เมื่อหยางเฉินเดินผ่านประตูทางเข้านั้นสัตว์อสูรจิตวิญญาณที่ไล่ตามเขาไม่สามารถติดตามได้อีกต่อไปเพราะทางเข้าขนาดเล็ก
ทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้ ในที่สุดเขาก็สามารถพักผ่อนได้เต็มที่
เนื่องจากเขาเป็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่
3
เขาจึงไม่มีความสามารถในการบินด้วยตัวเอง
ดังนั้นหลังจากที่เคลื่อนไหวหลบหนีสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพนับร้อยในเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา
ทำให้หยางเฉินเหนื่อยมาก
สัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับสูง
หมูป่าที่มีหัวขนาดใหญ่ติดอยู่ในก้อนหินทั้งสองด้านของอุโมงค์
มันไม่สามารถเข้าไปหรือออกมาได้
แต่ด้วยเหตุนี้สัตว์จิตวิญญาณทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลัง ก็ติดอยู่ข้างนอก
พื้นที่ภายในถ้ำมีขนาดใหญ่มาก
ใหญ่พอที่จะให้หยางเฉินสามารถกางแขนกางขาและงีบหลับได้
สิ่งที่จะทำให้คนพูดถึงมากที่สุดก็คือภายในพื้นที่นี้มีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณอยู่ที่นี่ซึ่งมีการไหลอย่างต่อเนื่องของพลังทางจิตวิญญาณทำให้จุดนี้เป็นจุดบ่มเพาะตามธรรมชาติ
ด้วยภูมิศาสตร์ที่ดีเป็นอย่างมาก
หยางเฉินรู้สึกโชคดีมากที่ชีวิตก่อนหน้านี้เขาได้รู้จักค้นพบที่นี่
ในขณะนี้หยางเฉินไม่กล้าที่จะละเลยและหยิบแผ่นหยกของเขาขึ้นมาวางไว้บนแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณและนั่งลงเพื่อทำสมาธิ
เขาเริ่มฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของเขาและในเวลาเดียวกันก็เริ่มที่จะดูดซับพลังจิตวิญญาณเข้าไปหล่อเลี้ยงในชีพจรจิตวิญญาณของเขา
เขาต้องนั่งสมาธิเป็นเวลาสองวันสองคืนอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้ใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณจนหมดสิ้นเพื่อต่อสู้กับสัตว์จิตวิญญาณ
เนื่องจากพลังจิตวิญญาณที่มากมายจากแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณใต้พิภพทำให้หยางเฉินไม่จำเป็นต้องเสียผลไม้หยางล้ำเลิศ
อีกทั้งเมื่อหยางเฉินได้วางขวดแก้วสวนสมุนไพรไว้ที่ปากของแหล่งต้นกำเนิดจิตวิญญาณ
พลังจิตวิญญาณก็เริ่มค่อยๆไหลเข้าไปภายในขวดแก้วสวนสมุนไพร
แต่แรกเริ่มเป็นที่รู้จักกันดีว่า
"หลุมดักเซียน"
เป็นเพียงโพรงขนาดมหึมาในพื้นดินไม่มีใครรู้ว่าอาณาของมันที่แน่นอน
แม้แต่สภาผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามทั้งห้าก็ยังไม่สามารถค้นพบได้
ไม่มีใครคิดแม้แต่น้อย
สำหรับเหตุผลที่สัตว์อสูรจิตวิญญาณใต้พิภพเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น
ทุกคนรู้ดีว่าสัตว์จิตวิญญาณเหล่านี้ต้องถูกสังหารโดยไม่มีเหตุผลใดๆ
และพวกมันได้โจมตีหมู่บ้านหลีโลว
ซึ่งเป็นทางออกเดียวของสัตว์จิตวิญญาณในสายธารไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยพลังจิตวิญญาณระดับสูงของหยางเฉินทำให้ได้รู้สิ่งนี้โดยบังเอิญ
แต่ในขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องฆ่าเหล่าสัตว์ใต้พิภพ สะสมแก่นจิตวิญญาณ
เพื่อเพิ่มพลังการบ่มเพาะ และประสานเข้ากับแท่นประหารเซียน
ด้วยเคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนเป็นเหมือนก้อนพลังจิตวิญญาณสีดำสองก้อนหมุนควงสว่างด้วยความเร็วสูง
พุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับสูง
ก็เหลือทิ้งไว้เพียงแก่นจิตวิญญาณเป็นประกายก้อนหนึ่ง
หลังจากนั้นท่าเข้าเปิดโล่ง …ในทันทีเขาก็ถูกจู่โจมด้วยสัตว์อสูรอีกตัว
ที่หัวติดอยู่ฃในรอยแตกนั้น แต่เจ้าตัวนี้ก็จบชีวิตด้วยเงื้อมมือหยางเฉิน
ในพื้นที่นี้ทำให้หยางเฉินไม่จำเป็นต้องกังวลด้านความปลอดภัยของชีวิต
สัตว์อสูรหนึ่งตัวไม่เป็นที่คุกคามใดแก่เขาอย่างแน่นอน ในทางตรงข้าม
ด้วยพลังจิตที่เพียงพอและสถานที่ที่ปลอดภัย
เขาจะสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำกัดเวลา
ถ้าหากมีผู้ใดในหลุมดักเซียน
มาพบเห็นวิธีการฆ่าของหยางเฉิน จะต้องตื่นตระหนกแน่นอน
การที่บุคคลหนึ่งจะกำจัดสัตว์เหล่านี้ ประการแรกคือการป้องกันตัวที่เหมาะสม
แล้วค่อยรวบรวมพลังในการโจมตีกลับด้วยกระบี่บิน ถ้าสามารถใช้เวลาภายในครึ่งวัน
ก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
เป็นที่แน่นอนว่า
บริเวณนี้เป็นแหล่งต้นกำเนิดพลังจิตวิญญาณ ภายในเขตแดนของสัตว์อสูรใต้พิภพ
อิทธิพลของพลังจิตวิญญาณที่นี่จึงหนาแน่นมากเหล่าสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บก็ใช้พลังจิตวิญญาณในการฟื้นฟูตัวเองเช่นกัน
และเวลาที่มันใช้ก็น้อยกว่าเหล่าผู้ฝึกตน ที่มาหลุมดักเซียน ….แล้วจะไปหาคนอย่างหยางเฉิน
ที่ตัดคอสัตว์อสูรโดยไม่ต้องใช้แม้ความพยายามได้ที่ไหน ?
นี่กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของชีวิตของเขา
การฆ่าสัตว์อสูรจิตวิญญาณโดยไม่มีการหยุดยั้ง
เมื่อพลังจิตหมดลงเขาจะนั่งลงบนแผ่นหยกและนั่งสมาธิเพื่อเติมเต็มมัน
ทุกๆวันเขาจะฝึกทักษะประสานหยินหยางห้าธาตุ
ต่อด้วยเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง
หลังจากนั้นจะดูดซับเจตจำนงแห่งการฆ่าที่เกิดขึ้นจากการสังหารสัตว์จิตวิญญาณอย่างไม่หยุดยั้ง
และใช้พลังจิตวิญญาณปรับแต่งให้กลายเป็นรูปร่าง
หลังจากนั้นเเขาก็ใช้ความลับการกลั่นสมบัติจักรวาลโดยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณและกล่องกระบี่
เพื่อยกระดับของมัน จากนั้น….เริ่มการฆ่าเหล่าสัตว์อสูรอีกครั้ง
หยางเฉินมีอาหารและน้ำอย่างเพียงพอในแหวนแห่งความสำเร็จ
จริง ๆ แล้ว เขามีกระทั่งสวนสมุนไพร
ที่เขาปลูกทั้งผักผลไม้
นอกเสียจากความจริงที่ว่า
เขายังไม่สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว แทบจะเรียกได้ว่าชีวิตเขาสมบูรณ์แบบ
จำนวนสัตว์อสูรใต้พิภพมีไม่รู้หมด
หลังจากฆ่าตัวหนึ่ง อีกตัวหนึ่งก็มา มันแน่อยู่แล้วว่าไม่สามารถฆ่าจนหมด
ภายในครึ่งปีที่ผ่านมาหยางเฉินได้ฆ่ามากกว่าหนึ่งหมื่นตัว
และเก็บแก่นจิตวิญญาณได้มากกว่าจำนวนที่เขากำจัด ด้วยกรรมวิธีการฆ่าของเขา
และยังเป็นแก่นจิตวิญญาณระดับสูง
ตอนนี้เขาเก็บได้สามถึงสี่หมื่นแก่นจิตวิญญาณ
และจากนี้ไม่นานเขาน่าจะรวบรวมได้ถึงห้าหมื่นชิ้น
วิถีชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีกลางวันกลางคืน
หยางเฉินได้ลืมเลือนวันเวลาอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่ฆ่าตัวหนึ่ง อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่
ที่ช่องนั้น วนเวียนจนกระทั่งพลังจิตวิญญาณของเขาหมด เขาก็จะมานั่งที่เสื่อหยก
เริ่มโคจรการบ่มเพาะฟื้นฟูพลัง
เมื่อโคจรพลังสิบลำต้นสวรรค์ส่งผลให้พลังจิตวิญญาณในร่างก็ฟื้นฟูเร็วขึ้น
แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเหมือนจะล่วงรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น….
ความกดดันของพลังที่โคจรนี้ผ่านเข้าไปในเส้นชีพจร …หนึ่งดึง …หนึ่งผลัก
พลังจิตเริ่มสร้างขึ้นในเส้นชีพจรของเขา
จนที่สุดไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไป และเริ่มรวมเข้าที่จุดหนึ่งอย่างรุนแรง
[TL. สิบลำต้นสวรรค์เกิดจากพลังหยินหยางห้าธาตุรวมกัน]
ปัง!
ราวกับผนึกที่ป้องกันเส้นชีพจรแตกออก
พลังจิตเริ่มพุ่งเข้าไปในร่างอย่างดุดัน ตะบึงราวม้าคะนอง หยางเฉินพบว่า
พลังจิตของเขาพยายามที่จะเอาชนะสิ่งที่ขวางอยู่ เพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับที่สี่
เดิมทีพลังจิตจะถูกบีบให้สร้างขึ้นภายในเส้นชีพจร
แต่ตอนนี้ร่างทั้งร่างราวกับว่างปล่าว
เสื่อหยกด้านล่างเขาเป็นแหล่งกำเนิดกระแสพลังจิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เติมเข้าไปในร่างที่กลวงเพราะเกิดจากการเลื่อนระดับการบ่มเพาะของเขา
จากระดับที่สามรวบรวมลมปราณไปสู่ระดับที่สี่ แม้จะเป็นการเลื่อนระดับย่อย
แต่มันเป็นการเปลี่ยนจากระดับรวบรวมลมปราณเบื้องต้น เป็นระดับกลางของรวบรวมลมปราณ
นั่นหมายความว่าหยางเฉินไม่ใช่มือใหม่ของระดับรวบรวมลมปราณ
แต่อยู่ในระดับในระดับกลางของรวบรวมลมปราณ
เป็นที่แน่นอนว่า
นี่ไม่ใช่การเพิ่มพลังจิตของธาตุใดธาตุหนึ่ง
แต่เป็นการเพิ่มทั้งสิบชนิดของห้าธาตุหยินหยาง กระแสพลังใต้พื้นพิภพในหลุมดักเซียน
เป็นกระแสพลังจิตวิญญาณทั้งห้าธาตุ ดังนั้นเหล่าสัตว์อสูรจึงมีครบทุกธาตุเช่นกัน
พลังจำนวนมากพุ่งตรงเข้าไปในร่างหยางเฉินอย่างฉับพลัน ภายใต้การควบคุมของหยางเฉิน
หยางเฉินได้โคจรเคล็ดวิชาประสานหยินหยางห้าธาตุหมุนเวียนไปถึงขีดสุด
และเริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งภายในโครงสร้างร่างกายของเขา
นี้เป็นสิ่งที่เหล่าผู้ฝึกการบ่มเพาะที่เข้าสู่ขั้นกลางระดับรวบรวมลมปราณต้องประสบ
ขั้นตอนของระดับรวบรวมลมปราณทั้งหมด ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงร่างกาย
เพื่อที่จะสามารถรองรับแรงกดดันของพลังจิตวิญญาณ
และในที่สุดก็สร้างรากฐานการบ่มเพาะขึ้น
ถึงแม้ร่างกายของหยางเฉินที่ได้รับความแข็งแกร่งจาก
การฆ่าเหล่าอมตะนับไม่ถ้วนโดยกรรมวิธีการบ่มเพาะแบบปีศาจด้านนอกเข้าสู่ด้านใน
แต่ขณะนี้พลังจิตจำนวนมหาศาล กำลังสร้างความแข็งแกร่งจากด้านในไปหาภายนอก
ภายใต้การทะลักเข้ามาอย่างรุนแรงของกระแสพลัง
ทำให้หยางเฉินไม่สามารถจัดการกับสัตว์อสูร
และให้ความสำคัญกับการรวบรวมพลังให้ควบแน่นภายใน
การควบแน่นรวบรวมพลังภายในเป็นขั้นตอนสำคัญ
หลังจากการทะลวงเลื่อนระดับการบ่มเพาะ สำคัญยิ่งกว่าตอนรวมพลังเพื่อทะลวง
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ การทะลวงด่านเปรียบเสมือนการใช้พลังใส่เข้าไปในค้อน
ตอกตะปูยึดหลังคาบ้าน ถ้าใช้แรงเพียงพอก็ย่อมจะตอกได้ แต่การควบแน่น
เป็นการอุดรูรั่วรอยตะปูหลังตอกเสร็จ ยิ่งในระดับการบ่มเพาะที่ยิ่งสูง
ก็ยิ่งเหมือนบ้านหลังใหญ่ขึ้น
ตอนนี้ หยางเฉิน
อยู่ในสภาวะดึงอิทธิพลพลังจิตวิญญาณจากกระแสพลังจิตวิญญาณใต้ที่นั่งของเขา
เพื่อสร้างรากฐานการบ่มเพาะที่หนาแน่นและมั่นคง
ระหว่างการดูดซับพลังงาน
เขาเจอปัญหาหนึ่ง ในตอนอยู่ขั้นเริ่มต้นระดับรวบรวมลมปราณนั้น
ธาตุทั้งห้าในร่างกายเขาดูสมบูรณ์และอยู่ในสภาวะสมดุลย์ไม่น่ากังวลนัก
แต่ในขั้นกลางระดับรวบรวมลมปราณนี้
เขาจำเป็นต้องแบ่งพลังให้ธาตุไฟโดดเด่นกว่าธาตุอื่น ๆ
เพื่อให้การแสดงออกทางภายนอกว่าเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไฟ มิฉะนั้น
คงทำให้โลกผู้ฝึกตนตื่นตะลึงแน่นอน ในอนาคตเขาจงใจให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะธาตุไฟ
มิฉะนั้นผู้คนจำนวนมากจะสามารถเชื่อมโยงมาถึงเขาได้
[tl. ต้นฉบับเป็นเยี่ยงนี้
จะตัดก็กระไรอยู่ เผื่อเหล่าหยางมันจะไปทำชั่วอะไรซักอย่าง]
เวลานี้ การดูดซับพลังจิต
เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะ ได้ใช้เวลาไปเกือบสองถึงสามเท่าของปกติ
จึงจะเสร็จสมบูรณ์ สำหรับหยางเฉิน สถานที่นี้อุดมไปด้วยพลังจิตและไม่มีสิ่งใดรบกวน
จึงไม่มีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดหมาย เขาจึงสามารถทำการควบแน่น
ของระดับที่สี่อย่างไหลลื่น
ทันทีที่การทะลวงผ่านด่าน
เขานำกระบี่บินออกมาทำการปรับแต่งขั้นที่สอง โดยทักษะความลับการกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
ทักษะความลับการกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์เป็นทักษะอันเยี่ยมยอด
ที่สร้างค่ายกลอักขระดวงดาวสวรรค์จากทุกอย่างของพลังจิตวิญญาณได้
มันทำให้ไม่ว่าการป้องกัน หรือการโจมตี
น่าเกรงขามยิ่งเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะทั่วไปอื่น ๆ
ถึงแม้ตอนนี้เขาเพียงสามารถปรับแต่งได้เพียงขั้นที่หนึ่ง
แต่หลังจากที่เขาได้รับรู้ถึงพลังจิตวิญญาณที่น่าเกรงขาม
เพราะว่าเขาสามารถรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างแม่นยำ …ว่ามันเพิ่มอย่างน้อยสามเท่าเมื่อเทียบกับก่อนนี้!
หรือจะกล่าวได้ว่า ทันทีที่เขาใช้งานสามสิบหกเส้นของพลังจิตวิญญาณ มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งในทันที
คำถามเดียวก็คือ ความลับการกลั่นสมบัติสวรรค์ได้เพิ่มความแข็งแกร่ง..สองถึงสามเท่า
…หรือสิบเท่า!
โลกแห่งจินตนาการล้วนสวยงาม
แต่โลกความจริงโหดร้ายนัก
แม้อย่างเฉินจะเข้าสู่ระดับกลางของรวบรวมลมปราณ
เขาก็ยังไม่สามารถทำการปรับแต่งครั้งที่สอง
จากการที่เขาใช้วิธีนี้ยกระดับการบ่มเพาะขึ้นหนึ่งระดับ เข้าสู่ขั้นกลางแล้ว
เมื่อจะเริ่มทำเช่นเดิม เขารู้สึกได้เลยว่า มันเหมือนโดนป้องกันไว้
ไม่ให้ทำการใดอีกต่อไป เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะหยุดไว้เท่านี้
หยางเฉินเปลี่ยนเป็นการใช้เคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพี
ทั้งเจ็ดสิบสองระดับชั้นของเคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพี
ก็สามารถเพิ่มระดับของอาวุธได้เช่นกัน เพียงว่า
ก่อนนั้นระดับการบ่มเพาะเขาไม่เพียงพอที่จะใช้ แต่ตอนนี้เมื่อทะลวงสู่อีกระดับ
เขาจะลองใช้ดู
ผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งกว่าที่คาดหวัง
การปรับแต่งครั้งแรกด้วยอาคมสะกดปฐพี
หยางเฉินก็ทำให้สำเร็จได้
โดยกระบี่บินถูกประทับด้วยอาคมสะกดปฐพี ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
พลังจิตวิญญาณได้ถูกใช้งานอย่างมาก จนเขาต้องใช้ผลไม้หยางล้ำเลิศ เพิ่มพลังจิต
แม้ว่า ที่จริงเขานั่งอยู่บนแหล่งจิตวิญญาณใต้พิภพก็ตาม เพียงเพื่อให้ได้รับความสำเร็จแน่นอน
แม้จะทำให้หมดเรี่ยวแรง
แต่หยางเฉินมีแต่ยินดีกับความสำเร็จ ประกายแสงจากกระบี่บิน
ไม่ว่าผู้ใดที่เพียงเหลือบมองล้วนสามารถบอกได้ว่ามันไม่ใช่อาวุธธรรมดา
เพียงแต่ว่าหยางเฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
การเพิ่มระดับให้อาวุธย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ประกายแสงวูบวาบไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
มันอยู่เหนือการควบคุมของเขา
เขารู้ว่าการใช้ความลับการกลั่นสมบัติสวรรค์และเคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพีไม่สมบูรณ์
ทั้งที่การเปลี่ยนแปลงของกระบี่บินทำให้หยางเฉินมีความสุข ซึ่งก็แน่ล่ะ
การเปลี่ยนแปลงของพลังงานของพลังจิตวิญญาณย่อมทำให้เขารู้สึกดี
หยางเฉินไม่ได้คาดคิดว่าเมื่อเขาเสร็จสิ้นการปรับแต่งในครั้งแรกด้วยเคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพี
จิตวิญญาณภายในร่างกายของเขาถูกแยกเป็นสองส่วนอีกส่วนหนึ่งคืออาคมสะกดดวงดาวสวรรค์
อีกส่วนคือ อาคมก่อร่างสร้างปีศาจปฐพี แต่ทั้งสองอาคม ไม่มีผลกระทบต่อกัน
ไม่เกิดการผสมรวมกัน ต่างก็แยกกันอยู่
เมื่อเป็นเช่นนี้
การเปลี่ยนแปลงภายในร่างของเขาก็ทำให้เขามีความสุขมาก …ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรวบรวมพลังจิตวิญญาณ
เพื่อที่จะทำการทดสอบพลังในด้านการป้องกัน ของเขา
สัตว์อสูรเคราะห์ร้ายที่กลายเป็นเหยื่อทดสอบตัวแรกคือตัวที่ติดอยู่ที่ช่องทางเข้า
มันไม่สามารถขยับได้เลย เพียงเหม่อมองการโจมตีของหยางเฉิน ในราวสิบครั้งก็สิ้นลม
ทิ้งไว้เพียงแก่นจิตวิญญาณสองชิ้น แต่เดิมการฆ่าของหยางเฉิน
จะทำให้สัตว์อสูรปลดปล่อยแก่นจิตวิญญาณ ห้าชิ้นห้าธาตุ แต่การฆ่าแบบนี้จะได้เพียงสองชิ้น
หลังการโจมตีผ่านไปหลายครั้ง ความเสียหายเกิดขึ้นมากเท่าใด
ในการปรับแต่งด้วยความลับการกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ ทุกๆ
ระดับที่เลื่อนขึ้นจะเพิ่มพลังในการโจมตีของเขาสามเท่า
ถ้าเขาสามารถใช้ทักษะความลับการกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์และเคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพีได้อย่างสมบูรณ์
มันจะเพิ่มพลังสามร้อยยี่สิบสี่เท่า !
…แต่แม้จะไม่สมบูรณ์
พลังของเขาก็เพิ่มสามสิบสองเท่า นี่เฉพาะยามที่ใช้อาคมสะกดปฐพี
หรือเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์อันใดอันหนึ่งถ้าเขาสามารถหลอมรวมใช้ด้วยกันได้
ผลที่ออกมาจะอัศจรรย์เท่าใด
หยางเฉิน ผู้ซึ่งมีประสบการณ์สองชีวิต
ทราบดีถึงคำกล่าว …เรียนรู้การเดินก่อนที่จะวิ่ง…. มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องในกรณีนี้
ผลที่ได้รับมันมากเพียงพอ หยางเฉินมิได้ปล่อยให้ความโลภครอบงำ
กลับกันหลังจากตระเตรียมทุกอย่างพร้อม
เขาก็นำเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณและกล่องกระบี่ออกมา ทำการปรับแต่งระดับที่หนึ่งด้วยทักษะปฐพี
หลังจากที่ได้กระทำกับกระบี่บินและเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
การปรับแต่งครั้งนี้ ไม่มีเหตุผิดพลาด และไม่หมดแรงเหมือนครั้งแรก
เมื่อเทียบกันแล้วบางอย่างการใช้ทักษะปฐพีดูจะดีกว่า
หลังการปรับแต่งกล่องกระบี่เสร็จสมบูรณ์
หยางเฉินก็เริ่มการฆ่าสัตว์อสูรในทิศทางต่าง ๆ
ตอนนี้เขามีแก่นจิตวิญญาณห้าหมื่นชิ้นแล้ว
ซึ่งมันมากเพียงพอสำหรับถ้ำอมตะในอนาคตของเขา
ดังนั้นแก่นจิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
สิ่งที่เขาจะทำในตอนนี้คือฆ่าโดยการตัดหัวพวกมัน
วิธีนี้เป็นวิธีที่เขาชอบใช้ในลานประหารเซียน
ซึ่งมันเป็นวิธีที่ดีที่จะกระตุ้นเจตนาแห่งการฆ่าของเขา ทันทีทันใด
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เขานำกล่องกระบี่ออกมา และดาบประหารเซียนก็ได้วาระปรากฏ
พุ่งขึ้นสู่เบื้องสูง ตัดหัวสัตว์อสูรในครั้งเดียว จากนี้….นี่เป็นเครื่องหมายการค้าใหม่ ….วิธีฆ่าใหม่
ตัดหัวมัน ด้วยคมดาบที่เพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่า เทียบกับตอนใช้มือเปล่า
ด้วยการฟาดลงสามครั้งเขาก็กำจัดตัดหัวสัตว์ที่ขวางทางเข้าลง
[TL เปลี่ยนชื่อเคล็ดวิชาก่อร่างปีศาจปฐพี
ในบท 6,12 เป็น เคล็ดวิชาเซ่นสรวงก่อร่างปีศาจปฐพี
เวลาโคจรภายในร่าง จะเป็น อาคมสะกดก่อร่างปีศาจปฐพี ]
ระดับ4แล้วเหวย ว่าแต่อยู่ในถ้ำคนเดียวเหงาจัง
ตอบลบเมาครับ เมาตัวหนังสือ จะข้ามก็ไม่ได้ เดี๋ยวตอนบวกกันไม่รู้ว่าได้วิชาอะไรมาจากไหน มันจะไม่สนุก 555 ขอบคุณครับ
ตอบลบ