เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

GDN 111 เจ้าเป็นใคร



แม้ว่าแผนการยึดโลกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิแซลลี่จะล้มเหลว แต่นายกรัฐมนตรีลีวายส์ก็ยังคงมาที่พักของรัฐมนตรีโมเด ก่อนที่จะออกจากระบบมิลาเคิลสตาร์และนำของขวัญที่มีราคาแพงมากมอบให้

"ข้าจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร" โมเดขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่เขารับของขวัญจากลีลายส์ไป หากแต่ไม่สามารถทำสิ่งที่รับปากไว้ได้ มันยังทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้าง

"เจ้าดูไม่ค่อยดี ไม่สบายหรือ?" โมเดเห็นสีหน้าซีดๆ ของลีวายส์ก่อนเอ่ยถามออกมา

ลีวายส์ถอนหายใจและพูดว่า "ท่านนายกรัฐมนตรี บอกตามตรง ข้านอนไม่หลับทั้งคืน ในตอนนี้โลกไม่เพียงแต่รอดพ้นจากการตั้งอาณานิคมโดยเรา จักรวรรดิแซลลี่ พวกเขายังได้รับยานอวกาศมังกรบิน"

"มันแย่มาก ในตอนนี้เรามีเรือรบที่มีระดับด้อยกว่ายานอวกาศมังกรบินระดับเดรตนอต หลังจากที่ได้ครอบครองเรือธงแล้ว โลกใบเล็กๆก็จะสามารถอยู่ในระดับเดียวกับเราได้แล้ว"

"ระดับเดียวกัน?" โมเดหัวเราะราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่และพูดว่า "ลีวายส์ เจ้าประเมินความสามารถของโลกมากเกินไป พวกเขาสัญญาว่าจะเปิดทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ภายใน 3 ปี ซึ่งนั่นคือการขุดหลุมฝังศพตัวเอง ตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้ เมื่อเร็วๆนี้ภายอาณาจักรสาบสูญที่สำคัญทั้งหมดภายในทางช้างเผือก จำนวนสัตว์อสูรมืดได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น"

"ถ้าโลกเปิดใช้งาน อาณาจักรสาบสูญระดับ B ของพวกเขา มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับการโจมตีโดยกองทัพสัตว์อสูรมืด แม้ว่าจะเป็น อาณาจักรสาบสูญระดับ B แต่มันก็ยังคงมีสัตว์อสูรมืดอยู่นับหลายล้านตัว และจากสิ่งที่ข้ารู้ โลกมีเอสเปอร์เพียง 15,000 เท่านั้น หากนับรวมทั้งหมด ทั้งที่ไม่ใช่นักสู้ ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ พวกเขาสามารถสร้างกองทัพชายได้ 10,000 คน โดยไม่ต้องกล่าวถึงว่าเอสเปอร์ของพวกเขามีระดับต่ำมากแค่ไหน"

ลีวายส์รู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามออกมาว่า "ท่านนายก กำลังจะบอกว่า ถ้าโลกเปิดใช้งานอาณาจักรสาบสูญ สถานการณ์ก็จะไม่สามารถควบคุมได้ สัตว์อสูรมืดทั้งหมดจะวิ่งออกมาจากอาณาจักรสาบสูญและเกิดการสังหารหมู่บนโลกใช่หรือไม่"

โมเดพยักหน้าหรี่ตาลง ก่อนที่จะกระซิบ "เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีอะไรที่จะร้ายแรงไปมากกว่านี้?"

"ท่าน นายกรัฐมนตรีกรุณาพูดออกมา"

"อย่าให้ โลกมีความคิดริเริ่มในการเปิดใช้งานอาณาจักรสาบสูญ ในขณะที่สหพันธ์โลกไม่พร้อม เราต้องช่วยพวกเขาเปิดมันขึ้นมา และปล่อยให้สัตว์อสูรมืดออกมาอาละวาด"

สายตาของลีวายส์สั่นไหว ดวงตาของเขาก็พลุ่งพล่านแล้วเขาก็ตอบว่า "นี่เป็นกับดักที่ร้ายแรง! หากดาวเคราะห์เล็กๆเช่นโลกต้องการเปิดใช้งาน อาณาจักรสาบสูญระดับ B จะต้องผ่านการเตรียมตัวเป็นเวลานาน ในตอนนี้เราก็สามารถจ้างทหารรับจ้างบางส่วนเพื่อเปิดอาณาจักรสาบสูญ และกองทัพโลกที่อ่อนแอก็จะถูกกวาดล้างออกไป และมันก็จะเป็นเรื่องยากที่ชาวโลกจะหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับอันตราย"

"และเมื่อทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกตาย เราสามารถเข้ายึดสหพันธ์โลกได้อย่างง่ายดาย! และเนื่องจากเราไม่ได้ทำอะไร มันก็จะไม่มีใครกล่าวว่าเป็นความผิดของพวกเราได้"

โมเดเริ่มหัวเราะออกมาดังๆ ลูบคาง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ถูกต้อง นั่นละคือสิ่งที่ข้ากล่าวถึง ลีวายส์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนการอะไรที่จะเป็นอันตรายมากกว่านี้? "

"มีแผนการอันตรายที่มากขึ้น? ขออภัย ข้าปัญญาทึบ โปรดให้คำแนะนำข้า ท่านนายกรัฐมนตรี"

โมเดวาดวงกลมบนโต๊ะเบาๆ และพูดว่า "ไม่ใช่ว่าโลกเพิ่งได้รับเรือธง และพวกเขาก็จะยังไม่ได้ภูมิใจกับมันในตอนนี้? เจ้าสามารถกำหนดเวลาของแผนนี้ ให้เป็นช่วงเวลาก่อนที่เรือธงจะกลับสู่โลก"

"ปืนขนาดใหญ่บนเรือธง มันใช้สำหรับสงครามกาแลคซี และไม่สามารถใช้ในการฆ่าสัตว์อสูรมืดบนพื้นดิน ในขณะนั้นมังกรบินของโลกก็จะเฝ้าดูคนของตัวเองที่ถูกฆ่า โดยไม่มีความสามารถในการทำอะไรได้ และผู้คนบนโลกก็จะอยู่ในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง ในที่สุดเมื่อเรือธงมาถึง และเมื่อคลื่นของสัตว์อสูรมืดจู่ๆก็ถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งหมดที่พวกเขาเห็น ก็จะเป็นเรือธงที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา แต่มันไม่สามารถช่วยพวกเขาได้"

"สิ่งที่เป็นไปได้คือ มังกรบินจะรีบเร่งเพื่อช่วยโลกและใช้ ยานไร้คนขับเพื่อทำลายล้างฆ่าทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรมืด! เมื่อถึงตอนนี้สัตว์อสูรมืดที่ฆ่าคนบนโลก ผู้คนบนโลกก็ฆ่าคนของตัวเองด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าน่าสนใจหรือไม่?"

สายตาของลีวายส์มองไปที่โมเดซึ่งกลายเป็นปีศาจด้วยความสยดสยอง ไม่น่าแปลกใจที่โมเดสามารถกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่มีระบบการจัดการถาวร ความคิดของเขาเป็นอันตรายอย่างแท้จริง และถ้าเขาทำตามแผนของโมเดได้สำเร็จ มันก็จะสามารถทรมานผู้คนบนโลกได้ถึงสองเด้ง!

ร้ายกาจจริงๆ

ลีวายส์ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยอมอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนักการเมืองที่ไร้ความปราณีเช่นโมเด ผู้ชายคนนี้เพิ่งขยับริมฝีปากของเขาและพูดคำบางคำและตอนนี้โลกก็ถึงวาระ!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลีวายส์โค้งคำนับต่อโมเดและกล่าวว่า "ท่านนายกฯ มีภูมิปัญญาสุดยอด ลีวายส์ได้เรียนรู้พวกมันมากขึ้น!"

......

ในขณะที่โมเดและลีวายน์กำลังวางแผนอันโหดร้ายเพื่อจะยึดครองโลก  ฮั่นหลางก็กำลังเดินตามฮอร์ตันไปดูทาสที่มีความลึกลับระดับ 6 ดาว

"ทาสคนนี้ถูกจับได้เมื่อตอนที่เราจับพวก เผ่าพันธุ์มังกรแดง ไม่รู้ว่าทำไม เขาเป็นมนุษย์แต่เขาอาศัยอยู่ในเขตชานเมืองทางช้างเผือกกับกลุ่มคนต่างดาว และจากที่เห็นเหล่านักรบเผ่ามังกรแดงทุกคนต่างชื่นชมเขาจริงๆ" ในขณะที่ฮอร์ตันเดินไป เขาก็อธิบายกับฮั่นหลางเกี่ยวกับทาสระดับ 6 ดาว

ฮั่นหลางถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ในเมื่อเขาเป็นชนชั้นสูงที่อยู่ในระดับเสมือนขุนศึก พวกเจ้าจับพวกเขาได้อย่างไร?"

ฮอร์ตันรู้สึกอายและตอบว่า "เราไม่ได้จับตัวเขา เมื่อคนของเผ่ามังกรแดงถูกจับ ชายคนนี้ก็ยอมแพ้ ข้าคาดเดาว่าเขาไม่มีมั่นคงทางจิตใจ บางครั้งเขาก็พึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนคนบ้าในบางครั้ง"

"คนของข้าทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา เนื่องจากเขาอยู่ในระดับเสมือนขุนศึก มันก็ดูน่ากลัวมากถ้าเขาบ้าคลั่งขึ้นมา ในก่อนหน้านี้ คนของข้ากำลังส่งอาหารให้เขา และข้าไม่รู้ว่าพวกเขาทำผิดอะไร แต่พวกเขาทั้งสองถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และถูกโยนเข้ามุมห้อง ตั้งแต่นั้นเราจะใช้คานลากเพื่อส่งอาหารให้เขาเท่านั้น และเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรอีกนอกจากจะพูดกับตัวเองเสมอ"

"เขาพูดอะไรกับตัวเอง?"

"ข้าเป็นใคร? ข้ามาจากไหน? อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้เป็นคำถามโง่ๆ"

สถานที่ที่ขังทาสระดับเสมือนขุนศึกนี้อยู่ใต้ดินลึกลงไป หลังจากเดินหลายร้อยก้าวตามทางเดินยาวและประตูที่ปิดสนิท ที่ประตูมีลูกน้องของฮอร์ตัน 4 คนคอยเฝ้าอยู่ สีหน้าของพวกเขาดูมีความกังวลมากในขณะที่ มองเข้าไปด้านในผ่านช่องตาแมวที่หน้าประตู

"น้องชาย เจ้าสามารถมองจากที่นี่ได้ และข้าก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้" ฮอร์ตันชี้ไปที่ช่องตาแมวที่ประตูและพูดออกมา

ฮั่นหลางแนบตาขวาเข้าไปใกล้ตาแมว ตาแมวมีโครงสร้างแสงที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อมองเข้าไปมันสามารถยืดหดและหันไปดูรอบทิศทางได้ ผ่านตาแมวที่ประตู มันสามารถดูสถานการณ์ทั้งหมดภายในเซลล์ได้เป็นอย่างดี

ฮั่นหลางเพิ่งเห็นห้องขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 100 เมตร ตรงกลางมีตะปูขนาดใหญ่อยู่บนพื้นยึดโซ่โลหะหนากว่าแขนของมนุษย์ มันล่ามร่างของทาสระดับ 6 ดาวเอาไว้

นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมดีเอ็นเอบนแขนของทาสทั้งสองข้าง ในขณะที่ทาสคนอื่นๆมีเพียงข้างเดียว

ผู้ชายคนนี้อาจไม่เคยตัดผมมานานแล้ว เข้าก้มหน้าลง ผมของเขาทั้งหมดละไปกับพื้นดิน เขากำลังพึมพำเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง

ทันใดนั้น ~

บางทีเขาอาจรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้ามองมาจากที่ด้านนอกประตู ศีรษะของชายหนุ่มคนนี้เงยขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ประสานเข้ากับดวงตาของฮั่นหลาง

ชิ้ง ~

ฮั่นหลางรู้สึกตกใจอย่างมาก คนนี้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก!

ถึงแม้ว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง หนวดเคราของเขาก็ยังไม่ได้โกนมาเป็นเวลานาน แต่โครงหน้าของเขาก็ยังดูชัดเจน

"ให้ข้าเข้าไปข้างใน" เสียงของฮั่นหลางสั่นเล็กน้อย

"น้องชาย อย่าล้อข้าเล่น!" ฮอร์ตันรีบพูด "เขาอยู่ในระดับเสมือนขุนศึก! ข้าไม่รู้ว่าโซ่โลหะผสมและระบบการผูกดีเอ็นเอจะสามารถควบคุมเขาได้จริงหรือไม่ ระดับขุนศึกสามารถทำลายท้องฟ้า ระดับเสมือนขุนศึกก็สามารถทำลายโลก ระดับของเขาสูงเกินไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องตลก!"

"เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบถ้าเกิดอุบัติเหตุ ให้เข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้!" เสียงของฮั่นหลางดังขึ้นไปอีกหลายเท่า

ฮอร์ตันไม่รู้ว่าจะจัดการกับฮั่นหลางได้อย่างไร เขาสั่งให้คนของเขาเปิดประตูได้เท่านั้น ขณะที่ประตูเปิดขึ้นฮั่นหลางเห็นหน้าผากของฮอร์ตันเต็มไปด้วยเหงื่อ มนุษย์ระดับเสมือนขุนศึกมีพลังของการทำลายที่สมบูรณ์!

เอี๊ยด ~

ประตูโลหะที่ปิดสนิทเปิดขึ้น ฮั่นหลางเดินเข้าไป และหยุดห่างออกมาไม่กี่เมตรจากตัวทาส ทั้งสองจ้องมองหน้ากัน ฮั่นหลางสังเกตอย่างระมัดระวัง ความรู้สึกประหลาดใจและตกใจถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของเขา

"เจ้าเป็นใคร?" ฮั่นหลางขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"พวกเขาเรียกข้าว่าเรือพิฆาต"

"ใครเรียกเจ้า?"

"มังกรแดง คนของข้า"

"แต่เจ้าเป็นมนุษย์ มังกรแดงไม่ใช่มนุษย์"

ปัง ~

ชายแปลกหน้าได้ยินคำพูดของฮั่นหลาง และเริ่มตีหัวตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง "ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าเป็นมังกรแดง!"

"ผมของเผ่ามังกรแดงจะมีสีแดงตั้งแต่ต้นจนจรดปลาย แต่ผมของเจ้ามีสีน้ำตาล และก็ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวสีแดงอยู่บนผมของเจ้า" ฮั่นหลางตอบโต้ออกไป

"แม้ว่าผมข้าจะไม่มีสีแดง ข้าก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์มังกรแดง!"

ชายแปลกประหลาดคนนี้คำรามออกมา ในทันทีทันใดนั้นเขาก้าวเข้ามาเพียงหนึ่งก้าว และหยุดอยู่ตรงหน้าฮั่นหลาง ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกัน เพียง 20 เซนติเมตร ขณะที่เขาตะโกนใส่ฮั่นหลางเสียงของเขาแหบแห้งและดูเจ็บปวด

ฮั่นหลางไม่ได้ถอยกลับออกไป เขาดูตื่นเต้นมากกว่าทาสหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า เขาใช้เสียงที่ดังมากขึ้นตะโกนกลับไปที่ทาสหนุ่มว่า "เจ้าไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์มังกรแดง! คิดให้ดีสิว่าเจ้าเป็นใคร! เจ้ามาจากไหน! บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน!"

อ้ากกก ~

ทาสหนุ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าตัวเขากำลังจะสลายไป ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือทั้งสองข้างคว้าคอของฮั่นหลางไว้อย่างรวดเร็ว

ปฏิกิริยาของฮั่นหลางไม่ช้า มือของเขาพุ่งไปข้างหน้าและคว้ามือของทาสหนุ่มไว้ แล้วโขกศีรษะไปข้างหน้าปะทะกับศีรษะของทาสหนุ่ม ราวกับเป็นการต่อสู้บนท้องถนนที่รุนแรง

"สิบปี!"

"พวกเราตามหาเจ้า มานานถึงสิบปี!"

"เจ้าหายไปโดยไม่มีคำอำลา โลกสูญเสียเสาหลักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ถูกรังแกมาตลอดสิบปี และเกือบจะกลายเป็นอาณานิคมของใครบางคน! เจ้ารู้หรือไม่!"

ฮั่นหลางตะโกนออกมา ใส่หน้าชายหนุ่ม เขาดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของฮั่นหลางและหยุดเคลื่อนไหว

บูม ~

กำปั้นบินพุ่งออกมาจากฮั่นหลางและปะทะไปที่ใบหน้าของเขา

อ่า ~

ชายหนุ่มร้องออกมา และก็ชกกับฮั่นหลางกลับ

บูม ~

บูม ~

บูม ~

เจ้าชกมาครั้งหนึ่ง ข้าชกกลับอีกครั้ง ฮั่นหลางและทาสหนุ่มเริ่มชกกัน ราวกับพวกเขาเป็นบ้า! ทั้งสองคนไม่ยอมถอยหนี

"ไม่ใช่ว่า เจ้าบอกว่าเจ้าจะปกป้องเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ท้องฟ้าจะร่วงหล่นลงมา?”

"เผ่าพันธุ์มังกรแดง? เจ้าลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง!"

"วันนี้ ถ้าข้าไม่สามารถปลุกเจ้าให้ตื่นด้วยกำปั้นของข้า ก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าฮั่นหลาง!"

"ให้ตายเถอะ เจ้าต้องจำได้สิ! ถ้าเจ้ายังอยู่ เจ้าก็ต้องเป็นคนของโลก ถ้าเจ้าตาย เจ้าก็ยังเป็นผีของโลก!"

"ชื่อของเจ้าคือคลาร์ก!!!"

4 ความคิดเห็น: