินเข้าไปในห้องฮั่นหลางพร้อมถือแก้วน้ำและวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
หากจะพูดถึงการควบคุมในห้องขังนี้ พวกเขามีอิสระค่อนข้างมากที่แม้แต่ผู้ต้องขังสามารถปรุงอาหารได้เอง
"ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยามในเรือนจำดูจะมีความดุร้ายมากขึ้น..พวกเขาพาตัวบ่อยาออกไปเพื่อสอบถามเพิ่มเติม
เมื่อสิบวันก่อนพวกเขาก็ทำเช่นนี้กับทุกคน" อี่เว่ยเว่ยกล่าวออกมาด้วยความกังวลใจ
ฮั่นหลางพยักหน้าและพูดว่า "ข้ารู้ ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นจากข้างนอกแล้ว"
อี่เว่ยเว่ยพยักหน้าและตั้งใจที่จะเดินออกไป เด็กสาวรู้จักกาละเทศะ
เธอรู้ว่าไม่ควรรบกวนฮั่นหลางในขณะที่เขากำลังคิด
แต่ฮั่นหลางกลับถามออกไปอย่างกระทันหันว่า "เจ้าเกลียดข้าหรือไม่?"
อี่เว่ยเว่ยตกใจเล็กน้อยและจากนั้นเธอก็รีบกล่าวออกมาว่า
"ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนั้น?"
ฮั่นหลางกล่าวว่า "ข้าลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้
เจ้าไม่โทษข้าหรอกหรือ?"
อี่เว่ยเว่ยส่ายหน้า "ไม่ ข้าเชื่อว่าสิ่งที่เจ้าทำถูกต้อง
ไม่เพียงแต่ข้า แต่ทุกคนก็คิดเช่นเดียวกับข้า บ่อยาพูดย้ำอยู่เสมอว่าเขาคงจะตายในสนามรบชายแดนไปแล้วหากไม่มีเจ้า
ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสงสัยใด ๆ ในตัวเจ้า"
ฮั่นหลางถอนหายใจเบา ๆ ในความเป็นจริงพี่น้องเหล่านี้จงรักภักดีต่อเขามาก
มันยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับฮั่นหลาง
บ่อยา คลาร์ก คนอื่น ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นพี่น้องทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่าพวกเขานั้นเหนียวแน่นมาก
แม้แต่กับซือหม่าฮันเฟิงที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
ก็กำลังรอด้วยความอดทนเหมือนกับทุกคน
เร็ว ๆ นี้พวกเขาได้ยินเสียงคำรามจากภายนอก ฮั่นหลางและอี่เว่ยเว่ย
ออกไปตรวจสอบอย่างรวดเร็วและเห็นร่างของบ่อยาที่เต็มไปด้วยเลือดถูกนำกลับมาโดยยาม
ทรมาน!?
พวกเขาทรมานบ่อยา!
สมองของฮั่นหลางเริ่มตึงเครียดขึ้น ราวกับว่าเขากำลังจะระเบิด
ถึงแม้ว่าบ่อยาจะไม่ได้เป็นพี่ชายที่ดีในแบบฉบับของฮั่นหลาง แต่เขาก็เป็นคนที่จงรักภักดีต่อฮั่นมากที่สุดท่ามกลางคนอื่น
ๆ นับตั้งแต่ฮั่นหลางเข้ามาที่องค์กรเหล่าเทพเจ้า
ฮั่นหลางชอบทำงานร่วมกับคนสองคน หนึ่งในสองคนนั้นคือแลนซ์ที่มาจากครอบครัวมือลอบสังหารชั้นยอด
เขาเป็นนักแกะรอยชั้นนำที่มีคุณสมบัติที่นักฆ่าชั้นยอดควรจะมี
อีกหนึ่งคนก็คือบ่อยา ทุกคนเรียกเขาว่า บ่อยาหัวร้อน เขาเคยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เขามักส่งเสริมขวัญกำลังใจให้กับทุกคน และวิ่งไปข้างหน้าเมื่อมีการสู้รบอยู่เสมอ
บ่อยาเป็นคนที่มีลักษณะประหลาด เขามีผิวสีฟ้า
ตอนนี้เลือดสีน้ำเงินไหลออกมาจากบาดแผลบนใบหน้าของเขา ปากและตาของเขาบวม
และหน้าผากของเขามีรอยขีดข่วน แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวด
ทุกคนโกรธ ต้นกำเนิดที่ไร้จุดหมายคว้าคอเสื้อของยามขึ้นมาจ้องไปที่ยามและตะโกนเสียงดังออกไปว่า
"เจ้าทำอะไร? เจ้าทำร้ายเขาทำไม?!"
ในขณะที่อารมณ์ของทุกคนกำลังเดือดขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขากำลังจะฉีกผิวหนังของทหารยามคนนั้น
บ่อยาก็รีบลุกขึ้นยืน พุ่งเข้าไปคว้ามือของไร้จุดหมายเอาไว้
เขากั้นทุกคนไว้ข้างหลังเขา
“อย่าหยาบคายกับยามเหล่านี้ ข้าสะดุดล้มเอง
มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา" บ่อยากล่าวออกไป
"เจ้าบ้า เจ้าพูดจริง?!?
เจ้าทำตัวเอง?!" อู้หวินถลกแขนเสื้อของเขาขึ้น
และเผยให้เห็นแมลงสีแดงสองสามตัวที่พร้อมจะทำการโจมตี
"ข้าพูดว่า ข้าสะดุดล้ม ข้าทำตัวข้าเองและนั่นคือทั้งหมด
พวกเจ้าถอยกลับออกมา!" บ่อยากำลังกังวลในขณะที่เขาพูดออกไปอย่างแข็งขัน
ทุกคนสงสัยและมองหน้ากันไปมา
ในเวลานี้ยามจัดเสื้อผ้าของเขาและยิ้มเยาะ "เจ้าทุกคนได้ยินสิ่งที่เขากล่าวแล้วนี่
เขาสะดุดล้มเอง เขาทำตัวเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเขา"
"แลนซ์ ถึงตาเจ้าแล้ว มากับข้า"
"ได้" แลนซ์ยักไหล่และเดินออกจากคุกไป
"เจ้าเป็นคนโง่หรือไม่ อย่าไปกับพวกเขา!"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายตะโกนออกไป
แลนซ์ไม่ได้หันกลับมา เขาเพียงแต่ยิ้มและพูดว่า "ไม่เป็นไร
ข้ายินดีที่จะไปกับพวกเขา"
ปัง ~
เมื่อประตูคุกถูกปิดลง ทุกคนต่างตกใจ
อู้หวินมองไปที่บ่อยาอย่างเย็นชาและพูดว่า
"เจ้าเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ขี้ขลาด?!" หน้าผากของบ่อยาปูดเส้นเลือดดำขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปที่ผนังโลหะหนาและชี้ไปที่กำแพงสีดำก่อนกล่าวออกมาว่า
"มองกำแพงนี่ให้ดี มันเป็นโลหะผสมพิเศษที่สามารถดูดซับพลังได้!"
"แน่นอนอยู่แล้วว่าข้าสามารถฆ่ายามเพียงไม่กี่คนได้อย่างสบาย ๆ แต่อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น? พวกเขาอาจจะใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อฆ่าพวกเราทุกคน!"
"ถ้าสิ่งที่ข้าทำมันหมายถึงเป็นคนขี้ขลาด เพื่อไม่ให้ทุกคนตาย
ข้าก็เป็นคนขี้ขลาด"
ทุกคนเงียบไปฮั่นหลางรู้สึกเสียใจอยู่ภายในใจ
เขารู้จักบ่อยาเป็นอย่างดีเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น อารมณ์มุทะลุ
สิ่งที่เขาพูดออกมามากที่สุดในอดีตกับฮั่นหลางก็คือ "ลุย ฆ่ามัน!!"
ผู้ชายที่มีเลือดร้อนมุทะลุ กลับกล่าวโทษตัวเองว่าเดินสะดุดล้มจนทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ
เขาทำเช่นนั้นไม่ได้เพื่อตัวเอง หากแต่เพื่อพี่น้องอีกหลายร้อยคนของเขาที่อยู่ในคุก
ฮั่นหลางมองไปรอบ ๆ พี่น้องทุกคนในเรือนจำมี คลาร์ก ที่มากับเขาจากโลก อาจารย์บ้าทั้งสามคนของเขา
เหล่าผู้ร้ายจากอาณาจักรที่ถูกลืม แลนซ์และเหล่าคนของเขาที่มาจากทางช้างเผือก
และบ่อยา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนกับฮั่นหลาง
ตั้งแต่เมื่อพวกเขาเข้าร่วมการพิพากษาโดยองค์กรเหล่าเทพเจ้า คนเหล่านี้ต่างมาจากทั่วทุกมุมของจักรวาล
พวกเขามีบุคลิกที่แตกต่างกัน และเป็นนักรบที่เคยผ่านความยากลำบากทั้งหมด
ไม่ว่าจะที่ชายแดนและการต่อสู้ในหุบเขาลี้ลับ พวกเขาก็ยังต่อสู้เคียงบ่าข้างไหล่กับฮั่นหลาง
วันนี้เหตุผลที่พวกเขาถูกคุมขังอยู่ในคุกก็เพราะฮั่นหลาง
ฮั่นหลางขมวดคิ้วและเดินไปที่ผนังสีดำ เขาพึมพำกับตัวเอง
"โลหะผสมที่ดูดซับพลัง"
บ่อยาเช็ดเลือดสีฟ้าออกจากศีรษะของเขาก่อนกล่าวออกไปว่า "ใช่
ข้าทดสอบแล้ว ไม่มีใครสามารถผ่านโลหะผสมพิเศษนี้ได้
คุกนี้ดูเหมือนจะสามารถควบคุมได้อย่างอิสระ
รวมทั้งยามที่อยู่ข้างนอกนับพันคนที่พร้อมจะต่อสู้กับศัตรู แม้ว่าเราจะสามารถหนีออกจากห้องนี้ได้
แต่เราก็ไม่สามารถหลบหนีคุกนี้ไปได้"
"ดังนั้นเราต้องอดทน และผ่านมันไปให้ได้"
"แล้วเราจะต้องอดทนไปจนถึงเมื่อไหร่?" ผู้เล่นยามค่ำคืนกล่าวออกมา
บ่อยาลังเลเล็กน้อยและจากนั้นเขาก็ส่ายหัว
ฮั่นหลางตบไหล่บ่อยาและพูดเบา ๆ ออกมาว่า "เจ้าเป็นพี่ชายที่ดี
ขอบคุณที่ทำแบบนี้เพื่อทุกคน"
บ่อยาหัวเราะและกล่าวว่า "พ่อของข้ามักจะบอกข้าว่า
เขาไม่สามารถปกป้องข้าได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อข้าอยู่ข้างนอกกับพี่น้อง
ความจริงใจต่อกัน ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งเดียวที่จะพึ่งพากันได้
ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะทำเช่นเดียวกันถ้าเจ้าเป็นข้า"
ยิ่งบ่อยาได้พูดมากขึ้น ฮั่นหลางยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น
เขาเริ่มคำนวนอะไรบางอย่างในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานประตูคุกก็เปิดออกอีกครั้ง แลนซ์ถูกนำตัวกลับมา นิ้วมือข้างซ้ายสองนิ้วถูกหักจนไม่เหลือสภาพเดิม
ในฐานะมือลอบสังหาร เขาสามารถปลดล็อกประตูด้วยนิ้วที่มีความยืดหยุ่น ปล่อยอาวุธลับอื่น
ๆ พวกมันมีความสำคัญต่อความสามารถของเขาในฐานะมือสังหาร
ตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหักนิ้วมือของเขา แม้ว่าเขาจะสามารถรักษานิ้วจะหายเป็นปกติแต่มันก็จะไม่ยืดหยุ่นเท่าเดิม
"คลาร์ก เจ้าเป็นคนถัดไป"
เมื่อยามโยนแลนซ์เข้าห้องขัง เขาได้นำคลาร์กออกไป
ผู้เล่นยามค่ำคืน วิ่งไปข้างหน้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษและแพทย์
เขาห่อหุ้มนิ้วของแลนซ์ด้วยวิธีง่ายๆ เนื่องจากแหวนมิติของทุกคนถูกยึดไป
พวกเขาจึงไม่มีอาวุธและไม่มีชุดปฐมพยาบาล
"ข้าสบาย ข้าสบายดี!" แลนซ์ยังคงยิ้มอยู่แม้ว่าปากของเขาจะบิดเบี้ยว
"ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากเลย ตระกูลแลนดิสของข้าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง
ทุกคนล้วนหวาดกลัวและเกลียดคนที่มาจากตระกูลแลนดิส เมื่อตอนที่ข้ายังเด็กข้าสาบานว่าจะต้องไม่เป็นเหมือนพวกเขา
และตอนนี้ข้าก็ทำมันได้แล้ว! แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไม่เป็นอะไร
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่เพียง แต่ข้าจะสามารถฆ่าคนได้ แต่ข้าก็ยังได้เรียนรู้ที่จะปกป้องผู้อื่น
จากนี้ไป ข้าก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกับคนในตระกูลแลนดิส"
แลนซ์กล่าวออกมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ
เด็กคนนี้ทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นเพื่อลบล้างความอื้อฉาวของครอบครัวของเขา
ทุกครั้งที่ฮั่นหลางขอให้เขาแกะรอย เขาจะทำงานได้ดีกว่าคนอื่น
เพียงเพื่อทำให้คนอื่นสังเกตเห็นเขาและชอบเขา
"เป็นพี่ชายที่ดี!" ฮั่นหลางตบไหล่ของแลนซ์
ฮั่นหลางหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องขังของซือหม่าฮันเฟิง
สิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก ซือหม่าฮันเฟิงที่เพิ่งออกเดินมาและตรวจสอบเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวขมวดคิ้วและเดินกลับไปที่ห้องของเขา
"เจ้ามีธุระอะไร"
ซือหม่าฮันเฟิงมองไปที่ฮั่นหลางอย่างรวดเร็วและกล่าวออกมาว่า "นั่งสิ"
ฮั่นหลางนั่งข้าง ๆ ซือหม่าฮันเฟิง และกระซิบออกไป
"เราต้องหาทางออก"
ซือหม่าฮันเฟิง เลิกคิ้วขึ้นก่อนกล่าวออกไปว่า "แผนการของเจ้าคืออะไร?"
ฮั่นหลางกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าเห็นกฎเหนือสิ่งอื่นใด
แต่บางครั้งกฎบางอย่างก็ต้องแหก"
ซือหม่าฮันเฟิงพยักหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นว่า "ถ้าเจ้าพูดแบบนี้กับข้าในอดีต
ข้าจะตบเจ้าในทันที..ตอนนี้ข้าตระหนักดีว่ากฎของมนุษย์ที่ทำขึ้นมา
มันไม่สามารถบอกได้ว่าทุกคนจะเป็นคนดี"
ฮั่นหลางตกใจมาก มันเป็นเรื่องผิดปกติมากที่เห็นซือหม่าฮันเฟิง
มีความคิดเช่นนี้ เพราะเขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนดื้อรั้นมากที่สุด
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดกว้างมากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต
ซือหม่าฮันเฟิงกล่าวออกไปอย่างช้า ๆ ว่า "ถ้าเจ้ามีอะไรบางอย่างอยู่ในหัวของเจ้าที่เจ้าอยากจะทำ
จงทำมันซะ แน่นอนข้าจะสนับสนุนเจ้า"
หลังจากนั้นซือหม่าฮันเฟิงมองออกไปที่นอกห้องขังของเขา บ่อยาและแลนซ์อยู่ท่ามกลางเหล่าเพื่อนของพวกเขา
เขากระซิบกับฮั่นหลางไปว่า "แต่เจ้าต้องรีบหน่อย
อย่าปล่อยให้พี่น้องของเจ้าแย่ลงไปมากกว่านี้ ข้าเป็นคนที่ดื้อรั้น
แต่ข้ายังเป็นมนุษย์
ข้าสามารถบอกได้ว่าพวกเขากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเจ้า"
แววตาของฮั่นหลางแวววาวมากขึ้น เขาพยักหน้าอย่างหนักและพูดว่า
"ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า"
"อะไร?"
"ทางช้างเผือกได้รับการช่วยเหลือแล้ว ตอนนี้นอกจากราชาเผ่าพันธุ์สามตา
ส่วนที่เหลือของเผ่าพันธุ์สามตาทั้งหมดถูกฆ่า!"
ใบหน้าของ ซือหม่าฮันเฟิง ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเขาเกือบจะตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ด้วยการที่เขาเป็นชนชั้นสูงและเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดของทางช้างเผือก
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงถูกขังอยู่ในคุก นั่นเป็นเพียงเพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถตายได้ในขณะนี้
เขาต้องกลับไปยังทางช้างเผือกเพื่อปกป้องภูมิลำเนาของเขา
ฮ่าฮ่าฮ่า ~
ซือหม่าฮันเฟิงไม่สามาถอดกลั้นเสียงหัวเราะของเขาได้ แสงสว่างสาดส่องกวาดหมอกควันออกไป
แววตาของเขาเปล่งประกายสดใสออกมา
"ดี ดี ดี ตอนนี้ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ ทำตามที่ข้าเพิ่งกล่าวไป
ทำมันซะ ต่อจากนี้ไปชีวิตของข้าจะอยู่ในมือของเจ้า!"
ซือหม่าฮันเฟิงกล่าวออกไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ฮั่นหลางพยักหน้าและเดินออกจากห้องของซือหม่าฮันเฟิง
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าอารมณ์ของฮั่นหลางนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
ขวัญกำลังใจของเขาพุ่งขึ้นอีกครั้ง
เขายืนอยู่ข้างประตูทางเข้าคุก แยกขาเล็กน้อย กอดอกและจ้องมองไปที่ประตูที่ปิดสนิท
"เจ้ากำลังมองหาอะไร?"
อี่เว่ยเว่ยหันไปหาฮั่นหลางและถามขึ้น
ชูวว ~
ดูเหมือนว่าจิ้งจอกเงินจะสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในตัวของเจ้านายของมัน
จิ้งจอกเงินไต่ขึ้นไปบนไหล่ของฮั่นหลางและห่อหางยาวของมันรอบคอของฮั่นหลางด้วยรูปลักษณ์ที่รุนแรงเช่นเดียวกับฮั่นหลาง
ฮั่นหลางลูบไล้พวงหางของจิ้งจอกเงินและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
"ข้ากำลังรอ คลาร์ก"
"รอเขาทำไม?" อี่เว่ยเว่ยถามออกไปด้วยความสับสน
"คนของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้แม้แต่คนเดียวอยู่ข้างหลัง"
ฉับพลันอี่เว่ยเว่ยก็รู้สึกเหมือนกับว่าคำพูดของฮั่นหลางเต็มไปด้วยพลัง เธอมองไปแววตาที่จ้องมองกลับมาของฮั่นหลาง
มันเปล่งประกายคมชัด เธอรู้สึกตกใจ ดูเหมือนว่าอี่เว่ยเว่ยจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เธอกัดริมฝีปากของเธอและยืนอยู่ข้างหลังฮั่นหลาง
ฟรานหัวหน้าเผ่าเฮดฮันเตอร์ เขาเป็นคนเถื่อน
แต่สัญชาตญาณของเขาก็ไวเหมือนสัตว์ป่า เขายังสังเกตเห็นลักษณะที่เปลี่ยนไปของฮั่นหลาง
และเดินเข้ามาหาฮั่นหลาง เขามองไปที่ดวงตาของฮั่นหลางแล้วเริ่มดึงสายคาดรองเท้าบูทออกมา
เอามันมาผูกแขนไว้ นี่คือนิสัยของเขาก่อนการสู้รบ
ในทันทีมีการสนทนาน้อยลงในห้องขังและบรรยากาศก็เริ่มเข้มข้นขึ้น
พวกเขาเป็นพี่น้องที่ได้ร่วมการต่อสู้กับฮั่นหลางมาก่อน
และพวกเขาทั้งหมดก็ตระหนักได้ถึงแววตาที่จ้องมองมา ฮั่นหลางเป็นคนพิเศษ
เขารู้สึกสบายและเป็นกันเองกับทุกคนในชีวิตจริง
เขาจะเป็นคนที่ดูผ่อนคลาย ยิ้มและเป็นมิตร และจะกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งเมื่อเขาเข้าสู่สนามรบ
มีคนไม่มากที่สามารถมองเห็นลักษณะที่เปลี่ยนแปลงของฮั่นหลาง
ดังนั้นใครก็ตามที่เคยต่อสู้กับเขาย่อมที่จะจำลักษณะแววตาที่จ้องมองมาได้เป็นอย่างดี
หลายร้อยคนอยู่ด้านหลังฮั่นหลางและปิดกั้นประตูทางเข้าคุก
ไม่ว่าฮั่นหลางจะกำลังวางแผนอะไร เขาก็จะรอคลาร์กกลับมาก่อน เขาจะไม่ปล่อยให้พี่ชายของเขาอยู่ข้างหลัง
เมืองพิพากษา ศูนย์บัญชาการและการตรวจสอบ
เทนดิ้งได้เห็นภาพบนจอ เขาถอนหายใจยาวออกมา และกล่าวแก่คนของเขาว่า
"ดูเหมือนว่า ฮั่นหลางใกล้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา ส่งยามลงไปเพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยั่วอารมณ์เก่ง"
"ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำอย่างไร
เจ้าต้องกระตุ้นให้พวกเขาเป็นคนเริ่มการต่อสู้!
เมื่อพวกเขาเริ่มการต่อสู้เราก็มีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด"
"ต้องจัดการให้เร็ว ข้าได้ยินมาว่าคาร์บรี่กำลังจะมาที่เมืองพิพากษาเพื่อเยี่ยมฮั่นหลาง
เราต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่เขาจะมาถึง"
"ครับท่าน!"
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเพื่อจัดการเรื่องนี้!"
ลูกน้องของเทนดิ้งตอบรับ
ลูกน้องคนหนึ่งที่ดูตื่นตระหนกมากกว่าคนอื่น เขาขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า
"เราจำเป็นต้องส่งสุดยอดขุนศึกออกไปด้วยหรือไม่?" ซือหม่าฮันเฟิง
เป็นนักรบระดับแปดดาว นอกจากนี้เราไม่ควรประมาทฮั่นหลางและคนอื่น ๆ
ภายใต้การนำของฮั่นหลาง ทีมของเขาสามารถทำลายกองกำลังมือสังหารจากองค์กรเหล่าปีศาจ
เหล่ามือสังหารล้วนเป็นชนชั้นนำที่บรรดาผู้บริหารอาวุโสขององค์กรเคยกังวลเป็นอย่างมาก"
เทนดิ้งส่ายหน้าโดยไม่เสียเวลาคิดว่า "ไม่จำเป็นต้อง
กำแพงโลหะสามารถดูดซับพลังของพวกเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นพลังของซือหม่าฮันเฟิงหรือฮั่นหลาง
ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะไม่สามารถออกมาได้
จากนั้นพวกเขาก็ถูกขังอยู่ในคุกและถูกฆ่าโดยพวกเราอยู่ดี!"
“อีกอย่างถ้าคาร์บรี่ รู้ว่าเราเรียกสุดยอดขุนศึกมาจากข้างนอก
เขาก็จะสงสัยเรา..สภาได้มีข้อพิพาทกับคาร์บรี่บางอย่าง โดยเฉพาะกับฮั่นหลางที่เป็นเพียงตัวละครตัวเล็ก
ๆ นี้ นอกจากนี้เราไม่สามารถละสายตาของเราจากครอบครัวตระกูลลูชุ่ยได้เช่นกัน
"ดังนั้นเราจึงต้องทำมันอย่างลับๆ
และเราจะต้องปิดเรื่องนี้ไม่ให้คาร์บรี่รับรู้เรื่องนี้เด็ดขาด..ด้วยกฎพื้นที่
ถ้าพวกเขาคิดได้ กองกำลังของพวกเขาจะมาถึงเมืองพิพากษาของเราได้ภายในสิบวินาที
…
เมื่อคลาร์กถูกพาตัวไปยังคุกเขาได้ยินเสียงดังจากข้างหลัง
คลืนนน ~~
เมื่อคลาร์กหันกลับไปมอง เขาเห็นก้อนหินทะลวงมังกรหนาสามเมตร ถูกปล่อยลงมาจนปิดกั้นทางออก
มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะผสมพิเศษที่ดูดซับพลัง
"เจ้ากำลังมองหาสิ่งใด?!"
ผัวะ ~~
ยามที่ก้าวร้าวตบหน้าคลาร์ก จนฟันของเขากระเด็นหลุดไปสองซี่
ใบหน้าของคลาร์กแดงก่ำ เขารู้ว่าเขาจะต้องอดทนแบกรับมัน
มิฉะนั้นฮั่นหลางและพี่น้องคนอื่น ๆ ของเขาจะมีปัญหา นั่นเป็นเหตุผลที่คลาร์กยินดีที่จะอดทนต่อความอับอายทั้งหมดนี้
คลืนนน ~
หินอีกก้อนหนึ่งเลื่อนลงมา หินทั้งสามก้อนได้บล็อกห้องขั้งทั้งหมดไว้อย่างสมบูรณ์
คลาร์ก สับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าถึงทำเช่นนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะไม่สามารถออกไปได้อีกเมื่อหินเลื่อนมากั้น
ยกเว้น...
ขณะที่เขากำลังคิด คลาร์กก็เห็นสายตาที่จ้องมองมาของฮั่นหลาง
และพี่น้องคนอื่น ๆ ของเขาจากอีกด้านหนึ่งของกรง
แน่นอนว่าเขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร เมื่อฮั่นหลางแสดงออกด้วยสีหน้าเช่นนี้
เขาพยายามจะหยุดยั้งการทำของฮั่นหลางผ่านทางสายตา พวกยามได้เตรียมการปล่อยหินลงมา
ถ้าฮั่นหลางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ผลที่ตามมาย่อมรุนแรง
"อย่าทำอะไรบ้า ๆ! ไม่ได้นะ
พวกเขาเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว!" คลาร์ก ตะโกนอยู่ในใจของเขา
ขณะที่เขายังคงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาไปที่ฮั่นหลาง
ฮั่นหลางเป็นคนฉลาด
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่คลาร์กพยายามจะสื่อสารออกมา
แต่ฮั่นหลางไม่สนใจเขา สายตาของเขาเริ่มคมชัดยิ่งขึ้น และร่างกายของเขาเริ่มมีควันดำระเหยออกมา
ยามเปิดประตูออก พร้อมตะโกนเสียงดังไปที่ฮั่นหลางและคนอื่น ๆ ว่า
"พวกเจ้ามาชุมนุมกันที่นี่ทำไม เจ้าต้องการจะทำลายกฎใช่หรือไม่?"
พวกเขาได้รับคำสั่งให้กระตุ้นยั่วโมโหให้ฮั่นหลางทำการกบฏ
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ในขณะนี้ผู้ดูแลเมืองพิพากษา เทนดิ้ง กำลังเฝ้าดูพวกเขาผ่านกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงพยายามที่จะประพฤติตัวดีต่อหน้าเขา
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเพิ่มความก้าวร้าวมากขึ้น
ผู้ชายที่มีผมสีดำและมีกลิ่นเหม็นเดินเข้าไปใกล้และทำการยั่วยุฮั่นหลาง
เขาชี้ไปที่จมูกของฮั่นหลางและตะโกนว่า "ข้าจะเตือนเจ้า! ประพฤติตัวให้ดี
มิฉะนั้น..."
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฮั่นหลางยกมือออกมาก่อนจะชกไปที่คอที่เต็มไปด้วยไขมัน
เกิดเสียงแตกขึ้น
พลัก!
เสียงดังกล่าวเป็นเหมือนสัญญาณบอกให้เริ่มการต่อสู้
นักรบที่อยู่เบื้องหลังฮั่นหลางทุกคนรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและฆ่ายามที่หยิ่งยโสในพริบตา
โดยไม่มีอาวุธใด ๆ ยามทุกคนต่างล้มลงไปกับพื้นและสิ้นลมหายใจ!
เทนดิ้ง เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องผ่านจอภาพ
เขาพบว่ามันไม่น่าเชื่อ มันแตกต่างจากที่เขาคาดไว้
เขาคิดว่าเขาคงจะกระตุ้นยั่วยุและทำร้ายคนเหล่านี้เพื่อบังคับให้พวกเขากบฏ
แต่น่าเสียดายที่ เทนดิ้ง ไม่รู้จักฮั่นหลางดีพอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น