อูสงหลินเปิดเผยพิมพ์เขียวของเรือรบคุ้มกัน ก่อนที่เขาจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า
"ถ้าหากใช้สำหรับแค่ตัวเองแล้วมันจะดีกว่าที่จะใช้เรือคุ้มกัน พวกมันมีความปราดเปรียวและไม่สะดุดตา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทางช้างเผือกกำลังวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากเจ้าขับเรือขนาดใหญ่ออกไปด้วยตัวเอง มันจะง่ายต่อการสังเกตเห็น
ดังนั้นรูปลักษณ์ที่ดูแย่ หากแต่ซ่อนพลังในการโจมตีที่แข็งแกร่งเอาไว้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"
ฮั่นหลางพยักหน้า "ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
สำหรับโครงสร้างด้านนอกของเรือเราจะใช้แบบระดับอีแร้ง
โมเดลชนิดนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือคุ้มกันและที่สำคัญกว่านั้นคือมีห้องพักมากขึ้นสำหรับการดัดแปลงและเราสามารถใช้อาวุธได้มากขึ้น"
โม่เซียวเป่ยยิ้มและพูดออกมาว่า "ระดับอีแร้งเป็นตัวเลือกที่ดี
บังเอิญจริง ๆ เรามีระดับชั้นนาวีอีแร้งที่ไม่ได้ใช้งานในตอนนี้
ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อจากที่อื่น
มันทำให้เราสามารถลดระยะเวลาในการทำงานของเราได้เร็วขึ้นมากกว่า 20 วัน "
"นาวีอีแร้ง?"
"หมายถึงมาตรฐานของนาวี (TL: กองทัพที่ต่อสู้ในอวกาศเรียกว่านาวี)
ระดับอีแร้ง
ในความเป็นจริงยานวกาศประเภทโจรสลัดที่เราปรับแต่งไม่จำเป็นต้องมีอะไรอื่น
เพียงแค่ติดตั้งเครื่องยนต์ และเนื่องจากนาวีอีแร้งเป็นเรือมาตรฐานทางทหาร
ความแข็งแกร่งของชั้นเกราะของเรือมีสองระดับ ซึ่งสูงกว่าระดับเรือพลเรือน" โม่เซียวเป่ยอธิบ่นฮั่นหลาง
อูสงหลิน กล่าวว่า "มันเป็นการดีที่จะมีหุ้มเกราะที่แข็งแกร่งสูง
แต่เรือที่ข้าดัดแปลงยังมีคุณสมบัติที่ดีที่สุดนั่นคือ
ข้าจะเสริมโครงสร้างของชั้นในสุด"
"โดยทั่วไปเรือระดับนี้จะมีชั้นป้องกัน 3 ชั้นตามแบบเรือรบปกติ
คือชั้นระดับการป้องกันที่ 3 2 และ 1
ชั้นที่ 3 คือชั้นนอกสุดเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดคือ
ตามมาด้วยชั้นหุ้มเกราะชั้นที่ 2 และชั้นโครงเรือที่อ่อนแอที่สุดคือ
ในชั้นที่ 1
ข้าจะใช้คริสตัลไทเทเนียมเพื่อสร้างชั้นที่อ่อนแอที่สุดให้กลายเป็นชั้นที่แข็งแกร่ง
เทียบเท่ากับชั้นโล่พลังงาน หรือแม้แต่จะแข็งแกร่งมากกว่านั้น"
ฮั่นหลางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกไปว่า "คริสตัลไทเทเนียมไม่ได้ใช้สำหรับอาวุธชั้นสูงสำหรับทหาร?"
อูสงหลิน ยักไหล่ของเขาและพูดว่า "ใช่ ถ้าเจ้าคิดว่ามันสิ้นเปลืองมากเกินไป
เราก็สามารถลดมาตรฐานลงได้บ้าง"
ฮั่นหลางโบกมือให้ในทันทีและพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องประหยัด หากจ่ายในสิ่งที่ช่วยปกป้องชีวิต
ตกลงเราจะใช้ผลึกคริสตัลไทเทเนียม"
อูสงหลินยิ้มและพูดว่า "ไว้ใจข้า พี่ชายไร้จุดหมายเป็นคนแนะนำเจ้ามา
ข้าย่อมจะต้องใช้วัสดุที่ดีที่สุดสำหรับเรือของเจ้า และมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาทที่เจ้าจ่ายมาจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า"
"หลังจากเสร็จสิ้นการเสริมชั้นเกราะแล้ว
ความสามารถในการป้องกันเรือของเจ้าควรอยู่ที่ระดับ 3 2 และ 4
และด้วยวิธีนี้ มันดูน่าสนใจจริง ๆ เมื่อเจ้าทำการโต้ตอบกับศัตรู
แม้ว่าศัตรูจะสามารถฝ่าเกราะสองชั้นแรก จนไปถึงชั้นโครงเรือได้
ผลก็คือชั้นโครงเรือของเจ้ายังคงแข็งแกร่งอยู่และไม่สามารถถูกทำลายได้!
เมื่อศัตรูของเจ้าเห็นว่าชั้นเกราะของเจ้าถูกเจาะเข้าไปได้ถึงสองชั้นหากแต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายในชั้นโครงเรือได้
มันอาจทำให้ศัตรูเสียสมาธิในระหว่างการต่อสู้ และแสดงท่าทางตลกออกมาหลังจากนั้น การตัดสินใจที่ผิดพลาดของศัตรูจะทำให้เจ้ามีโอกาสโต้กลับได้"
"ถัดไปคือระบบไฟฟ้า
เรือระดับอีแร้งมีการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่น พร้อมด้วยระบบควบคุมและชุดเครื่องยนต์ระดับเรือคุ้มกัน
เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน การเปลี่ยนถ่าย
ข้ากำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ด้วยระบบไฟฟ้าสองระบบ ซึ่งมันระบบที่ระดับเรือรบของทหารใช้
นอกจากนี้เจ้าจำเป็นจะต้องมีเครื่องยนต์ที่แรงพอสำหรับการขับเคลื่อนเรือหลังจากการปรับเปลี่ยน
เรือจะมีน้ำหนักมากขึ้น และเครื่องยนต์เดิมจะไม่เพียงพอ
ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า
"เราสามารถทำระบบเครื่องยนต์สามระบบได้หรือไม่?"
อูสงหลิน ลังเล "มันไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าต้องเสียสละพื้นที่ห้องโดยสารบางส่วน"
"ดังนั้นเราจะใช้ระบบเครื่องยนต์สามระบบ
เราสามารถหลีกเลี่ยงข้อเสียบางอย่างได้ถ้ามันจะทำให้เร็วขึ้น"
ฮั่นหลางตัดสินใจ
อูสงหลิน ไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้
สองสามนาทีต่อมา
"อะไรนะ? เจ้าไม่ได้ต้องการห้องครัว? แล้วเจ้าจะกินอะไร?" อูสงหลินและโม่เซียวเป่ยถามออกไปอย่างงงงวย
ฮั่นหลางพูดราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
"ข้ากินแถบพลังงานและดื่มน้ำสะสมโมเลกุล ซึ่งมันไม่ควรใช้พื้นที่มาก?"
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที
"ไม่มีแม้แต่ห้องเดียว?! เจ้าจะนอนที่ไหน"
อูสงหลินและโม่เซียวเป่ย ตกใจอีกครั้งจากความต้องการของฮั่นหลาง
"ข้าสามารถปูผ้าห่มนอนในห้องนักบินได้ หรือไม่ก็นอนในห้องโถงได้"
ฮั่นหลางพูดออกไปอย่างหนักแน่นว่า "ข้าไม่จำเป็นต้องมีห้องนอน แต่ต้องมีพื้นที่จัดเก็บระเบิดทำลายประตูมิติ"
ในที่สุดแผนในการปรับเปลี่ยนนาวีอีแร้งก็ได้ข้อสรุป ฮั่นหลางยังดูปกติดี
แต่หน้าผากของอูสงหลินและโม่เซียวเป่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ
อูสงหลิน มองไปที่พิมพ์เขียวแล้วถอนหายใจยาวออกมา "ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ตั้งแต่ที่ข้าใช้ชีวิตไปกับการปรับเปลี่ยนเรือ
นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นใครบางคนเช่นเจ้า
ที่ทำแม้กระทั่งการลดขนาดห้องน้ำไปครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เรือมีความคล่องตัวและมีการป้องกันทีมากขึ้น
มันสามารถติดตั้งในพื้นที่น้อยเช่นในห้องน้ำ การที่เจ้าต้องการติดตั้งชุดที่สองของตาข่ายควบคุมเรดาร์ในการโจมตี
ข้าชื่นชมเจ้าจากใจจริง!"
ชูววว ~
ฮั่นหลางจ่ายเงินมัดจำ ก่อนที่จะมีรถไปส่งเขาที่ลานจอดยานอวกาศ
อู่ต่อเรือของ อูสงหลิน ในอาณาจักรที่ถูกลืมยังคงเป็นสถานที่
ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยปกติจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนในการแก้ไขเรือแต่ละลำ
แต่ตอนนี้ยานอวกาศระดับชั้นอีแร้งที่ดัดแปลงของฮั่นหลางอาจจะไม่เสร็จสิ้นภายในสองเดือน
และในตอนน้พวกเขาคงกำลังพิจารณาการทำงานโอทีกันอยู่
จำนวนงานที่มากตามความต้องการของฮั่นหลางนั้น
โดยทั่วไปแล้วจะใช้กับเรือลาดตระเวน
แต่กลับต้องยัดทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ภายในเรือคุ้มกันเล็ก ๆ
มันจะไม่ยากลำบากมากได้อย่างไร
และฮั่นหลางปฏิเสธการประนีประนอมใด ๆ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขารู้สึกว่าฮั่นหลางยอมที่จะต้องทรมานตัวเขาเพื่อที่ว่าจะไม่พบกับปัญหาเดิมเป็นครั้งที่สอง!
การต่อสู้กับเรือรบราชวงศ์หวังทำให้ฮั่นหลางตระหนักถึงความสำคัญของเรือที่ทรงพลัง
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เรือรบดวงดาวลำนี้จะต้องมีการติดอาวุธรอบด้าน
ในอนาคตถ้าฮั่นหลางต้องมีเรือรุ่นอื่น ๆ มันก็ยังจะต้องมีกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบเช่นนี้!
ประสบปัญหาเดิมสองครั้ง เป็นสิ่งที่ฮั่นหลางไม่สามารถยอมรับได้!
มีคำกล่าวไว้ว่าวัวหายแล้วล้อมคอก
มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะทำการแก้ไข
แต่หลังจากที่ฮั่นหลางประสบกับปัญหาเช่นนั้นมาเขาก็ทำการสร้างกำแพงเมืองเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาในทันที
นั่นเป็นลักษณะนิสัยของฮั่นหลาง
หลังจากพายุเล็ก ๆ ได้ผ่านไป ชีวิตของฮั่นหลางก็เงียบสงบมากขึ้น
มีเพียงแค่ฝึกหนัก เรียนหนังสือหนัก และเมื่อเขาไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกเขาก็จะโด๊สยา
ฮั่นหลางรู้ดีจากประสบการณ์ในสนามรบที่ผ่านมาอย่างโชกโชนว่าในช่วงเวลาหนึ่ง
การที่จะเอาชนะศัตรูได้นั้น มันไม่เพียงจะต้องเป็นคนที่ไร้ความปรานีต่อศัตรู
แต่กับตัวเองก็ไม่ต่างกัน!
การฝึกฝนที่ยากลำบาก ทำให้เกิดความชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจของชายชราทั้งสามคน
ไม่ต้องพูดถึงต้นกำเนิดไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืน แม้แต่ความคิดของอู้หวินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ฮั่นหลางอยากจะเรียนรู้
เขายังสอนฮั่นหลางในสิ่งที่ฮั่นหลางไม่ได้ร้องขอ
ชื่อเสียงของจอมโจรปีศาจไม่เพียงแต่เป็นเพราะลักษณะที่บ้าของพวกเขา
แต่มันเป็นเรื่องของความ "หลงใหล" ทั้งสามคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่าง
ๆ ในสิ่งที่พวกเขาหลงใหล
เมื่อพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างแล้ว พวกเขาจะมุ่งมั่นมาก
ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขา และพวกเขาก็จะทำการสังหารหรือแม้แต่ลอบวางเพลิงเพียงเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาหลงใหลและต้องการ
จอมโจรปีศาจทั้งสามใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อศึกษาในสิ่งที่พวกเขาหลงใหลและไม่ชอบติดต่อกับบุคคลภายนอก
เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรับเด็กฝึกหัด ในขณะที่ฮั่นหลางได้กระโดดเข้ามาในชีวิตของพวกเขา
มันได้กลายเป็นปัจจัยยังชีพทางจิตวิญญาณสำหรับทั้งสามคนและกลายเป็นความหวังของพวกเขา
ถ้าฮั่นหลางได้พบพวกเขาในช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชื่อเสียง โดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขามีพรสวรรค์หรือทำงานหนักแค่ไหน
ชายชราทั้งสามคนจะไม่มองฮั่นหลางเป็นครั้งที่สอง เพราะในช่วงเวลานั้นทั้งสามคนจะยุ่งกับสิ่งที่พวกเขาหลงใหล
แต่หลังจากที่ถูกขังอยู่ในอาณาจักรที่ถูกลืมเลือนมานานหลายสิบปีแล้วพวกเขาก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หายเบื่อ แม้แต่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายก็เริ่มทำธุรกิจที่ไม่ชัดเจนบนดาร์คเน็ตซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกเบื่อจริง
ๆ
และในช่วงเวลานี้ ฮั่นหลางก็กระโดดเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ ชายชราทั้งสามคนได้ยึดฮั่นหลางไว้โดยไม่มีคำอธิบายใด
ๆ เห็นได้ชัดว่าฮั่นหลางได้กลายเป็นเป้าหมายและเขาก็ถูกบังคับให้เรียนรู้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวันนั้นฮั่นหลางมีทั้งความเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียว
ชั่วพริบตา ฮั่นหลางได้จากโลกมาเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม ตอนนี้มันกำลังจะผ่านฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่แต่ละครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่องานฉลองกำลังใกล้เข้ามา
มีคำพูดที่เคยกล่าวไว้ว่า เมื่ออยู่ในดินแดนต่างเมืองเฉกเช่นคนแปลกหน้าเขาจะต้องคิดถึงครอบครัวและบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล
คิดถึงพี่น้องที่กำลังปกป้องโลก ฮั่นหลางก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่ฮั่นหลางก็สงสัยอยู่เสมอว่าคนที่ไร้หัวใจเช่นเฉินจงจะยังจำเขาได้หรือไม่
เพราะในขณะนี้ทุกคนต่างกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสานต่อความฝันของพวกเขา เมื่อได้รับข่าวดีว่าเรือธงขวานปีศาจลำแรกกำลังจะแล้วเสร็จ
ฮั่นหลางรู้สึกได้อย่างเบาบางว่าตัวเขาเองก็ใกล้ที่จะเข้าถึงแก่นสำคัญของเส้นทางแห่งปฐพี
ในห้องฝึกฝนที่ปรับใหม่ ฮั่นหลางยังคงพยายามอีกครั้งและอีกครั้ง
ในการที่จะยกระดับทักษะสุดยอดนี้ให้สู่ระดับการรู้แจ้งแห่งเต๋า
ระดับนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ ถ้าหากเข้าใจมัน มันก็จะมีอยู่
ถ้าหากไม่เข้าใจ มันก็จะไม่มีวันได้มา
ผ่านหน้าต่างโปร่งใส ไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืน
ดูเหมือนจะรู้สึกกังวลมากยิ่งกว่าฮั่นหลาง ไม่นานนักอู้หวินก็มาถึง จำนวนครั้งที่เขามาที่บ้านของไร้จุดหมายในช่วงนี้มากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมารวมกัน
"วันนี้มันเป็นวันที่เท่าไหร่?" อู้หวินถามออกไป
"เป็นวันที่ห้าติดต่อกัน" ผู้เล่นยามค่ำคืนเหลือบตามองอู้หวิน
จากนั้นก็หันกลับไปมองฮั่นหลางและเริ่มสังเกตอีกครั้ง
"ฮั่นหลางเข้าใจในหมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีแล้วหรือไม่?" ผู้เล่นยามค่ำคืนถาม
"บางทีเขาอาจทำได้ในวันสองวันนี้ ข้ารู้สึกว่าฮั่นหลางกำลังใกล้เข้าสู่เส้นทางแห่งปฐพีมากขึ้นเรื่อย
ๆ" ไร้จุดหมายหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
"ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย"
อู้หวินรู้สึกตกใจไปชั่วขณะและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า
"มันใช้เวลาน้อยกว่าสี่เดือน เร็วกว่าเจ้ามากเฒ่าประหลาด! ในบรรดาหมู่นักเรียนของอาจารย์ของเจ้าใครเป็นคนที่เข้าใจเส้นทางแห่งปฐพีได้เร็วที่สุด? หากเทียบกับฮั่นหลางแล้วเป็นอย่างไร?"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายรู้สึกหงุดหงิด "พวกเจ้าจะเลิกถามคำถามที่โง่ ๆ
เหล่านี้ได้หรือยัง? ในหมู่นักเรียนทั้งหมด ข้าเป็นคนที่เรียนได้เร็วที่สุดในบันทึกที่บันทึกไว้ทั้งหมด
ยกเว้นคน ๆ หนึ่ง!
"ข้าถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะ ราชาอัจฉริยะแบบไหนกัน! ในตอนนี้ฮั่นหลางเหนือกว่าข้าใช่ไหม?"
ผู้เล่นยามค่ำคืนและอู้หวินทั้งคู่ต่างพยักหน้าและแสดงความพึงพอใจ
อู้หวินหยุดพูดเล่นตลกกับไร้จุดหมายและพูดออกมาอย่างจริงจังว่า "พวกเจ้าได้ดูวิดีโอแปลก
ๆ ที่เฒ่าโม้ส่งให้เราหรือไม่"
ไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืนทั้งสองพยักหน้าและดวงตาของพวกเขาก็กลายเป็นกังวลเล็กน้อย
เฮ้อ ~
"เฒ่าโม้ไว้ใจเรามากที่สุด แต่พวกเราก็ติดอยู่ในที่แย่ ๆ นี่ และไม่สามารถออกไปได้!"
ทั้งสามคนดูเศร้ามาก ชายชรามักเป็นเช่นนั้นและมีเพื่อนน้อยลงเรื่อย ๆ
พวกเขาเริ่มเป็นห่วงกัน
ทันใดนั้นแววตาของผู้เล่นยามค่ำคืนก็สว่างขึ้น เขาชี้ไปที่ฮั่นหลางที่กำลังฝึกและพูดว่า
"เราติดอยู่ แต่เขาไม่ได้ติดอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีทางอื่น..."
ภายในห้องฝึกฝน ฮั่นหลางได้เข้าสู่การทำสมาธิที่เงียบสงบแล้ว
หากหมัดทะลวงสวรรค์ในเส้นทางแห่งสวรรค์ สวรรค์ไม่ได้หมายถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปหากแต่หมายถึงความว่างเปล่า
ดังนั้นแล้วหมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีของเส้นทางแห่งปฐพีจะเป็นอย่างไร?
ทำให้ป่นปี้ทั้งดาวเคราะห์?
ฮั่นหลางส่ายหน้า มันไม่น่าที่จะเรียบง่ายเช่นนั้น พื้นดินที่แข็งแกร่ง
สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ เส้นทางแห่งปฐพีต้องเป็นตัวแทนของสิ่งอื่น
ชีวิต?!
สิ่งที่เส้นทางแห่งปฐพีกำลังทำให้แตกละเอียด มันควรเป็นชีวิตตัวเองมากกว่าพื้นดินที่เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต?
แต่ทำไมถึงเป็นชีวิต?
สมองฮั่นหลางเริ่มเกิดกระบวนการของความคิด ฉุดฮั่นหลางกลับไปยังสถานที่ห่างไกล
เขาจำได้ว่าในวัยเด็กของเขา เมื่อผู้ใหญ่อยู่รวมกัน ใบหน้าของพวกเขามักจะมีความตึงเครียดและกังวลเมื่อพูดถึงอนาคต
ชีวิตที่ไม่มีความสำคัญ เต็มไปด้วยความหวังอันมากมายและไม่สิ้นสุด
ฮั่นหลางยังจำได้ว่าคนที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือเพงซูหลิน อายุ 33 ปี พี่น้องชาวโลก เอสเปอร์ระดับ
2 ดาว สายพันธุ์กายภาพจากมณฑลเจียงซู
นั่นคือชีวิตที่ไม่อาจปฏิเสธได้! ฮั่นหลางจะไม่มีวันลืม
เมื่อผู้บุกรุกโจมตีโลก มนุษย์คนนี้ถือวัวทองสัมฤทธิ์กระโดดลงมาจากอาคารสูงหลายสิบเมตร!
หากทหารที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการเห็นฉากนั้น พวกเขาจะต้องคิดว่า
เพงซูหลิน โง่มากเพราะพวกเขารู้ว่าเรือรบดวงดาวมีโล่พลังงานที่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้
แต่เขาเป็นคนโง่จริง ๆ หรือ?
เหตุผลที่ฮั่นหลางนับถือเพงซูหลินมาก แม้เขาจะรู้ว่ามีโล่พลังงานอยู่ แต่การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเขาก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม!
เขายังคงถือวัวทองสัมฤทธิ์ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าตัวเองหลายเท่า และกระโดดลงไปบนหลังคาของยานอวกาศ
เพื่อเสียสละ!
คนฉลาดไม่ได้ทำให้ได้รับชัยชนะ แต่มันเป็นชัยชนะที่ได้มาด้วยการที่คนเหล่านั้นได้นำชีวิตของพวกเขาเข้าแลก!
เช่นเดียวกับกรณีนี้ นักบินของไรเดอร์ไม่ได้เปิดใช้งานโล่พลังงานเนื่องจากความประมาท
และเพงซูหลินได้ทุ่มทุกอย่างที่เขามีทั้งหมด โดยไม่สนว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการต่อสู้โศกนาฏกรรมจึงมีผลกระทบที่น่าจดจำ
ทหารจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้หลายครั้งในชีวิตของเขา และจะลืมการต่อสู้จำนวนมากเหล่านั้น
แต่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเรื่องแรกที่จะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขา
จนถึง ณ ขณะนี้ ฮั่นหลางมักจะได้ยินเสียงนั้น
"พลเรือนถูกคุกคาม!"
"ปกป้องพลเรือน!"
"เอสเปอร์ ตามข้ามา!"
ในตอนนั้นฮั่นหลางเห็นเอสเปอร์พุ่งมาจากทุกทิศทุกทางแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ใช่ทหาร
หากแต่เป็นครูนักเรียนหรือคนงาน
แล้วยังไง?!
เมื่อโลกถูกคุกคาม ในขณะที่พวกเขาอยู่ที่นั่น! ด้วยทักษะที่เงอะงะของพวกเขา
พวกเขาต่อสู้กับศัตรูจนถึงวินาทีสุดท้าย!
อู๋ไห่ อายุ 24 ปี พี่น้องระดับ 1 ดาว สายพันธุ์ไฟจากมณฑลหูหนาน
อีกชีวิตหนึ่งที่ฮั่นหลางจะไม่มีวันลืม มันเป็นวันแต่งงานของเขา เขามาถึงสนามรบเป็นคนแรกในชุดเจ้าบ่าวที่สง่างามและเขาก็จากไปตลอดกาล
ณ ตรงจุดนั้น
เมื่อเจ้าสาวของเขาที่สวมชุดแต่งงานคว้าร่างของเขาขึ้นมา ฮั่นหลางรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง
ๆ!
นี่แหละชีวิต!
หนึ่งชีวิตที่ไม่สำคัญราวกับต้นหญ้า แต่ชีวิตนั้นก็จะไม่ยอมแพ้อย่างง่าย ๆ!
ฮั่นหลางอาจจะไม่สามารถจดจำชื่อของพวกเขาเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่เขาจะไม่มีวันลืมคนธรรมดาสามัญเหล่านั้น
ในช่วงเวลาอันทรงเกียรติที่ต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเขา!
หมัดเทพเจ้าทะลวงปฐพีคือการทำลายห่วงโซ่โชคชะตา!
โชคชะตาที่ต่ำต้อยและไม่สำคัญของคนเหล่านั้น โลกจะต้องสั่นสะเทือน!
เมื่อรู้แจ้ง ไม่มีอะไรกดทับมันและนั่นคือเต๋า!
เส้นทางแห่งปฐพี!
ไม่ใช่พื้นดินที่แตกสลาย!
หากแต่คือชีวิต!
คลืนนน ~
ดวงตาสีแดงพร้อมด้วยประกายแวววาวของน้ำตาเปล่งแสงประกายออกมา กำปั้นของฮั่นหลางพุ่งลงสู่พื้น!
พังทะลายซะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น