เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ZX 062 ต้องการฆ่าข้า? ฝันไปเถอะ!


เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ เป็นอุปกรณ์เวทอีกชิ้นหนึ่งที่หยางเฉินใส่ใจมาก มันเป็นเตาชั้นดี ถ้าเขาเพิ่มระดับมันอย่าง พิถีพิถันแล้ว มันจะจัดอยู่ในสิบอันดับแรก แม้แต่ในโลกของเซียน 

คุณสมบัติของเคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ไม่ได้ย่ำแย่ หรือว่าการจะสามารถปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นต้องทำอย่างไร? หยางเฉินไม่มีทางที่จะใช้สิ่งที่คุณสมบัติไม่ดีในการปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ พลังจิตวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้การควบคุมของหยางเฉิน เริ่มปรับแต่งเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณจากภายในสู่ภายนอก

หยางเฉินให้ความระมัดระวังในการปรับแต่งอย่างมาก เขากระทั่งใช้จิตสํานึกทางจิตวิญญาณเข้าตรวจสอบ สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ  ที่จะหลุดเข้ามาในเตาแก่นจิตวิญญาณ  มันเป็นความสัมพันธ์กันระหว่างการปรับแต่งกับเจ้าของของมัน ตอนนี้จิตวิญญาณการรับรู้ของเขาเทียบได้กับระดับก่อลําต้นขั้นกลาง  มันจึงพุ่งตรงทะลุเข้าไปภายในเตา ปรับโครงสร้างและเตรียม ทุกอย่างสําหรับเขาเอง

ถึงแม้การใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ จะประสบความสําเร็จ  แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เขาไม่ค่อยจะพอใจนัก ..ระดับขั้นพลังจิตธาตุไฟของมันตํ่ามาก  ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีวัสดุหรือแหล่งพลังงานไฟที่เหมาะสม มันเป็นข้อบกพร่องที่เห็นได้แต่ยังแก้ไขไม่ได้   ทําให้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก มันจึงเป็นสิ่งที่จําเป็นที่เขาต้องเร่งเพิ่มพลังจิตธาตุไฟของเขา 

แต่แรกเริ่มหยางเฉินมีรากของจิตวิญญาณเป็นธาตุไฟ แต่ขอบเขตของมันตํ่ามาก นอกจากนั้น เขามีความต้องการที่จะทําความเข้าใจกับธาตุอื่น  ดังนั้นเขาต้องทําให้เขาเข้ากับทุกธาตุ แต่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น เขาจําต้องคิดไกล กว่านั้น แต่เขาต้องให้การบ่มเพาะธาตุไฟโดดเด่นกว่าธาตุอื่น  มิฉะนั้นมันจะดึงดูดสายตาผู้อื่น

ตอนนี้เขารู้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด เขารู้ว่าภายในหลุมดักเซียนมีสถานที่ที่มีกระแสปราณไฟใต้ดินไหลเวียน ร่วมกับไฟ แกนกลางพิภพ ซึ่งเป็นไฟหยินระดับสูง ใช้สําหรับการปรุงยา ซึ่งไม่เพียงจะช่วยยกระดับเตาหลอมจิตวิญญาณลํ้าเลิศ และ สามารถช่วยให้การเข้าใจการบ่มเพาะธาตุไฟของเขาดียิ่งขึ้น

หลังจากใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ แล้วต่อด้วยเคล็ดวิชาเซ่นสังเวยก่อร่างปฐพีและเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ  ด้วยเคล็ดวิชาการปรับแต่งระดับเลิศ บวกกับความชํานาญในการใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้ มันสามารถคิดได้ว่าเหมือนกับการครอบครองอาวุธเวท  ถึงแม้อาวุธเวทจะมีระดับสูงกว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ และมาวางเบื้องหน้าเขา แม้จะมีพลังมากมาย แต่มันก็จะถูกบดบังรัศมีโดยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ

หลังการปรับแต่งกล่องกระบี่ เขาก็หยิบเอาขวดสวนสมุนไพรจากกระเป๋าจัดเก็บเพื่อให้มันมาดูดซับพลังจิตวิญญาณ เพราะเจ้าพลังงานไฟแกนโลกอยู่คนละทางกับหมู่บ้านหลีโลว เขาต้องออกจากที่นี่ เมื่อเขากําลังจะวางขวดลง  ก็มีอะไรบางอย่างทำให้เขาประหลาดใจ

ขวดสวนสมุนไพรและฝาของมันดั้งเดิมทีจัดเป็นอุปกรณ์เวทระดับสูงมาก และด้วยพลังการบ่มเพาะที่ยังตํ่าอยู่ของเขาจึงยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะปรับแต่งมัน แม้จะมีเคล็ดวิชากลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ และเคล็ดวิชาเซ่นสังเวยก่อร่างปฐพี ก็ยังไร้ประโยชน์อย่างน้อยตัวเขาต้องอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานก่อน

เดิมทีที่ภูเขาหยาง ขวดสวนสมุนไพรหลงเหลือเพียงร่องรอยพลังจิตวิญญาณบาง ๆ  เมื่อตอนที่เขาได้รับกล่องกระบี่ของผู้อาวุโส เจ้าขวดได้ดูดซับกระแสปราณจํานวนมาก แต่ก็เพียงเพิ่มชั้นความหนาขึ้นหนึ่งชุนไม่มากกว่านั้น แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ทั้งตัวขวดเปล่งแสงสีนํ้าเงินเขย่าขวัญผู้คนที่ถือมันไว้ในมือ ดูแล้วมันคล้ายก้อนนํ้าแข็งที่ดู โปร่งใสและเปล่งประกาย

ไม่เพียงขวดสีนํ้าเงินแม้แต่ฝาของมันก็ดูดซับพลังจิตวิญญาณจนเต็ม และเปล่งประกายแสงสีทองสดใสออกมา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยางเฉินไม่คาดคิด เพราะเดิมทีเขาคิดว่าฝามันก็เป็นส่วนหนึ่งของขวด ดังนั้นเขาจึงแปลกใจมากที่เห็นการแยกตัวในการดูดซับเอง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูที่สีมันเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าอักขระอาคมกระบี่ของขวดนี้เป็นธาตุโลหะ

นี่นับเป็นน่ายินดีทีเดียว อย่างน้อยที่สุด  หยางเฉินก็ไม่ต้องมากังวล เรื่องความต้องการพลังจิตวิญญาณของสวนสมุนไพร ไปอย่างน้อยหลายสิบหรือร้อยปีเลยที่เดียว และหลังจากนั้นตราบเท่าที่เขาสามารถปรับแต่ง ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม เพื่อให้มันดูดซับพลังจิตวิญญาณทุกชนิดของธาตุทั้งห้า และก่อรูปแบบโลกของธาตุทั้งห้าในตัวมันเอง และในเวลานั้น เขาแน่ใจว่ามันจะเป็นมากกว่าสวนที่ใช้ปลูกสมุนไพรทํายาที่มันกําลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เส้นทางการบ่มเพาะยาวไกลนัก  เมื่อถึงเวลาที่เขาจะขึ้นไป การได้รวบรวมสมุนไพไม่กี่พันปีนี้ไว้ ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล

กระแสพลังจิตวิญญาณใต้พิภพที่มีมหาศาล เริ่มที่จะอ่อนลงเนื่องจากการดูดซับอย่างบ้าคลั่งของหยางเฉินในสองปีนี้ รวมทั้งการดูดซับของขวด  เพียงแต่หลุมดักเซียนนี้อยู่ใต้ดิน มันจึงฟื้นตัวเองโดยธรรมชาติ แต่เขายังไม่รู้ตัวและไม่ชอบถ้า จะมีผู้ฝึกการบ่มเพาะอื่นมาพบที่นี่ในวันข้างหน้า

โดยอาศัยการช่วยจากไข่มุกในมือ และมองดูที่แห่งนี้อย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เขารู้สึกไม่เต็มใจที่จะแบ่งบันที่แห่งนี้ให้กับใคร ก่อนที่จะจากไป

เขาสามารถหาทิศที่ตั้งหมู่บ้านหลีโลวโดยอาศัยไข่มุกในมือ นอกจากมันจะให้แสงสว่างแล้ว มันยังชี้นําทิศทางกลับหมู่บ้าน แก่ผู้ฝึกการบ่มเพาะทุกคน ให้กลับหมู่บ้านได้แน่ ๆ   ขณะกําลังเดิน หยางเฉินก็ได้โอกาสสํารวจตรวจนับแก่นจิตวิญญาณ อันเป็นผลตอบรับจากสงครามกับเหล่าสัตว์เสียที หลังจากที่ขลุกอยู่กับการบ่มเพาะโดยวิธีสังหาร ในหลายวันนี้   

หลังจากที่สังหารสัตว์อสูรจิตวิญญาณไปหลายล้านตัว หยางเฉินได้รับแก่นจิตวิญญาณมากกว่าสิบล้านหน่วย มันมากกว่าสิบล้าน  มันจะหมายความว่าอย่างไรในเมื่อทุกห้าหมื่นแก่นจิตวิญยาณของห้าธาตุสามารถเพิ่มอัตราการควบแน่นของพลังจิตวิญญาณได้หนึ่งหน่วย หนึ่งหน่วยของพลังจิตวิญญาณมันเทียบเท่ากับหนึ่งในร้อยของอัตราการเพิ่มพลังจิตวิญญาณภายในพระราชวังทั้งหมด ที่ตั้งอยู่บนเขาเหม่ยชืง

แม้ว่ามันจะมีแก่นจิตวิญญาณนับสิบล้าน อีกทั้งพวกมันยังสามารถขยายเส้นจิตวิญญาณได้มากกว่า200เท่า ต่อหนึ่งหน่วย นั่นหมายความว่าสามารถขยายแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของพระราชวังหยางออกไปได้มากสุดสองเท่า อีกทั้งยังหมายความว่า ในอนาคตการฝึกฝนที่ภูเขาเหม่ยชิงจะให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นสองเท่าหากเทียบกับก่อนหน้านี้ รวมแล้วมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของก่อนหน้านี้

ในเวลานี้ ถ้าหยางเอาแก่นจิตวิญญาณที่เขามีทั้งหมดออกมา พระราชวังก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล สำหรับนิกายที่แข็งแกร่ง มันจำเป็นที่จะต้องมีศิษย์ ทักษะการบ่มเพาะ และเงิน ในตอนนี้ หยางทีเพียงแค่ความแข็งแกร่งที่จะสามารถเพิ่มคว่มแข็งแกร่งให้กับพระราชวังได้ นิกายก็จะมีแหล่งกำเนิดจิตวิญเป็นสามเท่า ใครจะรู้ว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบแบบไหนในอนาคต?

หลังการสังหารสัตว์อสูรหลายล้านตัว ตอนนี้เขามีแก่นจิตวิญญาณมากกว่าสิบล้านชิ้น  แม้เพียงสิบล้านอัน มันก็ยังนํามาเพิ่มให้กระแสปราณจิตวิได้มากกว่ากระแสสองร้อยหน่วย นั่นคือจํานวนกระแสปราณใน พระราชวังหยางที่จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทําให้การฝึกการบ่มเพาะ การฝึกพลังจิตวิญญาณที่เขาเหมยซิง จะได้ผลมากเพิ่ม พิเศษอีกสองเท่า รวมเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้  ตอนนี้ถ้าหยางเฉินนําเอาแก่นจิตวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับไปให้ พระราชวังหยางจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในการทํา ให้ศิษย์นิกายมีความแข็งแกร่งนั้น ย่อมขึ้นกับเงิน วิธีการบ่มเพาะ เวลานี้ด้วยความแข็งแกร่งของหยางเฉิน เขาสามารถทํา ให้นิกายได้รับแหล่งพลังงานกระแสปราณจิตวิญญาณเพิ่มเป็นสามเท่า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ผลที่จะตามมาในอนาคต 

แม้จะเป็นศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐานก็ไม่สามารถรวบรวมแก่นจิตวิญญาณได้มากมายขนาดนี้ในสิบปี นั่นหมายความว่าที่หยางเฉินได้มามากมายอาจจะถูกมองว่าใช้เล่ห์กล 

เจตจำนงแห่งการฆ่าของเขามีการเปลี่ยนแปลงของสีเล็กน้อยภายในทะเลการรับรู้  มันครอบคลุมไปทั่วบริเวณรอบๆหยางเฉิน บรรดาเหล่าสัตว์อสูรไม่กล้าเข้าใกล้เขา หลังจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรหลายล้านตัว   ร่างกายของหยางเฉินได้แผ่แรงกดดันของนักล่าไปที่เหล่าสัตว์อสูร  ดังนั้นเป็นธรรมชาติที่พวกมันไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มที่จะรุกเขาก่อน

เดิมทีเนื่องจากต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เขาจะใช้เวลาสิบห้าวัน จึงจะได้กลับมาที่นี่  แต่ตอนนี้เพียงเจ็ดวัน เขาก็มองเห็นหมู่บ้านหลีโลวแล้วว่าจะใช้เวลาในการเดินทางอีกเพียงไม่กี่วัน

ทันใดนั้น ..เบื้องหน้าเขาแสงจากไข่มุกราตรีพลันปรากฏ มันก็คล้ายกับของหยางเฉิน ที่ช่วยนําทางผู้คนในการไปหมู่บ้านหลีโลว…. ในเวลาไม่นานก็มีเสียงก้องในหูหยางเฉิน

ฮ่า..ฮ่า….ฮ่าการรอคอยเจ้าปีครึ่งไม่เสียเปล่า ในที่สุดเจ้าก็มา ! หยางเฉินรับความตายซะ

เสียงที่คล้าย ๆ จะคุ้นเคยกับเขาแต่หยางเฉินก็ชะงักเพียงชั่วครู่  ทันทีที่จําได้ น่าประหลาดแท้นี่เป็นเสียงของจินเตา  ผู้ซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจปีศาจและจิตวิญญาณอยู่ในสภาพง่อนแง่น   โดยฝีมือของหยางเฉิน ถ้าหากจินเตาไม่พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในหลุมดักเซียนแล้ว  ไม่มีทางที่เขาจะฟื้นคืนด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาสามารถรอหยางเฉินปีครึ่งได้อย่างไร?  

พยายามที่จะสังหารข้าในหลุมดักเซียนนี่นะ  ..จินเตา ท่านไม่กลัวว่าจะถูกสภาผู้อาวุโสทั้งห้าพบเห็นรึ ?”

ตั้งแต่เริ่มส่งเสียง ตะโกนให้หยางเฉินไปตาย แต่ก็ยังไม่มีการจู่โจมอันใด  มันน่าจะเกิดจากเขาน่าจะกังวลอะไรบางอย่าง  หยางเฉินฟังออกถึงความลังเลในนํ้าเสียงนั้น มันจึงทําให้เขาไม่เคร่งเครียดและถามกลับไป

ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้ แน่ล่ะการจะสังหารใครในที่นี่ย่อมไม่ได้ ….แต่เดี๋ยวนี้หึ…” 

จินเตาหัวเราะขึ้นจมูก

 “…มีสัตว์อสูรไม่ทราบชนิดปรากฏ ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสต้องเข้าไปส่วนที่ลึก ๆ ในหลุมดักเซียนเพื่อหาข้อเท็จจริง ดังนั้นถ้ามันจะ มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับศิษย์บ้าง ..มันก้อธรรมดามิใช่รึ ?”

ตามที่พูดนี่ ก็คือ การฆ่าใครสักคน มันไม่นํามาซึ่งปัญหาใช่ไหม?” 

หยางเฉินไม่ได้กังวลเรื่องปัญหา เพียงอยากเลี่ยงความยุ่งยาก และทําตามจังหวะโอกาสที่มี

 “เฉพาะนั้นเจ้ายืดคอออกมา ข้าจะได้ตัดง่าย ๆ นอกจากข้าแล้ว จะไม่มีใครรู้กระทั่งว่าเจ้าตายอย่างไร

ใบหน้าจินเตาผุดรอยยิ้มอันชั่วร้าย และเต็มไปด้วยความโกรธ

คิด ๆ แล้ว ข้าจินเตาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดระดับก่อสร้างรากฐานก็แปลกใจ  ที่กลายมาเป็นเรื่องสนุกสนานสําหรับเจ้า ที่อยู่ระดับรวบรวมลมปราณอันกระจอก   ถ้าไม่ใช่เหล่าสภาผู้อาวุโสพบความผิดปกติละก็ ในตอนนี้ข้าก็คงมียังปั่นป่วนอยู่ในหัว” 

วาจาที่กราดเกรี้ยวของจินเตา บ่งบอกถึงเหตุที่   ทําไมเขาที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจปีศาจและจิตวิญญาณที่เซื่องซึม  จึงฟื้นคืนสติและตั้งท่ารอคอยหยางเฉินถึงปีครึ่ง มันก็แค่ผู้ดูแลหลุมดักเซียนพบเห็นสิ่งผิดแปลกของศิษย์ผู้มาฝึกก็เลยแก้ไขให้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา

ข้าต้องกลายเป็นตัวตลก ท่ามกลางผู้คนในหลุมดักเซียนเป็นปีเพราะเจ้า  ข้าต้องการที่จะบดกระดูกเจ้าเป็นผง เพื่อไถ่ถอนความเกลียดชังออกจากหัวใจข้า” 

จินเตาเอ่ยอย่างหนักแน่น สําหรับเขาซึ่งหยิ่งทะนงและโอหัง ต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้ทําให้เกิดความอายและอัปยศอดสูอย่างมาก ความจริงเขารู้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทําของหยางเฉิน แต่เขาไม่สามารถให้ผู้อื่นล่วงรู้ ถ้ามีใครรู้ว่าเขาถูกคนระดับรวบรวมลมปราณเล่นงาน เขาคงไม่สามารถเงยหน้าดูผู้อื่นได้อีก

จินเตามั่นใจมากว่า หยางเฉินใช้อุบายบางอย่างเขา มิฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะทําให้จินเตาตกตํ่าอย่างนี้ แม้เขาจะไม่ชัดเจนว่าอุบายอะไร แต่เขารู้ว่าเจ้าผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณคนนี้เป็นนักปรุงยาระดับที่สอง เป็นไปได้อาจจะใช้พิษจัดการกับเขาแต่ถ้าเผชิญกันซึ่งหน้า จินเตาเชื่อมั่นว่าหยางเฉินไม่สามารถทําอันใดเขาได้ 

โดยปกติหยางเฉินไม่ได้เชื่อวาจาของจินเตาง่าย ๆ  เขาปล่อยจิตสํานึกวิญญาณเต็มพิกัด สํารวจสิ่งรอบ ๆ เพียงต้องการตรวจสอบว่ามีสัญญาณบ่งบอกการคงอยู่ของผู้อื่นหรือไม่ ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดอื่น ซึ่งมันมีรัศมีทําการได้หลายร้อยจ้าง ผลที่ออกมาสร้างความยินดีแก่หยางเฉิน รอบ ๆ นี้ปราศจากผู้คน มีเพียงสัตว์อสูรเท่านั้น

แล้วทําการถอนร่องรอยเจตจำนงแห่งการฆ่า ที่กดดันสัตว์อสูรใต้พิภพ เอ่ยด้วยรอยยิ้มกับจินเตาที่อยู่เบื้องหน้า 

จินเตา หากเจ้าเป็นหนี้เจ้าก็คือลูกหนี้…..”
  
โดยไม่รอหยางเฉินพูดจบ จินเตาขัดขึ้นและแสยะยิ้ม 

ถูกต้อง มันไม่เป็นธรรม ศีรษะและเจ้าเป็นหนี้เจ้าก็คือลูกหนี้ ใช่แล้ว หานเจียน ศิษย์นิกายเทียนเชวียนของข้าที่ได้ไปตอแยเจ้าก่อนและนํามาสู่การท้าทายเป็นตายความตายสําหรับเขา มันถูกต้อง! ลึกๆ แล้วพวกเราผู้ฝึกการบ่มเพาะไม่ใส่ใจกับมันมากนัก การช่วยเหลือคนของตนบ่อยครั้งมันไม่ถูกต้อง แต่ด้วยเหตุที่ว่า..ต้องทํา ไม่ต้องสนใจกับความขุ่นข้องใจอื่น นี่เป็นวิถีของโลกมันไม่เป็นธรรมจริง!

ขอบคุณท่านผู้อาวุโสจินมาก ๆ ที่ให้คําชี้แนะ” 

เพราะคํากล่าวของจินเตา ทําให้หยางเฉินได้คิดอะไรได้ในทันใด เขาจึงกล่าวคําขอบคุณศัตรูเป็นครั้งแรก 

ชี้แนะอะไร ? “

จินเตาที่ยังนั่งตําแหน่งเดิมด้านตรงข้าม คิดอะไรไม่ออก คํากล่าวเรื่องความอยุติธรรมอะไร ที่เป็นคําชี้แนะให้หยางเฉิน 

ประการแรก คํากล่าวของผู้อาวุโสคือ การให้ความช่วยเหลือคนของตัวเอง ไม่จําเป็นต้องมีเหตุผลรองรับเสมอไป” 

หยางเฉินประสานมือคารวะขอบคุณจินเตาอย่างกระตือรือล้น ยิ่งทําให้ท่าทีของจินเตาดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น 

เมื่อมีหนึ่งก็ต้องมีสอง แล้วประการที่สองล่ะ” 

ในเวลานั้นจินเตารู้สึกประหลาดใจในคําพูดของหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงหยุดที่จะซักถามไม่ได้

ประการที่สองนี่ ยิ่งต้องขอบคุณผู้อาวุโสมาก ๆ ที่อุตส่าห์บอกข้าว่า การสังหารคนที่นี่จะไม่มีปัญหาใด” 

ได้ยินวาจาโต้ตอบจากหยางเฉิน จินเตาถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ  ทันใดก็หัวเราะอย่างดุเดือด ชี้นิ้วไปที่หยางเฉิน  อีกมือก็กุมอยู่ที่ท้อง เขาหัวเราะอย่างยาวนาน ราวกับพบเรื่องน่าขําอย่างมาก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” 

หลังจากหัวเราะอย่างดังเป็นเวลานาน ท่าทีเขาก็กลับคืนปกติ และเอ่ยอย่างเฉยชา 

นี่ นี่คือสุดยอดเรื่องตลกที่ข้าเคยได้ยินในชีวิตนี้ เอาล่ะ ข้าจะสอนเจ้าถึงความแตกต่างของระดับก่อสร้างรากฐานกับรวบรวมลมปราณ” 

หลังจากพูดจบก็เกิดรังสีกระบี่ก็วาบขึ้นท้องฟ้า พุ่งออกจากหลังเขา  และมันเปลี่ยนเป็นกระบี่บินอย่างรวดเร็วเปร่งประกายราวกับหิมะ มันเริ่มโฉบเฉี่ยว แล้วโฉบมาอยูในแนวขนานพื้นเบื้องหน้าจินเตา

หยางเฉินผู้ซึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าเขา เริ่มโยกพลิ้วอย่างพิสดารและพลันหายไป ..เผชิญเหตุการณ์อย่างนี้จินเตาดูจะไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย กระบี่ของเขาเปล่งประกายแสงอีกครั้งและแกว่งไปรอบ ๆ 

ใช้เทคนิคการหลบหนี? ..เจ้าอยู่ในขั้นที่แปดรวบรวมลมปราณ มิน่าถึงกล้าคุยใหญ่โตนัก

จินเตาคําราม เอามือลงที่พื้นแตะด้วยนิ้ว ตะโกนด้วยเสียงอันดัง 

หยุดให้กับข้า

บริเวณพื้นที่นิ้วสัมผัส ทันใดนั้นก็ระเบิด กระบี่เปล่งประกายอีกครั้งและหายไปในรอยแยกของพื้นดิน 

ติ๊งติ๊งติ๊งติ๊ง !” 

เสียงกระทบของกระบี่ดังอย่างต่อเนื่องจากใต้ดิน จินเตาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

เจ้าวัตถุนี่ ..มันตัวอะไร มันหยุดกระบี่บินข้าได” 

จินเตารู้สึกประหลาดใจที่หยางเฉินสามารถหยุดยั้งกระบี่บินที่เขาปรับแต่งอย่างปราณีตครั้งแล้วครั้งเล่าโดยอาวุธอะไรบางอย่าง  ที่ไม่ใช่เป็นสิ่งทีทําโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณแน่ หลังความประหลาดใจ ใบหน้าจินเตาเผยถึงท่าทีที่ยินดี 

หลังสังหารเจ้า อาวุธชั้นดีนี้ จะเป็นของข้า

 “ข้าคิดว่า ท่านต้องสงสัยอยู่แล้วว่าเหตุใดหลังจากที่เวลาผ่านมานาน จึงไม่มีสัตว์อสูรโผล่ออกมาเลย” 

หยางเฉินไม่ได้เปิดเผยตัวเอง แต่เสียงดังก้องมาจากทุกทิศทาง   

ได้ยินวาจาหยางเฉิน ทําให้จินเตาค่อยพบว่า เหตุการณ์มันผิดธรรมดา   เขามัวแต่ดีใจที่ได้มีโอกาสกําจัดหยางเฉิน เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง

เกิดอะไรขึ้น…?” 

เขาพบว่าตอนนี้สัตว์อสูรใต้พิภพสิบตัวอยู่รอบ ๆ เขาแล้ว ถ้าเขาไม่เรียกกระบี่บินกลับมาเห็นได้ชัดว่า เขาจะถูกบดขยี้โดยเหล่าสัตว์อสูร  ขณะที่เขาลังเลอยู่ เสียงหยางเฉินพลันดังอีกครั้ง 

เจ้าต้องการที่จะสังหารข้า ด้วยระดับความสามารถแค่นี้เรอะ ….ฝันไปเถอะ


ฝันไปเถอะคํานี้  ครั้งแรกที่ได้ยินเข้าถึงจิตใจของจินเตา  มันได้สร้างความหวาดผวา ฝังลงลึกสู่เบื้องล่างจิตใจของจินเตา  ถึงกลับกลายเป็นโรคประสาทในทันที

2 ความคิดเห็น:

  1. กลับกลายเป็นผู้ถูกล่าแล้ว

    ตอบลบ
  2. มาให้เชือดถึงที่ซะงั้น อาเมน!
    โดนตบทรัพย์ด้วยแน่แต่ท่าทางบักจินเตาคงทรัพย์จาง

    ตอบลบ