ดาร์คเน็ตเป็นสถานที่ผิดกฎหมายอย่างแท้จริง!
เมื่อฮั่นหลางออกจากรังไหมเสมือนและกลับไปที่พัก
เขาก็จมอยู่กับความคิด
ในตอนแรกฮั่นหลางคิดว่า
ค้าทาส ค้ายาเสพติด ยุทโธปกรณ์ทางการทหาร
ตลาดมืดเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนอันดำมืดที่ซ่อนอยู่ในดาร์คเน็ต ตอนนี้เขาได้เห็นสนามต่อสู้ที่นองไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทุกทางนั้นแล้ว
ฮั่นหลางก็ตระหนักได้ว่าดาร์คเน็ตไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เขาคิด บุคคลที่ทำการถ่ายทอดสดแห่งความตาย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจกฎหมายของกาแลคซี่ทางช้างเผือก
ฮั่นหลางอยากจะคุยกับ ต้นกำเนิดไร้จุดหมายเกี่ยวกับช่องที่ออกอากาศดังกล่าว
แต่เขาก็ระงับแรงกระตุ้นนั้นไว้
แม้ฮั่นหลางมักจะเรียกต้นกำเนิดไร้จุดหมายว่าอาจารย์
แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะคำว่า "อาจารย์"
เป็นเพียงสรรพนามในการเรียกบุคคลอย่างสุภาพเท่านั้น
ฮั่นหลางกลัวที่จะทำให้ต้นกำเนิดไร้จุดหมายโกรธ
เพราะอย่างไรก็ตามต้นกำเนิดไร้จุดหมายเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
แล้วได้ช่วยให้ฮั่นหลางได้รับโอกาสอันล้ำค่า ฮั่นหลางก็ไม่อยากที่จะสร้างความรำคาญให้กับเขามากนัก
ถ้าไม่ใช่เพราะต้นกำเนิดไร้จุดหมาย ฮั่นหลางก็อาจจะไม่ได้สัมผัสกับระดับความลึกลับของดาร์คเน็ตในชีวิตนี้เลย
“ต้นกำเนิดไร้จุดหมายบอกว่ารายการไลฟ์สดแห่งความตายเป็นชั้นที่สองของดาร์คเน็ต
นั้นแสดงว่า มันจะต้องมีชั้นที่สามอยู่?” ฮั่นหลางคิดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นฮั่นหลางส่ายหัวเพื่อสลายความคิด
เขาใช้เวลามากเกินไปที่ช่องออกอากาศ และเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้ว เขาควรกลับไปทำงานต่อในตอนนี้...
ยาเสพติด อุปกรณ์ ดูการถ่ายทอดสด พวกมันล้วนต้องเสียเงิน และรายได้ 1,300GC ที่เขาหามาได้จากการเขียนดัชนียาและทำรายงานส่งทุกเดือนเป็นรายได้เพียงช่องทางเดียวของเขา...
การเพิ่มขึ้นของระดับไม่ใช่เพียงเพิ่มพลังงานต้นกำเนิดเท่านั้น
แต่ยังเพิ่มความฉลาดของฮั่นหลางอีกด้วย ตอนนี้ฮั่นหลางสามารถใช้เวลาในการเขียนรายงานดัชนียาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง
นั่นเป็นความเร็วที่ฮั่นหลางเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึง และอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่จำเป็นในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
ฮั่นหลางเพียงต้องการใช้เวลาในการทำงานประมาณสองชั่วโมงในทุกๆวัน มันทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
หลังจากเสร็จสิ้นการเขียนรายงานแล้ว
ฮั่นหลางได้ถามต้นกำเนิดไร้จุดหมายไป3คำถามตามปกติ ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์จะพัฒนาขึ้น
ในอดีตต้นกำเนิดไร้จุดหมายชอบใช้ภาษาที่ง่ายและสั้นที่สุดในการตอบฮั่นหลางแต่ตอนนี้เขามักจะเพิ่มประโยคอีกสองสามประโยคต่อท้ายคำตอบของเขาราวกับว่าเขากลัวว่าฮั่นหลางจะไม่เข้าใจ
“สรุปได้ว่าพลังพิเศษของเจ้าคือพลังต้านทาน
เจ้าถูกโชคชะตาลิขิตให้ต้องเผชิญกับคนอื่นๆในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เจ้าตัดสินใจไม่ผิด
ข้าไม่เคยเน้นความสำคัญของเทคนิค เทคนิคอาจจะดูมีความสำคัญอย่างชัดเจน แต่มันสามารถพัฒนาได้โดยการฝึกซ้ำ
อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถพัฒนาได้ที่บ้าน
เจ้าต้องไปยังสนามรบและเข้าร่วมการต่อสู้ที่กระหายเลือดเหล่านี้!”
“การฝึกในสถานที่หนาวเย็นสุดขั้วหรือดูการถ่ายทอดสดของการต่อสู้ที่เลือดเย็น
ทุกอย่างเป็นการฝึกให้เจ้ากลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง นักรบที่แท้จริงควรมีความแข็งแกร่งและถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะถูกสังหารในสนามรบ
แต่เจตจำนงของเขายังคงไม่สั่นคลอน! เจ้าต้องบรรลุให้ถึงระดับนี้เพื่อที่จะมีคุณสมบัติเป็นนักรบที่แท้จริงและนั่นก็เป็นวิธีเดียวที่จะเข้าถึงจุดสูงสุด!”
“แน่นอนว่าในขั้นตอนนี้การฝึกฝนภายใต้สภาพแวดล้อมที่หนาวจัดก็ยังมีความสำคัญอยู่
อย่างไรซะพลังของเจ้านั้นเป็นพลังที่ได้รับมาจากผู้อื่น ดังนั้นถ้าเจ้าไม่สามารถแสดงพลังงานต้นกำเนิดและศักยภาพของเจ้าของพลังคนก่อนออกมาได้อย่างสมบูรณ์
เจ้าจะไม่เพียงแต่ไม่สามารถบรรลุหน้าที่ของตัวเจ้าเองได้ แต่เจ้ายังขาดความรับผิดชอบต่อนักรบที่ทิ้งพลังนี้ไว้กับเจ้า”
“คืนนี้เจ้าสามารถไปที่บ่อน้ำ
-20 องศาเซลเซียส ใช้ยาพลังงานต้นกำเนิดเพียงหนึ่งเม็ด
ข้าเชื่อมั่นในทักษะของดำน้อย ยาของเขาจะไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย
ให้เจ้านำยากระตุ้นประสาทศูนย์คลื่นสมองติดตัวไปด้วย ใช้มันเมื่อเจ้าไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป”
“เกี่ยวกับความคืบหน้าในการฝึกฝนของเจ้า
ข้าไม่สนใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าสู่สถานะที่กำลังดิ้นรนเมื่อต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง
ตราบเท่าที่เจ้าเข้าสู่สถานะนั้นได้การฝึกซ้อมประเภทใดก็ตามที่เจ้ากระทำ มันจะมีผลเป็นสองเท่า
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมร่างกายเพื่อช่วยกระตุ้นศักยภาพในรูปแบบใดๆ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ฮั่นหลางตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจครับ ขอบคุณอาจารย์ที่แนะนำ”
“เข้าใจแล้วก็ไปซะ
เจ้าทำให้ข้าสูญเสียเวลาและคำพูดไปมากมาย หากไม่ใช่เพราะดำน้อย
ข้าจะไม่ยอมเสียแม้เสี้ยววินาทีมามองเจ้า!” ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่ฮั่นหลางเล็กน้อยหลังจากเสร็จสิ้นบทสนทนา
มันได้กลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว
ในความเป็นจริงฮั่นหลางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนภายใต้คำพูดที่ดูรุนแรงเหล่านั้น
มันมีความห่วงใยบางๆแฝงอยู่ แต่แน่นอนว่าชายแก่ทิฐิสูงผู้นั้นมักใช้ผู้เล่นยามค่ำคืนเป็นข้อตัวแก้ตัว
แต่ฮั่นหลางไม่ได้บอกเขาเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับพลังพิเศษของเขา ต้นกำเนิดไร้จุดหมายคิดเสมอว่าพลังของฮั่นหลางเป็นพลังต้านทาน
แต่มันไม่ใช่ พลังของฮั่นหลางเป็นพลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังต้านทาน แต่ในตอนนี้หากต้นกำเนิดไร้จุดหมายรู้ว่าฮั่นหลางมีพลังพิเศษอะไรแบบนั้น
ฮั่นหลางก็กลัวว่าเขาจะตกใจตาย ถ้าเขาบอกไปว่าจริงๆแล้วเขามี พลังพิเศษประเภทพลังสูญสิ้น
"ฉันคิดว่า
ฉันคงต้องรอไปอีกหน่อย แล้วค่อยบอกเขา..." ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดกับตัวเอง
การฝึกฝน เขียนรายงานดัชนี
ดูการถ่ายทอดสดแห่งความตาย ดูเหมือนว่าชีวิตของฮั่นหลางมีเพียงสามสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เท่านั้น
เขามีความก้าวหน้าในการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยม
และทุกสัปดาห์เขาสามารถเพิ่มค่าสถานะพลังพิเศษโดยเฉลี่ย 230 หน่วย ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ยังสั่งให้ฮั่นหลางเข้าไปในชั้นที่เย็นกว่าของบ่อน้ำทุกๆสัปดาห์เพื่อเพิ่มความรุนแรงของการฝึกฝน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฮั่นหลางเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดมาก
หนึ่งเดือนหลังจากที่มาถึงฐานทัพ รูปร่างของฮั่นหลางในตอนนี้ค่อนข้างผอมกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
การฝึกฝนอย่างเข้มข้นได้สลายไขมันส่วนสุดท้ายในร่างกายของฮั่นหลางออกไป ทำให้ร่างกายของเขามีรูปร่างที่ดีขึ้น
ไหล่กว้างและเอวผอมลง ถึงแม้ว่าจะดูผอมแต่กล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาก็มีความยืดหยุ่นมาก
เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกฝนไปอีกคืน
ในตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก โรงอาหารยังเต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาต่างมีรอยคล้ำใต้ดวงตา ไม่มีใครพูดคุยกันและพวกเขาทั้งหมดต่างก้มหน้ากินอาหารของตัวเอง
มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมเมื่อฮั่นหลางเพิ่งมาถึงฐานในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง
ทุกครั้งที่เขามาที่โรงอาหารมันจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขของผู้คนที่พูดถึงเรื่องไร้สาระต่างๆ
แต่ตอนนี้บรรยากาศภายในฐานทัพทำให้ฮั่นหลางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
มันเหมือนกับว่าไม่มีใครอยากคุยกันอีกแล้ว
“ยังเอาขนมปังไส้เนื้ออยู่ไหม?”
หญิงชราคนหนึ่งที่ให้บริการอาหารถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ครับ ผมขอช็อคโกแลตร้อนๆอีกแก้วด้วยครับ”
ฮั่นหลางกล่าวเสริม
“ทำไมคุณถึงชอบกินขนมปังไส้เนื้อนักนะ?
ป้ารู้สึกเหมือนขนมปังเนื้อทั้งหมดที่ป้าทำมีไม่พอให้คุณกิน”
หญิงชราพูดติดตลกกับฮั่นหลาง
“นั้นเพราะว่าป้าทำอาหารได้อร่อยมาก
ผมไม่เคยได้กินขนมปังไส้เนื้อที่อร่อยขนาดนี้เลย มันจึงทำให้ผมกินขนมปังไส้เนื้อนี้ได้ตลอดไม่เคยรู้สึกว่าพอเลย”
“เจ้าหนุ่มน้อย!”
ใบหน้าของหญิงชราปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะรีบทำขนมปังไส้เนื้อโดยเพิ่มชิ้นเนื้ออีกสองสามชิ้นเป็นพิเศษเมื่อทำขนมปังไส้เนื้อสำหรับฮั่นหลาง
“ขอบคุณครับ”
ฮั่นหลาง รับอาหารเช้าและกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อกินมัน
แต่ตอนที่เขาเดินไปถึงประตูเขาเห็นทหารอายุประมาณ 27-28 ปี วิ่งออกมาจากทิศทางหนึ่งของอาณาจักรสาปสูญ
ในชุดรบเต็มรูปแบบและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
"หมอลี! รีบไปที่คลินิก! มีคนบาดเจ็บ!" ทหารคนนั้นตะโกน
หมอลีกำลังอยู่ระหว่างการกินอาหารเช้าของเขา
เขาเร่งยกซดน้ำซุปไปครึ่งชาม เขาคว้าแว่นตาและวิ่งออกจากโรงอาหารและไปที่คลินิกพร้อมกับทหารคนนั้น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที
รถจี๊ปไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาจากทิศทางหนึ่งของอาณาจักรสาปสูญ
ทหารสองสามคนก็กระโดดลงมาจากรถ และหามเปลวิ่งไปทางคลินิก
บุคคลที่อยู่บนเปลดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก
ใบหน้าของเขาขาวซีดและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด รอยเลือดหยดลงบนพื้นตามทางเดินที่ก้าวผ่านไป
หลังจากที่เปลถูกหามผ่านไปคนทำความสะอาดรีบมาเช็ดคราบเลือดบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ผู้คนในโรงอาหารพูดคุยกันเบาๆ
ขณะที่พวกเขากำหมัดแน่น
“กี่คนแล้วตอนนี้?”
“วันนี้ สาม”
“โชคไม่ดีจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถช่วยชีวิตได้ไหม
ประธานหลี่ยังคงอยู่ที่นั่นพวกเขาไม่ได้กลับมานานแล้วใช่มั้ย?”
“แน่นอนว่ายัง
กองกำลังจู่โจมได้ลงไปในพื้นที่นั่นได้ประมาณครึ่งเดือนแล้ว ในตอนนี้แม้แต่คนที่ทำงานอยู่บนนี้ก็เครียดกันจะตายอยู่แล้ว
เราสามารถจินตนาการได้ว่ากองกำลังจู่โจมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จะได้รับความกดดันมากเท่าใด…”
ขอบคุณครับ
ตอบลบ