นับว่าการปรุงโอสถของเติ้งอี้
ซูเฟิงและเค่อเหลียนหยุนไม่เลวเลยทีเดียว โดยเฉพาะทักษะการควบคุมความร้อน
นับได้ว่าสุดยอด
โดยดูจากการที่พวกเขากลั่นกองกระสายยาขนาดเท่าศีรษะคนหลายหมื่นก้อน
ไม่มีร่องรอยการไหม้แม้แต่น้อย คงเหลือเพียงก้อนสีดำก้อนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาไม่สามารถควบแน่นให้มันเป็นวุ้นได้ตั้งแต่แรก
ตอนนี้เจ้าก้อนสีดำยังคงระอุอยู่ต่อหน้าต่อตาทุกคน
ไม่มีใครสนใจแม้แต่เหลือบมองมัน นอกจากหยางเฉิน ทุกคนจมอยู่ในความสลด
ความพยายามที่ทุ่มเทสุด ๆ ได้มลายไปหมดแล้ว
บรรากาศอันเศร้าสลดนี้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไม่มีแม้แต่จะอ้าปากกล่าว
หยางเฉินค่อยเดินไปที่เตาหลอมโอสถ
ก้มศีรษะดูเจ้าก้อนสีดำโดยละเอียด
การกระทำของเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนและเพ่งมองไปที่เขาในทันที
“อะไร
..เจ้าอยากรู้เหตุผลที่การปรุงโอสถล้มเหลวรึ ?”
เค่อเหลียนหยุนไม่สามารถที่จะจัดการหยางเฉินได้
อารมณ์กำลังเดือดอยู่แล้ว จึงเริ่มถากถางเขา
“รึว่า..อาจารย์ใหญ่หยางมีสิ่งใดจะชี้แนะ”
ตอนนี้ทุกคนล้วนกำลังอารมณ์ไม่ดี
คำกล่าวของเค่อเหลียนหยุนจึงพ้องกับทุกคน แม้ไม่ได้เอ่ยอันใด
แต่สายตาของสี่ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก
กับสายตาอีกหนึ่งคู่ของระดับออกผลที่จวนเจียนจะข้ามสู่อีกเขตแดน
เพียงพอที่จะขู่ขวัญผู้บ่มเพาะใด ๆ ในแดนโลกมนุษย์กระเจิง
แต่ราวกับหยางเฉินมิได้สัมผัสรับแรงกดดันนี้
กระทั่งทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดท่ามกลางสายตาทุกคน ทิ่มนิ้วลงไปในกากยาก้อนสีดำนั้น
แล้วปล่อยสำนึกจิตวิญญาณการรับรู้ลงไปเพื่อตรวจดูอย่างใกล้ชิด
การกระทำนี้ทำให้ทุกคนสบตากันอย่างไม่เชื่อสายตา
ไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ที่ทุกคนคิดเหมือนกัน
คือไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะสามารถทำอันใดกับกากยาสีดำนั้น
เขาแค่เป็นเด็กน้อยระดับรวบรวมลมปราณ
ที่ไม่มีค่ากระทั่งพูดจาเรื่องยาเม็ดคว้าสวรรค์
หรือแม้แต่กากยาของยาเม็ดคว้าสวรรค์
“อา..ยังปลอดภัยอยู่”
หลังการสำรวจชั่วครู่
หยางเฉินถึงกับหลุดคำนี้ออกมา สร้างความงุนงงให้กับทุกคน …มันยังปลอดภัย …
อะไร มันหมายความถึงสิ่งใด ?
คราวนี้ทุกคนหันไปสนใจหยางเฉินอีกครั้ง
แต่คราวนี้ปราศจากท่าทีขุ่นเคืองเช่นก่อน แต่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ไร้ยางอาย โอ้อวด!”
เค่อเหลียนหยุนตำหนิเสียงดังขึ้นมาทันที
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร
หืม? สบโอกาสก้อคุยใหญ่คุยโต..
รึเจ้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์หยางเรอะ ?”
ไม่เพียงเค่อเหลียนหยุน
แต่ทั้งเติ้งอี้ ซูเฟิง ล้วนสีหน้าระทมตั้งแต่ได้ยินคำพูดหยางเฉิน
เจ้าเด็กระดับรวบรวมลมปราณคิดจะพยายามทำในสิ่งที่
กระทั่งระดับผลิดอกทั้งสามคนยังคิดไม่ออก
หยางเฉินไม่ได้นำพาเค่อเหลียนหยุน
นำขวดหยกออกมาเปิดปากขวดแล้วเทของในขวดลงบนก้อนกากยาสีดำ
“เจ้า …กำลังจะทำอะไร!”
เค่อเหลียนหยุนเริ่มโมโหแล้วคำรามด้วยความโกรธอีกครั้ง
“เจ้าสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำนี้เหรอ
?”
“ทำลาย ?”
หยางเฉินหยุดมือมือ
หันมาถามเค่อเหลียนหยุน
“ผู้อาวุโสเค่อ
ดูท่าท่านยังคงมีวิธีที่จะจัดการได้ใช่มั๊ย ? งั้นเชิญท่านก่อนละกัน”
พูดพลางผายมือเชื้อเชิญ
…วิธีอะไรล่ะที่เค่อเหลียนหยุนรู้
? ทุกอย่างที่รู้ก็ทำไปหมดแล้ว สุดละ!
แต่มันยังไม่สามารถทำให้มันกลายเป็นก้อนวุ้นได้
นี่..หยางเฉินมันอัญเชิญให้เขาทำอีก แล้วเขาจะทำให้ขายหน้าตัวเองอีกครั้งรึ ?
“อา
..งั้นท่านคงยังไม่มีวิธีดี ๆ สินะ งั้นให้ข้าลองวิธีของข้าละกัน”
เวลานี้หยางเฉินหันไปกล่าวกับผู้อาวุโสหวูอย่างจริงจังว่า
“ท่านผู้อาวุโส
ผู้เยาว์หุนหันพลันแล่นไปซักหน่อย
เป็นไปได้ไหมที่ผู้อาวุโสจะให้ผู้เยาว์ลองทำอะไรบางอย่าง”
แล้วด้วยเหตุผลใดล่ะที่ผู้อาวุโสหวูต้องคัดค้าน? ณ เวลานี้
ในยามที่สิ้นความหวัง ไม่แน่หยางเฉินอาจจะเป็นตัวนำโชค
และนึกถึงในขั้นตอนการกลั่นที่หยางเฉินเหมือนจะพยายามขัดขวางหลายครั้ง
แต่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ รึว่าปัญหาเหล่านี้แหละเป็นเหตุที่หยางเฉินคัดค้าน ?
ผู้อาวุโสหวูรู้สึกมีความหวังอีกเฮือก
…รึว่าหยางเฉินมีวิธี ?
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้เห็นแล้วถึงทักษะการควบคุมเปลวไฟที่ค่อนข้างจะยอดเยี่ยม
แม้แต่เติ้งอี้ ที่ถือว่าเยี่ยมที่สุดในนักปรุงโอสถทั้งสาม ยังมิอาจทำได้
และหยางเฉินได้แสดงผลงานอย่างดีในตอนพนันกัน ดังนั้น
เป็นได้มั๊ยที่เขาจะสร้างเรื่องอัศจรรย์ในการปรุงโอสถ !
หยางเฉินเขย่าผงก้อนปราณในขวดหยกเบา ๆ
แล้วเทมันลงไปที่ก้อนกากยาสีดำ แล้วความประหลาดก็บังเกิด
ทันใดที่ผงปราณสัมผัสกับกากยา สีดำของมันก็เริ่มจางหายไป
กลับคืนมาเป็นสีดั้งเดิมของหญ้าฟ้าคราม
สิ่งอัศจรรย์นี้
ทำให้ทุกคนรวมทั้งเค่อเหลียนหยุน ลืมเรื่องราวความขัดแย้งไปละ
ไม่อาจละสายตาจากกิริยาของหยางเฉิน ความคาดหวังได้บังเกิดในหัวใจอีกครั้ง
ในเวลานั้นเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณได้ปรากฏในมือหยางเฉิน
ขณะที่ใช้มืออีกข้าง โกยเอากากยาฟ้าคราม และใส่ลงในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนั้น
“เจ้า..ใช้เตาปรุงโอสถของข้า
น่าจะดีกว่านะ”
เมื่อเห็นการกระทำของหยางเฉิน
เติ้งอี้รีบเอ่ยในทันที
เตาหลอมโอสถสีม่วงของนางมีระดับสูงกว่าเตาของหยางเฉินหลายเท่าตัว
แต่หลังจากที่เห็นรังสีที่เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแผ่ออกมา นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป
“มันเป็นโชคร้ายของผู้เยาว์
ที่ไม่มีความสามารถที่จะใช้เตาปรุงโอสถของผู้อาวุโสได้”
แน่ล่ะ..มันเรื่องอะไรที่จะเอาโอกาสครั้งนี้ไปใช้เตาปรุงโอสถของคนอื่น
มันเป็นโอกาสที่เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณที่จะได้สะสมปราณแห่งยาในการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์
อันเป็นยาเลิศพิภพจบแดน ซึ่งจะมีปราณแห่งยาได้สะสมมหาศาล
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาย่อมไม่อาจควบคุมยุทธภัณฑ์อาคมระดับผลิดอกได้
แป้งผงที่หยางเฉินใส่เข้าไปนั้นได้มาจากก้อนปราณของมังกรพิษวารี
มันมีประสิทธภาพในการหล่อเลี้ยงองค์ประกอบจิตวิญญาณของมังกรพิษวารี
และขับถ่ายผลข้างเคียงจากพิษของมัน
พลังจิตวิญญาณของเม็ดยาในเตาหลอมล้ำเลิศเริ่มที่จะฟื้นตัวเมื่อได้รับการบำรุงหล่อเลี้ยง
หยางเฉินถึงกับสูดลมหายใจลึก ๆ
เมื่อรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ความอ่อนล้าของพลังจิตวิญญาณในตัวยา
เป็นสาเหตุหลักของความล้มเหลวที่ผ่านมา เมื่อมันฟื้นตัวขึ้นมาได้ …มีความหวังแล้วล่ะ !
ประการนึง
ที่ทำให้การทำให้เป็นก้อนวุ้นยุ่งยากนั้นอยู่ที่น้ำทิพย์สารพัดประโยชน์
ซึ่งเป็นตัวเชื่อมนั้น ต้องใช้ธาตุทั้งห้าและปราณหยิน-หยาง ให้สมดุลกัน
แต่ผู้ฐานทั้งห้าธาตุ แต่ตัวบ่มเพาะที่โดดเด่นล้วนเป็นธาตุไฟ
นี่เป็นข้อด้อยเมื่อเทียบกับหยางเฉินผู้บ่มเพาะทั้งห้าธาตุด้วยหยิน-หยาง
และมีรากฐานพลังจิตของธาตุทั้งห้า ดังนั้นในการผสมกันนั้น ต้องเป็นห้าส่วนตามธาตุ
สิ่งที่หยางเฉินต้องทำไม่ให้คลาดเคลื่อนผิดพลาดแม้แต่น้อยในตอนนี้
คือแบ่งสัดส่วนให้แม่นยำและหล่อเลี้ยงพลังจิตวิญญาณให้ถึงแดนคว้าสวรรค์
แล้วอัดแน่นตามด้วยจัดเก็บเม็ดโอสถนั้น ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอื่นใดอีก
มีเพียงพลังจิตวิญญาณของเม็ดยาที่แข็งแกร่งสุดสุด
และยาจากน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ที่ผ่านการกลั่นที่ดีเท่านั้น
ที่จะควรคู่กับคำว่าคว้าสวรรค์
ในการปรับสมดุลหยิน-หยาง
ของธาตุทั้งห้านั้น
หยางเฉินต้องปล่อยพลังจิตวิญญาณใส่ในเตาหลอม เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้
เขาได้ใช้โดยเคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุมาโดยตลอด
เหตุนี้สิ่งที่สะสมอยู่ในตัวมันคือพลังจิตของธาตุทั้งห้า
เพียงปรับแต่งแบ่งส่วนเล็กน้อยใช้เวลาไม่มากนัก
ปัญหาตอนนี้คือการหล่อเลี้ยงกระตุ้นพลังจิตวิญญาณของตัวยา
ขวดหยกทั้งหมดบรรจุเต็มไปด้วยผงกระสายยาที่ใช้ในการกระตุ้นพลังจิตวิญญาณของเม็ดยา
หยางเฉินแบ่งมันออกเป็นห้าส่วน แล้วโรยลงไปในเตาปรุงโอสถทีละส่วน
ทุกคนที่มองดูการกระทำของเขาล้วนคิดเกี่ยวกับที่มาของผงนี้
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเอ่ยปากถาม ด้วยเกรงจะไปขัดขวางทำให้หยางเฉินหยุดชะงัก
เพราะระดับการบ่มเพาะที่ยังต่ำอยู่ มันจะก่อความเสียหาย ส่วนสิ่งที่อยากจะรู้เกี่ยวกับตัวยาผงนี้ไว้หลังจากเรื่องราวแล้วเสร็จก็ได้
เมื่อครบทั้งห้าส่วน
จิตวิญญาญของโอสถไม่อ่อนล้าเช่นก่อน เหมือนรอดจากความตาย
เริ่มแสดงสัญญาณของการคืนชีพ ผงโอสถที่โรยลงไปนี้ทำจากผงก้อนปราณของมังกรพิษวารี
มันจึงมีแหล่งกำเนิดเดียวกันกับจิตวิญญาณของโอสถ
เป็นวิธีที่ชาญฉลาดทางการแพทย์ที่ใช้กระตุ้นหล่อเลี้ยงมัน ในที่สุด
ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของเม็ดยาได้เริ่มดูดซับพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินเพื่อฟื้นฟูพลังจิตมันเอง
แต่ที่มันต้องการยังอีกมากนักในการเพิ่มความแข็งแกร่ง
หยางเฉินจึงต้องเรียกหาฟั่นฉานที่กำลังรออยู่ เพื่อการนี้
“ผู้อาวุโสฟั่น
ปล่อยพลังจิตวิญญาณของท่านใส่เตาหลอมเลย”
ฟั่นฉานกระทำทันที
เข้ามาใช้มือทั้งสองกดลงที่ฝาของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณที่อยู่ด้านหน้าหยางเฉิน
และเริ่มปล่อยพลังจิตวิญญาณอย่างระมัดระวัง
หลังจากเริ่มต้นเขาระมัดระวังอย่างมากด้วยหวั่นเกรงว่า
ถ้าปล่อยเต็มกำลังอาจจะทำลายเตาปรุงโอสถ แต่เขาก็พบอย่างรวดเร็วว่า ไอ้เตานี้นี่
เหมือนหลุมลึกที่ถมไม่เต็ม ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังจิตวิญญาณมากเท่าใด
ก็หายไปไร้ร่องรอย จ้องมองอย่างต้องการคำตอบจากหยางเฉิน ก็ได้รับการพยักหน้าให้สบายใจ
เท่านี้เขาจึงมุงปล่อยพลังจิตวิญญาณอย่างดุดัน
“ผู้อาวุโส
ข้าขอร้องพวกท่านช่วยกลับมาเติมพลังจิตวิญญาณด้วย
มันยังต้องการพลังจิตวิญญาณอีกจำนวนมาก”
ตอนนี้ฟั่นฉานเองก็ปล่อยพลังจิตวิญญาณใส่เตาหลอมอยู่แล้ว
แต่หยางเฉินร้องขอไปยังนักปรุงโอสถระดับผลิดอกทั้งสาม
ซึ่งพึ่งเสร็จจากการกลั่นเมื่อครู่
แม้จะการกลั่นจะล้มเหลวแต่พวกเขาก็หมดสิ้นเรี่ยวแรง
แต่วาจาของหยางเฉินทำให้พวกเขาต้องเร่งฟื้นฟูกำลังให้เร็วที่สุด เพื่อทำหน้าที่เสริมพลังจิตวิญญาณ
“ถ้าเจ้าแค่ต้องการแค่พลังจิตวิญญาณแค่นั้น
ให้ผู้เฒ่าอย่างข้ารับผิดชอบเถอะ”
เมื่อผู้อาวุโสหวูรับรู้เรื่องนี้
ก็ตอบรับในทันที ในแง่ของพลังจิตวิญญาณ
คนที่แข่งแกร่งที่สุดคือนักบ่มเพาะระดับออกผลผู้นี้แน่นอน
หยางเฉินไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้มาก่อน แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ได้รับแรงกดดัน
ทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสหวูก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้
"ผู้อาวุโสหวูไม่ต้องรีบร้อน
ท่านควรออมแรงไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
ในขั้นตอนสุดท้ายเราอาจจะไม่สามารถทำได้ถ้าท่านไม่มีเรี่ยวแรงที่เตรียมพร้อมเต็มที่"
หยางเฉินได้วางแผนเอาไว้นานแล้ว
และทันทีที่ผู้อาวุโสได้ฟังก็ไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติมอีก
นักปรุงโอสถทั้งสามรวมทั้งเค่อเหลียนหยุน
ได้เลิกการคัดค้าน พวกเขากระวนกระวายใคร่รู้สิ่งที่หยางเฉินกำลังทำ
..ยาเม็ดคว้าครองสวรรค์ ยังมีหวังอยู่ใช่หรือไม่ ? นอกจากจะไม่ต่อต้าน
พวกเขาพากันกินยาเพื่อฟื้นฟูพลัง และรอคอยคำสั่งจากหยางเฉิน
ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสี่
ต่างก็พากันปล่อยพลังใส่เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ ถึงเวลานี้ทุกคนเริ่มรู้สึกถึง
แรงกดดันที่แข็งแกร่งปลดปล่อยออกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
ราวกับว่าองค์ประกอบจิตวิญญาณของมังกรพิษวารี ได้ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์
เดือดดาลและหมุนวนอยู่ภายในเตาหลอม
และแท้จริงแล้ว มันควรต้องเป็นเช่นนี้
มันกำลังบ้าคลั่งอยู่ภายในเตา แต่มันก็เป็นเพียงพลังจิตวิญญาณไม่มีร่างกาย
และใช้เชื่อมต่อประสานกับตัวยาเหลวของยาเม็ดคว้าสวรรค์
ภายใต้การดูแลอย่างระมัดระวังของหยางเฉิน และการหยิบยืมกระแสพลังจากทุกคน
พลังจิตวิญญาณถูกปล่อยเข้าเตาหลอมล้ำเลิศไม่สิ้นสุดนั้น
เขาเริ่มผสมเข้าไปในยาเหลวทีละนิดละนิด
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ทำให้ทุกคนวิตก เพราะระดับความรุนแรงเช่นนี้
เตาหลอมระดับต่ำที่ใช้ปรุงโอสถย่อมมิอาจทนทานได้และตอนนี้ก็ไม่มีทางไปหยุดได้
แต่โชคดีที่ไม่เกิดเหตุอันใด ในขณะที่การสั่นรุนแรงยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น
ก็เกิดเสียงคำรามอย่างดังก้องในโสตประสาทของทุกคน
เสียงก้องนี้ทำให้ทุกคนมึนงง
และมันดังกึกก้องขึ้น ดังจนในที่สุดก็ดังเข้ามาถึงหัวใจ ทำให้ใจสั่นไหวอย่างไม่หยุดหย่อน
ทุกคนที่อยู่รอบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ รู้สึกได้เหมือนว่า มันเป็นเสียงเป็นเสียงคำรามของมังกรในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย
การปรับแต่งตัวยาทำให้เกิดเสียงคำรามของมังกร!
แม้ผู้เชี่ยวชาญปรุงโอสถระดับผลิดอกก็ไม่สามารถทนการข่มขวัญนี้ได้
แต่บัดนี้มองไปที่หยางเฉินผู้เยาว์คนนั้นที่ระดับบ่มเพาะแทบจะไม่ถึงขั้นพื้นฐานในการควบแน่นเม็ดยา
กลับไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามแม้แต่น้อย
เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกด้อยกว่า
เสียงคำรามยิ่งทรงอานุภาพมากขึ้น
และไม่คาดคิด เกิดรูปร่างบนท้องฟ้า เหนือศีรษะของทุกคน ก้อนเมฆสีดำเริ่มเคลื่อนตัว
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนในฉับพลัน พายุและสายฟ้าก็เริ่มขึ้น
เสียงดังก้องคำรามทำให้โสตประสาททุกคนตื่นกลัว
“นี่เป็น
กลุ่มเมฆของสามภัยสวรรค์ ใช่หรือไม่ ?”
นอกจากหยางเฉินแล้ว
ทุกคนในนี้อย่างน้อยก็ระดับผลิดอก ดังนั้นในตอนข้ามจากระดับก่อลำต้นมาระดับผลิดอก
ล้วนเคยผ่านภัยสวรรค์อันดับแรกของสามภัยสวรรค์ คือการลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้ามาแล้ว
แต่ที่เห็นแผ่กระจายต่อหน้าต่อตานี้
มันจะเปรียบกับสายฟ้าฟาดที่พวกเขาผ่านมาแล้วได้อย่างไร?
สามภัยสวรรค์…ใคร อะไรที่นำมันมา ? ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกไม่จำเป็นต้องผ่านภัยพิบัตินี้อีก
นับประสาอะไรกับผู้อาวุโสหวู
..หรือว่ามีใครในหมู่บ้านที่ทะลวงผ่านคอขวดระดับก่อลำต้นไประดับผลิดอกได้ ?
แต่ไม่มีท่าทีจากผู้อาวุโสหวู
…หรือจะเป็นหยางเฉิน ? เป็นไปไม่ได้
หยางเฉินพึ่งจะถึงระดับก่อสร้างรากฐาน
เขาจะล่อภัยพิบัติสายฟ้าได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ….งั้น..ถ้าไม่ใช่คน! สายตาทุกคนกวาดไปรอบ ๆ
แล้วมาหยุดที่เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในมือหยางเฉิน
เสียงมังกรคำรามที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ..รึมันจะเป็นสามภัยสวรรค์ของโอสถ ?
…โอสถ ..ก็ต้องผ่านสามภัยสวรรค์ ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ทุกคนก็ประหลาดใจ
แต่ในความประหลาดใจก็มีความหวังที่เหลืออยู่ ใช่
นี่สิถึงสมควรแก่ชื่อ 'คว้าสวรรค์' เมื่อถึงเวลาควบแน่นเม็ดยาเสร็จสมบูรณ์
แม้สวรรค์ก็ส่งเมฆสามภัยสวรรค์มา นี่สิจึงเป็นยาที่เรียกว่า 'ยาเม็ดคว้าสวรรค์' ยาที่พวกเขาเคยกลั่นสกัดมากว่าครึ่งชีวิตเป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น!
ผู้อาวุโสหวูตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งแตกตื่นและยินดีเมื่อพบเห็น
กระบวนการกลั่นโอสถคว้าสวรรค์เหมือนข้ามผ่านทะเลที่มีมรสุม ตั้งแต่เริ่มต้นเลย
ที่เขามีความเชื่อมั่น..มั่นใจแต่แล้วสิ่งที่หวังก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาไม่ได้คาดหวังถึงมันอีก
..แต่แล้วท้ายที่สุดมันก็ฟื้นประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้อาวุโสหวูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในขณะนี้เขาควรจะแสดงความรู้สึกอย่างไร
เรื่องราวทั้งมวล
เป็นหยางเฉินทำให้เขา มันเป็นอะไรที่ยอดมากที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจนำหยางเฉินมาด้วย
มันเป็นการมองอนาคตที่ยอดเยี่ยม ของเขาที่เชื้อเชิญคนหยางเฉินมา ทั้ง ๆ
ที่อยู่แค่ระดับรวบรวมลมปราณในเวลานั้น แล้วเขาก็ทำแต่สิ่งที่เหลือเชื่อออกมา
“ผู้อาวุโสหวู
ระวังด้วย”
เสียงร้องของหยางเฉินดึงความสนใจจากเขา
“เอาล่ะ
ได้เวลาที่ผู้อาวุโส ต้องจัดการกับยาเม็ดคว้าสวรรค์ อย่างเต็มที่แล้ว
หลังสามภัยสวรรค์ ถ้าท่านไม่ระวัง เจ้ายาเม็ดคว้าสวรรค์จะหนีแน่ ๆ
ท่านต้องดักมันให้ได้! …เอาล่ะ
จะล้มเหลวหรือสำเร็จขึ้นอยู่กับครั้งนี้!!!”
นี่ถ้าเม็ดยาหนีได้ แถมพอลับตาโดนพี่เฉินแฮปเข้ากระเป๋าล่ะก็นะ!!!
ตอบลบอันนั้นก็ชั่วไป.....
ลบน่าจะเป็บแบบนั้น เพราะทำมาหลายรอบแล้ว
ลบ