เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2561

GDN 108 เรือธงและการค้าทาส



บรรยากาศรอบๆตัวฮั่นหลางพลันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ความสำเร็จของเขาได้ถูกประกาศออกมาในสถานที่จัดงานการแข่งขันชิงแชมป์งานสำรวจที่น่าอัศจรรย์ ในช่วงงานเลี้ยงค็อกเทลขนาดใหญ่ เขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีดอยล์

"ฮั่นหลาง เจ้าสามารถคิดทบทวนอีกครั้ง เราสาธารณรัฐแมงเป็นหนึ่งใน 12 ดาวเคราะห์ที่มีระบบบริหารอย่างถาวรในพันธมิตรทางช้างเผือก ความแข็งแกร่งระดับชาติของเราไม่ใช่สิ่งที่โลกจะสามารถเทียบได้ อยู่ที่นี่กับข้า ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจะมีทรัพยากรที่ดีที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุด" ดอยล์ดื่มเครื่องดื่มกับฮั่นหลางขณะที่พวกเขาพูดถึงข้อเสนอของการเชิญฮั่นหลางเข้าร่วมสาธารณรัฐแมง

ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในทางช้างเผือกคืออะไรในวันนี้?

แน่นอนว่านี่เป็นเยาวชนที่มีพรสวรรค์

เมื่อฮั่นหลางอธิบายอย่างละเอียดว่าเขาแอบเข้าไปในฐานหลักของอาณาจักรสาบสูญ A-19 การต่อสู้ในครั้งนี้หนักหนาสาหัสแค่ไหน และท้ายที่สุดเขาก็สามารถทำลายฐานหลัก ถึงแม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นอย่างหมดจด แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น นายกรัฐมนตรีดอยล์ได้ฟังถึงกับหลงเชื่อและสนุกกับในเรื่องที่ฮั่นหลางเล่ามา

นักรบถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ และฮั่นหลางเป็นคนที่ได้รับการทดสอบในการต่อสู้ ท่ามกลางเอสเปอร์ที่มีพรสวรรค์หลายคนที่เสียชีวิตในอาณาจักรสาบสูญ A-19 และเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตเพียงน้อยนิด ดังนั้นแม้แต่คนโง่ก็บอกได้ว่าฮั่นหลางมีทักษะที่ดีกว่าผู้อื่น

และเขาก็แตกต่างจากนักรบที่ทำการฝึกฝนอยู่แต่เพียงในห้อง ฮั่นหลางถูกหล่อหลอมมาจากสนามรบ ก่อนเหตุการณ์สำรวจอาณาจักรสาบสูญไม่มีใครรู้จักฮั่นหลาง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ มันจะยังมีใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อของฮั่นหลาง?

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมชาติมากที่ดอยล์จะคาดหวังว่าฮั่นหลางจะเข้าร่วมกับสาธารณรัฐแมง

ผู้บริหารถาวรทั้ง 12 ดาวเคราะห์ มีพื้นที่กว้างขวางเป็นจำนวนเกือบ 1 ใน 3 ของทางช้างเผือกทั้งหมด และยังมีแหล่งทรัพยากรและสภาพแวดล้อมที่ดีอีกด้วย

ในแต่ละปีสาธารณรัฐแมง ได้ค้นพบอาณาจักรสาบสูญจำนวนมากดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ทหารจำนวนมากขึ้นพร้อมกับประสบการณ์ในการสำรวจเพื่อช่วยให้สาธารณรัฐแมงสามารถเปิดใช้งานและสำรวจอาณาจักรสาบสูญเหล่านี้ได้

ฮั่นหลางมีพลังสูญสิ้นที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสบการณ์ในการรบอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เขาแอบเข้าไปในศูนย์ผลิตยีนด้วยตัวเขาเอง และทำลายมัน การกระทำเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนในทางช้างเผือก ดอยล์หวังว่าจะยืมประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของฮั่นหลาง เพื่อช่วยดาวเคราะห์ของเขาในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญให้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น

ฮั่นหลางยิ้ม "นายกรัฐมนตรีไม่ว่าโลกจะเล็กแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นบ้านของข้า ตอนนี้ที่ดาวเคราะห์บ้านเกิดของข้าอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก และกำลังอยู่ในสายตาเหล่าดาวเคราะห์ที่มีพลังอำนาจมากมาย แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นข้าคงต้องขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกคำร้องขอนี้

ดอยล์พยักหน้าเล็กน้อยและพูดราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ "เจ้ากำลังพูดถึงเรื่อง จักรวรรดิแซลลี่ที่ต้องการโลกเป็นอาณานิคม ใช่หรือไม่? อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ข้าอยู่ที่นี่ พวกเขาสามารถฝันได้เพียงเท่านั้น ดาวเคราะห์ผู้บริหารถาวรมีอำนาจยับยั้ง นอกจากนี้เจ้ายังเป็นผู้ชนะของการชุมนุมทางช้างเผือกในปีนี้ ข้าถามเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆแล้วไม่มีใครตกลงที่จะปล่อยให้โลกเปลี่ยนสถานะไปเป็นอาณานิคม"

"อาณาจักรสาบสูญ A-19 เป็นที่สถานที่ที่มีความปลอดภัยและเราสาธารณรัฐแมง สามารถมีส่วนแบ่งผลประโยชน์ได้มากขึ้น และอีก 11 ดาวเคราะห์ที่มีระบบบริหารถาวรทุกแห่งจะได้รับประโยชน์เช่นกันทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า และไม่มีใครจะลืม"

"ข้าต้องขอบคุณการสนับสนุนของทุกคน" ฮั่นหลางก็เปลี่ยนโทนเสียงของเขาและพูดว่า "แม้ว่าโลกจะสามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นอาณานิคมได้ชั่วคราว แต่ตราบใดที่โลกยังไม่แข็งแกร่ง ข้าก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีกรุณาสนับสนุนการตัดสินใจของข้าที่จะกลับไปและเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่บ้านของข้า"

"ข้าสามารถสัญญาได้ว่า ถ้าสาธารณรัฐแมงต้องการข้า นายกรัฐมนตรีก็อย่าได้ลังเลที่จะถามข้า ข้าจะช่วยท่านด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ข้ามี"

ดอยล์พยักหน้าเล็กน้อยเนื่องจากฮั่นหลางบอกว่ามันจะไม่สะดวก แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก แม้ว่าฮั่นหลางจะปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับสาธารณรัฐแมง แต่คำพูดของเขาก็ยังทำให้ ดอยล์ มีความสุขมาก

แพนยูลิน ที่ยืนอยู่ด้านข้างๆฮั่นหลาง ส่งความนัยผ่านทางสายตาของเขา เมื่อพวกเขาเห็นโมเดและลีวายส์เดินมาทางพวกเขาและเผยรอยยิ้มที่เป็นอันตราย

หลังจากทักทายอย่างเรียบง่ายทั้งสองนั่งลงบนโต๊ะเดียวกัน และลีวายส์ก็เปิดปากของเขากล่าวขึ้นมาว่า "จักรวรรดิแซลลี่และสหพันธ์โลกทั้งสองอยู่ในเขตกาแลคซี 57 เราทุกคนเป็นเพื่อนบ้าน พี่ชายฮั่นหลางได้บรรลุความสำเร็จ มันเป็นเกียรติของพวกเราโดยรวม มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการเฉลิมฉลอง"

โมเดยิ้มเยาะและต่อคำพูดของลีวายส์ว่า "นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองแล้ว เรายังไม่ทราบว่าสหพันธ์โลกตั้งใจจะเปิดอาณาจักรสาบสูญ ระดับ B  อย่างไร ข้ากำลังรอคอยที่จะเห็นมันในอานาคตข้างหน้า"

ฮั่นหลางรู้อย่างชัดเจนว่าโมเดไม่ได้มองไปข้างหน้าอย่างที่เขาบอก แต่เขากำลังจะดูว่าโลกจะถูกทำลายลงเมื่อไหร่ เห็นได้ชัดจากการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ A ที่เกิดเหตุวุ่นวาย และสัตว์อสูรมืดได้ฆ่าเอสเปอร์ที่มีพรสวรรค์ไปเกือบทั้งหมด 100,000 คน และอาณาจักรสาบสูญระดับ B ก็ยังเป็นอันตรายมากและด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโลก มันไม่มีหวังที่จะสามารถเอาชนะได้

ลีวายส์กล่าวว่า "ในทางช้างเผือกไม่มีอาณาจักรสาบสูญระดับ B มากนัก ดังนั้นมันจึงมีค่ามาก และขณะนี้ทั้งพันธมิตรกำลังรอให้โลกทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B นี้ จักรวรรดิแซลลี่ยังคงเป็นเพื่อนบ้านของโลก พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนโลกอย่างเต็มที่ ในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญด้วยตัวเอง"

ฮั่นหลางขมวดคิ้ว หลังจากพูดคุยกันมาสักครู่ ทั้งสองคนยังคงรอที่จะเห็นความย่อยยับของโลกอย่างเห็นได้ชัด

ตามหลักเกณฑ์ของพันธมิตรทางช้างเผือก อาณาจักรสาบสูญระดับ A เป็นพื้นที่ที่น่ากลัวเกินไป หากพิจารณาที่จะมีการสำรวจพื้นที่ มันจะต้องมีการวางแผนในระยะยาว หรือเมื่อมีการค้นพบอาณาจักรสาบสูญระดับ B พันธมิตรจะผลักดันให้ดาวเคราะห์ที่เป็นเจ้าของทำการสำรวจอย่างรวดเร็ว และหากพวกเขาไม่มีความสามารถในการสำรวจ พวกเขาก็ควรส่งมอบอาณาจักรสาบสูญแก่พันธมิตรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ดังนั้นสำหรับดาวเคราะห์ที่อ่อนแอเหล่านั้น อาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ได้เป็นประโยชน์ แต่เป็นการสาปแช่ง

สำหรับแผนการพัฒนาร่วมกับจักรวรรดิแซลลี่ ถึงแม้จะว่าดูดี แต่ในเวลานั้นจักรวรรดิแซลลี่ก็จะนำเอาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ที่ได้รับและโลกก็จะไม่ได้ผลตอบแทนใดๆหลังจากที่สิ้นสุดการสำรวจ

ดอยล์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ฮั่นหลางถ้าเจ้ามีปัญหาในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญ เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากสาธารณรัฐแมงเพื่อขอความช่วยเหลือได้ อาณาจักรสาบสูญระดับ B เพียงแค่ส่งนักรบเอสเปอร์ลงไปเคลียร์พื้นที่ก็สามารถจัดการได้"

ฮั่นหลางยิ้มและตอบกลับดอยล์ "ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีสำหรับความตั้งใจอันดีของท่าน แต่คราวนี้เราต้องการลองสำรวจพื้นที่นี้ด้วยตัวเราเอง ไม่ว่าโลกจะมีขนาดเล็กแค่ไหน แต่ก็ยังคงเป็นดาวเคราะห์อธิปไตยถ้าเราพึ่งพาคนอื่นเสมอเราจะเติบโตได้เช่นใด"

ดอยล์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร มันเป็นแพนยูลินที่แตะศอกไปที่ฮั่นหลางเล็กน้อย เขาปฏิเสธความช่วยเหลือของ สาธารณรัฐแมง แพนยูลินคิดว่าฮั่นหลางอาจจะบ้าไปแล้ว

ดวงตาของโมเดและลีวาส์สว่างวาบขึ้นมา และโมเดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี โลกใบเล็กๆ ต้องทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ด้วยตัวเอง"

แน่นอน

"เมื่อไหร่? ใครจะรู้ว่าพวกเจ้ากำลังใช้กลยุทธเช่นยืดเวลาออกไปหรือไม่"ลีวายส์ถามออกไปติดๆอย่างก้าวร้าว

"3 ปีเป็นอย่างช้า"

"ดี" โมเดหัวเราะออกมาเสียงดัง และยืนขึ้น ดวงตาที่น่ารังเกียจของเขาจ้องไปที่ฮั่นหลางและแพนยูลิน ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างน่าพอใจว่า "ภายในสามปีข้าจะรอดูโลกทำการเปิดการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ด้วยตัวเอง ลีวายส์ เราไปกันเถอะ ดูสิว่าโลกจะมีความแข็งแกร่งมากสักเท่าไหร่ พวกเขาที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากพวกเรา"

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ~

โมเดและลีวายส์ เดินออกไป ดอยล์ก็ต้องไปให้ความบันเทิงกับแขกคนอื่นด้วย ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปที่โต๊ะอื่น

แพนยูลิน ถอนหายใจยาวและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ฮั่นหลาง เจ้าก็กล้าเกินไป อาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถจัดการเองได้"

ฮั่นหลางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า "ครั้งนี้ท่านต้องเชื่อในตัวผม การครองแชมป์ของเรา อีกทั้งการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิกฤตการณ์ของโลกเท่านั้น แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเอง"

"ข้าจะเชื่อในตัวเจ้า"

......

ระบบมิราเคิลสตาร์ ดาวเคราะดวงที่ 6 สนามบินทหารขนาดใหญ่ สาธารณรัฐแมง

ในที่สุดฮั่นหลางได้เห็นยานอวกาศ มังกรบิน ในตำนาน มันไม่ได้เหมือนเรือ แต่เหมือนภูเขาขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปถึง 854 กิโลเมตร

ยานอวกาศ มังกรบิน เป็นรุ่นล่าสุดของเรือธง (เรือสำคัญที่มีผู้บัญชาการทหารของกองทัพเรืออยู่) ระดับสูงที่สุดในทางช้างเผือก มันเป็นครื่องมือสังหารที่โหดร้ายที่สุดที่มีความยาวมากกว่า 850 กิโลเมตร เมื่อจอดทอดสมอจะไม่สามารถมองเห็นอีกด้านหนึ่งของเรือได้

เรือธงเสมือนเป็นเมืองๆหนึ่ง ยานอวกาศมังกรบิน ต้องการลูกเรืออย่างน้อย 30,000 คน เพื่อที่จะสามารถบินได้ สำหรับความจุสูงสุดทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดเตรียม ถ้าพื้นที่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อบรรทุกผุโดยสาร มันก็สามารถบรรจุได้หลายล้านคน

ยานอวกาศมังกรบินทุกลำ สามารถตั้งค่าขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไร้คนขับ ได้ถึง 3000 รูปแบบ เช่นมีระบบการโจมตีไร้คนขับ การลาดตระเวนไร้คนขับ เครื่องบินทิ้งระเบิดไร้คนขับและอื่นๆ

ประสิทธิภาพในการสู้รบของอากาศยานไร้คนขับ เทียบเท่ากับเรือรบขนาดเล็กและนั่นหมายความว่ายานอวกาศมังกรบิน สามารถนำพาตัวเองพร้อมด้วยกองทัพยานรบที่มีประสิทธิภาพติดตัวไปด้วย

และใครบ้างในทางช้างเผือกที่มียานอวกาศมังกรบินในตอนนี้?

ข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป ฮั่นหลางรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจากทั้งหมด 14,000 ดาวเคราะห์ในทางช้างเผือก มีดาวเคราะห์ไม่ถึง 100 ดาวเคราะห์ที่มีเรือบรรทุกเรือบินชนิดนี้

หลังจากที่ได้ครอบครองยานอวกาศมังกรบินนี้ สหพันธ์โลกได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ดาวเคราะห์ที่มีเรือธง

หลังจากได้ไปเยี่ยมชมเรือรบที่ยิ่งใหญ่แล้ว ฮั่นหลางเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าเพื่อที่จะหยุดการรุกราน การมีเรือธงเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ โลกยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพในทุกๆด้าน

ดังนั้นหลังจากกล่าวอำลากับแพนยูลิน ฮั่นหลางเดินไปตามแผนที่วางไว้ในก่อนหน้านี้ เขาได้เดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครคาดเดาได้

สำหรับยานอวกาศมังกรบินนี้จำเป็นต้องใช้กองทัพเรือของสาธารณรัฐแมง เพื่อช่วยให้เรือกลับสู่โลกใบเล็ก ที่ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่ลูกเรือพอที่จะควบคุมเรือยักษ์นี้ได้ มันดูเศร้าใจมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ฮั่นหลางมอบผลึกดาวสีชมพูจำนวน 300 ผลึก กับแพนยูลินพวกมันสามารถขายได้อย่างน้อยสองร้อยล้านGC เงินจำนวนนี้ก็เพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดสำหรับโลก นอกจากนี้ฮั่นหลางยังมีอาวุธมือสองจำนวนมากและมอบให้แพนยูลินเพื่อนำกลับไป

ชูววว ~

เรือรบขนาดเล็กเหยี่ยวเวหา ที่นำฮั่นหลางและแพนยูลินมายัง ระบบมิราเคิลสตาร์ แต่ในครั้งนี้มันได้พาฮั่นหลางไปยังที่ที่เขาต้องการที่จะไป

เมื่อมาถึงห้องของเขาและทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับดาร์คเน็ต ฮั่นหลางยืนขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง

แม้ว่าจะเป็นเพียงระบบดาวฤกษ์ขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้สาธารณรัฐแมง แต่ ระบบมิราเคิลสตาร์ก็สร้างความตื่นตาให้กับฮั่นหลางเป็นอย่างมาก เมืองที่คึกคัก ประชากรหนาแน่น ระบบการเงินและการพาณิชย์ที่พัฒนาเป็นอย่างดี

เพียงแค่ที่ระบบมิราเคิลสตาร์ สาธารณรัฐแมงที่เดียว ก็มีเรือธงถึง 7 ลำที่จอดไว้ และอาจเห็นได้ว่ามีช่องว่างระหว่างโลกกับกลุ่มดาวเคราะห์ที่พัฒนาแล้วในทางช้างเผือกมากน้อยเพียงใด

ติ๊ ติ๊ ติ๊ ติ๊ ~

หลังจากช่องทางการสื่อสารแบบเรียลไทม์กับผู้เล่นยามค่ำคืนได้เชื่อมต่อกัน  ผู้เล่นยามค่ำคืนหัวเราะและพูดกับฮั่นหลางว่า "ข้าได้ติดต่อฮอร์ตันแล้วเขาเป็นหนึ่งในผู้ค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในทางช้างเผือก และเขาก็ตกลงที่จะส่งคนไปรับเจ้าที่จุดติดต่อ

ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อย "ขอบคุณ ข้าได้ส่งผลึกโลหิตหมื่นปีที่ได้มาจากสัตว์อสูรมืดและผลึกควบแน่นไปให้อาจารย์แล้ว หวังว่าอาจารย์จะสามารถช่วยวิเคราะห์พวกมันได้"

ผู้เล่นยามค่ำคืนโบกมือให้เขาและกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นงานอดิเรกของข้าอยู่แล้ว ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาเภสัชวิทยา ผลึกโลหิตหมื่นปีที่ถูกทิ้งโดยสัตว์อสูรข้าไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และข้าก็ตั้งใจที่จะทำการศึกษาค้นคว้าพวกมันอย่างจริงจัง

"ว่าแต่ว่า เจ้าต้องการซื้อทาสจากฮอร์ตันกี่คน? สินค้าที่อยู่ในมือของเขามีคุณภาพดี แต่ก็มีราคาแพงมาก"

ราคา?

ฮั่นหลางสัมผัสกับแหวนขนาดเล็กของเขา ซึ่งเป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นเห็น และไม่มีใครรู้เรื่องเด็กน้อยที่ฮั่นหลางเก็บไว้ในจันทราทมิฬ

ฮั่นหลางเกือบจะกวาดล้างอาณาจักรสาบสูญ A-19 ได้ทั้งหมด หากนับแค่พิมพ์เขียวมันก็ที่มีมูลค่าหลายร้อยพันล้าน GC ซึ่งเขามีพิมพ์เขียวมากกว่า 13,000 ชิ้น และเขายังมีแผนที่ทางพันธุกรรมอีก 7000 รายการ

เหตุผลที่ฮั่นหลางกล้าที่จะพิชิตอาณาจักรสาบสูญระดับ B ของพวกเขาโดยไม่มีใครช่วย นั่นเป็นเพราะในตอนนี้เขามีไพ่ที่เพียงพออยู่ในมือ

ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทางปกติ? ดังนั้นฮั่นหลางจึงต้องใช้ดาร์คเน็ต ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหา

ในดาร์คเน็ตไม่มีอะไรที่ไม่สามารถซื้อขายได้

เนื่องจากโลกขาดนักรบระดับสูงที่จำเป็นสำหรับการสำรวจอาณาจักรสาบสูญ ดังนั้นเขาก็จะซื้อนักรบเหล่านั้นจากดาร์คเน็ต

2 ความคิดเห็น: