จากสัญญาที่อาวุโสที่เคยให้ไว้ มันแตกต่างจากที่ให้คนอื่น
อีกทั้งผลจากการกระทำของเขานี้ก็น่าประหลาดใจกับความสามารถที่ล้นเหลือของเขา
ทำให้ผู้อาวุโสหวูไม่ทราบว่าจะให้รางวัลหยางเฉินได้อย่างไร
มิฉนั้นเกรงว่ามันอาจที่จะเป็นคำครหาได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้เขาจึงพาหยางเฉินออกมา
ผู้อาวุโสหวูเร่งรีบนำหยางเฉินแยกจากไปในทันทีทีการปรุงโอสถแล้วเสร็จ
เพราะเกรงว่าเจ้าพวกนักปรุงยาทั้งสาม
จะอ้างอิทธิพลของเขาในการขอสูตรสำหรับการทำแป้งผงที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ
อันจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับหยางเฉิน ซึ่งคนอื่น ๆ
ยังมิกล้าไปที่ใด ตราบที่เขายังไม่มีคำสั่ง แม้อยากจะไปก็ตาม
อันที่จริงก็คือไม่อาจจะผ่านชั้นป้องกันนับสิบที่ผู้อาวุโสหวูวางเอาไว้
ผู้อาวุโสหวูก็ไม่คาดว่าจะได้รับการยื่นมือแก้ไขจนแล้วจบจากหยางเฉิน
จะมีสักกี่คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ในระหว่างการปรุงโอสถของเหล่านักปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงของโลกใบนี้
บนยานเหาะหลีกเร้นสวรรค์ หยางเฉินมือถือถ้วยชา
นั่งอยู่ข้างโต๊ะเบื้องหน้าผู้อาวุโสหวูด้วยท่าทีที่พึงพอใจ
“สหายตัวน้อยหยาง ข้าไม่รู้จะขอบคุณเจ้าเช่นไร !”
หลังลิ้มลองรสของชา ผู้อาวุโสหวูยิ้มให้หยางเฉิน
“ถ้าหากไม่เป็นเพราะเจ้าเอามันมาดำเนินการเองในตอนนั้นนะ
อย่าพูดถึงเรื่องข้ามเขตแดนเลย แม้กระทั่งสภาวะดวงจิตของข้าก็คงโดนกระทบไปด้วย
และจะนำมาซึ่งความสูญเสียมากในวันใดวันหนึ่งที่ข้าจะก้าวข้ามเขตแดนจริง ๆ
...การทำประทับใจของเจ้านั้นแท้จริงแล้วช่วยชีวิตข้า ซึ่งข้าไม่สามารถหาสิ่งใดตอบแทนได้”
“มันเป็นลิขิตของสวรรค์ ท่านผู้อาวุโส ไม่ใช่ผลงานใดของข้า”
หยางเฉินโบกมือ ไร้ท่าทีหยิ่งผยอง ถ้าความทรงจำของเขาไม่ผิดพลาดแล้ว
ในชีวิตที่แล้วนั้น ผู้อาวุโสหวูไม่ได้ก้าวขึ้นเขตแดนวิญญาณด้วยยาเม็ดคว้าสวรรค์
ดังนั้นหยางเฉินจึงไม่อาจยอมรับได้ว่าเขาคือผู้ที่ทำการช่วยชีวิตของผู้อาวุโสหวู
ถ้าจะกล่าวไปแล้ว ครั้งนี้หยางเฉินได้รับผลประโยชน์อย่างมากมาย
การปรับแต่งและทำหญ้าฟ้าครามให้บริสุทธิ์ ทำให้เขาขึ้นสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
แม้แต่เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุก็ถูกยกระดับสูงขึ้นหนึ่งขั้นด้วยพลังจิตวิญญาณการรับรู้และพลังที่แข็งแกร่งมหาศาลของตัวกระสายยา
และกระทั่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณก็ได้รับการเลื่อนระดับจากระดับต่ำเป็นระดับขั้นกลางของวัตถุอาคม
จากขั้นตอนสุดท้ายของการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์
แม้แต่ไม่นับเรื่องราวเหล่านี้ การเดิมพันกับเค่อเหลียนหยุน
ที่หยางเฉินได้รับคือเปลวไฟพระอาทิตย์แท้จริงที่หยางเฉินคุ้นเคยมากที่สุด
ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งในตัวเขาได้ดีกว่าเค่อเหลียนหยุนอย่างน้อย
10 เท่า เมื่อใดที่ได้ดูดซับจากมัน
นอกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณจะยกระดับสูงขึ้นแล้ว แม้แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาก็จะสูงขึ้นด้วย
แต่ผลประโยชน์ที่สูงสุดจริง ๆ นั้น
มันคือชื่อเสียงในฐานะผู้ปรุงโอสถคว้าสวรรค์ต่างหาก
ซึ่งมันจะแปรเปลี่ยนสถานะของเขามาเป็นผู้ปรุงโอสถ
อันจะดึงดูดยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญ จำนวนมากราวกับดาวบนฟ้าเข้ามาหา
เพื่อให้ได้รับโอสถระดับสูง
และนั่นหมายถึงระดับความปลอดภัยของหยางเฉินจะสูงมากตามไปด้วย
สำหรับพระราชวังหยางบริสุทธิ์ หยางเฉินย่อมกลายเป็นสมบัติอันล้ำค่า
อย่าว่าแต่ซูเฮิง แม้แต่อาจารย์ของซูเฮิง ย่อมมิกล้าแม้แต่จแตะปลายผมของหยางเฉิน
“เป็นความช่วยเหลือจากสวรรค์เหรอ ฮ่า
ฮ่า”
ผู้อาวุโสหวูโคลงศรีษะ หัวเราะพลางเอ่ย
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ไยมิให้การปรุงโอสถสำเร็จตั้งแต่ทีแรก
ไม่เห็นต้องมาทำอีกรอบ”
“ข้าน้อยขออภัย ที่กล่าววาจาโง่เขลา แต่เรื่องราวใด ๆ ย่อมมีขึ้นมีลง”
หยางเฉินกล่าวอย่างสงบเกี่ยวกับเรื่องราวนี้
“สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าท่านจะได้ครอบครองโอสถคว้าสวรรค์หรือไม่
..แท้ที่จริงแล้ว มันต่างกันจริงรึผู้อาวุโส”
ได้ยินเยี่ยงนี้ ดวงตาของผู้อาวุโสหวู เปล่งประกายลุกโชน
อย่างมิอาจหยุดยั้งอารมณ์นี้ได้ เขามองทะลุผ่านยานหลีกลี้สวรรค์
ทะลุกระทั่งทุกอย่างที่ขวางอยู่เบื้องหน้า
“ใช่แล้วล่ะ แท้จริงแล้วทุกสิ่งย่อมมีขึ้นมีลง แต่ปัญหาเยี่ยงนี้
จะมีสักกี่คนกันล่ะที่คิดได้ ? “
…ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสหวูรู้สึกยินดี
คือคนที่อยู่เบื้องหน้าเขา รู้ถึงจิตใจเขา แม้ช่องว่างของระดับการบ่มเพาะห่างมากนัก
แต่มิได้มีผลต่อความสัมพันธ์นี้ และยิ่งได้สัมผัสพบปะพูดคุยกัน มากเท่าใด
มันยิ่งยืนยันถึงความรู้สึกนี้ยิ่งขึ้น ยิ่งประโยคล่าสุดของหยางเฉิน
ดูจะเป็นคำเยินยอที่งดงาม
“เจ้าพูดถูก”
ผู้อาวุโสหวูเอ่ยยิ้ม ๆ
“เมื่อครู่ ข้าได้เห็นสามภัยพิบัติของโอสถคว้าสวรรค์ ..ดูเหมือนโอสถนี้จะไร้ซึ่งความหมายสำหรับข้า”
“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโส”
หยางเฉินคารวะแสดงความยินดีต่อผู้อาวุโหวู
“ท่านผู้อาวุโสหวู ไม่ต้องใช้กลวิธีใด ๆ ในเวลาก้าวสู่เขตแดนใหม่ วันนั้นของท่านที่จะขึ้นสู่โลกจิตวิญญาณ
ท่านจะมีอิสระไปได้ทุกหนทุกแห่ง”
นี่ย่อมมิใช่วาจาประจบสอพลอของหยางเฉิน
ในเรื่องราวของระดับการบ่มเพาะ ในระดับเขตแดนที่สูงขึ้น
ยิ่งมีพลังที่น่าหวาดหวั่นในระดับเขตแดนสูงขึ้นเท่าไร
ยิ่งปราศจากการยึดติดทางโลกมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ผู้อาวุโสหวูเชื่อมั่นนั้น
โอกาสแห่งความสำเร็จก็สูงขึ้นตามไปด้วย
“ข้าได้ประโยชน์ จากคำพูดของเจ้ามากจริง ๆ”
ผู้อาวุโสหวูคารวะหยางเฉิน จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เดิมทีข้าไม่รู้จะแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อเจ้ายังงัย เพื่อนผู้เยาว์ของข้า
แต่จากคำพูดเมื่อครู่ ตอนนี้ข้านึกได้ละ”
ขณะกล่าว กล่องหยกพลันปรากฏขึ้นบนโต๊ะระหว่างคนทั้งสอง
“น้ำใจเล็กน้อยนี้จากข้า แม้มันไม่อาจเทียบได้
กับความซาบซึ้งที่ข้ามีต่อเจ้า”
ขณะกล่าววาจาก็ผลักกล่องหยกไปทางหยางเฉิน
“สหายน้อยหยาง เจ้าต้องไม่ปฏิเสธสิ่งนี้”
กล่องหยกอันล้ำค่า ที่ผนึกอย่างแน่นหนาด้วยยันต์อาคม
มีโอสถคว้าสวรรค์ที่ผ่านสามภัยสวรรค์ไว้ภายใน
นั่นเป็นรางวัลสำหรับการกลั่นโอสถคว้าสวรรค์นี้ ที่เขาให้กับหยางเฉิน
หยางเฉินจ้องมองผู้อาวุโสหวูอย่างงุนงง แต่ผู้อาวุโสหวูยิ่งผลักกล่องหยกออกมาอีก
พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
และมันราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยออกจากอะไรสักอย่าง และพบหนทางที่แท้จริง
“เมื่อผู้อาวุโส ยินดีหยิบยื่นสิ่งนี้ให้
ข้าผู้น้อยขอรับไว้อย่างไม่ละอายละกัน”
เมื่อผ่านการครุ่นคิดชั่วครู่
แล้วนำกล่องหยกเก็บไว้ในกระเป๋าจัดเก็บของเขา
แล้วประสานมือคารวะผู้อาวุโสหวูอีกครั้ง
“ยินดีกับผู้อาวุโสหวู ในที่สุดท่านก็สลัดสิ่งผูกมัด พันธนาการในใจท่านได้”
มันเป็นวาจาที่ผ่านการใคร่ครวญแล้วของหยางเฉินอก่อนหน้านี้ ในใจผู้อาวุโสหวูยึดติดกับโอสถคว้าสวรรค์อย่างแน่นหนา โดยเฉพาะในตอนที่การปรุงโอสถล้มเหลว …แต่บัดนี้
ผู้อาวุโวหวูเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นยินยอมแม้กระทั่งสละโอสถนั้นไป
กระทั่งผลักไสโอสถนั้นแก่เขา ..ตอนนี้ผู้อาวุโสหวูได้สลัดความยึดมั่นต่อตัวโอสถคว้าสวรรค์ทิ้งไปได้แล้ว
การแสดงความยินดีของหยางเฉินก็เพราะเหตุผลนี้
ตอนนี้มันกลายเป็นการสนทนาของเพื่อนผู้รู้ใจกันและกัน
นับเป็นความคิดในเรื่องราวที่ใหญ่ยิ่งได้ในทันใดของผู้อาวุโสหวู
ตอนนี้เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านับได้ว่าเป็นสหายสนิท …ความยินดี
..ความปลอดโปร่ง ไม่ท้อแท้ ไม่ยึดมั่น ทุกอย่างกระจ่างยิ่งสำหรับเขา
ที่ถูกนำมาโดยหยางเฉิน
การที่สามารถได้พบพานเจ้าหนูที่น่าสนใจผู้นี้ก่อนขึ้นสู่เขตแดนใหม่
ทำให้ผู้คนลืมความเสียใจได้อย่างแท้จริง
“ในดินแดนมนุษย์นี้ ข้าคงช่วยอะไรเจ้าได้ไม่มากนัก
อย่างดีที่สุดข้าจะจัดการเรื่องเค่อเหลียนหยุนให้”
ในบัดนี้ ผู้อาวุโสหวูได้ปฏิบัติกับหยางเฉินราวสหายสนิท
พูดคุยในสถานะเท่าเทียมกันอย่างไร้ขอบเขต
“สักวันในอนาคตเบื้องหน้า ที่เจ้าขึ้นสู่โลกจิตวิญญาณ
เจ้าต้องมาหาพี่ชายคนนี้นะ”
ไหนเลยผู้อาวุโสหวูจะไม่ทราบความขมขื่นของเค่อเหลียนหยุน ที่ต้องสูญเสียเปลวไฟให้หยางเฉินเมื่อการปรุงยาสิ้นสุดลง
ทุกอย่างต่อไปนี้อยู่ในการจัดการของผู้อาวุโสหวู
อย่างน้อยที่สุดเขากล้าประกันได้ว่า เค่อเหลียนหยุนจะไม่สามารถกระทำการใด ๆ
ต่อหยางเฉิน
ในระหว่างที่ระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินยังไม่ถึงเขตแดนระดับของเค่อเหลียนหยุน
“ขอบคุณท่านพี่สำหรับการดูแล”
หยางเฉินเปลี่ยนคำเรียกขาน และผู้อาวุโสหวูหาได้คิดว่าเป็นการไม่เคารพ
หนำซ้ำยังบังเกิดความยินดีลึก ๆ ถ้าหากมีผู้ใดมาได้ยินคำเรียกขานกันของคนทั้งสอง
คงต้องเป็นงงแน่ ผู้อาวุโสหวูผู้เชี่ยวชาญระดับออกผล
ที่จวนเจียนจะก้าวไปสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ ถึงกับเรียกตัวเองในฐานะพี่ชายกับเจ้าหนุ่มน้อยหยางเฉิน
ไม่ต้องกล่าวถึงระดับการบ่มเพาะ แค่ระดับความอาวุโสของอายุ
ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนเกือบทุกคนต้องพูดไม่ออก
“ข้าได้สัญญาที่จะมอบเปลวไฟแก่เค่อเหลียนหยุน แต่ถ้าน้องชายไม่สบายใจ
ว่าจะมีเรื่องไม่ดีหลังจากเขาได้เปลวไฟไป ข้าก็อาจจะไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาก็ได้”
การพูดจาติดต่อระหว่างคนทั้งสอง
บ่งบอกถึงว่าผู้อาวุโสหวูไม่ได้มองหยางเฉินเป็นคนนอก เขาถึงกับวางแผนการจัดการให้
คนระดับออกผลอย่างเขาถ้าจะโกงคนระดับก่อลำต้นอย่างเค่อเหลียนหยุนมันง่ายมาก
“ไม่จำเป็น …ไม่จำเป็น”
หยางเฉินรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที
“ก่อนอื่น ข้าจะรอโอกาสฉกเปลวไฟของเขาอีกครั้ง ท่านพี่
ท่านต้องไม่ทำให้กระทบแผนของข้า”
เป็นวาจาที่หยิ่งผยองมาก แต่เมื่อผู้อาวุโสหวูคิดสักครู่ก็เห็นด้วย
เพราะหยางเฉินมีคุณสมบัติที่จะทรนงเช่นนั้น
จะมีสักกี่คนที่มีส่วนร่วมในการปรุงโอสถคว้าสวรรค์ในระดับรวบรวมลมปราณ
แม้ในระดับก่อสร้างรากฐานก็มีน้อยต่อน้อย แต่หยางเฉิน..ใช่ อนาคตเบื้องหน้าของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด
ไหนเลยบุคคลจิตใจคับแคบอย่างเค่อเหลียนหยุนจะมาเทียบได้
“ฮา ฮา ฮา วิธีของน้องข้า ถูกใจข้านัก งั้นข้าจะไม่ไปสอดมือเข้าไป
อันจะทำให้แผนการของเจ้าเสียหาย”
ผู้อาวุโสหวูระเบิดเสียงหัวร่อ และไม่กล่าวอะไรต่อในเรื่องนี้
แล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“น้องชาย จากนี้เจ้าจะทำสิ่งใด? เจ้ายังจะอยู่หลุมดักเซียนต่ออีกสักสองสามปีมั๊ย
? เท่าที่ข้าจำได้ เมื่อรวมเวลาที่เจ้ามาปรุงโอสถด้วยแล้ว
ก็จะเป็นเจ็ดปี ตามกฏของหลุมดักเซียน งั้นเจ้าสามารถอยู่ได้อีกสามปี”
“ไม่ละ” หยางเฉินส่ายศรีษะ
“การมาหลุมดักเซียนของข้าก็เพื่อฝึกปรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ตอนนี้ข้าก็ประสบความสำเร็จในการเพิ่มระดับการบ่มเพาะ อยู่ต่อไปไม่มีความหมายใด ๆ
ข้าควรกลับนิกาย รายงานตัวต่ออาจารย์”
ผู้อาวุโสหวูหน้าตาบูดบึ้งวูบนึงเมื่อได้ยิน
แม้หยางเฉินจะอุดมไปด้วยความรู้และเทคนิคต่าง ๆ แต่ก็ยังต้องรับผิดชอบต่ออาจารย์
แต่เขาก็ไม่มีความเห็นอื่นได้แต่ยอมรับว่าวาจาหยางเฉินนั้นสมเหตุสมผล
เมื่อหยางเฉินมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว
ก็ต้องกลายเป็นศิษย์ภายใน
แน่นอนที่ทางนิกายต้องสนับสนุนสิ่งที่มีคุณค่าที่ต้องใช้ในการบ่มเพาะแก่เขา
ถึงแม้ผู้อาวุโสหวูมีใจที่จะสอนต่อหยางเฉิน แต่เขาก็เป็นจำพวกผู้ฝึกตนอิสระ
และพลังธาตุการบ่มเพาะของเขาก็ต่างกับหยางเฉิน
ดังนั้นสิ่งที่ใช่สำหรับเขาอาจไม่เหมาะกับหยางเฉิน
เขาไม่รู้ว่า หยางเฉินนั้นฝึกธาตุสองชนิดของธาตุทั้งห้า
ในฐานะผู้ฝึกตนอิสระ ผู้อาวุโสหวูย่อมรู้ดีถึงข้อได้เปรียบของการช่วยเหลือจากนิกายใหญ่
ดังนั้นการตัดสินใจของหยางเฉินย่อมไม่ผิด ตรงกันข้าม
..มันเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุด
“ถ้าเจ้าตัดสินใจยังงั้น ทำไมไม่ให้ข้าส่งเจ้าที่นิกาย”
เมื่อได้ยินวาจาหยางเฉิน คำถามก็เกิดขึ้นในใจผู้อาวุโสหวู
ถ้าเขาไปส่งหยางเฉินด้วยตัวเอง แล้วมุมมองของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต่อหยางเฉินย่อมต้องเปลี่ยนไป
และเขาเองก็มีเวลาพอเพื่อหยางเฉิน
“กลับหลุมดักเซียนก่อนละกัน”
หยางเฉินไม่เห็นด้วยที่จะกลับนิกายโดยตรง
“ข้ายังมีเรื่องที่ค้างคาที่หลุมดักเซียนอยู่
อีกทั้งมีเรื่องส่วนตัวบางอย่าง เมื่อจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ
ก็คงไม่ช้าเกินไปที่จะกลับนิกาย”
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”
ผู้อาวุโสหวูถามตรง ๆ เพราะไม่คิดว่าหยางเฉินเป็นคนอื่นไกล
“พวกนั้นระดับแค่ก่อสร้างรากฐาน
ไหนเลยคู่ควรแก่คนระดับพี่ท่านต้องมาจัดการ”
หยางเฉินหัวเราะอีกครั้ง พลางส่ายศีรษะ
“มันคงไม่ดี สำหรับบุคคลสถานะอย่างพี่ท่าน”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่กล่าวอันใดอีก”
ผู้อาวุโสหวูครุ่นคิดเรื่องนี้ ว่าตามชื่อเสียงของหยางเฉินในหลุมดักเซียนแล้วนั้น
เท่าที่เขาสอบถาม ย่อมมีผู้คนมากมายที่มุ่งร้ายต่อหยางเฉิน
แต่ถ้าเขาจะทำสิ่ใดด้วยตัวเองก็จะกลับเป็นการรังแกผู้อ่อนแอ
แต่ผู้อาวุโสหวูก็ปฏิเสธคำขอของหยางเฉินหลังผ่านการคิดชั่วครู่ ก็นำกระเป๋าจัดเก็บออกมา
แล้วใส่อะไรบางอย่างลงไปยื่นกระเป๋าแก่หยางเฉิน
“เจ้ากำลังจะไปเป็นศิษย์ภายใน แต่พี่ชายผู้นี้ยังมิได้ให้อะไรกับเจ้า
เจ้าพึ่งก้าวสู่ระดับก่อสร้างรากฐานเมื่อไม่นานนี้
งั้นเจ้ายังคงไม่มีกระบี่บินสินะ”
ผู้อาวุโสกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วชี้นิ้วไปที่กระเป๋าจัดเก็บ
“ในนี้เป็นกระบี่บิน ที่ข้าได้จากการสังหารผู้บ่มเพาะธาตุไฟผู้นึง
เจ้าก็ควรจะทดสอบดูว่ามันเหมาะกับเจ้ามั๊ย
นี่เป็นของขวัญสำหรับการก้าวสู่ระดับก่อสร้างรากฐานละกัน”
“นอกจากนี้ ทันทีที่เจ้ากลายเป็นศิษย์ภายใน
ข้าแน่ใจว่าเจ้าก็จะได้รับถ้ำอมตะเป็นของตนเอง”
หยางเฉินมิมีเวลาแม้แต่จะปฏิเสธ เมื่อผู้อาวุโสหวูยังกล่าวต่อไป
“มันมีแก่นจิตวิญญาณสักแสนชิ้น เมื่อถึงเวลาเจ้าก็นำนี่ไว้ในถ้ำ
ช่วยเพิ่มอิทธิพลของพลังจิตวิญญาณภายในถ้ำอมตะของเจ้า"
Seeing
that Yang Chen still had the intentions to decline, Elder Wu waved his hand:
“You
must not decline, your elder brother can still obtain these things, moreover
after ascending, these will have no use for me, so they might as well help
you.”
Yang
Chen forced a bitter laugh, but didn’t decline anymore and accepted them. Truth
be told, these things were like grains of rice to Yang Chen, he already had a
few too many, it was just that Elder Wu’s kind intentions made Yang Chen feel
warm.
“When
you cultivate in the future, you must conceal your strength and bide your time,
if you performance is too flashy, it will not be good for you.”
Following
this, Elder Wu sincerely instructed him:
“You
must keep yourself safe and by no means reveal your talent unless necessary.
Younger brother must not blame elder brother for saying this. You have the Heaven
Seizing Pill, and ascending will not be a problem, so it is not worth it to
stake it all against other people.”
เมื่อเห็นหยางเฉินตั้งท่าปฏิเสธ ผู้อาวุโสหวูพลางโบกมือ
“เจ้าไม่ต้องปฏิเสธ พี่ชายผู้นี้ยังมีของเหล่านี้อยู่ นอกจากนี้
เมื่อข้าก้าว
ขึ้นสู่อีกเขตแดน ของพวกนี้ย่อมไร้ประโยชน์ต่อข้า แต่มันจะช่วยเจ้าได้มาก”
หยางเฉินได้แต่ฝืนหัวร่อ แต่มิได้ปฏิเสธอีกได้แต่ยอมรับ ว่าตามจริงแล้ว
ของเหล่านี้ย่อมมีประโยชน์ต่อการก้าวไปข้างหน้าของหยางเฉิน แต่เขาเองก็มีมากพอแล้ว
เพียงแต่ความใส่ใจของผู้อาวุโสหวูนี้สร้างความอบอุ่นในใจต่อหยางเฉิน
“ในการฝึกตนในภายภาคหน้าของเจ้า
บางครั้งก็ต้องปกปิดความแข็งแกร่งของตัวไว้บ้าง ถ้าโดดเด่นเกินไป
มันจะไม่บังเกิดผลดีแก่เจ้า”
ผู้อาวุโสหวูกล่าวต่ออย่างห่วงใย
“เจ้าต้องรักษาตัวให้ปลอดภัย อย่าเผยความสามารถโดยไม่จำเป็น
น้องข้าต้องไม่ตำหนิที่ผู้พี่กล่าวเช่นนี้นะ เจ้ามีโอสถคว้าสวรรค์
การก้าวขึ้นสู่อีกเขตแดนย่อมมิใช่ปัญหา
ดังนั้นการกระทบกระทั่งกับผู้อื่นย่อมเป็นสิ่งไร้ค่า”
นี่ย่อมเป็นคำแนะนำ ที่มิอาจประเมินค่าได้ หยางเฉินฟังและพยักหน้ารับ
ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาปฏิบัติตามได้หรือไม่ แต่ความซาบซึ้งใจต่อความห่วงใยของผู้อาวุโสหวูนั้นมากนัก
“แม้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ จะมิใช่นิกายที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็มิได้อ่อนด้อย”
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับตัวหยางเฉินแล้ว เขามากล่าวถึงนิกายของหยางเฉิน
“ข้าจำได้ว่ามันต้องใช้จำนวนมากในการสร้างความแข็งแกร่งของนิกาย
ไม่เหมือนหมาป่าเดียวดายอย่างข้า”
หยางเฉินแทบจะไม่ได้ทำอื่นใด นอกจากพยักหน้า
ที่ผู้อาวุโสหวูกำชับกำชาเขาราวกับเขาเป็นผู้เยาว์
อันบุคคลธรรดาสามัญนั้นย่อมมิอาจเข้าในในความสัมพันธ์นี้ได้
“เฮ้อ” ที่สุด
ผู้อาวุหวูสูดลมหายใจยาว และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วข้าจะคอยน้องชายข้าที่แดนโลกจิตวิญญาณ …เอาล่ะถึงหลุมดักเซียนละ
เจ้าลงได้เลย”
ยามนั้น ยานหลีกลี้สวรรค์ก็มาถึงหมู่บ้านหลี่หลัวของหลุมดักเซียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น