เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

GDN 301 ชื่อของ ราชาแห่งความมืด

แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน 
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์ 
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/




ภายใต้การนำของฮั่นหลาง ทีมสามารถเดินผ่านทะเลสาบน้ำแข็งด้วยความเร็วอย่างเต็มที่

"ทุกคน เราต้องหยุดพักที่นี่ ข้าต้องการเวลาเพื่อคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป" ฮั่นหลางบอกกับทุกคนในทีม จากนั้นเขาก็เดินมาที่ก้อนหินและนั่งลงเพื่อคุยกับเพื่อนสนิทลึกลับในสมองของเขา ทุกคนต่างคิดว่าฮั่นหลางกำลังครุ่นคิดหาเส้นทางทางที่ปลอดภัยต่อไป ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้าไปรบกวนเขา

ชูวว ~

ฮั่นหลางรู้สึกเหมือนกับเดินเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ได้เห็นร่างเงาจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในสมองของเขาได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้เป็นอะไรที่น่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้ดูดีนัก เขามีหูสองข้างที่ชี้ขึ้น นอกจากนั้นก็ดูเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป

"ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคือราชาแห่งความมืด" ฮั่นหลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เขาพยักหน้าและพูดว่า "ราชาแห่งความมืดคือชื่อที่พวกเจ้าเรียกข้า..ชื่อจริงของข้าคือ ลู่เอียว และข้ามาจาก องค์กรเหล่าปีศาจศัตรูขององค์กรเหล่าเทพเจ้า"

"แน่นอนว่าเวลาก็ผ่านนานมาแล้วที่ข้าไม่ได้อยู่ในองค์กรหรือกลุ่มใด ๆ ที่ข้าเคยทำงานร่วมในอดีต ในตอนนี้พวกเขาต่างถือว่าข้าเป็นศัตรูของพวกเขา

"แล้วทำไม เจ้าถึงมาที่กาแลคซี?" ฮั่นหลางถามอีกครั้ง

ลู่เอียว กล่าวว่า "เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้กบฏต่อองค์กรเหล่าปีศาจและหนี พวกเขาได้พยายามไล่ล่าและตามสังหารข้า แต่ก็มีอุบัติเหตุครั้งหนึ่งที่ทำให้ข้าได้พบกับพลังพิเศษที่อยู่ในทางช้างเผือก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อครอบครองพลังอำนาจนั้น"

"ในขณะนั้นทางช้างเผือก ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ยังไม่ใช่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากแต่เป็นของเผ่าพันธุ์สามตา ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในหมู่สายพันธุ์มนุษย์ พวกเขาครอบครองจักรวาลนี้ พวกเจ้าที่เป็นมนุษย์สามารถได้รับอนุญาตให้ทำงานชั้นต่ำเช่นแรงงานเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ต่างอาศัยอยู่นอกกาแลคซีอย่างหวาดระแวง"

"ในตอนแรกข้าไม่ได้คิดว่าเผ่าพันธุ์สามตา เป็นภัยคุกคาม แต่ข้าดูถูกชายที่มีตาที่สาม ..ตาที่สามของเขามีอำนาจที่คุกคามที่สามารถคุกคามจิตวิญญาณของข้าได้โดยตรง"

"แม้ว่าข้าจะมีความมั่นใจ แต่ข้าก็พ่ายแพ้ในการสู้รบกับกลุ่มของเผ่าพันธุ์สามตาที่ทรงพลัง...แต่รู้ไว้เถอะว่านี่เป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้"

"เผ่าพันธุ์สามตาจับตัวข้าไว้ และเริ่มทำการทดลองต่าง ๆ กับข้า แต่พลังแห่งความมืดของข้านั้นแข็งแกร่งและลึกลับต่อพวกเขา พวกเขาเรียกข้าว่าอาวุธมนุษย์ พวกเขาคิดว่าพลังของข้าได้รับการพัฒนาหลังจากที่เกิด แต่ข้าไม่สนใจที่จะอธิบายพวกเขา ข้าเพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาพูดอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการ"

"หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้เรื่องพลังอำนาจของดาร์คเน็ต อย่างไรก็ตามไม่มีใครเชื่อว่า ดาร์คเน็ตจะไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ได้ พวกเขาคิดว่ามันต้องได้รับการพัฒนาโดยสายพันธุ์ที่ชาญฉลาด และสามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งความเป็นจริงได้ ตราบเท่าที่ทางเข้าของดาร์คเน็ตถูกค้นพบ ระบบที่ลึกลับที่สุดในจักรวาลก็จะสามารถถูกจัดการได้"

"หลังจากนั้นเผ่าพันธุ์สามตาเริ่มต้นการเดินทางที่ยาวนานของพวกเขาและลงทุนด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามี อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้ามีพลังแห่งความมืด พวกเขาถือว่าข้าเป็นภัยคุกคาม พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะนำข้าร่วมไปในการเดินทาง ดังนั้นพวกเขาจึงขังข้าไว้ในฐานลับ"

"เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ หลังจากที่เผ่าพันธุ์สามตาจากไป มนุษย์เติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้น จนกลายเป็นผู้ครอบครองกาแลคซี พวกเจ้าได้ปลดล็อคฐานลับที่ขังข้าและปล่อยข้าออกมา"

"ข้าฆ่าทุกคนที่ข้าพบ ข้าฆ่าด้วยพลังทั้งหมดของข้า"

"พวกเจ้าโชคร้ายจริง ๆ พวกเจ้าดูคล้ายกับเผ่าพันธุ์สามตา ข้าได้รับอันตรายจากพวกเขามาเป็นเวลานาน ภายในจิตใจของข้าเต็มไปด้วยความแค้นและต้องการที่จะแก้แค้น!"

"นั่นคือเหตุผลที่ข้าฆ่ามนุษย์ทุกคนที่ข้าพบเห็น ข้าเกือบจะฆ่านักรบชั้นสูงทั้งหมดของเผ่าพันธุ์มนุษย์"

"ในระหว่างที่ข้าฆ่าเหล่ามนุษย์ ข้าค้นพบว่าพวกเขาแตกต่างจากเผ่าพันธุ์สามตา พวกเจ้าไม่มียีนที่กลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดช่องว่างบนหน้าผาก ซึ่งทำให้เจ้าไม่สามารถพัฒนาตาที่สามได้"

"โชคร้ายเมื่อข้าได้ค้นพบความแตกต่างเหล่านี้ นักรบชนชั้นสูงของพวกเจ้าก็ตายไปเกือบหมดแล้ว"

เมื่อข้าตัดสินใจที่จะออกจากกาแลคซีและไปที่อื่น ข้าได้ค้นพบกับหลุมดำที่กระหายเลือดมันดูดกลืนข้าเข้าไป ร่างของข้าถูกบิดเบี้ยวด้วยพลังแห่งมิติ แต่ความแข็งแกร่งของข้ายังคงมีอยู่ พวกมันรวมตัวกันเป็นผลึกแห่งความมืดเจ็ดชิ้น และจิตวิญญาณของข้าก็จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ในสมองแห่งความมืด"

"แล้วเจ้าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป เมื่อเจ้าได้รับพลังแห่งความมืดของข้า และซึมซับสมองแห่งความมืด จิตวิญญาณของข้าไม่มีทางเลือก มันถูกล็อคโดยอัตโนมัติเข้าสู่สมองของเจ้า"

ฮั่นหลางพยักหน้าของเขาและกล่าวออกไปว่า "ข้ารู้เกือบทั้งหมดแล้วในตอนนี้ แต่เจ้ายังไม่ได้อธิบายว่าทำไมกลุ่มปฏิบัติการจึงต้องการที่จะฆ่าเจ้า?"

ลู่เอียว กล่าวว่า "เพราะข้าได้เปิดเผยอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพวกเขา ทั้งองค์กรเหล่าเทพเจ้าหรือองค์กรเหล่าปีศาจ ทั้งหมดพวกเขาบอกคนอื่น ๆ ว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างดาร์คเน็ต แต่ในความเป็นจริงพวกเขาแทบจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้"

"อะไรคือคำจำกัดความขององค์กรเหล่าเทพเจ้า?"

ฮั่นหลางคิดชั่วครู่หนึ่งกล่าวว่า "เส้นทางเหล่าเทพเจ้าเปลี่ยนเจ้าให้เป็นเทพเจ้า"

"แล้วขององค์กรเหล่าปีศาจละ เจ้ารู้หรือไม่?" ลู่เอียวถามฮั่นหลางอีกครั้ง

ฮั่นหลางส่ายหน้า

"เส้นทางเหล่าปีศาจ...เปลี่ยนเจ้าให้เป็นปีศาจ!" ลู่เอียวกล่าวออกไป

ฮั่นหลางตกใจมาก ทั้งสองคำจำกัดความนั้นเหมือนกันจริง ๆ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?

"ทั้งสองกลุ่มขี้โกหกนี้ พวกเขาไม่ได้เป็นผู้สร้างดาร์คเน็ต แต่เพียงแค่เป็นเจ้าของเพียงส่วนหนึ่งของมันโดยบังเอิญ" ลู่เอียวกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

"ข้าเริ่มเผยแพร่ข้อมูลการค้นพบของข้าภายในองค์กรเหล่าปีศาจ ซึ่งทำให้ความศรัทธาของทุกคนเริ่มสั่นคลอน จนลุกลามไปสู่พวกเขาเหล่าปีศาจชนชั้นสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรหากพวกเขาจะไม่เกลียดชังข้าจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด!" ลู่เอียวกล่าวออกมาด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง

ฮั่นหลางถามไปว่า "นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงส่งกลุ่มปฏิบัติการมาเพื่อฆ่าเจ้า แต่เจ้าเป็นแค่วิญญาณเพียงดวงเดียวแล้ว พวกเขาจะยังฆ่าเจ้าได้อย่างไร?"

ลู่เอียวส่ายหน้า ถอนหายใจและพูดว่า "พวกเขาไม่สามารถฆ่าข้าได้ แต่พวกเขาสามารถฆ่าเจ้าได้ แล้วบังคับเอาจิตวิญญาณออกจากสมอง"

ฮั่นหลางกล่าวว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ถูกลากเข้าสู่ปัญหานี้ก็เพราะเจ้า?"

ลู่เอียวกล่าวว่า "ลากเข้าสู่ปัญหา? อย่าลืมว่าส่วนหนึ่งที่เจ้าประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะข้า...ถ้าเจ้าอาศัยอยู่โดยไม่มีพลังแห่งความมืดของข้า ซึ่งเก็บไว้เป็นเวลานับหมื่นปี เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะสามารถกลายเป็นนักรบชั้นนำในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้อยู่อีกหรือ"

ฮั่นหลางคิดในขณะที่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เอียว เขาจะไม่สามารถมาถึงระดับที่เขาอยู่ในตอนนี้ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงระดับของขุนศึกในช่วงเวลาสั้น ๆ แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ

"แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อไป กลุ่มปฏิบัติการความแข็งแกร่งมากแค่ไหน?"

ลู่เอียวลดเสียงของเขาลง "เจ้าคิดว่าเราควรทำอะไรอีกงั้นรึ? หนี และอธิษฐานให้องค์กรเหล่าเทพเจ้าสามารถกู้ระบบควบคุมหุบเขาลี้ลับ ในฐานะที่เป็นศัตรูขององค์กรเหล่าปีศาจ องค์กรเหล่าเทพเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังอำนาจในการต่อสู้กับทีมนำร่องกลุ่มนี้

"นั่นหมายความว่าทีมนำร่องนี้มีพลังมาก?” ฮั่นหลางถาม

"พลัง คำนี้นับว่าเป็นคำดูถูกพวกเขา พวกเขาเป็นมือเพชฌฆาตที่แท้จริง ถ้าข้ามีพลังอำนาจอยู่ในสถานะสูงสุดเช่นเคย ข้าก็อาจยังที่จะสามารถที่จะต่อสู้กับพวกเขาได้ แต่ตอนนี้..."

"ข้าเห็นเจ้าปฏิบัติกับเพื่อนของเจ้าดีมาก ๆ นั่นคือเหตุผลที่ข้าแนะนำให้เจ้ารีบหนีไปซะ มิฉะนั้นแล้วพวกเขาก็จะถูกลากเข้าสู่ปัญหานี้ด้วยเช่นกัน"

ฮั่นหลางขมวดคิ้วและพูดว่า "เรามีคนมากกว่าร้อยคน ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูงที่มาจากทุกสาขา พวกเขายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะต่อสู้กับกลุ่มปฏิบัติการอยู่อีกหรือ?"

"ต่อสู้?" ลู่เอียวพูดออกมาว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าชนชั้นสูงจำนวนมากเท่าไหร่ที่ข้าคนเดียวสามารถจัดการในสมัยก่อนหน้านั้น?"

ฮั่นหลางหยุดพูด เขารู้ว่าในก่อนหน้านี้ที่ลู่เอียวปรากฏตัวขึ้น เขาฆ่านักรบไปมากมายนับหลายพันล้านคน รวมทั้งชนชั้นนำที่มีอำนาจสูงสุดตลอดชั่วอายุคนรุ่นนั้น! เขาฆ่าทุกคนด้วยตัวเขาเอง!

ถ้าทุกคนในกลุ่มปฏิบัติการมีพลังอำนาจเช่นนั้น มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดพวกเขาด้วยความร่วมมือจากสหายทั้งหลายที่มากับฮั่นหลาง

"แต่หากจะพูดเรื่องนี้ มันก็อาจมีคนที่อยู่ในหุบเขาลี้ลับที่มีพลังอำนาจพอที่จะต่อสู้กับกลุ่มปฏิบัติการได้ เนื่องจากข้าตระหนักดีว่าเขาควรที่จะมีพลังอำนาจที่คล้ายกัน และมีพลังพิเศษที่หาได้ยากเช่นเจ้า"

"น่าเสียดายที่คนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนของเจ้า เขาอาจจะไม่ชอบเจ้า"

"เจ้าหมายถึงใคร?" ฮั่นหลางถามย่นคิ้วขึ้น

"ซือหม่าฮันเฟิง" ลู่เอียว บ่นต่อไปอีกว่า "ดูเหมือนว่าตำนานจะกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอเช่นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ยิ่งมีโอกาสที่จะให้กำเนิดนักรบพิเศษมากขึ้น เช่นเจ้าและซือหม่าฮันเฟิง"

ฮั่นหลางส่ายหน้า เขารู้ว่าไม่มีทางที่ซือหม่าฮันเฟิงจะช่วยเขา ผู้ชายคนนั้นก็พยายามจะตามล่าอาจารย์ทั้งสามคนของเขาอยู่

"รีบไปซะ ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเดือดร้อน ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้ในขณะนี้" ลู่เอียวกล่าว

วู ~

รัศมีแสงสว่างจ้าออกมา ณ จุดเดียวกับที่กลุ่มปฏิบัติการและเผ่าพันธุ์สามตาได้ปรากฏตัวในก่อนหน้านี้ แต่ในครั้งนี้ได้ปรากฏหญิงสามสองคนขึ้น สาวสองคนนี้มีใบหน้าสวย ผิวเนียนเรียบเหมือนน้ำที่ใส ตาสีดำเหมือนอัญมณี เส้นผมที่ยาวสลวย และหูที่ชี้ขึ้นไปสองข้าง

“พี่ใหญ่ ข้ากลัว พวกมันเป็นกลุ่มปฏิบัติการ เราควรออกจากที่นี่ ดีหรือไม่?" เด็กสาวที่ดูบริสุทธิ์ยืนอยู่ข้างหลังพี่สาวของเธอและพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ "พี่ใหญ่ ในตอนนี้กลุ่มปฏิบัติการได้มาถึงแล้ว คนที่ท่านคิดถึงทั้งกลางวันและกลางคืนจะไม่สามารถรอดออกไปได้"

ดวงตาของหญิงสาวคนพี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดลง

แต่เธอยังกัดฟัน ยืดอกและพูดว่า "ไม่ ไม่สามารถออกไปได้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้า ข้าไม่อยากอยู่ภายใต้ความกลัวอีกต่อไป แม้ว่าจะมีเวลาเหลือเพียงหนึ่งวินาที ข้าก็ยังต้องการที่จะอยู่กับคนที่ข้ารัก"

"พี่ใหญ่ ท่านโง่มาก!" เด็กสาวเริ่มร้องไห้

พี่สาวลูบผมน้องสาวเบา ๆ และกล่าวด้วยเสียงที่เงียบสงบว่า "วันหนึ่ง เจ้าจะรู้ มันมีคนที่เจ้าจะไม่สามารถหามาแทนที่ได้ แม้จะมีคนทั้งจักรวาล มันจะมีความสัมพันธ์บางอย่างที่เจ้าจะไม่สามารถยกเลิกได้ แม้แต่เมื่อต้องเผชิญกับความตายที่เบื้องหน้า"

"ลู่อิ๋ง ข้าต้องไปแล้ว ดูแลตัวเอง"

"พี่ใหญ่!!!"

"ลืมข้าซะ"

"แต่พี่สาว !!!"

"พี่ต้องไปแล้ว... "




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น