เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

GDN 098 การตัดสินใจของโลกและปัญหาของฮั่นหลาง



โลก ป่านาซคา นอกประตูใต้ดินลึกลับ

หลังจากได้รับข่าวล่าสุดจากแพนยูลิน หลี่อู่รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เขาเดินออกไปข้างนอกจนกระทั่งมาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัว

เมื่อเขามองอย่างใกล้ชิดเขาก็เห็นหลงฉวนอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขาขับรถเข็นไฟฟ้าของเขามาที่นี่และสูบบุหรี่อยู่นอกประตูที่ปิดสนิท มีก้นบุหรี่อยู่ประมาณหนึ่งโหลบนพื้นดิน เห็นได้ชัดว่าหลงฉวนมาที่นี่เป็นเวลานาน

ลองชวนมองไปรอบๆและเห็นหลี่อู่เช่นกัน เขายิ้มและถามว่า "เจ้าก็มาที่นี่ด้วยเหรอ?"

หลี่อู่ถอนหายใจและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "นอนไม่หลับ ก็เลยลองเดินออกมาที่นี่เพื่อดู"

"เจ้าค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องของฮั่นหลางใช่ไหม?"

หลี่อู่ไม่ได้พยายามซ่อนมันไว้แต่อย่างด เขาพูดว่า "ค่อนข้าง? ข้าเป็นห่วงถึงความตาย ถึงแม้ว่าข้าจะชื่นชมความแข็งแกร่งของการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพของฮั่นหลาง และร่างกายที่เต็มไปด้วยกระดูกที่แข็งแรง แต่โชคของเขามันแย่จริงๆ เมื่อสิบปีก่อนคลาร์กเดินเข้าไปในอาณาจักรสาบสูญ A-7 และสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่ฮั่นหลางกลับพบกับภัยพิบัติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน"

"ในพริบตาเหล่าชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์นับแสนคนได้ถูกสังหารที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยคนที่ยังมีชีวิตรอด และข้าก็สงสัยอยู่เสมอว่าฮั่นหลางอาจจะอยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิตที่โชคดีเพียงไม่กี่ร้อยคน และนอกจากนี้ยังเหลือเวลาอีก 20 วัน ก่อนที่มันจะสิ้นสุดการสำรวจครั้งนี้และนั่นคือสิ่งที่กำลังบั่นทอนจิตใจของข้า"

"เจ้า?"

หลงฉวน กล่าวว่า "ข้าก็เป็นห่วงฮั่นหลาง นอกจากนี้เขายังเป็นความหวังของโลก และแม้แต่ครึ่งชีวิตของข้าก็ได้เขาช่วยเอาไว้ ในตอนนี้ข้าเป็นกังวลเกี่ยวกับโลกมากขึ้น"

"ตอนนี้ ไม่ว่าฮั่นหลางจะมีชีวิตรอดออกมาจากอาณาจักรสาบสูญ A-19  หรือไม่ มันมีหนทางเดียวที่เหลืออยู่ตรงหน้าเราและนั่นก็คือการเปิดอาณาจักรสาบสูญระดับ B อย่างเต็มที่"

"ข้ากำลังคิดว่าทั้งสองภาพของวาลคิรี (เทพธิดาที่รับใช้เทพเจ้าโอดิน) ที่ประตูนี้มันหมายความว่ายังไง? มันเป็นคำเตือนที่จะเตือนให้เราอย่าเร่งรีบที่จะเปิดประตู?"

หลี่อู่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในขณะที่สายตามองไปยังทิศทางที่หลงฉวนมองอยู่

ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารอาณาจักรสาบสูญ หลี่อู่ได้นำลูกทีมสำรวจเปิดใช้งานอาณาจักรสาบสูญระดับ D-2 และอีกหนึ่งแห่งของอาณาจักรสาบสูญ ระดับ C แต่เหล่าประตูทางเข้าของอาณาจักรสาบสูญทั้งหมดต่างมีการตกแต่งตามปกติ

แต่ที่ประตูนี้มีการแกะสลักเป็นสองเทพแห่งสงครามที่กำลังโกรธ เหยียบไปบนร่างของสัตว์ประหลาด และหันหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธไปทางด้านนอกประตู ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการฆ่า

ยืนอยู่ด้านนอกของทางเข้าอาณาจักรสาบสูญระดับ B มันรู้สึกราวกับว่าถูกตรึงไว้อย่างแน่นหนา โดยทั้งสองพระเจ้าทำให้รู้สึกกดดันในขณะที่หายใจ

เป็นไปได้มากว่านี่เป็นของอาณาจักรสาบสูญที่มีอันตรายมาก มันเต็มไปด้วยความลับที่ซ่อนอยู่ภายในความมืดและกับดักร้ายแรงที่ไร้ขีดจำกัด การเปิดมันอย่างเร่งรีบอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่โลก

ในทางช้างเผือก การประเมินระดับของอาณาจักรสาบสูญ จะใช้รังสีไวมาร์ในการตรวจสอบ เครื่องวัดไวมาร์จะติดตั้งอยู่ภายนอกประตูเพื่อตรวจจับความเข้มข้นของรังสีภายในอาณาจักรสาบสูญ

ความเข้มข้นสูงหมายถึงมีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีโครงสร้างมากมายได้ถูกสร้างขึ้น

ตามประวัติที่เป็นที่รู้จักของทางช้างเผือก แม้ว่าจะเป็นของอาณาจักรสาบสูญระดับ B แต่พวกมันก็อาจมีความแตกต่างกันมากในแง่องค์ประกอบ บางแห่งก็อาจจะไม่มีอันตราย แต่บางแห่งก็อาจจะมีอันตรายร้ายแรงพอๆกับอาณาจักรสาบสูญระดับ A

วิธีการที่มนุษย์ใช้ในการประเมินอาณาจักรสาบสูญเป็นแบบดั้งเดิม รังสีไวมาร์เพียงแต่บอกมนุษย์เกี่ยวกับขนาดของอาณาจักรสาบสูญนี้ แต่ก็ยังไม่มีทางที่จะทราบถึงปริมาณสัตว์อสูรมืดหรือสัตว์ประหลาดอื่นๆที่อยู่ ภายในอาณาจักรสาบสูญ

เมื่อหลี่อู่และหลงฉวนต่างไม่พูดอะไรออกมา บรรยากาศต่างตกอยู่ในความเงียบ ในตอนนั้นใครบางคนได้ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกประตูของอาณาจักรสาบสูญ ทาลิน

ในกลุ่ม ของต้นไม้ใหญ่ทั้งสาม ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของทาลิน เป็นอันดับรองลงมาจากหลี่อู่กับหลงฉวน หลี่อู่และหลงฉวนทั้งสองคนต่างหลงใหลที่จะเป็นนักรบ ในขณะที่ทาลินเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดคนหนึ่งในพวกเขาทั้งสามคนและเขาสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ดี

หลงฉวน ยิ้ม "ฮ่าฮ่าแน่นอนจริงๆ นี่สิพี่น้อง ดูเหมือนว่าพวกเราทุกคนจะคิดในสิ่งเดียวกัน"

ทาลินไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาบนใบหน้าของเขาและกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อมาแจ้งรายละเอียดของผู้บริหารสหพันธ์โลก"

หลี่อู่กล่าวราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก "มีเพียงแค่เจ้าที่ยังสามารถสงบสติอารมณ์และจัดการกับนักการเมืองได้ ตอนนี้พวกเขาต้องการที่จะพูดอะไร?"

แม้ว่าศูนย์บริการเอสเปอร์จะเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งหนึ่งของรัฐบาลกลาง แต่ก็ยังมีภาคที่สำคัญอื่นๆ อีกเช่นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย ความมั่นคง ฯลฯ รวมถึงสมาชิกสภาสูงและสมาชิกหลายร้อยคน หลี่อู่และหลงฉวนเป็นทหารและพวกเขาเกลียดการรับมือกับนักการเมือง

ทาลิน มองไปที่หลี่อู่และหลงฉวนและกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักการเมือง แต่อย่าลืมว่าพวกเขายังคงถือกำเนิดขึ้นบนโลกในแง่ของความรักต่อโลกพวกเขาก็มีไม่น้อยกว่าทหารเช่นพวกเรา"

หลงฉวน ยิ้มและถามว่า "ผู้บริหารของรัฐบาลกลางกล่าวว่าอย่างไร?"

แววตาของทาลินกลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า "ด้วยเหตุนี้ ศูนย์บริหารเอสเปอร์ของสหพันธ์โลกจึงกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐบาลกลาง ในการสั่งให้มีการเปิดอาณาจักรสาบสูญและป้องกันผู้รุกรานจากต่างดาว และกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรสาบสูญ โดยไม่ต้องขึ้นกับกฎหมายใดๆ"
หลงฉวนรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวออกไปอย่างจริงจังว่า "นั่นหมายความว่าความสามารถทางกฎหมายของศูนย์บริหารเอสเปอร์อยู่เหนือนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาใช่หรือไม่"

"ใช่แล้ว รัฐสภาทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์และได้มอบอำนาจบริหารให้กับศูนย์บริหารเอสเปอร์ในทันที" ทาลินหันไปรอบๆ และเริ่มออกเดินทางขณะพูดด้วยเสียงต่ำๆว่า "สิ่งเดียวที่เราต้องการคือ ตายมากกว่ากลายเป็นทาส"

"ไม่ว่าเราจะต้องเปิดสถานอาณาจักรสาบสูญระดับ B หรือประกาศสงครามกับจักรวรรดิแซลลี่ หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมดจะสนับสนุนการตัดสินใจของเราอย่างเต็มที่ ตราบเท่าที่สหพันธ์โลกมีอยู่ โลกก็จะต้องเป็นอิสระ! เราจะไม่ยอมรับการถูกยึดครองเป็นอาณานิคมโดยดาวเคราะห์อื่นๆ"

"ไปเถอะ ผมจะรอพวกคุณอยู่ในห้องประชุมยังมีงานอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำ คงต้องขอยืมคำพูดของฮั่นหลาง แม้ว่าโลกจะอ่อนแอ แต่เราก็ยังมีกระดูกที่แข็งแรงอยู่!"

... ..

ระบบมิราเคิลสตาร์ อาณาจักรสาบสูญ A-19 ใต้ดิน

อวู้วววว ~

"พวกเจ้าได้ยินไหม? เสียงแปลกๆนั่นหรือเปล่า" หลันเฟิงกล่าว ขณะที่เขาได้ยินเสียงก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

ฮั่นหลางขมวดคิ้ว เสียงนี้เป็นเสียงแรกที่ได้ยินเมื่อผ่านมาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ และมันเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันเป็นเสียงร้องโหยหวนที่ทำให้ฮั่นหลางและอีกสองคนรู้สึกกังวลมาก

"แลนซ์เราสามารถเร่งความเร็วมากกว่านี้ได้หรือไม่?" ฮั่นหลางถามแลนซ์ที่กำลังสำรวจอยู่ข้างหน้า

แลนซ์ยังไม่ได้ออกมาจากการซ่อนของเขา ในขณะที่กล่าวออกไปว่า "ไม่ว่าจะเร่งความเร็วหรือไม่ ข้าคิดว่าเรากลับไปในจุดเดิมก่อนหน้านี้อีกครั้ง นรกอะไรกันนี่? สถานที่โง่ๆนี่ยังกับเขาวงกต!"

ฮั่นหลางต้องปลอบโยนเขา "ไม่ต้องกังวล เราจะต้องมีสติ!"

คลืนนนน ~

เสียงกำลังใกล้เข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ำเขาวงกตแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน

ขณะเดียวกันฮั่นหลางและอีกสองคนถูกขังอยู่ในเขาวงกตและพวกเขาก็กังวลมากขึ้นว่าพวกเขากำลังหลงทาง

"ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีจำนวนมากเกินไป มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก" หลันเฟิงขมวดคิ้วในขณะที่พูดกับฮั่นหลางออกมาว่า "จากสิ่งที่ได้ยิน มันจะต้องเป็นสัตว์อสูรมืดและมันควรจะเป็นสายพันธุ์ที่มีการพัฒนาในระดับสูง เราอาจจะมีปัญหา"

ฮั่นหลางรู้ได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มของสัตว์อสูรมืดกำลังพยายามฆ่าพวกเขา แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆได้มาขั้นนี้แล้ว และเขาก็ไม่มีทางอื่นใดเช่นเส้นทางแคบๆในเขาวงกต มันไม่มีสถานที่ที่สามารถซ่อนตัวได้

"พวกเราแยกกันไป แม้จะมีเพียงแค่คนเดียวที่สามารถรอดชีวิต มันก็คุ้มค่า!" ฮั่นหลางกัดฟันในขณะที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า "ถ้าเราแยกกัน อย่างน้อยแลนซ์กับความสามารถในการซ่อนตัวของเขาก็จะสามารถทำให้เขาสามารถหนีออกไปได้"

หลันเฟิงลังเลอยู่สักครู่และพยักศีรษะเบาๆ

แลนซ์ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาตะโกนถามกลับมาด้วยเสียงดังว่า "พวกเจ้าหมายถึงอะไร? ข้าดูเหมือนคนที่สามารถทิ้งเพื่อนของข้าหรือไม่? อย่ามองข้าเพียงเพราะข้ามาจากครอบครัวของแลนดิส! ครอบครัวข้าอาจจะมีนิสัยไม่ดี แต่ข้าแตกต่างจากพวกเขา!"

แลนซ์เกิดมาในครอบครัวมือสังหารที่มีชื่อเสียง ดังนั้นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการก็คือการได้ยินคนบอกว่าเขาเป็นคนโหดร้ายและไร้อารมณ์เหมือนกับครอบครัวของเขา ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินฮั่นหลางบอกว่าอย่างน้อยเขาก็จะสามารถหนีออกไปได้ มันทำให้แลนซ์รู้สึกกังวลในทันที

ฮั่นหลางส่ายหน้าและพูดออกมาว่า "นี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องว่าเจ้าเป็นใครหรือนามสกุลของเจ้า ตั้งแต่วันแรกที่เจ้ากลายเป็นทหาร เจ้าควรรู้ว่า ที่นี่เป็นโลกที่โหดเหี้ยม ข้าแค่เลือกแผนการหลบหนีที่ดีที่สุดจากเหตุผลที่มี"

"ถ้าเราแยกตัว สัตว์อสูรมืดก็จะแยกกลุ่มไล่ตามพวกเราด้วย และวิธีนี้จะทำให้เรามีโอกาสที่จะมีรอดชีวิตได้มากขึ้น"

"อย่าพูดอะไรอีก ทำตามนี้! ถ้ามันเป็นโชคชะตาของพวกเราแล้ว พวกเราก็จะยังได้พบกันอีก!"

ชูววว ~

เมื่อเสร็จสิ้นฮั่นหลางไม่ได้มองไปที่หลันเฟิงหรือแลนซ์ เขากระโดดลงไปทางขวามือ ในขณะที่หลันเฟิงเลือกที่จะไปทางด้านซ้าย

เฮ้อ!

แลนซ์กระทืบเท้าอย่างดุเดือดและเขาก็เดินไปในเส้นทางตรงกลางด้วยใบหน้าที่โกรธ เขากัดฟัน แต่เขาไม่ได้ใช้ความสามารถในการลักลอบของเขา

"พวกเจ้ามองข้าต่ำไป พวกเจ้ารู้ว่านามสกุลของข้าคือแลนดิสดังนั้นพวกเจ้าจึงดูถูกข้า! วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าเห็น ว่าข้านั้นแตกต่างจากแลนดิสทุกคน!"

แลนซ์ร้องตะโกนอยู่ภายในใจ เขาไม่ได้ใช้ทักษะแอบซ่อนของเขา เพียงเพราะเขาต้องการพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมแม้ว่านามสกุลของเขาคือแลนดิส

สิบนาทีต่อมาแลนซ์ก็หยุดฝีเท้าของเขาเพราะเขารู้สึกว่าเสียงสัตว์สีดำไล่ตามเขาน้อยลงไปเรื่อยๆราวว่าพวกมันไม่ได้ไล่ตามเขาอีกต่อไป

แลนซ์รีบวิ่งย้อนกลับมาและในที่สุดเขาก็เห็นรอยเท้ามากมายของเหล่าสัตว์อสูรมืดที่ทิ้งไว้ พวกมันวิ่งไปในทางเดียวกัน

และหลันเฟิงหลังจากที่เขาได้ตระหนักว่าสัตว์อสูรมืดไม่ได้ไล่ตามเขา เขาก็ย้อนกลับมาเช่นกัน

"เกิดอะไรขึ้น? สัตว์อสูรมืดทั้งหมดต่างไล่ล่าฮั่นหลาง?"

"ข้าจะรู้ได้อย่างไร? มันเกิดอะไรขึ้น?"

หลันเฟิงและแลนซต่างมองหน้ากัน และพวกเขาก็กลายเป็นใบ้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น