เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ZX 058 ขอบคุณผู้อาวุโสที่อนุญาต

คำพูดเหล่านี้ของจินเตามีอยู่ในพื้นฐาน ไม่ได้เป็นการละเมิดกฏแม้แต่น้อย ผู้ที่มาใหม่ในหลุมดักเซียนนั้น ก่อนอื่นจะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโส พวกเขาจึงจะสามารถเข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริงของหลุมดักเซียนได้

นี่คือกฎที่ตราขึ้นโดยผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า และเหล่าผู้นำนิกายทั้งหมด จุดประสงค์ของกฏข้อนี้คือเพื่อลดการบาดเจ็บ ล้มตายในหมู่ผู้มาใหม่ ซึ่งไม่รู้จักสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพ

มันเป็นเหตุผลที่สมบูรณ์แบบ และกฏข้อนี้ก็ไม่มีช่องโหว่ใดๆ ที่จะหลีกเลี่ยงได้ หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของจินเตา แม้เขาเองจะรู้จักกับสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพแล้วก็ตาม

แต่หยางเฉินไม่ได้สนใจการเสนอตัวชี้แนะของจินเตา เขาไม่ได้ใสซื่อขนาดคิดว่า หลังจากที่จินเตาได้รับหินเก็บเสียงแล้ว เขาจะมาช่วยเหลือ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีระดับก่อสร้างรากฐานนั้นจะได้รับการยกย่องจากศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ แล้วก็จะรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับการช่วยเหลือ เห็นได้ชัดว่ามีแผนการอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ในเวลาไม่นานภายใต้การดูแลของจินเตา ได้นำหยางเฉินไปที่หมู่บ้านหลีโลวที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของหลุมดักเซียน หมู่บ้านหลีโลว เป็นกองกำลังหลักในการอบรมนักบ่มเพาะที่เพิ่งเข้าสู่หลุมดักเซียน แม้ว่าหมู่บ้านหลีโลวจะอยู่ที่ด้านหน้าของหลุมดักเซียน แต่ก็ยังคงต้องมีการวางเขตอาคม ก่อนที่จะถึงเขตอาคมของหมู่บ้านหลีโลว

ที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ใต้ดิน เหมือนทางเข้าหลุมดักเซียน เหนือศีรษะขึ้นไปมีแสงไข่มุกเปร่งประกายราวกับกลางวัน ความฟุ่มเฟือยแบบนี้แม้แต่ฮ่องเต้ภายในโลกมนุษย์ก็ยังไม่สามารถ แต่สำหรับที่นี้พวกเขาไม่มีแม้แต่จะสนใจมอง

แม้ที่นี่จะมีบ้านเรือนอยู่มากมายแต่ทุกหลังดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ที่น่าประหลาดใจมากก็คือพลังจิตวิญญาณของที่นี่หนาแน่นมากเมื่อเทียบกับภายนอก การบ่มเพาะที่นี่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอก แต่น่าเสียดายผู้ลงมาหลุมดักเซียนที่สามารถอยู่ได้เพียง 10 ปีและไม่สามารถเข้ามาใหม่ได้อีก นี่คือสมดุลที่แต่ละนิกายกำหนดไว้เพื่อควบคุมหลุมดักเซียน

หมู่บ้านหลีโลว เป็นแหล่งสำคัญสำหรับนักบ่มเพาะที่เข้าหลุมดักเซียนชั้นดี สถานที่นี้ไม่ได้เป็นบ้านของพวกเขาเองหรือของนิกาย นิกายเป็นเพียงผู้ดูแลจัดการ หมู่บ้านแห่งนี้เหมือนตลาดขนาดใหญ่ตราบเท่าที่ใครก็ตามแต่สามารถมายังที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามการแลกเปลี่ยนดังกล่าวไม่ได้เหมือนโลกเบื้องบนที่ใช้หินจิตวิญญาณ ที่แห่งนี้จะใช้แก่นจิตวิญญาณของสัตว์ใต้พิภพ

แก่นจิตวิญญาณ 5 ธาตุ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพ พวกมันจะควบแน่นพลังจิตวิญญาณจนกลายเป็นแก่นจิตวิญญาณ เมื่อเทียบกับหินจิตวิญญาณที่วัดจากน้ำหนักแล้ว แก่นจิตวิญญาณนับเป็นจำนวนชิ้น แก่นจิตวิญญาณทุกชิ้นล้วนมีน้ำหนักเท่ากัน มีเพียงสีของแก่นจิตวิญญาณเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไประหว่าง 5 ธาตุ นอกจากนั้นล้วนไม่ต่างกัน

หินจิตวิญญาณสามารถนำมาใช้บ่มเพาะได้ แต่แก่นจิตวิญญาณจะช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ให้หนาแน่นยิ่งขึ้น หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือแก่นจิตวิญญาณ 10,000 ชิ้นของแต่ละธาตุ ถ้ารวมทั้ง 5 ธาตุ ก็เป็นจำนวน 50,000 ชิ้นของแก่นจิตวิญญาณ จะช่วยเพิ่มอัตราพลังจิตวิญญาณได้ถึงสองเท่า และเพียงพอที่จะใช้บ่มเพาะถึงระดับก่อลำต้น

ในหลุมหลบเซียนพบได้น้อยมากที่จะมีผู้ใดสามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณได้เพียงลำพังในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยทั่วไปเหล่านักบ่มเพาะจากนิกายเดียวกันจะร่วมมือกันเพื่อออกล่าแก่นจิตวิญญาณ เพื่อนำมาใช้ในการบ่มเพาะการควบแน่นของเส้นจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่

มันเป็นเรื่องธรรมชาติด้วยผลประโยชน์แล้วหากใครต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างภายใน หมู่บ้านหลีโลว ทุกคนต้องใช้แก่นจิตวิญญาณในการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นยาหรืออาวุธเวททุกสิ่งทุกอย่างมีขายโดยแลกกับแก่นจิตวิญญาณ

เมื่อหยางเฉินเดินทางมาถึงภายใต้การนำทางของจินเตา ที่จัดห้องพักให้สำหรับเขาในสิบปีนี้ ในเวลาเดียวกันเขาได้รับป้ายหยกที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัตว์อสูรทุกชนิด มันทำให้เขารู้สึกสะดวกมากขึ้น

ศิษย์หยาง เจ้าต้องศึกษาถึงจุดอ่อนของสัตว์อสูรเหล่านี้เอาไว้ และด้วยการเรียนรู้เหล่านี้มันมีส่วนเกี่ยวพันถึงชีวิตของเจ้า!

จินเตากังวลว่าหยางเฉินจะไม่รู้ถึงความสำคัญของสิ่งนี้จึงเตือนเขาซ้ำๆ

"เจ้าต้องรอจนกว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะพร้อมสำหรับการทดสอบ ทันทีที่เจ้าสามารถผ่านการทดสอบไปได้ เจ้าถึงจะสามารถเข้าไปยังหลุมดักเซียน"

"การทดสอบเป็นอย่างไร?"

หยางเฉินถามออกมาทันที

ในหมู่บ้านหลีโลวแห่งนี้จะมีที่ทดสอบ เพียงเจ้าสามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณ หนึ่งในธาตุทั้งห้าได้แล้ว เจ้าก็สามารถผ่านการทดสอบ

จินเตาเผยยิ้ม นี่เป็นผลการทดสอบที่ดีที่สุดของเขา

ทันทีที่เจ้าพร้อมที่จะทดสอบ เจ้าแจ้งข้ามาได้ทันที!

ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ

ขณะที่หยางเฉินส่งจินเตากลับไป เขามองตามจินเตาจนกระทั่งจินเตาออกไปแล้ว หยางเฉินก็นั่งลงและส่งพลังจิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบแผ่นหยก ฉับพลันได้เกิดรอยยิ้มน่าขนลุกขึ้นบนใบหน้าของเขา

ด้านในแผ่นหยกมีจุดอ่อนของสัตว์จิตวิญญาณทั้งห้าธาตุอยู่จริง แต่เพียงตื้นเขินเท่านั้นไม่มีอะไรมากมาย แผ่นหยกนี้ไม่ได้มีความสำคัญหรือถูกจัดอันดับ ถึงแม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนของสัตว์จิตวิญญาณ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำและสัตว์จิตวิญญาณที่ได้รับการจัดอันดับระดับสูงผลลัพธ์จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การที่จินเตามอบแผ่นหยกนี้ให้หยางเฉินเห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาร้าย แต่น่าเสียดายที่เขาได้พบกับหยางเฉิน แม้ว่าความรู้ทั้งหมดของจินเตาเกี่ยวกับสัตว์ใต้พิภพคูณด้วยสิบก็ยังไม่อาจจะมีความใกล้เคียงกับ ความรู้ที่หยางเฉินมี เทคนิคที่เขาให้มาเป็นเพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์

คนไม่ได้ต้องการทำร้ายเสือ พวกเชาหรือจะถูกเสือฆ่า จินเตาได้กลายป็นศัตรูของหยางเฉินอีกครั้งภายในจิตใจของเขา ถ้าจินเตารู้ถึงการเตรียมการของหยางเฉินในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าเขาจะกลับใจหรือไม่?

ภายในห้องนี้ไม่มีอะไรที่พิเศษมันเป็นเพียงสถานที่พักผ่อนภายในหมู่บ้านหลีโลว ของหยางเฉินที่มีเพียงเสี่อและเก้าอี้ แต่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะนั่งพัก เขาออกจากห้องและไปเดินสำรวจตลาด

ภายในหลุมดักเซียนตั้งอยู่ในใต้ดิน ที่นี่ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน ผู้คนสามารถเข้าออกจากหมู่บ้านและตลาดได้ตลอดเวลา

หยางเฉินไม่มีคุ้นเคยกับที่นี่เขาเป็นคนที่เพิ่งมาถึง เขาไม่เห็นช่องว่างที่จะวางของในตลาดแม้แต่น้อย ตลาดของที่นี่มีความคึกคัก เขาเริ่มค้นหาช่องว่างเล็กๆที่มุมหนึ่งของตลาด หลังจากได้ที่จุดที่ดีแล้วเขาก็หยิบขวดหยกออกมาจากกระเป๋ามิติ และวางไว้บนพื้นด้านหน้า จะเห็นว่ามีผ้าอยู่ผืนหนึ่ง ถูกเขียนว่า 'ยาเม็ดลมปราณระดับสอง 10 เม็ด ต่อ 1 แก่นจิตวิญญาณ' หลังจากที่ถูกวางเรียบร้อย เขาไม่ได้ตะโกนเรียกคนมาซื้อแต่อย่างใด เขานั่งลงบนพื้นและรออย่างเงียบๆ

ผู้คนไม่ได้เข้ามาในมุมนั้นมากนัก อีกทั้งหยางเฉินยังดูอ่อนเยาว์และอยู่เพียงระดับรวบรวมลมปราณ สำหรับผู้ที่ระดับก่อลำต้นแล้วพวกเขาตัดสินใจได้ทันทีว่าด้วยระดับพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินไม่สามารถใช้เครื่องมือกลั่นสกัดยาเหล่านี้ แล้วสินค้าที่ดีผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณหรือจะมี? เมื่อคิดเช่นนี้ก็ไม่มีใครคิดที่จะหยุดแวะที่ร้านของเขา

แม้สถานการณ์จะเป็นแบบนี้แต่หยางเฉินก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย [บก.หมู มั่นใจจนน่าหมั่นไส้] เขายังคงนังรออย่างเงียบๆและฝึกเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งไปอย่างช้าๆ มีเพียงเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งที่สามารถหยุดการโคจรพลังได้อย่างฉับพลันโดยไม่มีผลกระทบใดๆ

ในขณะที่หยางเฉินกำลังโคจรพลังจิตวิญญาณ เขาก็รับรู้ได้ถึงหลายๆคนที่อยู่ด้านหน้าของเขา และในขณะเดียวกันเขาได้ยินเสียงดังออกมาด้วยความประหลาดใจ

"เจ้ามียาเม็ดลมปราณระดับสองจริง?"

เสียงของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย ยาเม็ดลมปราณระดับสองไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์รวบรวมลมปราณจะสามารถปรับแต่งได้ นอกจากนี้ราคาที่หยางเฉินตั้งเอาไว้ก็ยังเป็นราคาที่ต่ำ ซึ่งทำให้คนสงสัยว่าหยางเฉินจะต้องการต้มพวกเขา

หยางเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองและเพียงเปิดขวดหยกของเขา จากนั้นก็หยิบยามากกว่าสิบเม็ดแล้ววางไปบนผ้าสีขาวด้านหน้าของเขา และยื่นมือของเขาออกไปให้อีกฝ่ายดูด้วยตาตัวเอง

บนตัวยามีสัญลักษณ์ของยาระดับสองอยู่อย่างชัดเจน นอกจากนี้กลิ่นของมันยังบริสุทธิ์อย่างมากสร้างข้อสงสัยภายในจิตใจของผู้ที่ยืนมอง ในขณะนี้ความนับถือในยาของหยางเฉินได้ผุดขึ้นมาภายในจิตใจของเขา ดังนั้นเขาซื้ออย่างไม่ต่อรองใดๆ หลังจากนับยาเม็ดลมปราณสิบเม็ดในมือซ้ายของเขา


สำหรับคนที่สองเพียงพูดไม่กี่คำก็บรรลุข้อตกลง อีกฝ่ายค่อนข้างเป็นคนจริงใจ จริงๆแล้วหยางชอบการแลกเปลี่ยนแบบนี้ มันเรียบง่าย ทำไมต้องทำให้มันซับซ้อน?

หลังจากที่ได้รับแก่นจิตวิญญาณ หยางเฉินยังคงนั่งอย่างสงบฝึกฝนเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งเพื่อรอลูกค้ามา อย่างไรก็ตามเวลานี้เขาไม่ต้องเสียเวลารอนาน

หลังจากนั้นไม่นานคนที่เพิ่งซื้อยาเม็ดลมปราณไปสิบเม็ดก็กลับมาอีกครั้ง แล้วนั่งลงตรงหน้าของเขาพร้อมเอ่ยเสียงเบาๆว่า

"ยาเม็ดลมปราณเหล่านี้ ข้าต้องการซื้อทั้งหมด!"

"ซื้อพวกมันทั้งหมด?"

หยางเฉินเงยหน้าขึ้นมอง ผู้ที่เบื้องหน้าของเขามีหน้าตาที่ดูบอบบางและน่ารัก และให้กลิ่นอายที่ซื่อสัตย์เมื่อต้องทำข้อตกลงกับเขา หยางเฉินพยักหน้า

"ตกลง ตอนนี้ข้ามีทั้งหมด 500 เม็ด เมื่อตีเป็นแก่นจิตวิญญาณคือ 50 ชิ้น"

ขณะที่เขาพูดก็หยิบขวดหยกออกมา 5 ขวด และวางไว้บนผ้าสีขาว
คนหนึ่งเอาแก่นจิตวิญญาณ 50 ชิ้น อีกคนเอาขวดหยกมาวาง และลุกขึ้นก่อนเดินออกมา เขาพูดว่า

"วันหน้าถ้าเจ้ามีอีกข้าก็จะซื้อมันทั้งหมด"

"ข้าจะกลับมา และมันจะมีจำนวน 500 เม็ดเมื่อนำมาขายอีกครั้ง"

อย่างไรก็ตามหยางเฉินไม่ได้ให้คำสัญญาใดๆ เขาเพียงยิ้มและพูดออกไปว่า

"ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดการพบกันอีกครั้ง!"

คนผู้นั้นไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วพยักหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่หลุมดักเซียนและกลับมาที่นี่เพื่อเพิ่มเติมยาและพักผ่อนเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าจินเตาจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมา แต่เขาก็กำลังติดตามหยางเฉินด้วยพลังจิตวิญญาณของเขา เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไปที่ตลาด เขาก็เดินตามไปดู แล้วค้นพบว่าหยางเฉินได้รับแก่นจิตวิญญาณ 50 ชิ้น มันช่างไม่น่าเชื่อ เขาได้แต่ประหลาดใจ

เมื่อกลับมาถึงที่พักของเขา หยางเฉินไม่เสียเวลาที่จะต้องปกปิดทักษะกลั่นสกัดยาของเขา เขารีบหยิบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมาเริ่มต้นกลั่นสกัดยา เขาสามารถปรับแต่งยาเม็ดลมปราณ 100 เม็ดต่อหนึ่งครั้ง สำหรับยาเม็ดลมปราณระดับสองในการกลั่นสกัดแต่ละครั้งจะใช้เวลา 1 ชั่วยาม หยางเฉินกลั่นสกัดโดยใช้เตาแก่นจิตวิญญาณเป็นจำนวน 5 ครั้งและเขาก็เริ่มกิจวัตรประจำวันของเขาคือการกลืนผลหยางล้ำเลิศพันปี และฝึกฝนโคจรพลังเคล็ดวิชาลับประสานหยางห้าธาตุ

ไม่มีกลางวันหรือกลางคืนภายในโลกใต้ดิน และหยางเฉินก็ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนใดๆ หลังจากที่เขาโคจรพลังเสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ตลาดอีกครั้งเพื่อขายยาเม็ดลมปราณระดับสองของเขา มีเพียงไม่กี่คนที่มายังมุมนี้ แต่ก็ยังคงมีคนผ่านมาบ้าง และโดยปกติหลังจากที่มีคนลองใช้เม็ดยาของเขา เขาก็จะขอซื้อยาทั้งหมดจากหยางเฉิน

หยางเฉินดำเนินกิจวัตรประจำวันแบบนี้ไปนานกว่าสิบวัน และภายในครึ่งถึงหนึ่งชั่วยามต่อวันหยางเฉินจะได้รับแก่นวิญญาณห้าสิบชิ้นหลังจากการขายเม็ดยา รายได้นี้ทำให้จินเตาผู้สะกดลอยหยางเฉินรู้สึกตาร้อนอย่างมาก แม้หลังจากอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่ปี แต่เขายังมีแก่นจิตวิญญาณเพียงแค่สามพันแก่นจิตวิญญาณ แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆสิบวัน หยางเฉินกลับสามารถรวบรวมแก่นจิตวิญญาณได้หลายร้อยจนเกือบจะถึงหนึ่งพันความเร็วที่ว่านี้จะไม่ทำให้เขาน้ำลายไหล?

แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหยางเฉินสามารถมีแก่นจิตวิญญาณมากกว่านี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตายกับหยางเฉินในระหว่างการทดสอบ จินเตารู้สึกกระวนกระวายภายในใจของเขา แต่เขาก็ไม่มีท่าทีประมาท

เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่ายี่สิบวัน หลังจากที่หยางเฉินใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่เขานำมาจากเบื้องบนมาแลกเปลี่ยนแก่นจิตวิญญาณ เขาได้รับแก่นจิตวิญญาณรวมทุกธาตุเป็นจำนวนหนึ่งพันสามร้อยชิ้น

เนื่องจากเขาไม่สามารถหาวัตถุดิบมาทำเม็ดยาได้ หยางเฉินจึงตัดสินใจจะเข้าหลุมดักเซียนหลังจากเตรียมการบางอย่างแล้ว หยางเฉินเริ่มมองหาจินเตาเพื่อขอให้เขาเตรียมการทดสอบ

จินเตาคำรามในหัวใจ เมื่อเห็นหยางเฉินหาเขา เขานำหยางเฉินไปเวทีทดสอบ ขณะเดียวกันให้คำแนะนำอย่างผิด ๆ หลังจากหยางเฉินเข้าไปในเวทีแล้ว จินเตาจะเริ่มการทำงานของค่ายกล และลบข้อจำกัดของสัตว์อสูรใต้พิภพ จากนั้นเขาก็รออยู่ด้านนอกค่ายกล ตราบใดที่หยางเฉินเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย จินเตาก็จะทำการสลับเปลี่ยนแผ่นหยก ที่เก็บแก่นจิตวิญญาณจากกระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉิน กับสิ่งของในกระเป๋าของเขา


ในทีแรกเขาเพียงต้องการสอนบทเรียนให้แก่หยางเฉิน แต่ในเวลานี้เขายังมีโอกาสได้รับแก่นจิตวิญญาณมากกว่า 1,000 ชิ้น และสิ่งที่เขาต้องทำคือแสร้งว่าโศกเศร้าถึงความตายของหยางเฉิน สำหรับแก่นจิตวิญญาณ 1,000 ชิ้นนั้นเท่ากับรายได้ตลอดหนึ่งปีของจินเตา

การที่หยางเฉินถูกฆ่าโดยสัตว์ใต้พิภพถือเป็นเรื่องธรรมดามาก แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน อย่างจินเตาเองถ้าเผลอนิดเดียวก็จะถูกฆ่าโดยเหล่าสัตว์ใต้พิภพได้ ใครบอกเจ้าให้ประเมินตัวเองสูงนัก แค่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ ช่างกล้าท้าทายสัตว์ระดับสูงใต้พิภพ ความตายน่ะถูกต้องแล้ว!
ถ้าต้องการตำหนิใครสักคน ก็คงเป็นคนที่ให้ป้ายคำสั่ง ในขณะที่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินต่ำกว่ามาตฐานไปมาก ..แต่ก็ยังอนุญาติให้มาที่นี่

ใครจะรู้ว่าจินเตาไม่ได้ให้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับสัตว์ใต้พิภพกับหยางเฉิน นอกจากนี้แทนที่จะปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับต่ำๆออกมาทีละตัว แต่เขากลับปลดปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงออกมาทีเดียวทั้ง 5 ธาตุ อย่าว่าแค่ในระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินเลย ต่อให้เป็นเขา ระดับก่อสร้างรากฐาน เมื่อเผชิญสัตว์เหล่านี้พร้อมกัน ต้องใช้เวลาในการต่อสู้หลายวัน เพื่อลดระดับความแข็งแกร่งของมันลง ถึงจะสามารถจัดการพวกมันได้

ในบางครั้งการเผชิญหน้ากับสัตว์จิตวิญญาณ 5 ธาตุและได้ถูกสังหารโดยพวกมันเป็นโศกนาฏกรรมที่เศร้าที่สุดในหลุมดักเซียน และนี่เป็นครั้งแรกของหยางเฉินในการเผชิญหน้ากับสัตว์จิตวิญญาณ 5 ธาตุ จินเตาคาดเดาว่าหยางเฉินจะสามารถทนได้กี่ซักเท่าไร 5 ลมหายใจ? 10ลมหายใจ?

ครั้งแรกที่ค่ายกลบนเวทีทดสอบทำงาน  ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ผู้คนภายในหมู่บ้านก็ไม่สามารถรู้ถึงเหตุการณ์ภายในได้ จินเตารู้สึกสบายใจ และรอคอยอุบัติเหตุบางอย่างที่จะเกิดบนเวทีการทดสอบและฝันหวานถึงแก่นจิตวิญญาณ 1,000 ชิ้นที่จะได้แต่ทันใดก็เสียงดังสนั่นก้องเวทีที่ด้านหลังเขา ค่ายกลถูกเปิดจากภายใน หยางเฉินค่อยๆเดินออกมาจากภายในค่ายกลอย่างช้าๆ

ไม่คาดคิดเลย ว่าเหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะแพ้ทางธาตุไฟของข้า

มองไปที่ใบหน้าของหยางเฉิน สิ่งที่พบคือรอยยิ้มที่ปราศจากร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เขาประสานมือคารวะมาที่จินเตาแล้วเอ่ย

ขอบคุณท่านอย่างมากผู้อาวุโส สำหรับการดูแลและยอมรับให้ศิษย์ผู้นี้เข้าหลุมดักเซียน


ในเวลานี้ใบหน้าของจินเตาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อมองไปที่ใบหน้าหยางเฉินที่ยิ้มแย้ม จินเตารู้สึกอยากจะร้องไห้

7 ความคิดเห็น: