แม้ว่าแผนการยึดโลกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิแซลลี่จะล้มเหลว
แต่นายกรัฐมนตรีลีวายส์ก็ยังคงมาที่พักของรัฐมนตรีโมเด ก่อนที่จะออกจากระบบมิลาเคิลสตาร์และนำของขวัญที่มีราคาแพงมากมอบให้
"ข้าจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร"
โมเดขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่เขารับของขวัญจากลีลายส์ไป หากแต่ไม่สามารถทำสิ่งที่รับปากไว้ได้
มันยังทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้าง
"เจ้าดูไม่ค่อยดี
ไม่สบายหรือ?" โมเดเห็นสีหน้าซีดๆ ของลีวายส์ก่อนเอ่ยถามออกมา
ลีวายส์ถอนหายใจและพูดว่า
"ท่านนายกรัฐมนตรี บอกตามตรง ข้านอนไม่หลับทั้งคืน
ในตอนนี้โลกไม่เพียงแต่รอดพ้นจากการตั้งอาณานิคมโดยเรา จักรวรรดิแซลลี่
พวกเขายังได้รับยานอวกาศมังกรบิน"
"มันแย่มาก
ในตอนนี้เรามีเรือรบที่มีระดับด้อยกว่ายานอวกาศมังกรบินระดับเดรตนอต
หลังจากที่ได้ครอบครองเรือธงแล้ว
โลกใบเล็กๆก็จะสามารถอยู่ในระดับเดียวกับเราได้แล้ว"
"ระดับเดียวกัน?"
โมเดหัวเราะราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่และพูดว่า "ลีวายส์
เจ้าประเมินความสามารถของโลกมากเกินไป พวกเขาสัญญาว่าจะเปิดทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ
B ภายใน 3 ปี ซึ่งนั่นคือการขุดหลุมฝังศพตัวเอง
ตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้
เมื่อเร็วๆนี้ภายอาณาจักรสาบสูญที่สำคัญทั้งหมดภายในทางช้างเผือก
จำนวนสัตว์อสูรมืดได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น"
"ถ้าโลกเปิดใช้งาน
อาณาจักรสาบสูญระดับ B ของพวกเขา
มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับการโจมตีโดยกองทัพสัตว์อสูรมืด แม้ว่าจะเป็น
อาณาจักรสาบสูญระดับ B แต่มันก็ยังคงมีสัตว์อสูรมืดอยู่นับหลายล้านตัว
และจากสิ่งที่ข้ารู้ โลกมีเอสเปอร์เพียง 15,000 เท่านั้น
หากนับรวมทั้งหมด ทั้งที่ไม่ใช่นักสู้ ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
พวกเขาสามารถสร้างกองทัพชายได้ 10,000 คน
โดยไม่ต้องกล่าวถึงว่าเอสเปอร์ของพวกเขามีระดับต่ำมากแค่ไหน"
ลีวายส์รู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะถามออกมาว่า "ท่านนายก กำลังจะบอกว่า
ถ้าโลกเปิดใช้งานอาณาจักรสาบสูญ สถานการณ์ก็จะไม่สามารถควบคุมได้ สัตว์อสูรมืดทั้งหมดจะวิ่งออกมาจากอาณาจักรสาบสูญและเกิดการสังหารหมู่บนโลกใช่หรือไม่"
โมเดพยักหน้าหรี่ตาลง
ก่อนที่จะกระซิบ "เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีอะไรที่จะร้ายแรงไปมากกว่านี้?"
"ท่าน
นายกรัฐมนตรีกรุณาพูดออกมา"
"อย่าให้ โลกมีความคิดริเริ่มในการเปิดใช้งานอาณาจักรสาบสูญ
ในขณะที่สหพันธ์โลกไม่พร้อม เราต้องช่วยพวกเขาเปิดมันขึ้นมา และปล่อยให้สัตว์อสูรมืดออกมาอาละวาด"
สายตาของลีวายส์สั่นไหว
ดวงตาของเขาก็พลุ่งพล่านแล้วเขาก็ตอบว่า "นี่เป็นกับดักที่ร้ายแรง!
หากดาวเคราะห์เล็กๆเช่นโลกต้องการเปิดใช้งาน อาณาจักรสาบสูญระดับ B จะต้องผ่านการเตรียมตัวเป็นเวลานาน
ในตอนนี้เราก็สามารถจ้างทหารรับจ้างบางส่วนเพื่อเปิดอาณาจักรสาบสูญ
และกองทัพโลกที่อ่อนแอก็จะถูกกวาดล้างออกไป และมันก็จะเป็นเรื่องยากที่ชาวโลกจะหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับอันตราย"
"และเมื่อทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกตาย
เราสามารถเข้ายึดสหพันธ์โลกได้อย่างง่ายดาย! และเนื่องจากเราไม่ได้ทำอะไร
มันก็จะไม่มีใครกล่าวว่าเป็นความผิดของพวกเราได้"
โมเดเริ่มหัวเราะออกมาดังๆ
ลูบคาง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ถูกต้อง นั่นละคือสิ่งที่ข้ากล่าวถึง
ลีวายส์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนการอะไรที่จะเป็นอันตรายมากกว่านี้?
"
"มีแผนการอันตรายที่มากขึ้น?
ขออภัย ข้าปัญญาทึบ โปรดให้คำแนะนำข้า ท่านนายกรัฐมนตรี"
โมเดวาดวงกลมบนโต๊ะเบาๆ
และพูดว่า "ไม่ใช่ว่าโลกเพิ่งได้รับเรือธง และพวกเขาก็จะยังไม่ได้ภูมิใจกับมันในตอนนี้? เจ้าสามารถกำหนดเวลาของแผนนี้
ให้เป็นช่วงเวลาก่อนที่เรือธงจะกลับสู่โลก"
"ปืนขนาดใหญ่บนเรือธง
มันใช้สำหรับสงครามกาแลคซี และไม่สามารถใช้ในการฆ่าสัตว์อสูรมืดบนพื้นดิน ในขณะนั้นมังกรบินของโลกก็จะเฝ้าดูคนของตัวเองที่ถูกฆ่า
โดยไม่มีความสามารถในการทำอะไรได้ และผู้คนบนโลกก็จะอยู่ในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง
ในที่สุดเมื่อเรือธงมาถึง และเมื่อคลื่นของสัตว์อสูรมืดจู่ๆก็ถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งหมดที่พวกเขาเห็น
ก็จะเป็นเรือธงที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา แต่มันไม่สามารถช่วยพวกเขาได้"
"สิ่งที่เป็นไปได้คือ
มังกรบินจะรีบเร่งเพื่อช่วยโลกและใช้ ยานไร้คนขับเพื่อทำลายล้างฆ่าทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรมืด!
เมื่อถึงตอนนี้สัตว์อสูรมืดที่ฆ่าคนบนโลก ผู้คนบนโลกก็ฆ่าคนของตัวเองด้วยเช่นกัน
เจ้าคิดว่าน่าสนใจหรือไม่?"
สายตาของลีวายส์มองไปที่โมเดซึ่งกลายเป็นปีศาจด้วยความสยดสยอง
ไม่น่าแปลกใจที่โมเดสามารถกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศที่มีระบบการจัดการถาวร
ความคิดของเขาเป็นอันตรายอย่างแท้จริง และถ้าเขาทำตามแผนของโมเดได้สำเร็จ
มันก็จะสามารถทรมานผู้คนบนโลกได้ถึงสองเด้ง!
ร้ายกาจจริงๆ
ลีวายส์ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยอมอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนักการเมืองที่ไร้ความปราณีเช่นโมเด
ผู้ชายคนนี้เพิ่งขยับริมฝีปากของเขาและพูดคำบางคำและตอนนี้โลกก็ถึงวาระ!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลีวายส์โค้งคำนับต่อโมเดและกล่าวว่า
"ท่านนายกฯ มีภูมิปัญญาสุดยอด ลีวายส์ได้เรียนรู้พวกมันมากขึ้น!"
......
ในขณะที่โมเดและลีวายน์กำลังวางแผนอันโหดร้ายเพื่อจะยึดครองโลก
ฮั่นหลางก็กำลังเดินตามฮอร์ตันไปดูทาสที่มีความลึกลับระดับ
6 ดาว
"ทาสคนนี้ถูกจับได้เมื่อตอนที่เราจับพวก
เผ่าพันธุ์มังกรแดง ไม่รู้ว่าทำไม
เขาเป็นมนุษย์แต่เขาอาศัยอยู่ในเขตชานเมืองทางช้างเผือกกับกลุ่มคนต่างดาว
และจากที่เห็นเหล่านักรบเผ่ามังกรแดงทุกคนต่างชื่นชมเขาจริงๆ" ในขณะที่ฮอร์ตันเดินไป
เขาก็อธิบายกับฮั่นหลางเกี่ยวกับทาสระดับ 6 ดาว
ฮั่นหลางถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ในเมื่อเขาเป็นชนชั้นสูงที่อยู่ในระดับเสมือนขุนศึก พวกเจ้าจับพวกเขาได้อย่างไร?"
ฮอร์ตันรู้สึกอายและตอบว่า
"เราไม่ได้จับตัวเขา เมื่อคนของเผ่ามังกรแดงถูกจับ ชายคนนี้ก็ยอมแพ้
ข้าคาดเดาว่าเขาไม่มีมั่นคงทางจิตใจ บางครั้งเขาก็พึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนคนบ้าในบางครั้ง"
"คนของข้าทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
เนื่องจากเขาอยู่ในระดับเสมือนขุนศึก มันก็ดูน่ากลัวมากถ้าเขาบ้าคลั่งขึ้นมา
ในก่อนหน้านี้ คนของข้ากำลังส่งอาหารให้เขา และข้าไม่รู้ว่าพวกเขาทำผิดอะไร
แต่พวกเขาทั้งสองถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และถูกโยนเข้ามุมห้อง ตั้งแต่นั้นเราจะใช้คานลากเพื่อส่งอาหารให้เขาเท่านั้น
และเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรอีกนอกจากจะพูดกับตัวเองเสมอ"
"เขาพูดอะไรกับตัวเอง?"
"ข้าเป็นใคร?
ข้ามาจากไหน? อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้เป็นคำถามโง่ๆ"
สถานที่ที่ขังทาสระดับเสมือนขุนศึกนี้อยู่ใต้ดินลึกลงไป
หลังจากเดินหลายร้อยก้าวตามทางเดินยาวและประตูที่ปิดสนิท ที่ประตูมีลูกน้องของฮอร์ตัน
4 คนคอยเฝ้าอยู่ สีหน้าของพวกเขาดูมีความกังวลมากในขณะที่ มองเข้าไปด้านในผ่านช่องตาแมวที่หน้าประตู
"น้องชาย
เจ้าสามารถมองจากที่นี่ได้ และข้าก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้"
ฮอร์ตันชี้ไปที่ช่องตาแมวที่ประตูและพูดออกมา
ฮั่นหลางแนบตาขวาเข้าไปใกล้ตาแมว
ตาแมวมีโครงสร้างแสงที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อมองเข้าไปมันสามารถยืดหดและหันไปดูรอบทิศทางได้
ผ่านตาแมวที่ประตู มันสามารถดูสถานการณ์ทั้งหมดภายในเซลล์ได้เป็นอย่างดี
ฮั่นหลางเพิ่งเห็นห้องขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ
100 เมตร ตรงกลางมีตะปูขนาดใหญ่อยู่บนพื้นยึดโซ่โลหะหนากว่าแขนของมนุษย์
มันล่ามร่างของทาสระดับ 6 ดาวเอาไว้
นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมดีเอ็นเอบนแขนของทาสทั้งสองข้าง
ในขณะที่ทาสคนอื่นๆมีเพียงข้างเดียว
ผู้ชายคนนี้อาจไม่เคยตัดผมมานานแล้ว
เข้าก้มหน้าลง ผมของเขาทั้งหมดละไปกับพื้นดิน
เขากำลังพึมพำเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
ทันใดนั้น ~
บางทีเขาอาจรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้ามองมาจากที่ด้านนอกประตู
ศีรษะของชายหนุ่มคนนี้เงยขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง
ประสานเข้ากับดวงตาของฮั่นหลาง
ชิ้ง ~
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจอย่างมาก
คนนี้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก!
ถึงแม้ว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง
หนวดเคราของเขาก็ยังไม่ได้โกนมาเป็นเวลานาน แต่โครงหน้าของเขาก็ยังดูชัดเจน
"ให้ข้าเข้าไปข้างใน"
เสียงของฮั่นหลางสั่นเล็กน้อย
"น้องชาย
อย่าล้อข้าเล่น!" ฮอร์ตันรีบพูด "เขาอยู่ในระดับเสมือนขุนศึก!
ข้าไม่รู้ว่าโซ่โลหะผสมและระบบการผูกดีเอ็นเอจะสามารถควบคุมเขาได้จริงหรือไม่
ระดับขุนศึกสามารถทำลายท้องฟ้า ระดับเสมือนขุนศึกก็สามารถทำลายโลก
ระดับของเขาสูงเกินไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องตลก!"
"เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบถ้าเกิดอุบัติเหตุ
ให้เข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้!" เสียงของฮั่นหลางดังขึ้นไปอีกหลายเท่า
ฮอร์ตันไม่รู้ว่าจะจัดการกับฮั่นหลางได้อย่างไร
เขาสั่งให้คนของเขาเปิดประตูได้เท่านั้น ขณะที่ประตูเปิดขึ้นฮั่นหลางเห็นหน้าผากของฮอร์ตันเต็มไปด้วยเหงื่อ
มนุษย์ระดับเสมือนขุนศึกมีพลังของการทำลายที่สมบูรณ์!
เอี๊ยด ~
ประตูโลหะที่ปิดสนิทเปิดขึ้น
ฮั่นหลางเดินเข้าไป และหยุดห่างออกมาไม่กี่เมตรจากตัวทาส ทั้งสองจ้องมองหน้ากัน
ฮั่นหลางสังเกตอย่างระมัดระวัง
ความรู้สึกประหลาดใจและตกใจถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของเขา
"เจ้าเป็นใคร?"
ฮั่นหลางขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"พวกเขาเรียกข้าว่าเรือพิฆาต"
"ใครเรียกเจ้า?"
"มังกรแดง
คนของข้า"
"แต่เจ้าเป็นมนุษย์
มังกรแดงไม่ใช่มนุษย์"
ปัง ~
ชายแปลกหน้าได้ยินคำพูดของฮั่นหลาง
และเริ่มตีหัวตัวเองอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
"ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าเป็นมังกรแดง!"
"ผมของเผ่ามังกรแดงจะมีสีแดงตั้งแต่ต้นจนจรดปลาย
แต่ผมของเจ้ามีสีน้ำตาล และก็ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวสีแดงอยู่บนผมของเจ้า"
ฮั่นหลางตอบโต้ออกไป
"แม้ว่าผมข้าจะไม่มีสีแดง
ข้าก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์มังกรแดง!"
ชายแปลกประหลาดคนนี้คำรามออกมา
ในทันทีทันใดนั้นเขาก้าวเข้ามาเพียงหนึ่งก้าว และหยุดอยู่ตรงหน้าฮั่นหลาง
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกัน เพียง 20 เซนติเมตร
ขณะที่เขาตะโกนใส่ฮั่นหลางเสียงของเขาแหบแห้งและดูเจ็บปวด
ฮั่นหลางไม่ได้ถอยกลับออกไป
เขาดูตื่นเต้นมากกว่าทาสหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า เขาใช้เสียงที่ดังมากขึ้นตะโกนกลับไปที่ทาสหนุ่มว่า
"เจ้าไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์มังกรแดง! คิดให้ดีสิว่าเจ้าเป็นใคร! เจ้ามาจากไหน!
บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน!"
อ้ากกก ~
ทาสหนุ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ราวกับว่าตัวเขากำลังจะสลายไป ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือทั้งสองข้างคว้าคอของฮั่นหลางไว้อย่างรวดเร็ว
ปฏิกิริยาของฮั่นหลางไม่ช้า
มือของเขาพุ่งไปข้างหน้าและคว้ามือของทาสหนุ่มไว้ แล้วโขกศีรษะไปข้างหน้าปะทะกับศีรษะของทาสหนุ่ม
ราวกับเป็นการต่อสู้บนท้องถนนที่รุนแรง
"สิบปี!"
"พวกเราตามหาเจ้า
มานานถึงสิบปี!"
"เจ้าหายไปโดยไม่มีคำอำลา
โลกสูญเสียเสาหลักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ถูกรังแกมาตลอดสิบปี
และเกือบจะกลายเป็นอาณานิคมของใครบางคน! เจ้ารู้หรือไม่!"
ฮั่นหลางตะโกนออกมา
ใส่หน้าชายหนุ่ม เขาดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของฮั่นหลางและหยุดเคลื่อนไหว
บูม ~
กำปั้นบินพุ่งออกมาจากฮั่นหลางและปะทะไปที่ใบหน้าของเขา
อ่า ~
ชายหนุ่มร้องออกมา
และก็ชกกับฮั่นหลางกลับ
บูม ~
บูม ~
บูม ~
เจ้าชกมาครั้งหนึ่ง
ข้าชกกลับอีกครั้ง ฮั่นหลางและทาสหนุ่มเริ่มชกกัน ราวกับพวกเขาเป็นบ้า!
ทั้งสองคนไม่ยอมถอยหนี
"ไม่ใช่ว่า
เจ้าบอกว่าเจ้าจะปกป้องเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ท้องฟ้าจะร่วงหล่นลงมา?”
"เผ่าพันธุ์มังกรแดง?
เจ้าลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง!"
"วันนี้
ถ้าข้าไม่สามารถปลุกเจ้าให้ตื่นด้วยกำปั้นของข้า
ก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าฮั่นหลาง!"
"ให้ตายเถอะ
เจ้าต้องจำได้สิ! ถ้าเจ้ายังอยู่ เจ้าก็ต้องเป็นคนของโลก ถ้าเจ้าตาย
เจ้าก็ยังเป็นผีของโลก!"
"ชื่อของเจ้าคือคลาร์ก!!!"
ค้างงงงงหนักมากกกก
ตอบลบเชส........
ตอบลบค้างหนักมาก
ตอบลบเจอคลาร์กแล้ว ค้างหนัก
ตอบลบขอบคุณค่ะ