เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

GDN 138 หมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพี



อูสงหลินเปิดเผยพิมพ์เขียวของเรือรบคุ้มกัน ก่อนที่เขาจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า "ถ้าหากใช้สำหรับแค่ตัวเองแล้วมันจะดีกว่าที่จะใช้เรือคุ้มกัน พวกมันมีความปราดเปรียวและไม่สะดุดตา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทางช้างเผือกกำลังวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเจ้าขับเรือขนาดใหญ่ออกไปด้วยตัวเอง มันจะง่ายต่อการสังเกตเห็น ดังนั้นรูปลักษณ์ที่ดูแย่ หากแต่ซ่อนพลังในการโจมตีที่แข็งแกร่งเอาไว้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"

ฮั่นหลางพยักหน้า "ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน สำหรับโครงสร้างด้านนอกของเรือเราจะใช้แบบระดับอีแร้ง โมเดลชนิดนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือคุ้มกันและที่สำคัญกว่านั้นคือมีห้องพักมากขึ้นสำหรับการดัดแปลงและเราสามารถใช้อาวุธได้มากขึ้น"

โม่เซียวเป่ยยิ้มและพูดออกมาว่า "ระดับอีแร้งเป็นตัวเลือกที่ดี บังเอิญจริง ๆ เรามีระดับชั้นนาวีอีแร้งที่ไม่ได้ใช้งานในตอนนี้ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อจากที่อื่น มันทำให้เราสามารถลดระยะเวลาในการทำงานของเราได้เร็วขึ้นมากกว่า 20 วัน "

"นาวีอีแร้ง?"

"หมายถึงมาตรฐานของนาวี (TL: กองทัพที่ต่อสู้ในอวกาศเรียกว่านาวี) ระดับอีแร้ง ในความเป็นจริงยานวกาศประเภทโจรสลัดที่เราปรับแต่งไม่จำเป็นต้องมีอะไรอื่น เพียงแค่ติดตั้งเครื่องยนต์ และเนื่องจากนาวีอีแร้งเป็นเรือมาตรฐานทางทหาร ความแข็งแกร่งของชั้นเกราะของเรือมีสองระดับ ซึ่งสูงกว่าระดับเรือพลเรือน" โม่เซียวเป่ยอธิบ่นฮั่นหลาง

อูสงหลิน กล่าวว่า "มันเป็นการดีที่จะมีหุ้มเกราะที่แข็งแกร่งสูง แต่เรือที่ข้าดัดแปลงยังมีคุณสมบัติที่ดีที่สุดนั่นคือ ข้าจะเสริมโครงสร้างของชั้นในสุด"

"โดยทั่วไปเรือระดับนี้จะมีชั้นป้องกัน 3 ชั้นตามแบบเรือรบปกติ คือชั้นระดับการป้องกันที่ 3 2 และ 1 ชั้นที่ 3 คือชั้นนอกสุดเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดคือ ตามมาด้วยชั้นหุ้มเกราะชั้นที่ 2 และชั้นโครงเรือที่อ่อนแอที่สุดคือ ในชั้นที่ 1 ข้าจะใช้คริสตัลไทเทเนียมเพื่อสร้างชั้นที่อ่อนแอที่สุดให้กลายเป็นชั้นที่แข็งแกร่ง เทียบเท่ากับชั้นโล่พลังงาน หรือแม้แต่จะแข็งแกร่งมากกว่านั้น"

ฮั่นหลางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกไปว่า "คริสตัลไทเทเนียมไม่ได้ใช้สำหรับอาวุธชั้นสูงสำหรับทหาร?"

อูสงหลิน ยักไหล่ของเขาและพูดว่า "ใช่ ถ้าเจ้าคิดว่ามันสิ้นเปลืองมากเกินไป เราก็สามารถลดมาตรฐานลงได้บ้าง"

ฮั่นหลางโบกมือให้ในทันทีและพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องประหยัด หากจ่ายในสิ่งที่ช่วยปกป้องชีวิต ตกลงเราจะใช้ผลึกคริสตัลไทเทเนียม"

อูสงหลินยิ้มและพูดว่า "ไว้ใจข้า พี่ชายไร้จุดหมายเป็นคนแนะนำเจ้ามา ข้าย่อมจะต้องใช้วัสดุที่ดีที่สุดสำหรับเรือของเจ้า และมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาทที่เจ้าจ่ายมาจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า"

"หลังจากเสร็จสิ้นการเสริมชั้นเกราะแล้ว ความสามารถในการป้องกันเรือของเจ้าควรอยู่ที่ระดับ 3 2 และ 4 และด้วยวิธีนี้ มันดูน่าสนใจจริง ๆ เมื่อเจ้าทำการโต้ตอบกับศัตรู แม้ว่าศัตรูจะสามารถฝ่าเกราะสองชั้นแรก จนไปถึงชั้นโครงเรือได้ ผลก็คือชั้นโครงเรือของเจ้ายังคงแข็งแกร่งอยู่และไม่สามารถถูกทำลายได้! เมื่อศัตรูของเจ้าเห็นว่าชั้นเกราะของเจ้าถูกเจาะเข้าไปได้ถึงสองชั้นหากแต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายในชั้นโครงเรือได้ มันอาจทำให้ศัตรูเสียสมาธิในระหว่างการต่อสู้ และแสดงท่าทางตลกออกมาหลังจากนั้น การตัดสินใจที่ผิดพลาดของศัตรูจะทำให้เจ้ามีโอกาสโต้กลับได้"

"ถัดไปคือระบบไฟฟ้า เรือระดับอีแร้งมีการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่น พร้อมด้วยระบบควบคุมและชุดเครื่องยนต์ระดับเรือคุ้มกัน เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน การเปลี่ยนถ่าย ข้ากำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ด้วยระบบไฟฟ้าสองระบบ ซึ่งมันระบบที่ระดับเรือรบของทหารใช้ นอกจากนี้เจ้าจำเป็นจะต้องมีเครื่องยนต์ที่แรงพอสำหรับการขับเคลื่อนเรือหลังจากการปรับเปลี่ยน เรือจะมีน้ำหนักมากขึ้น และเครื่องยนต์เดิมจะไม่เพียงพอ

ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า "เราสามารถทำระบบเครื่องยนต์สามระบบได้หรือไม่?"

อูสงหลิน ลังเล "มันไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าต้องเสียสละพื้นที่ห้องโดยสารบางส่วน"

"ดังนั้นเราจะใช้ระบบเครื่องยนต์สามระบบ เราสามารถหลีกเลี่ยงข้อเสียบางอย่างได้ถ้ามันจะทำให้เร็วขึ้น" ฮั่นหลางตัดสินใจ

อูสงหลิน ไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้

สองสามนาทีต่อมา

"อะไรนะ? เจ้าไม่ได้ต้องการห้องครัว? แล้วเจ้าจะกินอะไร?" อูสงหลินและโม่เซียวเป่ยถามออกไปอย่างงงงวย

ฮั่นหลางพูดราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร "ข้ากินแถบพลังงานและดื่มน้ำสะสมโมเลกุล ซึ่งมันไม่ควรใช้พื้นที่มาก?"

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

"ไม่มีแม้แต่ห้องเดียว?! เจ้าจะนอนที่ไหน" อูสงหลินและโม่เซียวเป่ย ตกใจอีกครั้งจากความต้องการของฮั่นหลาง

"ข้าสามารถปูผ้าห่มนอนในห้องนักบินได้ หรือไม่ก็นอนในห้องโถงได้" ฮั่นหลางพูดออกไปอย่างหนักแน่นว่า "ข้าไม่จำเป็นต้องมีห้องนอน แต่ต้องมีพื้นที่จัดเก็บระเบิดทำลายประตูมิติ"

ในที่สุดแผนในการปรับเปลี่ยนนาวีอีแร้งก็ได้ข้อสรุป ฮั่นหลางยังดูปกติดี แต่หน้าผากของอูสงหลินและโม่เซียวเป่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ

อูสงหลิน มองไปที่พิมพ์เขียวแล้วถอนหายใจยาวออกมา "ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ข้าใช้ชีวิตไปกับการปรับเปลี่ยนเรือ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นใครบางคนเช่นเจ้า ที่ทำแม้กระทั่งการลดขนาดห้องน้ำไปครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เรือมีความคล่องตัวและมีการป้องกันทีมากขึ้น มันสามารถติดตั้งในพื้นที่น้อยเช่นในห้องน้ำ การที่เจ้าต้องการติดตั้งชุดที่สองของตาข่ายควบคุมเรดาร์ในการโจมตี ข้าชื่นชมเจ้าจากใจจริง!"

ชูววว ~

ฮั่นหลางจ่ายเงินมัดจำ ก่อนที่จะมีรถไปส่งเขาที่ลานจอดยานอวกาศ

อู่ต่อเรือของ อูสงหลิน ในอาณาจักรที่ถูกลืมยังคงเป็นสถานที่ ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยปกติจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนในการแก้ไขเรือแต่ละลำ แต่ตอนนี้ยานอวกาศระดับชั้นอีแร้งที่ดัดแปลงของฮั่นหลางอาจจะไม่เสร็จสิ้นภายในสองเดือน และในตอนน้พวกเขาคงกำลังพิจารณาการทำงานโอทีกันอยู่

จำนวนงานที่มากตามความต้องการของฮั่นหลางนั้น โดยทั่วไปแล้วจะใช้กับเรือลาดตระเวน แต่กลับต้องยัดทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ภายในเรือคุ้มกันเล็ก ๆ มันจะไม่ยากลำบากมากได้อย่างไร

และฮั่นหลางปฏิเสธการประนีประนอมใด ๆ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขารู้สึกว่าฮั่นหลางยอมที่จะต้องทรมานตัวเขาเพื่อที่ว่าจะไม่พบกับปัญหาเดิมเป็นครั้งที่สอง!

การต่อสู้กับเรือรบราชวงศ์หวังทำให้ฮั่นหลางตระหนักถึงความสำคัญของเรือที่ทรงพลัง ตอนนี้ไม่เพียงแต่เรือรบดวงดาวลำนี้จะต้องมีการติดอาวุธรอบด้าน ในอนาคตถ้าฮั่นหลางต้องมีเรือรุ่นอื่น ๆ มันก็ยังจะต้องมีกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบเช่นนี้!

ประสบปัญหาเดิมสองครั้ง เป็นสิ่งที่ฮั่นหลางไม่สามารถยอมรับได้!

มีคำกล่าวไว้ว่าวัวหายแล้วล้อมคอก มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะทำการแก้ไข  แต่หลังจากที่ฮั่นหลางประสบกับปัญหาเช่นนั้นมาเขาก็ทำการสร้างกำแพงเมืองเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาในทันที นั่นเป็นลักษณะนิสัยของฮั่นหลาง

หลังจากพายุเล็ก ๆ ได้ผ่านไป ชีวิตของฮั่นหลางก็เงียบสงบมากขึ้น มีเพียงแค่ฝึกหนัก เรียนหนังสือหนัก และเมื่อเขาไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกเขาก็จะโด๊สยา

ฮั่นหลางรู้ดีจากประสบการณ์ในสนามรบที่ผ่านมาอย่างโชกโชนว่าในช่วงเวลาหนึ่ง การที่จะเอาชนะศัตรูได้นั้น มันไม่เพียงจะต้องเป็นคนที่ไร้ความปรานีต่อศัตรู แต่กับตัวเองก็ไม่ต่างกัน!

การฝึกฝนที่ยากลำบาก ทำให้เกิดความชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจของชายชราทั้งสามคน ไม่ต้องพูดถึงต้นกำเนิดไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืน แม้แต่ความคิดของอู้หวินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ฮั่นหลางอยากจะเรียนรู้ เขายังสอนฮั่นหลางในสิ่งที่ฮั่นหลางไม่ได้ร้องขอ

ชื่อเสียงของจอมโจรปีศาจไม่เพียงแต่เป็นเพราะลักษณะที่บ้าของพวกเขา แต่มันเป็นเรื่องของความ "หลงใหล" ทั้งสามคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ในสิ่งที่พวกเขาหลงใหล

เมื่อพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างแล้ว พวกเขาจะมุ่งมั่นมาก ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขา และพวกเขาก็จะทำการสังหารหรือแม้แต่ลอบวางเพลิงเพียงเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาหลงใหลและต้องการ

จอมโจรปีศาจทั้งสามใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อศึกษาในสิ่งที่พวกเขาหลงใหลและไม่ชอบติดต่อกับบุคคลภายนอก เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรับเด็กฝึกหัด ในขณะที่ฮั่นหลางได้กระโดดเข้ามาในชีวิตของพวกเขา มันได้กลายเป็นปัจจัยยังชีพทางจิตวิญญาณสำหรับทั้งสามคนและกลายเป็นความหวังของพวกเขา

ถ้าฮั่นหลางได้พบพวกเขาในช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชื่อเสียง โดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขามีพรสวรรค์หรือทำงานหนักแค่ไหน ชายชราทั้งสามคนจะไม่มองฮั่นหลางเป็นครั้งที่สอง เพราะในช่วงเวลานั้นทั้งสามคนจะยุ่งกับสิ่งที่พวกเขาหลงใหล

แต่หลังจากที่ถูกขังอยู่ในอาณาจักรที่ถูกลืมเลือนมานานหลายสิบปีแล้วพวกเขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หายเบื่อ แม้แต่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายก็เริ่มทำธุรกิจที่ไม่ชัดเจนบนดาร์คเน็ตซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกเบื่อจริง ๆ

และในช่วงเวลานี้ ฮั่นหลางก็กระโดดเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ ชายชราทั้งสามคนได้ยึดฮั่นหลางไว้โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ เห็นได้ชัดว่าฮั่นหลางได้กลายเป็นเป้าหมายและเขาก็ถูกบังคับให้เรียนรู้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวันนั้นฮั่นหลางมีทั้งความเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียว ชั่วพริบตา ฮั่นหลางได้จากโลกมาเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม ตอนนี้มันกำลังจะผ่านฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่แต่ละครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่องานฉลองกำลังใกล้เข้ามา

มีคำพูดที่เคยกล่าวไว้ว่า เมื่ออยู่ในดินแดนต่างเมืองเฉกเช่นคนแปลกหน้าเขาจะต้องคิดถึงครอบครัวและบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล

คิดถึงพี่น้องที่กำลังปกป้องโลก ฮั่นหลางก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

แต่ฮั่นหลางก็สงสัยอยู่เสมอว่าคนที่ไร้หัวใจเช่นเฉินจงจะยังจำเขาได้หรือไม่ เพราะในขณะนี้ทุกคนต่างกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสานต่อความฝันของพวกเขา เมื่อได้รับข่าวดีว่าเรือธงขวานปีศาจลำแรกกำลังจะแล้วเสร็จ ฮั่นหลางรู้สึกได้อย่างเบาบางว่าตัวเขาเองก็ใกล้ที่จะเข้าถึงแก่นสำคัญของเส้นทางแห่งปฐพี

ในห้องฝึกฝนที่ปรับใหม่ ฮั่นหลางยังคงพยายามอีกครั้งและอีกครั้ง ในการที่จะยกระดับทักษะสุดยอดนี้ให้สู่ระดับการรู้แจ้งแห่งเต๋า

ระดับนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ ถ้าหากเข้าใจมัน มันก็จะมีอยู่ ถ้าหากไม่เข้าใจ มันก็จะไม่มีวันได้มา

ผ่านหน้าต่างโปร่งใส ไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืน ดูเหมือนจะรู้สึกกังวลมากยิ่งกว่าฮั่นหลาง ไม่นานนักอู้หวินก็มาถึง จำนวนครั้งที่เขามาที่บ้านของไร้จุดหมายในช่วงนี้มากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมารวมกัน

"วันนี้มันเป็นวันที่เท่าไหร่?" อู้หวินถามออกไป

"เป็นวันที่ห้าติดต่อกัน" ผู้เล่นยามค่ำคืนเหลือบตามองอู้หวิน จากนั้นก็หันกลับไปมองฮั่นหลางและเริ่มสังเกตอีกครั้ง

"ฮั่นหลางเข้าใจในหมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีแล้วหรือไม่?" ผู้เล่นยามค่ำคืนถาม

"บางทีเขาอาจทำได้ในวันสองวันนี้ ข้ารู้สึกว่าฮั่นหลางกำลังใกล้เข้าสู่เส้นทางแห่งปฐพีมากขึ้นเรื่อย ๆ" ไร้จุดหมายหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย"

อู้หวินรู้สึกตกใจไปชั่วขณะและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า "มันใช้เวลาน้อยกว่าสี่เดือน เร็วกว่าเจ้ามากเฒ่าประหลาด! ในบรรดาหมู่นักเรียนของอาจารย์ของเจ้าใครเป็นคนที่เข้าใจเส้นทางแห่งปฐพีได้เร็วที่สุด? หากเทียบกับฮั่นหลางแล้วเป็นอย่างไร?"

ต้นกำเนิดไร้จุดหมายรู้สึกหงุดหงิด "พวกเจ้าจะเลิกถามคำถามที่โง่ ๆ เหล่านี้ได้หรือยัง? ในหมู่นักเรียนทั้งหมด ข้าเป็นคนที่เรียนได้เร็วที่สุดในบันทึกที่บันทึกไว้ทั้งหมด ยกเว้นคน ๆ หนึ่ง!

"ข้าถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ ราชาอัจฉริยะแบบไหนกัน! ในตอนนี้ฮั่นหลางเหนือกว่าข้าใช่ไหม?"

ผู้เล่นยามค่ำคืนและอู้หวินทั้งคู่ต่างพยักหน้าและแสดงความพึงพอใจ

อู้หวินหยุดพูดเล่นตลกกับไร้จุดหมายและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า "พวกเจ้าได้ดูวิดีโอแปลก ๆ ที่เฒ่าโม้ส่งให้เราหรือไม่"

ไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืนทั้งสองพยักหน้าและดวงตาของพวกเขาก็กลายเป็นกังวลเล็กน้อย

เฮ้อ ~

"เฒ่าโม้ไว้ใจเรามากที่สุด แต่พวกเราก็ติดอยู่ในที่แย่ ๆ นี่ และไม่สามารถออกไปได้!"

ทั้งสามคนดูเศร้ามาก ชายชรามักเป็นเช่นนั้นและมีเพื่อนน้อยลงเรื่อย ๆ พวกเขาเริ่มเป็นห่วงกัน

ทันใดนั้นแววตาของผู้เล่นยามค่ำคืนก็สว่างขึ้น เขาชี้ไปที่ฮั่นหลางที่กำลังฝึกและพูดว่า "เราติดอยู่ แต่เขาไม่ได้ติดอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีทางอื่น..."

ภายในห้องฝึกฝน ฮั่นหลางได้เข้าสู่การทำสมาธิที่เงียบสงบแล้ว

หากหมัดทะลวงสวรรค์ในเส้นทางแห่งสวรรค์ สวรรค์ไม่ได้หมายถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปหากแต่หมายถึงความว่างเปล่า

ดังนั้นแล้วหมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีของเส้นทางแห่งปฐพีจะเป็นอย่างไร?

ทำให้ป่นปี้ทั้งดาวเคราะห์?

ฮั่นหลางส่ายหน้า มันไม่น่าที่จะเรียบง่ายเช่นนั้น พื้นดินที่แข็งแกร่ง สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ เส้นทางแห่งปฐพีต้องเป็นตัวแทนของสิ่งอื่น

ชีวิต?!

สิ่งที่เส้นทางแห่งปฐพีกำลังทำให้แตกละเอียด มันควรเป็นชีวิตตัวเองมากกว่าพื้นดินที่เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต?

แต่ทำไมถึงเป็นชีวิต?

สมองฮั่นหลางเริ่มเกิดกระบวนการของความคิด ฉุดฮั่นหลางกลับไปยังสถานที่ห่างไกล

เขาจำได้ว่าในวัยเด็กของเขา เมื่อผู้ใหญ่อยู่รวมกัน ใบหน้าของพวกเขามักจะมีความตึงเครียดและกังวลเมื่อพูดถึงอนาคต

ชีวิตที่ไม่มีความสำคัญ เต็มไปด้วยความหวังอันมากมายและไม่สิ้นสุด

ฮั่นหลางยังจำได้ว่าคนที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือเพงซูหลิน อายุ 33 ปี พี่น้องชาวโลก เอสเปอร์ระดับ 2 ดาว สายพันธุ์กายภาพจากมณฑลเจียงซู

นั่นคือชีวิตที่ไม่อาจปฏิเสธได้! ฮั่นหลางจะไม่มีวันลืม

เมื่อผู้บุกรุกโจมตีโลก มนุษย์คนนี้ถือวัวทองสัมฤทธิ์กระโดดลงมาจากอาคารสูงหลายสิบเมตร!

หากทหารที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการเห็นฉากนั้น พวกเขาจะต้องคิดว่า เพงซูหลิน โง่มากเพราะพวกเขารู้ว่าเรือรบดวงดาวมีโล่พลังงานที่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้

แต่เขาเป็นคนโง่จริง ๆ หรือ?

เหตุผลที่ฮั่นหลางนับถือเพงซูหลินมาก แม้เขาจะรู้ว่ามีโล่พลังงานอยู่ แต่การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเขาก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม!

เขายังคงถือวัวทองสัมฤทธิ์ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าตัวเองหลายเท่า และกระโดดลงไปบนหลังคาของยานอวกาศ เพื่อเสียสละ!

คนฉลาดไม่ได้ทำให้ได้รับชัยชนะ แต่มันเป็นชัยชนะที่ได้มาด้วยการที่คนเหล่านั้นได้นำชีวิตของพวกเขาเข้าแลก!

เช่นเดียวกับกรณีนี้ นักบินของไรเดอร์ไม่ได้เปิดใช้งานโล่พลังงานเนื่องจากความประมาท และเพงซูหลินได้ทุ่มทุกอย่างที่เขามีทั้งหมด โดยไม่สนว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการต่อสู้โศกนาฏกรรมจึงมีผลกระทบที่น่าจดจำ

ทหารจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้หลายครั้งในชีวิตของเขา และจะลืมการต่อสู้จำนวนมากเหล่านั้น แต่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเรื่องแรกที่จะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขา

จนถึง ณ ขณะนี้ ฮั่นหลางมักจะได้ยินเสียงนั้น

"พลเรือนถูกคุกคาม!"

"ปกป้องพลเรือน!"

"เอสเปอร์ ตามข้ามา!"

ในตอนนั้นฮั่นหลางเห็นเอสเปอร์พุ่งมาจากทุกทิศทุกทางแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ใช่ทหาร หากแต่เป็นครูนักเรียนหรือคนงาน

แล้วยังไง?!

เมื่อโลกถูกคุกคาม ในขณะที่พวกเขาอยู่ที่นั่น! ด้วยทักษะที่เงอะงะของพวกเขา พวกเขาต่อสู้กับศัตรูจนถึงวินาทีสุดท้าย!

อู๋ไห่ อายุ 24 ปี พี่น้องระดับ 1 ดาว สายพันธุ์ไฟจากมณฑลหูหนาน

อีกชีวิตหนึ่งที่ฮั่นหลางจะไม่มีวันลืม มันเป็นวันแต่งงานของเขา เขามาถึงสนามรบเป็นคนแรกในชุดเจ้าบ่าวที่สง่างามและเขาก็จากไปตลอดกาล ณ ตรงจุดนั้น

เมื่อเจ้าสาวของเขาที่สวมชุดแต่งงานคว้าร่างของเขาขึ้นมา ฮั่นหลางรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!

นี่แหละชีวิต!

หนึ่งชีวิตที่ไม่สำคัญราวกับต้นหญ้า แต่ชีวิตนั้นก็จะไม่ยอมแพ้อย่างง่าย ๆ!

ฮั่นหลางอาจจะไม่สามารถจดจำชื่อของพวกเขาเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่เขาจะไม่มีวันลืมคนธรรมดาสามัญเหล่านั้น ในช่วงเวลาอันทรงเกียรติที่ต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเขา!

หมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีคือการทำลายห่วงโซ่โชคชะตา!

โชคชะตาที่ต่ำต้อยและไม่สำคัญของคนเหล่านั้น โลกจะต้องสั่นสะเทือน!

เมื่อรู้แจ้ง ไม่มีอะไรกดทับมันและนั่นคือเต๋า!

เส้นทางแห่งปฐพี!

ไม่ใช่พื้นดินที่แตกสลาย!

หากแต่คือชีวิต!

คลืนนน ~

ดวงตาสีแดงพร้อมด้วยประกายแวววาวของน้ำตาเปล่งแสงประกายออกมา กำปั้นของฮั่นหลางพุ่งลงสู่พื้น!

พังทะลายซะ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น