เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

ZX 078 ผูกมิตรก่อนจะทะเลาะ


หยางเฉินผ่อนคลายและสูดลมหายใจเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสหวู ตอนนี้หญ้าฟ้าครามกลั่นเรียบร้อย อัตราความสำเร็จในการปรับแต่งโอสถในขั้นต่อไปก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย

เมื่อตอนหยางเฉินกลั่นหญ้าฟ้าคราม คนอื่น ๆ ก็มิได้นั่งดูอย่างเดียว เขาได้ปรึกษากันเกี่ยวกับการผสมโอสถและสุดท้ายจนถึงการจัดการปัญหาต่าง ๆ แม้กระทั่งวิธีการหลอมรวมธาตุไฟและธาตุน้ำของหยางเฉิน แม้พวกเขาจะไม่รู้ถึงแก่นแท้ของทักษะนี้ แต่มันก็ทำให้ได้แนวคิดมาใช้แก้ปัญหา

ในบรรดานักปรุงโอสถทั้งสามนั้น เติ้งอี้อยู่ในระดับสูงสุด จึงถือเป็นผู้นำโดยปริยาย และเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้

ขั้นตอนการปรับแต่งนี้ต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งปี แค่การผสมกับน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ระดับสูงก็กินเวลาพอสมควร ดังนั้นการจะเสร็จสิ้นทุกอย่างในหนึ่งปีนั้น ทุกอย่างต้องตระเตรียมไว้อย่างดี

จูเพิงและเค่อเหลียนหยุน ก็มิได้อยู่นิ่งเฉย นอกจากเตรียมการทุกอย่างในการสนับสนุนและช่วยเหลือเติ้งอี้ แล้วก็ต้องดูแลส่วนประกอบพลังจิตวิญญาณของสัตว์อสูร

มันเป็นสัตว์อสูรที่มีรูปร่างราวกับมังกร เนื้อตัวมันคล้ายงูหลามพิษยักษ์และมีการบ่มเพาะนับพันปีขาดอีกเพียงขั้นเดียวมันก็จะขึ้นสู่เขตแดนสวรรค์ แล้วมันยังมีหงอนสองอันงอกจากศรีษะ แม้ผู้อาวุโสหวูจะสามารถจับเจ้าสัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับผลิดอกนี้ได้ อันเป็นระดับเดียวกับฟั่นฉาน แต่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และในระหว่างจับมันนั้นผู้อาวุโสหวูถึงกับได้รับบาดเจ็บ

นอกจากหญ้าฟ้าครามแล้ว ตัวกระสายยาที่มีความสำคัญมากสำหรับยาเม็ดคว้าครองสวรรค์ ก็คือองค์ประกอบจิตวิญญาณของเจ้าสัตว์อสูรนี้ ที่จะทำหน้าที่เป็นพลังจิตวิญญาณของยาเม็ดคว้าครองสวรรค์ ที่แม้แต่องค์ประกอบทางจิตของหญ้าฟ้าครามก็มิอาจเทียบได้

ในการจัดการพิษเจ้ามังกรวารีนี้ จำเป็นที่ผู้อาวุโสหวูต้องอาศัยความร่วมมือกับจูเพิงและเค่อเหลียนหยุน โดยจะมีฟั่นฉานคอยควบคุมพิษในจังหวะวิกฤติ

ในขั้นต้นนี้ท่านจะบังคับเจ้ามังกรวารีกลืนกินพลังจิต แล้วจากนั้นค่อยแยกเอาส่วนของจิตวิญญาณใช่หรือไม่ ?”

เวลานี้หยางเฉินเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อได้ฟังกรรมวิธีเช่นนี้ ก็อดจะถามไม่ได้

ถ้าทำเช่นนี้ มันจะไม่เป็นผลเสียรึ …แล้วจะไม่ทำให้ส่วนประกอบของวิญญาณอ่อนแอและไร้พลังรึ ? “

เจ้าขยะ เลิกอวดรู้ซะทีเถอะ แล้วอย่ากล่าววาจาโดยไม่ได้คิด”

เค่อเหลียนหยุนนอกจากจะไม่ให้เกียรติแล้วยังล้อเลียนต่อคำถามของหยางเฉิน

เจ้าน่ะ คิดจริง ๆ รึว่า พอมีเคล็ดลับนิด ๆ ในการควบคุมเปลวไฟแล้ว เจ้าจะสามารถกลั่นยาคว้าครองสวรรค์ได้ ? เจ้าแค่ระดับก่อสร้างรากฐาน คิดรึว่าเราสามคนด้อยกว่าเจ้า ?”

กรรมวิธีการแยกส่วนประกอบของจิตวิญญาณนั้น ได้จากการปรึกษาตกลงกันของเหล่านักปรุงโอสถทั้งสาม เรื่องของเรื่องคือเจ้ามังกรพิษนี้ถือเป็นระดับสุดยอดของเหล่าสัตว์อสูร มันสามารถบรรลุถึงขั้นสู่สวรรค์เลยล่ะ ฉะนั้นองค์ประกอบทางจิตวิญญาณของมันย่อมมิใช่อะไรที่ผู้ปรุงโอสถระดับผลิดอกจะควบคุมได้

องค์ประกอบพลังจิตวิญญาณนี้ไม่ได้มีเทียบเท่าองค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณสวรรค์เช่นหญ้าฟ้าครามที่มีระดับสูงสุด แต่ไม่มีความสามารถในการโจมตี และจำเป็นต้องใช้พลังอย่างมากในการกลั่นสกัด ซึ่งมีเพียงศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณเช่นหยางเฉินเท่านั้นที่สามารถทำได้ องค์ประกอบพลังจิตวิญญาณของมังกรวารีสูงกว่าเติ้งอี้หนึ่งขั้น ดังนั้นถ้าไม่ควบคุมดีขณะทำการกลั่น อาจเกิดผลสะท้อนกลับมาที่ผู้กลั่น ซึ่งอย่างน้อย ๆ บาดเจ็บสาหัส ถ้าอย่างมากย่อมหมายถึงชีวิต มันเป็นระดับอันตรายอย่างจริงแท้

สำหรับในการที่จะปรุงโอสถให้สำเร็จนั้น องค์ประกอบวิญญาณของสัตว์อสูรต้องไม่สร้างปัญหาใด ๆ  ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้มันอ่อนพลังลงจึงต้องค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณออก ยิ่งกว่านั้นต้องควบคุมให้เหมาะสมคือ ต้องไม่ให้พลังอ่อนหรือแกร่งจนเกินไปจนขาดความพอดี

ชื่อของมันยาเม็ดคว้าสวรรค์ คำว่า ‘คว้าสวรรค์’ มันบ่งบอกแล้ว ..แล้วมันจะสำเร็จโดยส่วนประกอบวิญญาณที่อ่อนด้อยนี่รึ ? “

แต่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจกับการถากถางของเค่อเหลียนหยุน ยังคงแสดงถึงเหตุผล ขมวดคิ้วกล่าว

แม้ผู้เยาว์ไม่สามารถปรุงโอสถคว้าครองสวรรค์ได้ แต่ยังมีความรู้อยู่บ้าง ถ้าหากมันมีพลังไม่เพียงพอ เรื่องนี้จะตำหนิผู้ใด”

แม้วาจาหยางเฉินจะเป็นเพียงการคาดคะเน แต่มันก็สมเหตุสมผล แม้กระทั่งการปรึกษากันในก่อนหน้านั้น ผู้อาวุโสหวูเองก็ให้น้ำหนักในเรื่องอยู่นี้มาก แต่เมื่อคำนึงถึงระดับการบ่มเพาะของเหล่านักปรุงโอสถและความเป็นไปได้ของกระบวนการขั้นตอนนี้ อีกอย่างการที่จะเอาองค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณจากเจ้ามังกรพิษนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องไม่ทำร้ายมัน หลังจากปรึกษากับฟั่นฉาน  ก็ได้ข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกัน ว่าวิธีนี้น่าจะง่ายและประสบความสำเร็จมากที่สุด
 
ในชีวิตที่แล้วหยางเฉินเคยได้รับฟังถึงความยุ่งยากในการปรุงโอสถตัวนี้แต่ไม่เคยได้ทำเอง และด้วยพลังการบ่มเพาะในปัจจุบันที่ต่ำกว่าทุกคนมาก วาจาของเขาจึงไม่มีน้ำหนัก งานของเขาคือกลั่นหญ้าฟ้าครามก็จบไปแล้ว ไม่ว่าการปรุงโอสถจะเป็นผลเช่นใดย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นการที่เขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวตามแผนขั้นต่อไปมันย่อมเป็นไปไม่ได้

แต่หยางเฉินรู้สึกอยู่ในใจลึก ๆ ว่าการกระทำเช่นนี้มันไม่น่าจะถูกต้อง ถ้ายาเม็ดคว้าครองสวรรค์สามารถปรุงขึ้นได้จาก องค์ประกอบวิญญาณที่อ่อนล้าของสัตว์อสูรได้ มันจะไม่ตลกไปหน่อยเร๊อะ ? แม้ว่าความล้มเหลวหรือสำเร็จจะไม่ข้องเกี่ยวกับเขา แต่เขาย่อมไม่ต้องการนั่งมองให้โอกาสที่อยู่ในมือหลุดลอยไป ถ้าการกลั่นโอสถครั้งนี้สำเร็จ สิ่งที่ตามมาย่อมหมายถึงชื่อเสียงและการจะได้รับความคุ้มครองดูแลจากผู้มีอำนาจ แต่ถ้าพลาดย่อมไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีก

เมื่อวาจาของเขาไม่สามารถทำให้ทุกคนเปลี่ยนกรรมวิธี หยางเฉินก็ทราบว่าไร้ประโยชน์ที่จะกล่าว ในมุมมองของเค่อเหลียนหยุน เมื่อหยางเฉินเงียบหมายถึงยอมรับความพ่ายแพ้ เนื่องจากเขาไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ และกล่าววาจากระแทกใส่ทันทีหลังขยับออกจากเตา

เจ้าจะมาแสดงทักษะต่ำๆ ของเจ้าต่อหน้าพวกเรานี่นะ น่าขัน!”

เค่อเหลียนหยุนเอ่ยวาจาเยาะเย้ยในทันที และไล่บี้ด้วยวาจาอย่างไม่ยั้ง

เจ้าขยะ ….ไปให้พ้น”

เจ้าต้องดูแลเปลวไฟสุริยะแท้จริงให้ดี ๆ  อย่ามีสิ่งใดเสียหายเด็ดขาด”

หยางเฉินไม่ได้แสดงอาการโกรธใด ๆ หรือแม้แต่ตอบโต้ด้วยการหัวเราะ ทำให้เค่อเหลียนหยุนตัวสั่นหน้าซีดและเลิกพูด

ตัวเค่อเหลียนหยุนนั้นมีความต้องการที่จะพูดคุยกับหยางเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงวิธีที่จะใช้สิ่งอื่นชดเชยแทนเปลวไฟสุริยะแท้จริง แต่ที่ไม่ทำเพราะกลัวเสียเกียรติ เมื่อสักครู่นั้นคำพูดหลุดจากปาก ผลอย่างเดียวของการแสดงออกที่ไร้ความหมายใด ๆ นั้น ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่สร้างประโยชน์อะไรแม้แต่น้อยแก่ตัวเอง การแสดงออกโต้ตอบของหยางเฉินทำให้เขาตะลึง มันทำให้เขาแทบจะขาดสมาธิที่จะทำงานต่อไป

หยางเฉินเองก็มิได้ใส่ใจกับเรื่องของเค่อเหลียนหยุน หันไปคิดเกี่ยวกับการจะลดผลกระทบจากการใช้วิธีนี้ เพื่อจะเพิ่มอัตราความสำเร็จในการปรุงเม็ดยาคว้าสวรรค์ หลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น และในขั้นตอนต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้กระสายยาหลายอย่าง และต้องนำมาทำการกลั่นเพิ่มเติม

เขาไม่รู้ผู้อาวุโสหวูไปจับเจ้ามังกรวารีนี้มาจากไหน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาใส่ใจและมาสืบเสาะ สิ่งที่เขาสนใจจริง คือพิษอันน่าเกรงขามในองค์ประกอบพลังจิตวิญญาณของมัน มันเกี่ยวพันไปถึงกรรมวิธีที่จะทำ ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลย

คิดไปก็ดูจะมีปัญหาอยู่บ้าง เจ้ามังกรวารีนี้ อันองค์ประกอบจิตวิญญาณของมันนั้นจะแยกได้ในตอนกลั่น แต่โดยธรรมชาติของจิตวิญญาณของมันนั้นเป็นสัณชาตญาณของสัตว์มีพิษ เมื่อนำมาประกอบในการปรับแต่งเป็นยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้น เป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะได้รับพิษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ยาต้องเสียพลังการบ่มเพาะเพื่อต่อต้านพิษ

หยางเฉินนั้นต้องการเพิ่มขั้นตอนเล็ก ๆ คือการกำจัดพิษในขั้นตอนสุดท้าย ที่แน่ ๆ คือไม่ได้ใช้ยาขจัดพิษ โดยการใช้องค์ประกอบจิตวิญญาณของมันเอง สร้างการยับยั้งพิษของมันเอง ซึ่งจะได้ไม่ต้องมาเสียพลังต่อต้านพิษหลังจากปรุงสำเร็จ

นอกจากนี้ ในขั้นตอนสกัดออกมานั้น องคประกอบของพลังวิญญาณของเจ้ามังกรจะอ่อนแอมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในตอนผสมกับน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์และทำเป็นยาเม็ดพลังจิตวิญญาณได้ แต่ยาเม็ดนั้นก็จะมีประสิทธิภาพที่อ่อนด้อยลงไป คุณค่าของยาเม็ดพลังจิตวิญญาณจะลดประสิทธิภาพของตัวยาเม็ดอย่างมาก ยาเม็ดคว้าสวรรค์น่ะ ไม่ใช่เอาอะไร ที่อ่อนล้าใกล้ตายมาทำยาเม็ดพลังจิตวิญญาณ

ผู้อาวุโสหวู จากนี้ไม่มีเรื่องของข้าแล้ว ท่านพอที่จะอนุญาตให้ข้าลองทำน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ได้หรือไม่”

หยางเฉินร้องขอต่อผู้อาวุโสหวูโดยตรง

ผู้อาวุโสหวูเองก็กริ่งเกรงว่าหยางเฉินจะสร้างปัญหากับเค่อเหลียนหยุนอยู่แล้ว ดังนั้นรีบตอบในทันทีที่ได้ยิน

ไม่มีปัญหา เจ้าตั้งใจไปกลั่นที่อื่นใช่มั๊ย ส่วนผสมสมุนไพร ตัวยาที่จะใช้ เจ้าแจ้งกับผู้รับใช้ พวกเขาจะตระเตรียมทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”

ผู้อาวุโสหวูตอบอย่างเปี่ยมด้วยน้ำใจ เพียงถามด้วยว่าเมื่อหยางเฉินจะกลั่นน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ มันจะดีกว่านี้ไหมถ้าไปทำที่อื่น จะได้ไม่รบกวนการทำงานของตรงนี้ ส่วนข้าวของต่าง ๆ รวมทั้งน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์นั้น ผู้อาวุโสหวูหาได้ใส่ใจไม่ ขอเพียงหยางเฉินออกไปไม่ก่อกวนการกลั่นของเค่อเหลียนหยุนก็พอ สำหรับบรรดาตัวยาที่หยางเฉินผู้พึ่งจะบรรลุขั้นก่อสร้างรากฐานจะใช้ในการกลั่นนั้น มันจะใช้วัสดุระดับสูงส่งเท่าใดเชียว ?

หยางเฉินมองด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย และทันใดก็ยิ้ม

งั้น …ข้าจะไปกลั่นที่ข้างนอก แต่ท่านผู้อาวุโสหวูช่วยจัดเตรียมตัวกระสายยาเพิ่มเติมให้ด้วย”

หยางเฉินเองยิ่งประสงค์ที่จะทำสิ่งนี้ โดยปราศจากสายตาบุคคลอื่น โดยเฉพาะเค่อเหลียนหยุน

ตัวยาอะไร”

ผู้อาวุโสถามด้วยสงสัย เพราะถ้าหยางเฉินบ่งบอกมาที่ตัวเขา มันคงไม่ใช่กระสายยาที่ธรรมดาแน่

ข้าจำต้องใช้ ผงฝุ่นที่ขูดจากก้อนพลังลมปราณของเจ้ามังกรวารี  “

หยางเฉินเอ่ยยิ้ม ๆ และชี้ไปที่กระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรที่เอวของฟั่นฉาน
เจ้ามังกรวารีถูกเก็บไว้ในนั้นนับตั้งแต่วันถูกจับได้ จนวันนี้ที่ใกล้สิ้นสุดชะตากรรม

สิ่งที่หยางเฉินต้องการนั้น แค่ผงจากก้อนลมปราณนั้น ไม่ได้มากมายอะไร ผู้อาวุโสหวูลำบากแค่ยกมือ ที่ทำให้ผู้อาวุโสหวูไม่เข้าใจนั้นคือ ..เอาไปทำอะไร ถ้าก่อนนี้ด้วยผลงานที่ทำเพียงเอ่ยปาก เขาก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ต่อให้ขอก้อนลมปราณก็เถอะ แม้สิ่งที่ร้องขอไม่ได้ถึงกับสร้างความขุ่นเคืองต่อคนอื่น แต่ในเวลาเช่นนี้ ..ใช่เวลาที่มาเรียกร้องรางวัลรึ

เป็นดังที่คาด เค่อเหลียนหยุนมองหยางเฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย เหมือนกำลังพบเรื่องสนุกที่เห็นหยางเฉินประเมินตัวเองสูงมากที่จะปรับแต่งน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ด้วยผงก้อนลมปราณ …ถ้าแค่ระดับก่อสร้างรากฐานก็สามารถกลั่นน้ำทิพย์นี้ด้วยผงจากก้อนลมปราณได้ละก้องั้นคนธรรมดาสามัญก็คงปรุงโอสถได้สิ !.

ถึงแม้จะเยาะเย้ย แต่เค่อเหลียนหยุนก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขวาง เขาคอยดูหยางเฉินกำลังทำลายตัวเอง ตอนนี้ผู้อาวุโสหวูไม่ได้กล่าวอันใดเพียงแต่พยักหน้า

มังกรวารีนั้นได้ถูกจับนานแล้วและใช้ทุกกลวิธีเพื่อที่จะหนีให้รอด แต่ภายใต้การร่วมมือของผู้อาวุโสหวูและฟั่นฉาน มีรึมันจะขัดขืนได้จึงถูกจำกัดอยู่ในเขตค่ายกลอาคมของผู้อาวุโสหวู มันพึ่งจะพอมีโอกาสได้รับอิสรภาพเมื่อครู่ จึงรวบรวมพลังปราณไว้ในก้อนลมปราณจู่โจมศัตรูที่กุมชะตาชีวิตของมัน

แต่ผู้อาวุโสหวูควบคุมกระบี่บิน โดยไม่ใส่ใจการจู่โจมของพลังปราณสีเขียวจากก้อนลมปราณอสูรร้าย ขณะฟั่นฉานใช้กระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรควบคุมมังกรวารี หลังประกายกระบี่วูบวาบไปมาหลายครั้งสงบลง   เขาถือกระบี่บินเดินเข้ามาหาหยางเฉิน

เท่านี้ พอไหม”

เมื่อมองไปก็เห็น มันเป็นเม็ดผงสีเขียวที่ถูกขูดจากก้อนลมปราณเมื่อครู่นี้ วูบวาบอยู่บนตัวกระบี่ดูสดใส หยางเฉินทำการเก็บใส่ขวดอย่างระมัดระวัง

มันเพียงพอแล้ว”

ผู้อาวุโสหวูเก็บกระบี่โดยไม่ได้กล่าวอันใด แต่แสดงความขอบคุณในแววตาของเขา เพราะแม้หยางเฉินจะเป็นเป้าที่โดนกระหน่ำและเหยียดหยาม แต่สุดท้ายก็มิได้ก่อปัญหาต่อเขา ซ้ำงานของหยางเฉินเองก็ออกมาอย่างยอดเยี่ยม ผู้อาวุโสหวูจึงซาบซึ้งพอใจมากที่เห็นหยางเฉินรู้ว่าเมื่อใดควรรุกเมื่อใดควรถอย                 
 
ภายในคฤหาสน์อันไม่ไกลจากสถานที่ที่กำลังปรุงโอสถอยู่นั้น หยางเฉินกำลังหาห้องที่จะปรุงยา เขาหาผู้รับใช้และสั่งการตระเตรียมกระสายยาต่าง ๆ ให้แก่เขา รวมทั้งตัวยาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เพื่อเป็นการอำพรางส่วนผสมที่เขาจะใช้ในการปรุง ไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้

ผู้อาวุโสหวูได้สั่งการผู้รับใช้ไว้อยู่แล้วในการจัดเตรียม และหยางเฉินเองก็มิได้ต้องใช้กระสายยาที่สูงส่งแต่ประการใด และเนื่องจากจะมีการปรุงเม็ดยาคว้าสวรรค์ ดังนั้นผู้อาวุโสหวูได้จัดเตรียมกระสายยาระดับสูงไว้มากมาย ดังนั้นสิ่งที่หยางเฉินต้องการก็สามารถมาถึงห้องเขาภายในวันเดียว

ผู้ปรุงโอสถระดับผลิดอกได้เริ่มการนำเอาพลังจิตวิญญาณของมังกรวารีที่อยู่ในกระเป๋าจัดเก็บสัตว์อสูรออกมา แทบไม่เหลือร่องรอยของพลังจิตวิญญาณด้วยสัตว์จิตวิญญาณอสูรที่อ่อนล้า หยางเฉินมองไปและได้ยินเสียงคำรามที่อ่อนแรงเขาได้แต่ส่ายศีรษะถอนหายใจ หลังจากนั้นก็หันมาตระเตรียมกระสายยา

แม้จะบรรลุขั้นก่อสร้างรากฐานเรียบร้อย แต่ ณ ตอนนี้หยางเฉินไม่ต้องการเปิดเผยทักษะการบ่มเพาะ ดังนั้นแม้ต้องการปรับแต่งยุทธภัณฑ์ เขาก็ต้องข่มใจและใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณกลั่นกระสายยาเตรียมไว้เผื่อขั้นตอนการปรับแต่งของเขา

ชั่วพริบตา หลายเดือนได้ผ่านไป โอสถเหลวของหญ้าฟ้าครามได้ถูกนำไปผสมแล้วสี่ในสิบส่วน และตัวยาต่าง ๆ ที่ผสมในน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ยังคงเหลืออีกสองในสิบส่วน ขั้นตอนการปรับแต่งก็ยากขึนเรื่อย ๆ เติ้งอี้เองก็ไม่สามารถตรากตร่ำกลั่นสกัดต่อไปได้ จึงให้ซูเพิง เค่อเหลียนหยุน เข้าทำการควบคุมการกลั่นโอสถเหลวในเตาปรุงโอสถ และหมุนสลับกันทั้งสามคนในยามหมดพลัง ผู้ออกมาพักก็ต้องกินโอสถฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด


เค่อเหลียนหยุนและคนอื่น ๆ ไม่มีผู้ใดใส่ใจต่อหยางเฉิน ดังนั้นหลังจากตระเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ และวางค่ายกลอักขระเพื่อป้องกันแล้ว เขาก็นำผงจากก้อนลมปราณที่มีพิษของเจ้ามังกรวารี นำเข้าในเตาหลอมล้ำเลิศอย่างระมัดระวัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น