บรรยากาศรอบๆตัวฮั่นหลางพลันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ความสำเร็จของเขาได้ถูกประกาศออกมาในสถานที่จัดงานการแข่งขันชิงแชมป์งานสำรวจที่น่าอัศจรรย์
ในช่วงงานเลี้ยงค็อกเทลขนาดใหญ่ เขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีดอยล์
"ฮั่นหลาง
เจ้าสามารถคิดทบทวนอีกครั้ง เราสาธารณรัฐแมงเป็นหนึ่งใน 12
ดาวเคราะห์ที่มีระบบบริหารอย่างถาวรในพันธมิตรทางช้างเผือก
ความแข็งแกร่งระดับชาติของเราไม่ใช่สิ่งที่โลกจะสามารถเทียบได้ อยู่ที่นี่กับข้า
ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจะมีทรัพยากรที่ดีที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุด"
ดอยล์ดื่มเครื่องดื่มกับฮั่นหลางขณะที่พวกเขาพูดถึงข้อเสนอของการเชิญฮั่นหลางเข้าร่วมสาธารณรัฐแมง
ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในทางช้างเผือกคืออะไรในวันนี้?
แน่นอนว่านี่เป็นเยาวชนที่มีพรสวรรค์
เมื่อฮั่นหลางอธิบายอย่างละเอียดว่าเขาแอบเข้าไปในฐานหลักของอาณาจักรสาบสูญ
A-19 การต่อสู้ในครั้งนี้หนักหนาสาหัสแค่ไหน
และท้ายที่สุดเขาก็สามารถทำลายฐานหลัก ถึงแม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นอย่างหมดจด
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น นายกรัฐมนตรีดอยล์ได้ฟังถึงกับหลงเชื่อและสนุกกับในเรื่องที่ฮั่นหลางเล่ามา
นักรบถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ
และฮั่นหลางเป็นคนที่ได้รับการทดสอบในการต่อสู้ ท่ามกลางเอสเปอร์ที่มีพรสวรรค์หลายคนที่เสียชีวิตในอาณาจักรสาบสูญ
A-19 และเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตเพียงน้อยนิด ดังนั้นแม้แต่คนโง่ก็บอกได้ว่าฮั่นหลางมีทักษะที่ดีกว่าผู้อื่น
และเขาก็แตกต่างจากนักรบที่ทำการฝึกฝนอยู่แต่เพียงในห้อง
ฮั่นหลางถูกหล่อหลอมมาจากสนามรบ ก่อนเหตุการณ์สำรวจอาณาจักรสาบสูญไม่มีใครรู้จักฮั่นหลาง
แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ มันจะยังมีใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อของฮั่นหลาง?
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมชาติมากที่ดอยล์จะคาดหวังว่าฮั่นหลางจะเข้าร่วมกับสาธารณรัฐแมง
ผู้บริหารถาวรทั้ง 12 ดาวเคราะห์
มีพื้นที่กว้างขวางเป็นจำนวนเกือบ 1 ใน 3 ของทางช้างเผือกทั้งหมด และยังมีแหล่งทรัพยากรและสภาพแวดล้อมที่ดีอีกด้วย
ในแต่ละปีสาธารณรัฐแมง
ได้ค้นพบอาณาจักรสาบสูญจำนวนมากดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ทหารจำนวนมากขึ้นพร้อมกับประสบการณ์ในการสำรวจเพื่อช่วยให้สาธารณรัฐแมงสามารถเปิดใช้งานและสำรวจอาณาจักรสาบสูญเหล่านี้ได้
ฮั่นหลางมีพลังสูญสิ้นที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสบการณ์ในการรบอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เขาแอบเข้าไปในศูนย์ผลิตยีนด้วยตัวเขาเอง และทำลายมัน
การกระทำเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนในทางช้างเผือก ดอยล์หวังว่าจะยืมประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของฮั่นหลาง
เพื่อช่วยดาวเคราะห์ของเขาในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญให้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น
ฮั่นหลางยิ้ม
"นายกรัฐมนตรีไม่ว่าโลกจะเล็กแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นบ้านของข้า
ตอนนี้ที่ดาวเคราะห์บ้านเกิดของข้าอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก และกำลังอยู่ในสายตาเหล่าดาวเคราะห์ที่มีพลังอำนาจมากมาย
แม้ว่าข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้นข้าคงต้องขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกคำร้องขอนี้”
ดอยล์พยักหน้าเล็กน้อยและพูดราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
"เจ้ากำลังพูดถึงเรื่อง ‘จักรวรรดิแซลลี่ที่ต้องการโลกเป็นอาณานิคม’ ใช่หรือไม่? อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ข้าอยู่ที่นี่
พวกเขาสามารถฝันได้เพียงเท่านั้น ดาวเคราะห์ผู้บริหารถาวรมีอำนาจยับยั้ง
นอกจากนี้เจ้ายังเป็นผู้ชนะของการชุมนุมทางช้างเผือกในปีนี้
ข้าถามเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆแล้วไม่มีใครตกลงที่จะปล่อยให้โลกเปลี่ยนสถานะไปเป็นอาณานิคม"
"อาณาจักรสาบสูญ A-19 เป็นที่สถานที่ที่มีความปลอดภัยและเราสาธารณรัฐแมง
สามารถมีส่วนแบ่งผลประโยชน์ได้มากขึ้น และอีก 11 ดาวเคราะห์ที่มีระบบบริหารถาวรทุกแห่งจะได้รับประโยชน์เช่นกันทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า
และไม่มีใครจะลืม"
"ข้าต้องขอบคุณการสนับสนุนของทุกคน"
ฮั่นหลางก็เปลี่ยนโทนเสียงของเขาและพูดว่า "แม้ว่าโลกจะสามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นอาณานิคมได้ชั่วคราว
แต่ตราบใดที่โลกยังไม่แข็งแกร่ง ข้าก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้นนายกรัฐมนตรีกรุณาสนับสนุนการตัดสินใจของข้าที่จะกลับไปและเสริมสร้างความแข็งแกร่งที่บ้านของข้า"
"ข้าสามารถสัญญาได้ว่า
ถ้าสาธารณรัฐแมงต้องการข้า นายกรัฐมนตรีก็อย่าได้ลังเลที่จะถามข้า ข้าจะช่วยท่านด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ข้ามี"
ดอยล์พยักหน้าเล็กน้อยเนื่องจากฮั่นหลางบอกว่ามันจะไม่สะดวก
แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก แม้ว่าฮั่นหลางจะปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับสาธารณรัฐแมง
แต่คำพูดของเขาก็ยังทำให้ ดอยล์ มีความสุขมาก
แพนยูลิน
ที่ยืนอยู่ด้านข้างๆฮั่นหลาง ส่งความนัยผ่านทางสายตาของเขา
เมื่อพวกเขาเห็นโมเดและลีวายส์เดินมาทางพวกเขาและเผยรอยยิ้มที่เป็นอันตราย
หลังจากทักทายอย่างเรียบง่ายทั้งสองนั่งลงบนโต๊ะเดียวกัน
และลีวายส์ก็เปิดปากของเขากล่าวขึ้นมาว่า "จักรวรรดิแซลลี่และสหพันธ์โลกทั้งสองอยู่ในเขตกาแลคซี
57 เราทุกคนเป็นเพื่อนบ้าน พี่ชายฮั่นหลางได้บรรลุความสำเร็จ
มันเป็นเกียรติของพวกเราโดยรวม มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการเฉลิมฉลอง"
โมเดยิ้มเยาะและต่อคำพูดของลีวายส์ว่า
"นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองแล้ว เรายังไม่ทราบว่าสหพันธ์โลกตั้งใจจะเปิดอาณาจักรสาบสูญ
ระดับ B อย่างไร
ข้ากำลังรอคอยที่จะเห็นมันในอานาคตข้างหน้า"
ฮั่นหลางรู้อย่างชัดเจนว่าโมเดไม่ได้มองไปข้างหน้าอย่างที่เขาบอก
แต่เขากำลังจะดูว่าโลกจะถูกทำลายลงเมื่อไหร่
เห็นได้ชัดจากการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ A ที่เกิดเหตุวุ่นวาย
และสัตว์อสูรมืดได้ฆ่าเอสเปอร์ที่มีพรสวรรค์ไปเกือบทั้งหมด 100,000 คน
และอาณาจักรสาบสูญระดับ B ก็ยังเป็นอันตรายมากและด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโลก
มันไม่มีหวังที่จะสามารถเอาชนะได้
ลีวายส์กล่าวว่า
"ในทางช้างเผือกไม่มีอาณาจักรสาบสูญระดับ B มากนัก
ดังนั้นมันจึงมีค่ามาก
และขณะนี้ทั้งพันธมิตรกำลังรอให้โลกทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B นี้ จักรวรรดิแซลลี่ยังคงเป็นเพื่อนบ้านของโลก
พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนโลกอย่างเต็มที่
ในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญด้วยตัวเอง"
ฮั่นหลางขมวดคิ้ว
หลังจากพูดคุยกันมาสักครู่ ทั้งสองคนยังคงรอที่จะเห็นความย่อยยับของโลกอย่างเห็นได้ชัด
ตามหลักเกณฑ์ของพันธมิตรทางช้างเผือก
อาณาจักรสาบสูญระดับ A เป็นพื้นที่ที่น่ากลัวเกินไป
หากพิจารณาที่จะมีการสำรวจพื้นที่ มันจะต้องมีการวางแผนในระยะยาว
หรือเมื่อมีการค้นพบอาณาจักรสาบสูญระดับ B พันธมิตรจะผลักดันให้ดาวเคราะห์ที่เป็นเจ้าของทำการสำรวจอย่างรวดเร็ว
และหากพวกเขาไม่มีความสามารถในการสำรวจ
พวกเขาก็ควรส่งมอบอาณาจักรสาบสูญแก่พันธมิตรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดังนั้นสำหรับดาวเคราะห์ที่อ่อนแอเหล่านั้น
อาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ได้เป็นประโยชน์ แต่เป็นการสาปแช่ง
สำหรับแผนการพัฒนาร่วมกับจักรวรรดิแซลลี่
ถึงแม้จะว่าดูดี
แต่ในเวลานั้นจักรวรรดิแซลลี่ก็จะนำเอาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ที่ได้รับและโลกก็จะไม่ได้ผลตอบแทนใดๆหลังจากที่สิ้นสุดการสำรวจ
ดอยล์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
"ฮั่นหลางถ้าเจ้ามีปัญหาในการสำรวจอาณาจักรสาบสูญ
เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากสาธารณรัฐแมงเพื่อขอความช่วยเหลือได้
อาณาจักรสาบสูญระดับ B เพียงแค่ส่งนักรบเอสเปอร์ลงไปเคลียร์พื้นที่ก็สามารถจัดการได้"
ฮั่นหลางยิ้มและตอบกลับดอยล์
"ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีสำหรับความตั้งใจอันดีของท่าน แต่คราวนี้เราต้องการลองสำรวจพื้นที่นี้ด้วยตัวเราเอง
ไม่ว่าโลกจะมีขนาดเล็กแค่ไหน
แต่ก็ยังคงเป็นดาวเคราะห์อธิปไตยถ้าเราพึ่งพาคนอื่นเสมอเราจะเติบโตได้เช่นใด"
ดอยล์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
มันเป็นแพนยูลินที่แตะศอกไปที่ฮั่นหลางเล็กน้อย เขาปฏิเสธความช่วยเหลือของ
สาธารณรัฐแมง แพนยูลินคิดว่าฮั่นหลางอาจจะบ้าไปแล้ว
ดวงตาของโมเดและลีวาส์สว่างวาบขึ้นมา
และโมเดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี โลกใบเล็กๆ
ต้องทำการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ด้วยตัวเอง"
“แน่นอน”
"เมื่อไหร่? ใครจะรู้ว่าพวกเจ้ากำลังใช้กลยุทธเช่นยืดเวลาออกไปหรือไม่"ลีวายส์ถามออกไปติดๆอย่างก้าวร้าว
"3 ปีเป็นอย่างช้า"
"ดี" โมเดหัวเราะออกมาเสียงดัง
และยืนขึ้น ดวงตาที่น่ารังเกียจของเขาจ้องไปที่ฮั่นหลางและแพนยูลิน ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างน่าพอใจว่า
"ภายในสามปีข้าจะรอดูโลกทำการเปิดการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ด้วยตัวเอง ลีวายส์ เราไปกันเถอะ ดูสิว่าโลกจะมีความแข็งแกร่งมากสักเท่าไหร่
พวกเขาที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากพวกเรา"
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ~
โมเดและลีวายส์ เดินออกไป
ดอยล์ก็ต้องไปให้ความบันเทิงกับแขกคนอื่นด้วย ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปที่โต๊ะอื่น
แพนยูลิน
ถอนหายใจยาวและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ฮั่นหลาง เจ้าก็กล้าเกินไป
อาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถจัดการเองได้"
ฮั่นหลางเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะพูดว่า "ครั้งนี้ท่านต้องเชื่อในตัวผม การครองแชมป์ของเรา
อีกทั้งการสำรวจอาณาจักรสาบสูญระดับ B ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิกฤตการณ์ของโลกเท่านั้น
แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะต้องลุกขึ้นยืนด้วยตัวของเราเอง"
"ข้าจะเชื่อในตัวเจ้า"
......
ระบบมิราเคิลสตาร์
ดาวเคราะดวงที่ 6 สนามบินทหารขนาดใหญ่ สาธารณรัฐแมง
ในที่สุดฮั่นหลางได้เห็นยานอวกาศ
มังกรบิน ในตำนาน มันไม่ได้เหมือนเรือ แต่เหมือนภูเขาขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปถึง 854
กิโลเมตร
ยานอวกาศ มังกรบิน
เป็นรุ่นล่าสุดของเรือธง (เรือสำคัญที่มีผู้บัญชาการทหารของกองทัพเรืออยู่) ระดับสูงที่สุดในทางช้างเผือก
มันเป็นครื่องมือสังหารที่โหดร้ายที่สุดที่มีความยาวมากกว่า 850 กิโลเมตร
เมื่อจอดทอดสมอจะไม่สามารถมองเห็นอีกด้านหนึ่งของเรือได้
เรือธงเสมือนเป็นเมืองๆหนึ่ง
ยานอวกาศมังกรบิน ต้องการลูกเรืออย่างน้อย 30,000 คน เพื่อที่จะสามารถบินได้ สำหรับความจุสูงสุดทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดเตรียม
ถ้าพื้นที่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อบรรทุกผุโดยสาร มันก็สามารถบรรจุได้หลายล้านคน
ยานอวกาศมังกรบินทุกลำ
สามารถตั้งค่าขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไร้คนขับ ได้ถึง 3000 รูปแบบ เช่นมีระบบการโจมตีไร้คนขับ
การลาดตระเวนไร้คนขับ เครื่องบินทิ้งระเบิดไร้คนขับและอื่นๆ
ประสิทธิภาพในการสู้รบของอากาศยานไร้คนขับ
เทียบเท่ากับเรือรบขนาดเล็กและนั่นหมายความว่ายานอวกาศมังกรบิน สามารถนำพาตัวเองพร้อมด้วยกองทัพยานรบที่มีประสิทธิภาพติดตัวไปด้วย
และใครบ้างในทางช้างเผือกที่มียานอวกาศมังกรบินในตอนนี้?
ข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป
ฮั่นหลางรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจากทั้งหมด 14,000 ดาวเคราะห์ในทางช้างเผือก มีดาวเคราะห์ไม่ถึง
100 ดาวเคราะห์ที่มีเรือบรรทุกเรือบินชนิดนี้
หลังจากที่ได้ครอบครองยานอวกาศมังกรบินนี้
สหพันธ์โลกได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ดาวเคราะห์ที่มีเรือธง
หลังจากได้ไปเยี่ยมชมเรือรบที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ฮั่นหลางเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าเพื่อที่จะหยุดการรุกราน การมีเรือธงเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ
โลกยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพในทุกๆด้าน
ดังนั้นหลังจากกล่าวอำลากับแพนยูลิน
ฮั่นหลางเดินไปตามแผนที่วางไว้ในก่อนหน้านี้ เขาได้เดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครคาดเดาได้
สำหรับยานอวกาศมังกรบินนี้จำเป็นต้องใช้กองทัพเรือของสาธารณรัฐแมง
เพื่อช่วยให้เรือกลับสู่โลกใบเล็ก ที่ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่ลูกเรือพอที่จะควบคุมเรือยักษ์นี้ได้
มันดูเศร้าใจมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ฮั่นหลางมอบผลึกดาวสีชมพูจำนวน
300 ผลึก กับแพนยูลินพวกมันสามารถขายได้อย่างน้อยสองร้อยล้านGC เงินจำนวนนี้ก็เพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดสำหรับโลก นอกจากนี้ฮั่นหลางยังมีอาวุธมือสองจำนวนมากและมอบให้แพนยูลินเพื่อนำกลับไป
ชูววว ~
เรือรบขนาดเล็กเหยี่ยวเวหา
ที่นำฮั่นหลางและแพนยูลินมายัง ระบบมิราเคิลสตาร์ แต่ในครั้งนี้มันได้พาฮั่นหลางไปยังที่ที่เขาต้องการที่จะไป
เมื่อมาถึงห้องของเขาและทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับดาร์คเน็ต
ฮั่นหลางยืนขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง
แม้ว่าจะเป็นเพียงระบบดาวฤกษ์ขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้สาธารณรัฐแมง
แต่ ระบบมิราเคิลสตาร์ก็สร้างความตื่นตาให้กับฮั่นหลางเป็นอย่างมาก เมืองที่คึกคัก
ประชากรหนาแน่น ระบบการเงินและการพาณิชย์ที่พัฒนาเป็นอย่างดี
เพียงแค่ที่ระบบมิราเคิลสตาร์
สาธารณรัฐแมงที่เดียว ก็มีเรือธงถึง 7 ลำที่จอดไว้ และอาจเห็นได้ว่ามีช่องว่างระหว่างโลกกับกลุ่มดาวเคราะห์ที่พัฒนาแล้วในทางช้างเผือกมากน้อยเพียงใด
ติ๊ ติ๊ ติ๊ ติ๊ ~
หลังจากช่องทางการสื่อสารแบบเรียลไทม์กับผู้เล่นยามค่ำคืนได้เชื่อมต่อกัน
ผู้เล่นยามค่ำคืนหัวเราะและพูดกับฮั่นหลางว่า
"ข้าได้ติดต่อฮอร์ตันแล้วเขาเป็นหนึ่งในผู้ค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในทางช้างเผือก
และเขาก็ตกลงที่จะส่งคนไปรับเจ้าที่จุดติดต่อ”
ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อย
"ขอบคุณ ข้าได้ส่งผลึกโลหิตหมื่นปีที่ได้มาจากสัตว์อสูรมืดและผลึกควบแน่นไปให้อาจารย์แล้ว
หวังว่าอาจารย์จะสามารถช่วยวิเคราะห์พวกมันได้"
ผู้เล่นยามค่ำคืนโบกมือให้เขาและกล่าวว่า
"นี่ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นงานอดิเรกของข้าอยู่แล้ว ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาเภสัชวิทยา
ผลึกโลหิตหมื่นปีที่ถูกทิ้งโดยสัตว์อสูรข้าไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และข้าก็ตั้งใจที่จะทำการศึกษาค้นคว้าพวกมันอย่างจริงจัง”
"ว่าแต่ว่า เจ้าต้องการซื้อทาสจากฮอร์ตันกี่คน? สินค้าที่อยู่ในมือของเขามีคุณภาพดี แต่ก็มีราคาแพงมาก"
ราคา?
ฮั่นหลางสัมผัสกับแหวนขนาดเล็กของเขา
ซึ่งเป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นเห็น และไม่มีใครรู้เรื่องเด็กน้อยที่ฮั่นหลางเก็บไว้ในจันทราทมิฬ
ฮั่นหลางเกือบจะกวาดล้างอาณาจักรสาบสูญ
A-19 ได้ทั้งหมด หากนับแค่พิมพ์เขียวมันก็ที่มีมูลค่าหลายร้อยพันล้าน GC
ซึ่งเขามีพิมพ์เขียวมากกว่า 13,000 ชิ้น และเขายังมีแผนที่ทางพันธุกรรมอีก
7000 รายการ
เหตุผลที่ฮั่นหลางกล้าที่จะพิชิตอาณาจักรสาบสูญระดับ
B
ของพวกเขาโดยไม่มีใครช่วย นั่นเป็นเพราะในตอนนี้เขามีไพ่ที่เพียงพออยู่ในมือ
ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทางปกติ? ดังนั้นฮั่นหลางจึงต้องใช้ดาร์คเน็ต ใช้วิธีที่ผิดกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหา
ในดาร์คเน็ตไม่มีอะไรที่ไม่สามารถซื้อขายได้
เนื่องจากโลกขาดนักรบระดับสูงที่จำเป็นสำหรับการสำรวจอาณาจักรสาบสูญ
ดังนั้นเขาก็จะซื้อนักรบเหล่านั้นจากดาร์คเน็ต
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ