แม้ว่าการใช้เปลวไฟในการวาดภาพในอากาศโดยปราศจากตัวช่วยใดๆนั้นจะไม่ใช่เรื่องยาก
แต่สิ่งที่ยากนั้นคือการสร้างรูปร่างอักขระอาคม
นอกจากนั้นรูปร่างของอักขระอาคมต้องแสดงผลลัพธ์ออกมา
ที่มากไปกว่านั้นยังใช้เปลวไฟสร้างรูปแบบอักขระอาคมธาตุน้ำ แม้ว่าผู้คนจะไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร
หยางเฉินเข้าใจชัดเจนว่านอกจากอาวุโสหวูแล้ว
นอกนั้นไม่มีใครเข้าใจปริศนานี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกเรื่องนี้แก่พวกนั้น
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้เมื่อมาถึงโลกแห่งจิตวิญญาณ
ฝ่ายตรงข้ามนั้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับผลิดอกวิธีการทั่วๆไปนั้นไม่สามารถสะกดข่มคนระดับสูงเหล่านี้ได้
แน่นอนว่าหยางเฉินต้องการอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
การใช้เปลวไฟเพื่อสร้างอักขระอาคมไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน
และในขณะนี้หยางเฉินก็สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการนี้โดยตรง
ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นจะดีเยี่ยมอย่างน้อยในตอนที่คนทั้งห้ามองมาที่เขาในตอนนี้สายตาพวกเขานั้นเหมือนกำลังมองเห็นปีศาจ
ดังนั้นเป้าหมายของหยางเฉินก็บรรลุแล้วเขากำลังกุมเปลวไฟสุริยะไว้
และมากไปกว่านั้นคำพูดของเขาก็เป็นประโยชน์ต่อขั้นตอนในการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์
หากทุกอย่างเป็นปกติทั่วไปแม้ว่าคนเหล่านี้จะยอมรับในตัวหยางเฉินแล้วก็ตาม
แต่ก็จะไม่ใช้สายตามองเขาอย่างชื่นชมอยู่ดี
พวกนั้นอนุญาตให้เขาเข้าร่วมด้วยเพียงเพราะเขาเป็นเหมือนคนรับใช้ที่สามารถให้การสนับสนุนพวกเขาได้
เพราะเห็นแก่หน้าของอาวุโสหวูเเค่นั้น แต่หลังจากงานนี้จะไม่มีใครสามารถสั่งอะไรเขาได้ในเรื่องการควบคุมไฟ
ทันใดนั้นกลุ่มแสงจิตวิญญาณสีฟ้าระหว่างมือของเขาก็หายไปและเปลี่ยนเป็นร่องรอยเปลวไฟที่บางเบาอีกครั้ง
ส่วนหนึ่งเชื่อมอยู่ที่มือขวาของหยางเฉินในขณะที่ส่วนที่เหลือล่องลอยอยู่บนอากาศการรวมกลุ่มจิตวิญญาณยังไม่สัมฤทธิ์ผลและกลุ่มพลังจิตวิญญาณก็ระเบิดแสงสีฟ้าในทันทีข้างหยางเฉิน
หยางเฉินสะบัดมือขวาและร่องรอยของเปลวไฟก็สะบัดพันม้วนไปรอบๆ
จากนั้นก็กระจายตัวอย่างรวดเร็วออกจากลูกบอลที่ยุ่งเหยิงเปลี่ยนเป็นเชือกที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่วอย่างสมบูรณ์
จากนั้นไม่นานเปลวไฟก็หมุนวนไปรอบๆมือของเขาคล้ายแส้ลางๆ
หยางเฉินค่อยๆรวบเปลวไฟที่ม้วนพันรอบๆเขาให้เป็นก้อนให้กลับเข้าสู่ร่างกายของเขา
จากนั้นหยางเฉินก็หันหน้ากลับไปมองทุกคน
ความสามารถในการควบคุมไฟให้เหมือนสิ่งมีชีวิตแบบนี้นั้นดึงดูดความสนใจจากทุกคนแต่เปรียบเทียบกับความสามารถที่น่าตื่นตาตื่นใจในการสร้างอักขระอาคมจากเปลวไฟ
เมื่อเทียบแล้วสิ่งนี้ง่ายกว่ามากผู้เชี่ยวชาญปรุงยาที่ฝึกมาอย่างดีในที่นี้
แม้อยู่ในพลังระดับผลิดอกก็แทบจะเป็นขีดสุดที่เขาจะสามารถทำได้
ถ้าระดับบ่มเพาะของพวกเขาเท่ากับหยางเฉินมันก็ทำให้ความหวังในการสามารถที่จะทำเช่นเดียวกันนั้นดับไป
[kl
ตรงนี้งงไหม ผู้แต่งหมายความว่า
พวกที่มุงดูสามารถทำแบบหยางเฉินได้แต่มันก็เป็นขีดสุดของพวกเขาเหมือนกัน]
“ศิษย์พี่เค่อเหลียนหยุน ข้าทำเสร็จแล้ว เชิญท่านเริ่ม!”
หยางเฉินผายมือเชิญไปยังเค่อเหลียนหยุนด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขาก็ก้าวออกมาด้านข้างจากตำแหน่งตรงกลางและเดินมาที่ด้านข้างของอาวุโสหวู
หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่นและไม่มีใครหยุดยั้งเขาเพราะเค่อเหลียนหยุนผู้นี้ค่อนข้างจิตใจคับแคบ
การนั่งถัดจากอาวุโสหวูนั้นเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
สีหน้าของเค่อเหลียนหยุนในตอนนี้กลายเป็นหดหู่ไม่มีใครสามารถบอกอารมณ์ของเขาได้หลังจากหยุดอยู่ตรงกลางแล้วเขาก็จมดิ่งไปในความคิดของตัวเอง
ผู้คนบางส่วนด้านข้างมองดูเขาทุกคนต่างจ้องมองมาด้วยความเสียดายผู้เชียวชาญปรุงยาระดับผลิดอกต้องมาจนมุมให้กับเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณ
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างไรจริงๆ
ด้วยความสามารถของหยางเฉินที่แสดงออกมาทำให้ภาพลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างยิ่งในสายตาของผู้คนเหล่านี้อย่างน้อยในจิตใต้สำนึกของพวกเขาก็พูดถึงหยางเฉินเปลี่ยนจาก
“เด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณ” เป็น “ศิษย์น้องระดับรวบรวมลมปราณ” แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเติ้งอี้กับเพิงจูที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มีแต่รู้สึกเห็นอกเห็นใจให้แก่เค่อเหลียนหยุนในตอนนี้แต่ในส่วนของความรู้สึกเห็นอกเห็นใจนั้นพวกเขาก็ยังคงมีความกลัวตกค้างอยู่
ถ้าในตอนนั้นพวกเขากระโดดออกมาสนับสนุนข้อเสนอของเค่อเหลียนหยุน
หยางเฉินก็คงท้าประลองพวกเขาด้วยอย่างแน่นอนและพวกเขาก็คงต้องเจ็บปวดกับความรู้สึกอับอายไม่หยุดหย่อนเหมือนกับเค่อเหลียนหยุนในขณะนี้
ถึงไม่มีใครพูดอะไรในตอนนั้นแต่การฉวยเปลวไฟแกนพิภพของหยางเฉินก็เป็นความคิดของเค่อเหลียนหยุนเองตั้งแต่ต้นแน่นอนว่าคำพูดของเขาในตอนนั้นเป็นการไม่ไว้หน้าเจ้าบ้านเช่นอาวุโสหวู
ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่อาวุโสหวูจะไม่ก้าวออกมาปกป้องเขาเช่นกัน
โดยเฉพาะตั้งแต่อาวุโสหวูแสดงออกว่าเป็นผู้ตัดสิน
ทุกคนต่างเพ่งมองเค่อเหลียนหยุนอย่างแน่วแน่ตั้งแต่เริ่มเขาเอาแต่ยืนนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหวหรือกล่าวอะไรทั้งสิ้นอย่างกับมีรากงอกออกมาจากตำแหน่งของเขา
เหมือนว่าเขากำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างอย่างลึกซึ้ง
แต่อย่างไรก็ตามทุกคนต่างรู้ว่าเขากำลังคิดหนักเรื่องอะไร ตั้งแต่เวทมนต์ของหยางเฉินใช้ได้ทุกคนต่างคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หากว่าพวกเขาอยู่ในจุดเดียวกับหยางเฉินพวกเขาจะสามารถทำให้สำเร็จเช่นเขาได้หรือไม่
หากว่าได้จะทำได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเค่อเหลียนหยุนก็คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน
ดังนั้นจึงไม่มีใครรบกวนเขาแต่ขั้นตอนนี้ต้องไม่ใช้เวลานานไปกว่านี้ไม่อย่างงั้นทุกคนคงต้องรอนานเป็นสิบหรือร้อยปีกว่าเค่อเหลียนหยุนจะคิดหาวิธีการได้
หยางเฉินก็ไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้นได้อาวุโสหวูที่แสดงตัวเป็นผู้ชี้ขาดก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน
หากเขาจะโทษใครสักคนเค่อเหลียนหยุนก็สมควรที่จะโทษตัวเอง
ในที่สุดหลังจากเวลาผ่านไปนานเค่อเหลียนหยุนก็เดินไปยังจุดตรงกลางเหยียดมือของเขาออกเหมือนหยางเฉินและลำแสงเปลวไฟก็เริ่มปรากฏรูปร่างขึ้นบนมือเขาแต่เมื่อเทียบกับหยางเฉินแล้วลำแสงของเขานั้นเหมือนบางสิ่งที่ขาดการฝึกฝนอย่างไรก็แล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกของเขา
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเปลวไฟจะสามารถควบคุมให้ทำเช่นนี้ได้
ช่างโชคดียิ่งที่เขาอยู่ระดับผลิดอกด้วยเปลวไฟภายใต้การควบคุมของพลังจิตวิญญาณที่น่ากลัวนั้นเขาจวนเจียนไม่สามารถทำให้สำเร็จได้รูปแบบของอักขระอาคมนั้นต่างจากของหยางเฉิน
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าอักขระอาคมก็ก่อให้เกินธาตุน้ำระดับต่ำเช่นกัน
กรณีนี้ทุกคนในที่แห่งนี่รู้ว่าเขาพยายามที่จะเลียนแบบหยางเฉิน
โอกาสเดียวที่เขาจะชนะได้คือเขาต้องเพิ่มระดับรูปแบบของอักขระอาคมในทุกทางที่เขาจะทำได้
คำนึงถึงทุกสิ่งทุกอย่างว่าเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสูง
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้โดยที่ไม่พยายามอะไรเลยไม่ได้
จริงๆแล้วนี่เป็นรสนิยมของเค่อเหลียนหยุนเขาเชื่อว่าเขาสามารถทำให้รูปแบบอักขระอาคมสำเร็จอย่างเช่นหยางเฉินได้โดยง่าย
ถึงแม้ว่าจะสำเร็จได้อย่างโชคช่วยก็ตามที
ช่างโชคร้ายที่ทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้เสมอ
การไม่รู้คุณสมบัติจริงๆของแก่น5ธาตุ การไม่เข้าใจรูปแบบของเวทมนต์ที่แท้จริง
การขาดการฝึกฝนที่จะควบคุมอยู่เหนือไฟให้ถึงสุดยอด
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำให้เกิดความสำเร็จเช่นหยางเฉินได้ ไม่เกี่ยวกับว่าโชคของเค่อเหลียนหยุนจะดีขนาดไหน
เขาก็คงไม่สามารถสร้างปฏิหาริย์ได้
รูปร่างอักขระอาคมของเค่อเหลียนหยุนปรากฎขึ้นหลายครั้งภายใต้การจ้องมองจำนวนมากโดยไม่คำนึงว่าเขาจะใช้ความพยายามตั้งแต่เริ่มจนจบมากมายอย่างไรรูปแบบของอักขระอาคมก็ไม่เป็นผล
หลังจากที่พยายามหลายต่อหลายครั้งแต่รูปแบบของอักขระอาคมก็ยังใช้ไม่ได้เค่อเหลียนหยุนก็รู้สึกหน้าซีดในที่สุด
พ่ายแพ้!ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกที่สง่าผ่าเผิยผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสามพ่ายแพ้ให้แก่เด็กน้อยระดับรวบรวมลมปราณอย่างไม่คาดคิด
เค่อเหลียนหนุยจะยอมรับความภาคภูมิใจและความองอาจนี้ได้อย่างไร? เขาผู้ซึ่งยืนอยู่จุดเหนือสุดเมื่อไม่นานมานี้ต้องมาถูกดูหมิ่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธจัดแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้
ต่อหน้าอาวุโสหวูเขาไม่กล้าที่จะละเมิดสัญญาให้เกิดเป็นประเด็นได้
เค่อเหลียนหยุนเริ่มสำนึกผิด ทำไมในตอนนั้นเขาถึงกระโดดออกมาพร้อมทัศนคติประเภทนั้นได้
ถึงตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เขาต้องเตรียมการเฉพาะหน้าให้ผ่านจุดนี้ไปก่อน
บางทีการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ด้วยความพยายามที่มีทั้งหมดคงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาตราบเท่าที่เขาสามารถทำให้อาวุโสหวูมีความสุข
ไม่แน่เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจเเลกเปลี่ยนเดิมพันกับสิ่งอื่นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนหนึ่งจะต้องสูญเสียอะไรไปถึงจะตระหนักถึงความล้ำค่าของมัน
เค่อเหลียนหยุนยอมรับทุกเงื่อนไขตราบเท่าที่เขาไม่ต้องเสียไฟสุริยะแท้จริงไป
“ข้าแพ้แล้ว!”
ต่อหน่าอาวุโสหวูเขาไม่ได้คิดถึงการเสียหน้า เขาเพียงแค่แขวนคอยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเงียบๆครั้งนี้เขาเริ่มที่จะยิมรับความพ่ายแพ้
ถือเป็นเรื่องดีมากว่าการถูกตัดสินอย่างฉับพลันจากผู้อื่น
อย่างน้อยเขาก็ยังสร้างความประทับใจและได้รับความชื่นชมจากอาวุโสหวู
ต่อต้าน? เขากลัวว่าความคิดนี้จะเกิดขึ้นในความคิดเขา ตลกเกินไปแล้วด้วยมือข้างเดียวอาวุโสหวูสามารถกำจัดผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกเช่นเขาได้นับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อพูดจบแล้วเค่อเหลียนหยุนยังคงกลัวตายและเห็นว่าชีวิตตนนั้นมีค่าแม้ว่าไฟสุริยะแท้จริงนั้นเป็นสิ่งมีค่าและสำคัญอย่างยิ่งในโลกของการบ่มเพาะแต่เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาเเล้ว
เค่อเหลียนหยุนเลือกที่จะอยู่ข้างนี้ตราบเท่าที่เขาสามารถปรุงยาเม็ดได้
เขายังคงสามารถหาโอกาสที่จะเปลี่ยนเปลวไฟ
หลังจากที่อาวุโสหวูเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาแล้วสำหรับหยางเฉินใครจะปกป้องเขากัน? จนถึงตอนนี้เขาคิดถึงวิธีที่จะรับมือกับหยางเฉิน
ไม่แน่เขาอาจจะสามารถคว้าไปสุริยะแท้จริงกลับมาได้
แต่ทุกสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่
“ตอนนี้ไฟสุริยะแท้จริงเป็นของข้าแล้ว!”
บนใบหน้าของหยางเฉินปรากฎรอยยิ้มขึ้น
“สำหรับตอนนี้ข้าฝากไว้ที่เจ้าก่อน!”
เค่อเหลียนกยุนยอมรับความพ่ายแพ้และยังยอมให้หยางเฉินเห็นว่าแท้จริงเเล้วเขาเป็นเช่นไร
หยางเฉินสรุปได้ว่าตัวตนของเค่อเหลียนหยุนนั้นเป็นคนขี้ขลาดที่คิดว่าชีวิตของตนเองนั้นช่างสูงค่า
แน่นอนว่าเขาไม่เต็มใจให้ใครมีส่วนในไฟสุริยะแท้จริงในชีวิตของเขา หรือทำบางสิ่งบางอย่างที่สามารถทำให้พินาศไปพร้อมๆกันกับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณ
แม้ว่าเค่อเหลียนหยุนจะคิดพยายามทำอะไรก็ตาม
ในขณะที่เขากำลังกลั่นไฟสุริยะก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากเงื้อมมือของอาวุโสหวูได้
ด้วยการรับประกันเช่นนี้หยางเฉินก็วางใจและสามารถดูแลในส่วนของการกลั่นโดยปราศจากความกังวลได้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็เป็นปัญหาของอนาคตแล้ว
เค่อเหลียนหยุนผู้ปราศจากไฟสุริยะกับหยางเฉินผู้ซึ่งดูดซับไฟสุริยะไว้
แม้ว่าขอบเขตของทั้งสองจะมีช่องว่าง
แต่เขาก็มั่นใจว่าเค่อเหลียนหยุนจะไม่กล้าโจมตีเขาภายในอาณาเขตพระราชวังหยางบริสุทธิ์
หลังจากหยางเฉินกลับมาจากหลุมดักเซียนเขามั่นใจว่าเขาสามารถแสดงความเคารพต่ออาจารย์ของเขาในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ในทุกกรณี
ถึงเวลานั้นพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องคุ้มครองผู้เชี่ยวชาญปรุงยาที่มีพรสวรรค์เช่นเขาจากความตายอย่างเเน่นอน
หลังจากเหตุการณ์เล็กน้อยที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครกล้ามีจะมองหยางเฉินอย่างสบประมาทอีกนาน
ในตอนนี้ทุกคนที่ถูกรวบรวมโดยอาวุโสหวูก็มาถึงแล้ว
ตามมาด้วยขั้นตอนการเตรียมการที่ยาวนานและน่าเบื่อ
อาวุโสหวูได้เตรียมส่วนผสมไว้หมดแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วและสิ่งที่จำเป็นต่อพวกเขาคือลมตะวันออก
โชคไม่ดีที่ตำรายาที่อาวุโสหวูมีอยู่นั้นถูกส่งต่อลงมาจากอาวุโสผู้กลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ในรุ่นหลังๆมาก็ถูกส่งต่อกันมาคนต่อคนเรื่อยๆก่อนจะมาถึงเขา
นั่นหมายความว่าสูตรยาไม่สมบูรณ์มีเพียงแค่รายการส่วนผสมที่ต้องใช้และวิธีกลั่นยาในขั้นตอนแรกเท่านั้นที่ถูกบันทึกไว้
ในส่วนของขั้นตอนสุดท้ายนั้นไม่ได้กล่าวถึง
จึงจำเป็นที่พวกเขาทุกคนต้องหารือและทดลองของทุกอย่างที่ต้องใช้นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสามมารวมตัวกันเพื่อความแม่นยำ
ส่วนผสมมีมากมายจำนวนมากในจุดนี้สามารถทำให้นักบ่มเพราะเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์ในโลกนี้ตกตะลึงได้
เหมือนว่าถ้าไม่ใช่มาจากอาวุโสหวูผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลก็ไม่มีใครสามารถรวบรวมส่วนผสมที่มากมายเช่นนี้ได้
เพียงแค่ขั้นตอนแรกของการกลั่นคงต้องใช้เวลาสองสามปี
แม้จะรวมผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสามเข้าไปด้วยยังคงต้องใช้เวลาสามถึงสี่ปี
ยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้นแตกต่างจากยาเม็ดโดยทั่วไปดูเหมือนว่าพื้นฐานของยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้นเป็นการผสมผสานกันของยาเม็ดระดับสูงนับสิบ
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการอำนาจของจิตวิญญาณสัตว์อสูรที่โหดร้ายเพื่อเป็นจิตวิญญาณของยาเม็ดถึงจะสามารถกลั่นได้
เพียงแค่ความปรารถนาต่อยาเม็ดระดับสูงที่สำคัญเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทดสอบผู้เชี่ยวชาญปรุงยาเหล่านี้ยังไม่ต้องกล่าวถึงกระบวนการระหว่างขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องหลอมจิตวิญญาณยาเข้ากับน้ำอมฤต
มันเป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั่วไปไม่สามารถจินตนาการถึงได้
คุณสมบัติทั้งห้าของน้ำยาอมฤตหลายชนิดนั้นทำให้ตื่นเต้นปลุกเร้าความยับยั้งที่ต้องการหลอมรวมกันของผู้อื่นสิ่งนี้กลัวว่าจะก่อปัญหาอย่างยิ่งให้แก่ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับผลิดอก
อำนาจนั้นตกเป็นอภิสิทธิ์ของหยางเฉินผู้ซึ่งต่อสู้ชนะเค่อเหลียนหยุนมาได้
คลังของที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดแบ่งประเภทตามคุณสมบัติของส่วนผสมนั้นอย่างเรียบง่ายในห้องเก็บของที่มีขนาดกว้างเท่าห้องโถงสองห้อง
นี่ยังไม่รวมร่างที่ตายแล้วของสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลเหล่านั้น
เพียงแค่การกลั่นส่วนผสมในขั้นตอนแรกคงต้องใช้เวลานับปี
งานในการทำให้ส่วนผสมทั้งหมดบริสุทธิ์นั้นในตอนนี้อยู่ในการดูแลของหยางเฉิน
เปลวไฟแกนพิภพของเขานั้นเป็นเปลวไฟที่เหมาะที่สุดในการกลั่นส่วนผสมเหล่านี้มากไปกว่านั้นความสามารถในการควบคุมไฟของหยางเฉินนั้นยอดเยี่ยมจนทำให้พวกเขายอมรับ
หากเขาไม่เหมาะสมที่สุดในการกลั่นบริสุทธิ์ส่วนผสมแล้วจะเป็นใครหล่ะ?
เมื่อส่วนผสมพื้นฐานโดยมากสามารถปรับปรุงได้มันจะทำให้เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จในขั้นตอนสุดท้ายอย่างยิ่ง
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้
ดังนั้นคนเหล่านี้จึงให้ความสุภาพและมีมารยาทต่อเขา
ทุกคนพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของอาวุโสหวู
เมื่อผู้เชี่ยวชาญปรุงยาเหล่านั้นหารือกับอาวุโสหวูเกี่ยวกับวิธีการของขั้นตอนสุดท้าย
หยางเฉินก็เริ่มงานในการกลั่นบริสุทธิ์ส่วนผสม
ครั้งนี้หยางเฉินไม่ได้มามือเปล่าเช่นก่อนเขาใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแทน
เมื่อเขาเอาเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมาทุกคนต่างตกใจในทันที
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ประหลาดใจในระดับของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณมากไปกว่านั้นความจริงที่ว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนั้นเป็นสมบัติวิเศษ
แม้ว่าชื่อเสียงของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้จะสามารถเขย่าศาลสวรรค์ในสักวัน
แต่ในตอนนี้มันเป็นเพียงเตาหลอมปรุงยาระดับล่างเงื่อนไขในการหลงไหลของผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกก็ยังห่างไกลจากมัน
หยางเฉินเพียงแค่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้นและยังสามารถกลั่นอาวุธวิเศษขึ้นมาได้โดยไม่ยาก
นั่นเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์สำหรับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจแต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ในโลกของนักบ่มเพาะมากเกินกว่าจะนับนั้นบุคคลอัจฉริยะนั่นเกือบแทบจะหาไม่ได้เลย
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ทั่วไป
หลังจากกลั่นบริสุทธิ์ยาแล้วเขาค่อยๆวางลงบนภาชนะที่เหมาะสมแต่ละประเภทอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการมันหลังจากนี่
ตอนเริ่มต้นในลานกว้างนี่เพิงจู เติ้งอี้
และเค่อเหยียนหยุนต่างแวะมาดูความก้าวหน้าในการกลั่นของเขาอยู่บ่อยครั้ง
แต่ทุกครั้งที่พวกเขามาก็ได้แต่พยักหน้าให้โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา
หลังจากที่หยางเฉินทำให้ส่วนผสมนั้นบริสุทธิ์แล้วสิ่งสกปรกถูกขจัดออกไปอย่างสมบูรณ์แบบเหลือไว้แต่ส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดไว้
ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสามจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
แต่ก็ยกย่องเขาถึงแม้ว่าพวกเขาจะเหมาะสมที่จะทำงานนี้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะสามารถทำได้ดีกว่าหยางเฉิน
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะนำมาเทียบกับหยางเฉิน
เมื่อเค่อเหลียนหยุนมองมาที่หยางเฉิน มองดูก็ไม่ได้มีพฤติกรรมแปลกๆอะไร
แม้แต่ในการหารือเขาใช้ความพยายามทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นความไม่พอใจของเขาทุกครั้งที่เขามองมายังส่วนผสมที่บริสุทธิ์เหล่านี้มีร่องรอยของความชั่วร้ายสาดเข้ามายังสีหน้าของเขาแค่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ภายในเวลาครึ่งปีหยางเฉินก็กลั่นส่วนผสมทั้งหมดที่ต้องใช้ในการกลั่นเสร็จส่วนวัตถุดิบที่เหลือพวกเขาจะกลั่นเมื่อถึงจุดที่ต้องการใช้
เช่นเดียวกับหญ้าฟ้าครามระดับสูงของเหล่านี้ต่างรอที่จะถูกกลั่นบริสุทธิ์ในขั้นตอนสุดท้าย
วิธีนับสิบของผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสามถูกยกขึ้นมาหลังจากหารือกันกับข้อเสนอนับพัน
และถ้าจำเป็นพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ในขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี้พร้อมแล้ว
พวกเขารอเพียงแค่เริ่มต้นในการกลั่น
สนุกดีครับ มาต่อเร็วๆน่ะ
ตอบลบ