เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
เป็นอุปกรณ์เวทอีกชิ้นหนึ่งที่หยางเฉินใส่ใจมาก มันเป็นเตาชั้นดี
ถ้าเขาเพิ่มระดับมันอย่าง พิถีพิถันแล้ว มันจะจัดอยู่ในสิบอันดับแรก
แม้แต่ในโลกของเซียน
คุณสมบัติของเคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ไม่ได้ย่ำแย่
หรือว่าการจะสามารถปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นต้องทำอย่างไร? หยางเฉินไม่มีทางที่จะใช้สิ่งที่คุณสมบัติไม่ดีในการปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
พลังจิตวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้การควบคุมของหยางเฉิน
เริ่มปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณจากภายในสู่ภายนอก
หยางเฉินให้ความระมัดระวังในการปรับแต่งอย่างมาก
เขากระทั่งใช้จิตสํานึกทางจิตวิญญาณเข้าตรวจสอบ สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่จะหลุดเข้ามาในเตาแก่นจิตวิญญาณ มันเป็นความสัมพันธ์กันระหว่างการปรับแต่งกับเจ้าของของมัน
ตอนนี้จิตวิญญาณการรับรู้ของเขาเทียบได้กับระดับก่อลําต้นขั้นกลาง มันจึงพุ่งตรงทะลุเข้าไปภายในเตา
ปรับโครงสร้างและเตรียม ทุกอย่างสําหรับเขาเอง
ถึงแม้การใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
จะประสบความสําเร็จ
แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เขาไม่ค่อยจะพอใจนัก
..ระดับขั้นพลังจิตธาตุไฟของมันตํ่ามาก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีวัสดุหรือแหล่งพลังงานไฟที่เหมาะสม
มันเป็นข้อบกพร่องที่เห็นได้แต่ยังแก้ไขไม่ได้
ทําให้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก
มันจึงเป็นสิ่งที่จําเป็นที่เขาต้องเร่งเพิ่มพลังจิตธาตุไฟของเขา
แต่แรกเริ่มหยางเฉินมีรากของจิตวิญญาณเป็นธาตุไฟ
แต่ขอบเขตของมันตํ่ามาก นอกจากนั้น
เขามีความต้องการที่จะทําความเข้าใจกับธาตุอื่น
ดังนั้นเขาต้องทําให้เขาเข้ากับทุกธาตุ
แต่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น เขาจําต้องคิดไกล กว่านั้น
แต่เขาต้องให้การบ่มเพาะธาตุไฟโดดเด่นกว่าธาตุอื่น มิฉะนั้นมันจะดึงดูดสายตาผู้อื่น
ตอนนี้เขารู้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
เขารู้ว่าภายในหลุมดักเซียนมีสถานที่ที่มีกระแสปราณไฟใต้ดินไหลเวียน ร่วมกับไฟ
แกนกลางพิภพ ซึ่งเป็นไฟหยินระดับสูง ใช้สําหรับการปรุงยา
ซึ่งไม่เพียงจะช่วยยกระดับเตาหลอมจิตวิญญาณลํ้าเลิศ และ
สามารถช่วยให้การเข้าใจการบ่มเพาะธาตุไฟของเขาดียิ่งขึ้น
หลังจากใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
แล้วต่อด้วยเคล็ดวิชาเซ่นสังเวยก่อร่างปฐพีและเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ ด้วยเคล็ดวิชาการปรับแต่งระดับเลิศ
บวกกับความชํานาญในการใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้
มันสามารถคิดได้ว่าเหมือนกับการครอบครองอาวุธเวท
ถึงแม้อาวุธเวทจะมีระดับสูงกว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ และมาวางเบื้องหน้าเขา
แม้จะมีพลังมากมาย แต่มันก็จะถูกบดบังรัศมีโดยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
หลังการปรับแต่งกล่องกระบี่
เขาก็หยิบเอาขวดสวนสมุนไพรจากกระเป๋าจัดเก็บเพื่อให้มันมาดูดซับพลังจิตวิญญาณ
เพราะเจ้าพลังงานไฟแกนโลกอยู่คนละทางกับหมู่บ้านหลีโลว เขาต้องออกจากที่นี่
เมื่อเขากําลังจะวางขวดลง
ก็มีอะไรบางอย่างทำให้เขาประหลาดใจ
ขวดสวนสมุนไพรและฝาของมันดั้งเดิมทีจัดเป็นอุปกรณ์เวทระดับสูงมาก
และด้วยพลังการบ่มเพาะที่ยังตํ่าอยู่ของเขาจึงยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะปรับแต่งมัน
แม้จะมีเคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ และเคล็ดวิชาเซ่นสังเวยก่อร่างปฐพี
ก็ยังไร้ประโยชน์อย่างน้อยตัวเขาต้องอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานก่อน
เดิมทีที่ภูเขาหยาง
ขวดสวนสมุนไพรหลงเหลือเพียงร่องรอยพลังจิตวิญญาณบาง ๆ เมื่อตอนที่เขาได้รับกล่องกระบี่ของผู้อาวุโส
เจ้าขวดได้ดูดซับกระแสปราณจํานวนมาก
แต่ก็เพียงเพิ่มชั้นความหนาขึ้นหนึ่งชุนไม่มากกว่านั้น
แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ทั้งตัวขวดเปล่งแสงสีนํ้าเงินเขย่าขวัญผู้คนที่ถือมันไว้ในมือ
ดูแล้วมันคล้ายก้อนนํ้าแข็งที่ดู โปร่งใสและเปล่งประกาย
ไม่เพียงขวดสีนํ้าเงินแม้แต่ฝาของมันก็ดูดซับพลังจิตวิญญาณจนเต็ม
และเปล่งประกายแสงสีทองสดใสออกมา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยางเฉินไม่คาดคิด
เพราะเดิมทีเขาคิดว่าฝามันก็เป็นส่วนหนึ่งของขวด ดังนั้นเขาจึงแปลกใจมากที่เห็นการแยกตัวในการดูดซับเอง
ยิ่งไปกว่านั้น
เมื่อดูที่สีมันเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าอักขระอาคมกระบี่ของขวดนี้เป็นธาตุโลหะ
นี่นับเป็นน่ายินดีทีเดียว
อย่างน้อยที่สุด หยางเฉินก็ไม่ต้องมากังวล
เรื่องความต้องการพลังจิตวิญญาณของสวนสมุนไพร ไปอย่างน้อยหลายสิบหรือร้อยปีเลยที่เดียว
และหลังจากนั้นตราบเท่าที่เขาสามารถปรับแต่ง ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม
เพื่อให้มันดูดซับพลังจิตวิญญาณทุกชนิดของธาตุทั้งห้า
และก่อรูปแบบโลกของธาตุทั้งห้าในตัวมันเอง และในเวลานั้น
เขาแน่ใจว่ามันจะเป็นมากกว่าสวนที่ใช้ปลูกสมุนไพรทํายาที่มันกําลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
เส้นทางการบ่มเพาะยาวไกลนัก
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะขึ้นไป การได้รวบรวมสมุนไพไม่กี่พันปีนี้ไว้
ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล
กระแสพลังจิตวิญญาณใต้พิภพที่มีมหาศาล
เริ่มที่จะอ่อนลงเนื่องจากการดูดซับอย่างบ้าคลั่งของหยางเฉินในสองปีนี้
รวมทั้งการดูดซับของขวด
เพียงแต่หลุมดักเซียนนี้อยู่ใต้ดิน มันจึงฟื้นตัวเองโดยธรรมชาติ
แต่เขายังไม่รู้ตัวและไม่ชอบถ้า จะมีผู้ฝึกการบ่มเพาะอื่นมาพบที่นี่ในวันข้างหน้า
โดยอาศัยการช่วยจากไข่มุกในมือ
และมองดูที่แห่งนี้อย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
เขารู้สึกไม่เต็มใจที่จะแบ่งบันที่แห่งนี้ให้กับใคร ก่อนที่จะจากไป
เขาสามารถหาทิศที่ตั้งหมู่บ้านหลีโลวโดยอาศัยไข่มุกในมือ
นอกจากมันจะให้แสงสว่างแล้ว มันยังชี้นําทิศทางกลับหมู่บ้าน
แก่ผู้ฝึกการบ่มเพาะทุกคน ให้กลับหมู่บ้านได้แน่ ๆ ขณะกําลังเดิน
หยางเฉินก็ได้โอกาสสํารวจตรวจนับแก่นจิตวิญญาณ
อันเป็นผลตอบรับจากสงครามกับเหล่าสัตว์เสียที
หลังจากที่ขลุกอยู่กับการบ่มเพาะโดยวิธีสังหาร ในหลายวันนี้
หลังจากที่สังหารสัตว์อสูรจิตวิญญาณไปหลายล้านตัว
หยางเฉินได้รับแก่นจิตวิญญาณมากกว่าสิบล้านหน่วย มันมากกว่าสิบล้าน มันจะหมายความว่าอย่างไร?
ในเมื่อทุกห้าหมื่นแก่นจิตวิญยาณของห้าธาตุสามารถเพิ่มอัตราการควบแน่นของพลังจิตวิญญาณได้หนึ่งหน่วย
หนึ่งหน่วยของพลังจิตวิญญาณมันเทียบเท่ากับหนึ่งในร้อยของอัตราการเพิ่มพลังจิตวิญญาณภายในพระราชวังทั้งหมด
ที่ตั้งอยู่บนเขาเหม่ยชืง
แม้ว่ามันจะมีแก่นจิตวิญญาณนับสิบล้าน
อีกทั้งพวกมันยังสามารถขยายเส้นจิตวิญญาณได้มากกว่า200เท่า ต่อหนึ่งหน่วย
นั่นหมายความว่าสามารถขยายแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของพระราชวังหยางออกไปได้มากสุดสองเท่า
อีกทั้งยังหมายความว่า ในอนาคตการฝึกฝนที่ภูเขาเหม่ยชิงจะให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นสองเท่าหากเทียบกับก่อนหน้านี้
รวมแล้วมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของก่อนหน้านี้
ในเวลานี้
ถ้าหยางเอาแก่นจิตวิญญาณที่เขามีทั้งหมดออกมา
พระราชวังก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล สำหรับนิกายที่แข็งแกร่ง
มันจำเป็นที่จะต้องมีศิษย์ ทักษะการบ่มเพาะ และเงิน ในตอนนี้
หยางทีเพียงแค่ความแข็งแกร่งที่จะสามารถเพิ่มคว่มแข็งแกร่งให้กับพระราชวังได้
นิกายก็จะมีแหล่งกำเนิดจิตวิญเป็นสามเท่า
ใครจะรู้ว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบแบบไหนในอนาคต?
หลังการสังหารสัตว์อสูรหลายล้านตัว
ตอนนี้เขามีแก่นจิตวิญญาณมากกว่าสิบล้านชิ้น
แม้เพียงสิบล้านอัน
มันก็ยังนํามาเพิ่มให้กระแสปราณจิตวิได้มากกว่ากระแสสองร้อยหน่วย
นั่นคือจํานวนกระแสปราณใน พระราชวังหยางที่จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ
ทําให้การฝึกการบ่มเพาะ การฝึกพลังจิตวิญญาณที่เขาเหมยซิง จะได้ผลมากเพิ่ม
พิเศษอีกสองเท่า รวมเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ตอนนี้ถ้าหยางเฉินนําเอาแก่นจิตวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับไปให้
พระราชวังหยางจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในการทํา
ให้ศิษย์นิกายมีความแข็งแกร่งนั้น ย่อมขึ้นกับเงิน วิธีการบ่มเพาะ
เวลานี้ด้วยความแข็งแกร่งของหยางเฉิน เขาสามารถทํา ให้นิกายได้รับแหล่งพลังงานกระแสปราณจิตวิญญาณเพิ่มเป็นสามเท่า
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ผลที่จะตามมาในอนาคต
แม้จะเป็นศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐานก็ไม่สามารถรวบรวมแก่นจิตวิญญาณได้มากมายขนาดนี้ในสิบปี
นั่นหมายความว่าที่หยางเฉินได้มามากมายอาจจะถูกมองว่าใช้เล่ห์กล
เจตจำนงแห่งการฆ่าของเขามีการเปลี่ยนแปลงของสีเล็กน้อยภายในทะเลการรับรู้ มันครอบคลุมไปทั่วบริเวณรอบๆหยางเฉิน
บรรดาเหล่าสัตว์อสูรไม่กล้าเข้าใกล้เขา
หลังจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรหลายล้านตัว
ร่างกายของหยางเฉินได้แผ่แรงกดดันของนักล่าไปที่เหล่าสัตว์อสูร ดังนั้นเป็นธรรมชาติที่พวกมันไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มที่จะรุกเขาก่อน
เดิมทีเนื่องจากต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
เขาจะใช้เวลาสิบห้าวัน จึงจะได้กลับมาที่นี่
แต่ตอนนี้เพียงเจ็ดวัน
เขาก็มองเห็นหมู่บ้านหลีโลวแล้วว่าจะใช้เวลาในการเดินทางอีกเพียงไม่กี่วัน
ทันใดนั้น
..เบื้องหน้าเขาแสงจากไข่มุกราตรีพลันปรากฏ มันก็คล้ายกับของหยางเฉิน
ที่ช่วยนําทางผู้คนในการไปหมู่บ้านหลีโลว….
ในเวลาไม่นานก็มีเสียงก้องในหูหยางเฉิน
“ฮ่า..ฮ่า….ฮ่า…การรอคอยเจ้าปีครึ่งไม่เสียเปล่า
ในที่สุดเจ้าก็มา ! หยางเฉินรับความตายซะ”
เสียงที่คล้าย ๆ
จะคุ้นเคยกับเขาแต่หยางเฉินก็ชะงักเพียงชั่วครู่
ทันทีที่จําได้ น่าประหลาดแท้นี่เป็นเสียงของจินเตา
ผู้ซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจปีศาจและจิตวิญญาณอยู่ในสภาพง่อนแง่น โดยฝีมือของหยางเฉิน
ถ้าหากจินเตาไม่พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในหลุมดักเซียนแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาสามารถรอหยางเฉินปีครึ่งได้อย่างไร?
“พยายามที่จะสังหารข้าในหลุมดักเซียนนี่นะ ..จินเตา
ท่านไม่กลัวว่าจะถูกสภาผู้อาวุโสทั้งห้าพบเห็นรึ ?”
ตั้งแต่เริ่มส่งเสียง
ตะโกนให้หยางเฉินไปตาย แต่ก็ยังไม่มีการจู่โจมอันใด มันน่าจะเกิดจากเขาน่าจะกังวลอะไรบางอย่าง หยางเฉินฟังออกถึงความลังเลในนํ้าเสียงนั้น
มันจึงทําให้เขาไม่เคร่งเครียดและถามกลับไป
“ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้
แน่ล่ะการจะสังหารใครในที่นี่ย่อมไม่ได้ ….แต่เดี๋ยวนี้…หึ…”
จินเตาหัวเราะขึ้นจมูก
“…มีสัตว์อสูรไม่ทราบชนิดปรากฏ
ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสต้องเข้าไปส่วนที่ลึก ๆ ในหลุมดักเซียนเพื่อหาข้อเท็จจริง
ดังนั้นถ้ามันจะ มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับศิษย์บ้าง ..มันก้อ…ธรรมดามิใช่รึ ?”
“ตามที่พูดนี่ ก็คือ
การฆ่าใครสักคน มันไม่นํามาซึ่งปัญหาใช่ไหม?”
หยางเฉินไม่ได้กังวลเรื่องปัญหา
เพียงอยากเลี่ยงความยุ่งยาก และทําตามจังหวะโอกาสที่มี
“เฉพาะนั้นเจ้ายืดคอออกมา
ข้าจะได้ตัดง่าย ๆ …นอกจากข้าแล้ว
จะไม่มีใครรู้กระทั่งว่าเจ้าตายอย่างไร”
ใบหน้าจินเตาผุดรอยยิ้มอันชั่วร้าย
และเต็มไปด้วยความโกรธ
“คิด ๆ แล้ว …ข้าจินเตาผู้ยิ่งใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดระดับก่อสร้างรากฐานก็แปลกใจ ที่กลายมาเป็นเรื่องสนุกสนานสําหรับเจ้า
ที่อยู่ระดับรวบรวมลมปราณอันกระจอก
ถ้าไม่ใช่เหล่าสภาผู้อาวุโสพบความผิดปกติละก็ … ในตอนนี้ข้าก็คงมียังปั่นป่วนอยู่ในหัว”
วาจาที่กราดเกรี้ยวของจินเตา
บ่งบอกถึงเหตุที่
ทําไมเขาที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจปีศาจและจิตวิญญาณที่เซื่องซึม
จึงฟื้นคืนสติและตั้งท่ารอคอยหยางเฉินถึงปีครึ่ง
มันก็แค่ผู้ดูแลหลุมดักเซียนพบเห็นสิ่งผิดแปลกของศิษย์ผู้มาฝึกก็เลยแก้ไขให้
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ข้าต้องกลายเป็นตัวตลก
ท่ามกลางผู้คนในหลุมดักเซียนเป็นปีเพราะเจ้า
ข้าต้องการที่จะบดกระดูกเจ้าเป็นผง เพื่อไถ่ถอนความเกลียดชังออกจากหัวใจข้า”
จินเตาเอ่ยอย่างหนักแน่น …สําหรับเขาซึ่งหยิ่งทะนงและโอหัง
ต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้ทําให้เกิดความอายและอัปยศอดสูอย่างมาก ความจริงเขารู้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทําของหยางเฉิน
แต่เขาไม่สามารถให้ผู้อื่นล่วงรู้ ถ้ามีใครรู้ว่าเขาถูกคนระดับรวบรวมลมปราณเล่นงาน
เขาคงไม่สามารถเงยหน้าดูผู้อื่นได้อีก
จินเตามั่นใจมากว่า
หยางเฉินใช้อุบายบางอย่างเขา มิฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะทําให้จินเตาตกตํ่าอย่างนี้
แม้เขาจะไม่ชัดเจนว่าอุบายอะไร
แต่เขารู้ว่าเจ้าผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณคนนี้เป็นนักปรุงยาระดับที่สอง
เป็นไปได้อาจจะใช้พิษจัดการกับเขาแต่ถ้าเผชิญกันซึ่งหน้า
จินเตาเชื่อมั่นว่าหยางเฉินไม่สามารถทําอันใดเขาได้
โดยปกติหยางเฉินไม่ได้เชื่อวาจาของจินเตาง่าย
ๆ เขาปล่อยจิตสํานึกวิญญาณเต็มพิกัด
สํารวจสิ่งรอบ ๆ เพียงต้องการตรวจสอบว่ามีสัญญาณบ่งบอกการคงอยู่ของผู้อื่นหรือไม่
ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดอื่น ซึ่งมันมีรัศมีทําการได้หลายร้อยจ้าง
ผลที่ออกมาสร้างความยินดีแก่หยางเฉิน …รอบ ๆ นี้ปราศจากผู้คน มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้น
แล้วทําการถอนร่องรอยเจตจำนงแห่งการฆ่า
ที่กดดันสัตว์อสูรใต้พิภพ เอ่ยด้วยรอยยิ้มกับจินเตาที่อยู่เบื้องหน้า
“จินเตา
หากเจ้าเป็นหนี้เจ้าก็คือลูกหนี้…..”
โดยไม่รอหยางเฉินพูดจบ
จินเตาขัดขึ้นและแสยะยิ้ม
“ถูกต้อง
มันไม่เป็นธรรม ศีรษะและเจ้าเป็นหนี้เจ้าก็คือลูกหนี้ ใช่แล้ว หานเจียน
ศิษย์นิกายเทียนเชวียนของข้าที่ได้ไปตอแยเจ้าก่อนและนํามาสู่การท้าทายเป็นตายความตายสําหรับเขา
มันถูกต้อง! ลึกๆ แล้วพวกเราผู้ฝึกการบ่มเพาะไม่ใส่ใจกับมันมากนัก …การช่วยเหลือคนของตนบ่อยครั้งมันไม่ถูกต้อง แต่ด้วยเหตุที่ว่า..ต้องทํา …ไม่ต้องสนใจกับความขุ่นข้องใจอื่น นี่เป็นวิถีของโลก…มันไม่เป็นธรรมจริง!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสจินมาก
ๆ ที่ให้คําชี้แนะ”
เพราะคํากล่าวของจินเตา
ทําให้หยางเฉินได้คิดอะไรได้ในทันใด เขาจึงกล่าวคําขอบคุณศัตรูเป็นครั้งแรก
“ชี้แนะอะไร ? “
จินเตาที่ยังนั่งตําแหน่งเดิมด้านตรงข้าม
คิดอะไรไม่ออก คํากล่าวเรื่องความอยุติธรรมอะไร ที่เป็นคําชี้แนะให้หยางเฉิน
“ประการแรก
คํากล่าวของผู้อาวุโสคือ การให้ความช่วยเหลือคนของตัวเอง
ไม่จําเป็นต้องมีเหตุผลรองรับเสมอไป”
หยางเฉินประสานมือคารวะขอบคุณจินเตาอย่างกระตือรือล้น
ยิ่งทําให้ท่าทีของจินเตาดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น
“เมื่อมีหนึ่งก็ต้องมีสอง
แล้วประการที่สองล่ะ”
ในเวลานั้นจินเตารู้สึกประหลาดใจในคําพูดของหยางเฉิน
ดังนั้นเขาจึงหยุดที่จะซักถามไม่ได้
“ประการที่สองนี่
ยิ่งต้องขอบคุณผู้อาวุโสมาก ๆ ที่อุตส่าห์บอกข้าว่า
การสังหารคนที่นี่จะไม่มีปัญหาใด”
ได้ยินวาจาโต้ตอบจากหยางเฉิน
จินเตาถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ
ทันใดก็หัวเราะอย่างดุเดือด ชี้นิ้วไปที่หยางเฉิน อีกมือก็กุมอยู่ที่ท้อง เขาหัวเราะอย่างยาวนาน
ราวกับพบเรื่องน่าขําอย่างมาก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลังจากหัวเราะอย่างดังเป็นเวลานาน
ท่าทีเขาก็กลับคืนปกติ และเอ่ยอย่างเฉยชา
“นี่
นี่คือสุดยอดเรื่องตลกที่ข้าเคยได้ยินในชีวิตนี้ เอาล่ะ
ข้าจะสอนเจ้าถึงความแตกต่างของระดับก่อสร้างรากฐานกับรวบรวมลมปราณ”
หลังจากพูดจบก็เกิดรังสีกระบี่ก็วาบขึ้นท้องฟ้า
พุ่งออกจากหลังเขา
และมันเปลี่ยนเป็นกระบี่บินอย่างรวดเร็วเปร่งประกายราวกับหิมะ
มันเริ่มโฉบเฉี่ยว แล้วโฉบมาอยูในแนวขนานพื้นเบื้องหน้าจินเตา
หยางเฉินผู้ซึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าเขา
เริ่มโยกพลิ้วอย่างพิสดารและพลันหายไป ..เผชิญเหตุการณ์อย่างนี้จินเตาดูจะไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย
กระบี่ของเขาเปล่งประกายแสงอีกครั้งและแกว่งไปรอบ ๆ
“ใช้เทคนิคการหลบหนี?
..เจ้าอยู่ในขั้นที่แปดรวบรวมลมปราณ มิน่าถึงกล้าคุยใหญ่โตนัก”
จินเตาคําราม
เอามือลงที่พื้นแตะด้วยนิ้ว ตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“หยุดให้กับข้า”
บริเวณพื้นที่นิ้วสัมผัส
ทันใดนั้นก็ระเบิด กระบี่เปล่งประกายอีกครั้งและหายไปในรอยแยกของพื้นดิน
“ติ๊ง…ติ๊งติ๊ง…ติ๊ง !”
เสียงกระทบของกระบี่ดังอย่างต่อเนื่องจากใต้ดิน
จินเตาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เจ้าวัตถุนี่
..มันตัวอะไร มันหยุดกระบี่บินข้าได”
จินเตารู้สึกประหลาดใจที่หยางเฉินสามารถหยุดยั้งกระบี่บินที่เขาปรับแต่งอย่างปราณีตครั้งแล้วครั้งเล่าโดยอาวุธอะไรบางอย่าง
ที่ไม่ใช่เป็นสิ่งทีทําโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณแน่ หลังความประหลาดใจ
ใบหน้าจินเตาเผยถึงท่าทีที่ยินดี
“หลังสังหารเจ้า
อาวุธชั้นดีนี้ จะเป็นของข้า”
“ข้าคิดว่า
ท่านต้องสงสัยอยู่แล้วว่าเหตุใดหลังจากที่เวลาผ่านมานาน
จึงไม่มีสัตว์อสูรโผล่ออกมาเลย”
หยางเฉินไม่ได้เปิดเผยตัวเอง
แต่เสียงดังก้องมาจากทุกทิศทาง
ได้ยินวาจาหยางเฉิน
ทําให้จินเตาค่อยพบว่า เหตุการณ์มันผิดธรรมดา
เขามัวแต่ดีใจที่ได้มีโอกาสกําจัดหยางเฉิน เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
“เกิดอะไรขึ้น…?”
เขาพบว่าตอนนี้สัตว์อสูรใต้พิภพสิบตัวอยู่รอบ
ๆ เขาแล้ว ถ้าเขาไม่เรียกกระบี่บินกลับมาเห็นได้ชัดว่า
เขาจะถูกบดขยี้โดยเหล่าสัตว์อสูร
ขณะที่เขาลังเลอยู่ เสียงหยางเฉินพลันดังอีกครั้ง
“เจ้าต้องการที่จะสังหารข้า
ด้วยระดับความสามารถแค่นี้เรอะ ….ฝันไปเถอะ”
…ฝันไปเถอะ… คํานี้
ครั้งแรกที่ได้ยินเข้าถึงจิตใจของจินเตา
มันได้สร้างความหวาดผวา ฝังลงลึกสู่เบื้องล่างจิตใจของจินเตา ถึงกลับกลายเป็นโรคประสาทในทันที
กลับกลายเป็นผู้ถูกล่าแล้ว
ตอบลบมาให้เชือดถึงที่ซะงั้น อาเมน!
ตอบลบโดนตบทรัพย์ด้วยแน่แต่ท่าทางบักจินเตาคงทรัพย์จาง