หยางเฉินผ่อนคลายและสูดลมหายใจเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสหวู
ตอนนี้หญ้าฟ้าครามกลั่นเรียบร้อย
อัตราความสำเร็จในการปรับแต่งโอสถในขั้นต่อไปก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อตอนหยางเฉินกลั่นหญ้าฟ้าคราม คนอื่น ๆ ก็มิได้นั่งดูอย่างเดียว
เขาได้ปรึกษากันเกี่ยวกับการผสมโอสถและสุดท้ายจนถึงการจัดการปัญหาต่าง ๆ
แม้กระทั่งวิธีการหลอมรวมธาตุไฟและธาตุน้ำของหยางเฉิน
แม้พวกเขาจะไม่รู้ถึงแก่นแท้ของทักษะนี้ แต่มันก็ทำให้ได้แนวคิดมาใช้แก้ปัญหา
ในบรรดานักปรุงโอสถทั้งสามนั้น เติ้งอี้อยู่ในระดับสูงสุด
จึงถือเป็นผู้นำโดยปริยาย และเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้
ขั้นตอนการปรับแต่งนี้ต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งปี
แค่การผสมกับน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ระดับสูงก็กินเวลาพอสมควร
ดังนั้นการจะเสร็จสิ้นทุกอย่างในหนึ่งปีนั้น ทุกอย่างต้องตระเตรียมไว้อย่างดี
จูเพิงและเค่อเหลียนหยุน ก็มิได้อยู่นิ่งเฉย
นอกจากเตรียมการทุกอย่างในการสนับสนุนและช่วยเหลือเติ้งอี้
แล้วก็ต้องดูแลส่วนประกอบพลังจิตวิญญาณของสัตว์อสูร
มันเป็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างราวกับมังกร เนื้อตัวมันคล้ายงูหลามพิษยักษ์และมีการบ่มเพาะนับพันปีขาดอีกเพียงขั้นเดียวมันก็จะขึ้นสู่เขตแดนสวรรค์
แล้วมันยังมีหงอนสองอันงอกจากศรีษะ
แม้ผู้อาวุโสหวูจะสามารถจับเจ้าสัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับผลิดอกนี้ได้
อันเป็นระดับเดียวกับฟั่นฉาน แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และในระหว่างจับมันนั้นผู้อาวุโสหวูถึงกับได้รับบาดเจ็บ
นอกจากหญ้าฟ้าครามแล้ว
ตัวกระสายยาที่มีความสำคัญมากสำหรับยาเม็ดคว้าครองสวรรค์
ก็คือองค์ประกอบจิตวิญญาณของเจ้าสัตว์อสูรนี้
ที่จะทำหน้าที่เป็นพลังจิตวิญญาณของยาเม็ดคว้าครองสวรรค์
ที่แม้แต่องค์ประกอบทางจิตของหญ้าฟ้าครามก็มิอาจเทียบได้
ในการจัดการพิษเจ้ามังกรวารีนี้
จำเป็นที่ผู้อาวุโสหวูต้องอาศัยความร่วมมือกับจูเพิงและเค่อเหลียนหยุน
โดยจะมีฟั่นฉานคอยควบคุมพิษในจังหวะวิกฤติ
“ในขั้นต้นนี้ท่านจะบังคับเจ้ามังกรวารีกลืนกินพลังจิต
แล้วจากนั้นค่อยแยกเอาส่วนของจิตวิญญาณใช่หรือไม่ ?”
เวลานี้หยางเฉินเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่เมื่อได้ฟังกรรมวิธีเช่นนี้ ก็อดจะถามไม่ได้
“ถ้าทำเช่นนี้ มันจะไม่เป็นผลเสียรึ
…แล้วจะไม่ทำให้ส่วนประกอบของวิญญาณอ่อนแอและไร้พลังรึ ? “
“เจ้าขยะ เลิกอวดรู้ซะทีเถอะ แล้วอย่ากล่าววาจาโดยไม่ได้คิด”
เค่อเหลียนหยุนนอกจากจะไม่ให้เกียรติแล้วยังล้อเลียนต่อคำถามของหยางเฉิน
“เจ้าน่ะ คิดจริง ๆ รึว่า พอมีเคล็ดลับนิด ๆ ในการควบคุมเปลวไฟแล้ว
เจ้าจะสามารถกลั่นยาคว้าครองสวรรค์ได้ ? เจ้าแค่ระดับก่อสร้างรากฐาน
คิดรึว่าเราสามคนด้อยกว่าเจ้า ?”
กรรมวิธีการแยกส่วนประกอบของจิตวิญญาณนั้น
ได้จากการปรึกษาตกลงกันของเหล่านักปรุงโอสถทั้งสาม
เรื่องของเรื่องคือเจ้ามังกรพิษนี้ถือเป็นระดับสุดยอดของเหล่าสัตว์อสูร
มันสามารถบรรลุถึงขั้นสู่สวรรค์เลยล่ะ
ฉะนั้นองค์ประกอบทางจิตวิญญาณของมันย่อมมิใช่อะไรที่ผู้ปรุงโอสถระดับผลิดอกจะควบคุมได้
องค์ประกอบพลังจิตวิญญาณนี้ไม่ได้มีเทียบเท่าองค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณสวรรค์เช่นหญ้าฟ้าครามที่มีระดับสูงสุด
แต่ไม่มีความสามารถในการโจมตี และจำเป็นต้องใช้พลังอย่างมากในการกลั่นสกัด
ซึ่งมีเพียงศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณเช่นหยางเฉินเท่านั้นที่สามารถทำได้
องค์ประกอบพลังจิตวิญญาณของมังกรวารีสูงกว่าเติ้งอี้หนึ่งขั้น
ดังนั้นถ้าไม่ควบคุมดีขณะทำการกลั่น อาจเกิดผลสะท้อนกลับมาที่ผู้กลั่น
ซึ่งอย่างน้อย ๆ บาดเจ็บสาหัส ถ้าอย่างมากย่อมหมายถึงชีวิต
มันเป็นระดับอันตรายอย่างจริงแท้
สำหรับในการที่จะปรุงโอสถให้สำเร็จนั้น
องค์ประกอบวิญญาณของสัตว์อสูรต้องไม่สร้างปัญหาใด ๆ
ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้มันอ่อนพลังลงจึงต้องค่อย ๆ
ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณออก ยิ่งกว่านั้นต้องควบคุมให้เหมาะสมคือ
ต้องไม่ให้พลังอ่อนหรือแกร่งจนเกินไปจนขาดความพอดี
“ชื่อของมันยาเม็ดคว้าสวรรค์ คำว่า ‘คว้าสวรรค์’ มันบ่งบอกแล้ว
..แล้วมันจะสำเร็จโดยส่วนประกอบวิญญาณที่อ่อนด้อยนี่รึ ? “
แต่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจกับการถากถางของเค่อเหลียนหยุน ยังคงแสดงถึงเหตุผล
ขมวดคิ้วกล่าว
“แม้ผู้เยาว์ไม่สามารถปรุงโอสถคว้าครองสวรรค์ได้ แต่ยังมีความรู้อยู่บ้าง
ถ้าหากมันมีพลังไม่เพียงพอ เรื่องนี้จะตำหนิผู้ใด”
แม้วาจาหยางเฉินจะเป็นเพียงการคาดคะเน แต่มันก็สมเหตุสมผล
แม้กระทั่งการปรึกษากันในก่อนหน้านั้น
ผู้อาวุโสหวูเองก็ให้น้ำหนักในเรื่องอยู่นี้มาก
แต่เมื่อคำนึงถึงระดับการบ่มเพาะของเหล่านักปรุงโอสถและความเป็นไปได้ของกระบวนการขั้นตอนนี้
อีกอย่างการที่จะเอาองค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณจากเจ้ามังกรพิษนี้
มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องไม่ทำร้ายมัน หลังจากปรึกษากับฟั่นฉาน ก็ได้ข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกัน
ว่าวิธีนี้น่าจะง่ายและประสบความสำเร็จมากที่สุด
ในชีวิตที่แล้วหยางเฉินเคยได้รับฟังถึงความยุ่งยากในการปรุงโอสถตัวนี้แต่ไม่เคยได้ทำเอง
และด้วยพลังการบ่มเพาะในปัจจุบันที่ต่ำกว่าทุกคนมาก วาจาของเขาจึงไม่มีน้ำหนัก
งานของเขาคือกลั่นหญ้าฟ้าครามก็จบไปแล้ว
ไม่ว่าการปรุงโอสถจะเป็นผลเช่นใดย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ดังนั้นการที่เขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวตามแผนขั้นต่อไปมันย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่หยางเฉินรู้สึกอยู่ในใจลึก ๆ ว่าการกระทำเช่นนี้มันไม่น่าจะถูกต้อง
ถ้ายาเม็ดคว้าครองสวรรค์สามารถปรุงขึ้นได้จาก
องค์ประกอบวิญญาณที่อ่อนล้าของสัตว์อสูรได้ มันจะไม่ตลกไปหน่อยเร๊อะ ? แม้ว่าความล้มเหลวหรือสำเร็จจะไม่ข้องเกี่ยวกับเขา
แต่เขาย่อมไม่ต้องการนั่งมองให้โอกาสที่อยู่ในมือหลุดลอยไป
ถ้าการกลั่นโอสถครั้งนี้สำเร็จ
สิ่งที่ตามมาย่อมหมายถึงชื่อเสียงและการจะได้รับความคุ้มครองดูแลจากผู้มีอำนาจ
แต่ถ้าพลาดย่อมไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีก
เมื่อวาจาของเขาไม่สามารถทำให้ทุกคนเปลี่ยนกรรมวิธี
หยางเฉินก็ทราบว่าไร้ประโยชน์ที่จะกล่าว ในมุมมองของเค่อเหลียนหยุน
เมื่อหยางเฉินเงียบหมายถึงยอมรับความพ่ายแพ้
เนื่องจากเขาไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้
และกล่าววาจากระแทกใส่ทันทีหลังขยับออกจากเตา
“เจ้าจะมาแสดงทักษะต่ำๆ ของเจ้าต่อหน้าพวกเรานี่นะ น่าขัน!”
เค่อเหลียนหยุนเอ่ยวาจาเยาะเย้ยในทันที และไล่บี้ด้วยวาจาอย่างไม่ยั้ง
“เจ้าขยะ ….ไปให้พ้น”
“เจ้าต้องดูแลเปลวไฟสุริยะแท้จริงให้ดี ๆ
อย่ามีสิ่งใดเสียหายเด็ดขาด”
หยางเฉินไม่ได้แสดงอาการโกรธใด ๆ หรือแม้แต่ตอบโต้ด้วยการหัวเราะ
ทำให้เค่อเหลียนหยุนตัวสั่นหน้าซีดและเลิกพูด
ตัวเค่อเหลียนหยุนนั้นมีความต้องการที่จะพูดคุยกับหยางเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงวิธีที่จะใช้สิ่งอื่นชดเชยแทนเปลวไฟสุริยะแท้จริง
แต่ที่ไม่ทำเพราะกลัวเสียเกียรติ เมื่อสักครู่นั้นคำพูดหลุดจากปาก
ผลอย่างเดียวของการแสดงออกที่ไร้ความหมายใด ๆ นั้น ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น
ซึ่งไม่สร้างประโยชน์อะไรแม้แต่น้อยแก่ตัวเอง
การแสดงออกโต้ตอบของหยางเฉินทำให้เขาตะลึง
มันทำให้เขาแทบจะขาดสมาธิที่จะทำงานต่อไป
หยางเฉินเองก็มิได้ใส่ใจกับเรื่องของเค่อเหลียนหยุน
หันไปคิดเกี่ยวกับการจะลดผลกระทบจากการใช้วิธีนี้ เพื่อจะเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปรุงเม็ดยาคว้าสวรรค์
หลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น และในขั้นตอนต่าง ๆ
จำเป็นต้องใช้กระสายยาหลายอย่าง และต้องนำมาทำการกลั่นเพิ่มเติม
เขาไม่รู้ผู้อาวุโสหวูไปจับเจ้ามังกรวารีนี้มาจากไหน
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาใส่ใจและมาสืบเสาะ สิ่งที่เขาสนใจจริง
คือพิษอันน่าเกรงขามในองค์ประกอบพลังจิตวิญญาณของมัน
มันเกี่ยวพันไปถึงกรรมวิธีที่จะทำ ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลย
คิดไปก็ดูจะมีปัญหาอยู่บ้าง เจ้ามังกรวารีนี้
อันองค์ประกอบจิตวิญญาณของมันนั้นจะแยกได้ในตอนกลั่น แต่โดยธรรมชาติของจิตวิญญาณของมันนั้นเป็นสัณชาตญาณของสัตว์มีพิษ
เมื่อนำมาประกอบในการปรับแต่งเป็นยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้น
เป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะได้รับพิษ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ยาต้องเสียพลังการบ่มเพาะเพื่อต่อต้านพิษ
หยางเฉินนั้นต้องการเพิ่มขั้นตอนเล็ก ๆ คือการกำจัดพิษในขั้นตอนสุดท้าย
ที่แน่ ๆ คือไม่ได้ใช้ยาขจัดพิษ โดยการใช้องค์ประกอบจิตวิญญาณของมันเอง
สร้างการยับยั้งพิษของมันเอง
ซึ่งจะได้ไม่ต้องมาเสียพลังต่อต้านพิษหลังจากปรุงสำเร็จ
นอกจากนี้ ในขั้นตอนสกัดออกมานั้น
องคประกอบของพลังวิญญาณของเจ้ามังกรจะอ่อนแอมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในตอนผสมกับน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์และทำเป็นยาเม็ดพลังจิตวิญญาณได้
แต่ยาเม็ดนั้นก็จะมีประสิทธิภาพที่อ่อนด้อยลงไป
คุณค่าของยาเม็ดพลังจิตวิญญาณจะลดประสิทธิภาพของตัวยาเม็ดอย่างมาก
ยาเม็ดคว้าสวรรค์น่ะ ไม่ใช่เอาอะไร ที่อ่อนล้าใกล้ตายมาทำยาเม็ดพลังจิตวิญญาณ
“ผู้อาวุโสหวู จากนี้ไม่มีเรื่องของข้าแล้ว
ท่านพอที่จะอนุญาตให้ข้าลองทำน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ได้หรือไม่”
หยางเฉินร้องขอต่อผู้อาวุโสหวูโดยตรง
ผู้อาวุโสหวูเองก็กริ่งเกรงว่าหยางเฉินจะสร้างปัญหากับเค่อเหลียนหยุนอยู่แล้ว
ดังนั้นรีบตอบในทันทีที่ได้ยิน
“ไม่มีปัญหา เจ้าตั้งใจไปกลั่นที่อื่นใช่มั๊ย ? ส่วนผสมสมุนไพร ตัวยาที่จะใช้
เจ้าแจ้งกับผู้รับใช้ พวกเขาจะตระเตรียมทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
ผู้อาวุโสหวูตอบอย่างเปี่ยมด้วยน้ำใจ
เพียงถามด้วยว่าเมื่อหยางเฉินจะกลั่นน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าไปทำที่อื่น
จะได้ไม่รบกวนการทำงานของตรงนี้ ส่วนข้าวของต่าง ๆ
รวมทั้งน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์นั้น ผู้อาวุโสหวูหาได้ใส่ใจไม่
ขอเพียงหยางเฉินออกไปไม่ก่อกวนการกลั่นของเค่อเหลียนหยุนก็พอ
สำหรับบรรดาตัวยาที่หยางเฉินผู้พึ่งจะบรรลุขั้นก่อสร้างรากฐานจะใช้ในการกลั่นนั้น
มันจะใช้วัสดุระดับสูงส่งเท่าใดเชียว ?
หยางเฉินมองด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย และทันใดก็ยิ้ม
“งั้น …ข้าจะไปกลั่นที่ข้างนอก
แต่ท่านผู้อาวุโสหวูช่วยจัดเตรียมตัวกระสายยาเพิ่มเติมให้ด้วย”
หยางเฉินเองยิ่งประสงค์ที่จะทำสิ่งนี้ โดยปราศจากสายตาบุคคลอื่น
โดยเฉพาะเค่อเหลียนหยุน
“ตัวยาอะไร”
ผู้อาวุโสถามด้วยสงสัย เพราะถ้าหยางเฉินบ่งบอกมาที่ตัวเขา
มันคงไม่ใช่กระสายยาที่ธรรมดาแน่
“ข้าจำต้องใช้ ผงฝุ่นที่ขูดจากก้อนพลังลมปราณของเจ้ามังกรวารี “
หยางเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ และชี้ไปที่กระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรที่เอวของฟั่นฉาน
เจ้ามังกรวารีถูกเก็บไว้ในนั้นนับตั้งแต่วันถูกจับได้
จนวันนี้ที่ใกล้สิ้นสุดชะตากรรม
สิ่งที่หยางเฉินต้องการนั้น แค่ผงจากก้อนลมปราณนั้น ไม่ได้มากมายอะไร
ผู้อาวุโสหวูลำบากแค่ยกมือ ที่ทำให้ผู้อาวุโสหวูไม่เข้าใจนั้นคือ ..เอาไปทำอะไร
ถ้าก่อนนี้ด้วยผลงานที่ทำเพียงเอ่ยปาก เขาก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ต่อให้ขอก้อนลมปราณก็เถอะ
แม้สิ่งที่ร้องขอไม่ได้ถึงกับสร้างความขุ่นเคืองต่อคนอื่น แต่ในเวลาเช่นนี้
..ใช่เวลาที่มาเรียกร้องรางวัลรึ
เป็นดังที่คาด เค่อเหลียนหยุนมองหยางเฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย
เหมือนกำลังพบเรื่องสนุกที่เห็นหยางเฉินประเมินตัวเองสูงมากที่จะปรับแต่งน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ด้วยผงก้อนลมปราณ
…ถ้าแค่ระดับก่อสร้างรากฐานก็สามารถกลั่นน้ำทิพย์นี้ด้วยผงจากก้อนลมปราณได้ละก้องั้นคนธรรมดาสามัญก็คงปรุงโอสถได้สิ
!.
ถึงแม้จะเยาะเย้ย แต่เค่อเหลียนหยุนก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขวาง
เขาคอยดูหยางเฉินกำลังทำลายตัวเอง
ตอนนี้ผู้อาวุโสหวูไม่ได้กล่าวอันใดเพียงแต่พยักหน้า
มังกรวารีนั้นได้ถูกจับนานแล้วและใช้ทุกกลวิธีเพื่อที่จะหนีให้รอด
แต่ภายใต้การร่วมมือของผู้อาวุโสหวูและฟั่นฉาน
มีรึมันจะขัดขืนได้จึงถูกจำกัดอยู่ในเขตค่ายกลอาคมของผู้อาวุโสหวู
มันพึ่งจะพอมีโอกาสได้รับอิสรภาพเมื่อครู่
จึงรวบรวมพลังปราณไว้ในก้อนลมปราณจู่โจมศัตรูที่กุมชะตาชีวิตของมัน
แต่ผู้อาวุโสหวูควบคุมกระบี่บิน
โดยไม่ใส่ใจการจู่โจมของพลังปราณสีเขียวจากก้อนลมปราณอสูรร้าย
ขณะฟั่นฉานใช้กระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรควบคุมมังกรวารี
หลังประกายกระบี่วูบวาบไปมาหลายครั้งสงบลง
เขาถือกระบี่บินเดินเข้ามาหาหยางเฉิน
“เท่านี้ พอไหม”
เมื่อมองไปก็เห็น มันเป็นเม็ดผงสีเขียวที่ถูกขูดจากก้อนลมปราณเมื่อครู่นี้
วูบวาบอยู่บนตัวกระบี่ดูสดใส หยางเฉินทำการเก็บใส่ขวดอย่างระมัดระวัง
“มันเพียงพอแล้ว”
ผู้อาวุโสหวูเก็บกระบี่โดยไม่ได้กล่าวอันใด
แต่แสดงความขอบคุณในแววตาของเขา
เพราะแม้หยางเฉินจะเป็นเป้าที่โดนกระหน่ำและเหยียดหยาม
แต่สุดท้ายก็มิได้ก่อปัญหาต่อเขา ซ้ำงานของหยางเฉินเองก็ออกมาอย่างยอดเยี่ยม
ผู้อาวุโสหวูจึงซาบซึ้งพอใจมากที่เห็นหยางเฉินรู้ว่าเมื่อใดควรรุกเมื่อใดควรถอย
ภายในคฤหาสน์อันไม่ไกลจากสถานที่ที่กำลังปรุงโอสถอยู่นั้น
หยางเฉินกำลังหาห้องที่จะปรุงยา เขาหาผู้รับใช้และสั่งการตระเตรียมกระสายยาต่าง ๆ
ให้แก่เขา รวมทั้งตัวยาที่ไม่จำเป็นต้องใช้
เพื่อเป็นการอำพรางส่วนผสมที่เขาจะใช้ในการปรุง ไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้
ผู้อาวุโสหวูได้สั่งการผู้รับใช้ไว้อยู่แล้วในการจัดเตรียม
และหยางเฉินเองก็มิได้ต้องใช้กระสายยาที่สูงส่งแต่ประการใด
และเนื่องจากจะมีการปรุงเม็ดยาคว้าสวรรค์
ดังนั้นผู้อาวุโสหวูได้จัดเตรียมกระสายยาระดับสูงไว้มากมาย
ดังนั้นสิ่งที่หยางเฉินต้องการก็สามารถมาถึงห้องเขาภายในวันเดียว
ผู้ปรุงโอสถระดับผลิดอกได้เริ่มการนำเอาพลังจิตวิญญาณของมังกรวารีที่อยู่ในกระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรออกมา
แทบไม่เหลือร่องรอยของพลังจิตวิญญาณด้วยสัตว์จิตวิญญาณอสูรที่อ่อนล้า
หยางเฉินมองไปและได้ยินเสียงคำรามที่อ่อนแรงเขาได้แต่ส่ายศีรษะถอนหายใจ หลังจากนั้นก็หันมาตระเตรียมกระสายยา
แม้จะบรรลุขั้นก่อสร้างรากฐานเรียบร้อย แต่ ณ
ตอนนี้หยางเฉินไม่ต้องการเปิดเผยทักษะการบ่มเพาะ
ดังนั้นแม้ต้องการปรับแต่งยุทธภัณฑ์
เขาก็ต้องข่มใจและใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณกลั่นกระสายยาเตรียมไว้เผื่อขั้นตอนการปรับแต่งของเขา
ชั่วพริบตา หลายเดือนได้ผ่านไป
โอสถเหลวของหญ้าฟ้าครามได้ถูกนำไปผสมแล้วสี่ในสิบส่วน และตัวยาต่าง ๆ
ที่ผสมในน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ยังคงเหลืออีกสองในสิบส่วน
ขั้นตอนการปรับแต่งก็ยากขึนเรื่อย ๆ
เติ้งอี้เองก็ไม่สามารถตรากตร่ำกลั่นสกัดต่อไปได้ จึงให้ซูเพิง เค่อเหลียนหยุน
เข้าทำการควบคุมการกลั่นโอสถเหลวในเตาปรุงโอสถ
และหมุนสลับกันทั้งสามคนในยามหมดพลัง ผู้ออกมาพักก็ต้องกินโอสถฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ
โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด
เค่อเหลียนหยุนและคนอื่น ๆ ไม่มีผู้ใดใส่ใจต่อหยางเฉิน
ดังนั้นหลังจากตระเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ และวางค่ายกลอักขระเพื่อป้องกันแล้ว
เขาก็นำผงจากก้อนลมปราณที่มีพิษของเจ้ามังกรวารี
นำเข้าในเตาหลอมล้ำเลิศอย่างระมัดระวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น