คำพูดเหล่านี้ของจินเตามีอยู่ในพื้นฐาน
ไม่ได้เป็นการละเมิดกฏแม้แต่น้อย ผู้ที่มาใหม่ในหลุมดักเซียนนั้น
ก่อนอื่นจะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโส
พวกเขาจึงจะสามารถเข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริงของหลุมดักเซียนได้
นี่คือกฎที่ตราขึ้นโดยผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า
และเหล่าผู้นำนิกายทั้งหมด จุดประสงค์ของกฏข้อนี้คือเพื่อลดการบาดเจ็บ
ล้มตายในหมู่ผู้มาใหม่ ซึ่งไม่รู้จักสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพ
มันเป็นเหตุผลที่สมบูรณ์แบบ
และกฏข้อนี้ก็ไม่มีช่องโหว่ใดๆ ที่จะหลีกเลี่ยงได้
หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของจินเตา
แม้เขาเองจะรู้จักกับสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพแล้วก็ตาม
แต่หยางเฉินไม่ได้สนใจการเสนอตัวชี้แนะของจินเตา
เขาไม่ได้ใสซื่อขนาดคิดว่า หลังจากที่จินเตาได้รับหินเก็บเสียงแล้ว
เขาจะมาช่วยเหลือ
ไม่ว่าใครก็ตามที่มีระดับก่อสร้างรากฐานนั้นจะได้รับการยกย่องจากศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
แล้วก็จะรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับการช่วยเหลือ
เห็นได้ชัดว่ามีแผนการอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
ในเวลาไม่นานภายใต้การดูแลของจินเตา
ได้นำหยางเฉินไปที่หมู่บ้านหลีโลวที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของหลุมดักเซียน
หมู่บ้านหลีโลว เป็นกองกำลังหลักในการอบรมนักบ่มเพาะที่เพิ่งเข้าสู่หลุมดักเซียน
แม้ว่าหมู่บ้านหลีโลวจะอยู่ที่ด้านหน้าของหลุมดักเซียน
แต่ก็ยังคงต้องมีการวางเขตอาคม ก่อนที่จะถึงเขตอาคมของหมู่บ้านหลีโลว
ที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ใต้ดิน
เหมือนทางเข้าหลุมดักเซียน เหนือศีรษะขึ้นไปมีแสงไข่มุกเปร่งประกายราวกับกลางวัน
ความฟุ่มเฟือยแบบนี้แม้แต่ฮ่องเต้ภายในโลกมนุษย์ก็ยังไม่สามารถ
แต่สำหรับที่นี้พวกเขาไม่มีแม้แต่จะสนใจมอง
แม้ที่นี่จะมีบ้านเรือนอยู่มากมายแต่ทุกหลังดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
ที่น่าประหลาดใจมากก็คือพลังจิตวิญญาณของที่นี่หนาแน่นมากเมื่อเทียบกับภายนอก
การบ่มเพาะที่นี่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับโลกภายนอก
แต่น่าเสียดายผู้ลงมาหลุมดักเซียนที่สามารถอยู่ได้เพียง 10
ปีและไม่สามารถเข้ามาใหม่ได้อีก
นี่คือสมดุลที่แต่ละนิกายกำหนดไว้เพื่อควบคุมหลุมดักเซียน
หมู่บ้านหลีโลว
เป็นแหล่งสำคัญสำหรับนักบ่มเพาะที่เข้าหลุมดักเซียนชั้นดี
สถานที่นี้ไม่ได้เป็นบ้านของพวกเขาเองหรือของนิกาย นิกายเป็นเพียงผู้ดูแลจัดการ
หมู่บ้านแห่งนี้เหมือนตลาดขนาดใหญ่ตราบเท่าที่ใครก็ตามแต่สามารถมายังที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามการแลกเปลี่ยนดังกล่าวไม่ได้เหมือนโลกเบื้องบนที่ใช้หินจิตวิญญาณ
ที่แห่งนี้จะใช้แก่นจิตวิญญาณของสัตว์ใต้พิภพ
แก่นจิตวิญญาณ 5 ธาตุ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของสัตว์จิตวิญญาณใต้พิภพ
พวกมันจะควบแน่นพลังจิตวิญญาณจนกลายเป็นแก่นจิตวิญญาณ
เมื่อเทียบกับหินจิตวิญญาณที่วัดจากน้ำหนักแล้ว แก่นจิตวิญญาณนับเป็นจำนวนชิ้น
แก่นจิตวิญญาณทุกชิ้นล้วนมีน้ำหนักเท่ากัน มีเพียงสีของแก่นจิตวิญญาณเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไประหว่าง
5 ธาตุ นอกจากนั้นล้วนไม่ต่างกัน
หินจิตวิญญาณสามารถนำมาใช้บ่มเพาะได้
แต่แก่นจิตวิญญาณจะช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ให้หนาแน่นยิ่งขึ้น
หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือแก่นจิตวิญญาณ 10,000 ชิ้นของแต่ละธาตุ ถ้ารวมทั้ง 5 ธาตุ ก็เป็นจำนวน 50,000 ชิ้นของแก่นจิตวิญญาณ จะช่วยเพิ่มอัตราพลังจิตวิญญาณได้ถึงสองเท่า
และเพียงพอที่จะใช้บ่มเพาะถึงระดับก่อลำต้น
ในหลุมหลบเซียนพบได้น้อยมากที่จะมีผู้ใดสามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณได้เพียงลำพังในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
โดยทั่วไปเหล่านักบ่มเพาะจากนิกายเดียวกันจะร่วมมือกันเพื่อออกล่าแก่นจิตวิญญาณ
เพื่อนำมาใช้ในการบ่มเพาะการควบแน่นของเส้นจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่
มันเป็นเรื่องธรรมชาติด้วยผลประโยชน์แล้วหากใครต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างภายใน
หมู่บ้านหลีโลว ทุกคนต้องใช้แก่นจิตวิญญาณในการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นยาหรืออาวุธเวททุกสิ่งทุกอย่างมีขายโดยแลกกับแก่นจิตวิญญาณ
เมื่อหยางเฉินเดินทางมาถึงภายใต้การนำทางของจินเตา
ที่จัดห้องพักให้สำหรับเขาในสิบปีนี้
ในเวลาเดียวกันเขาได้รับป้ายหยกที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัตว์อสูรทุกชนิด
มันทำให้เขารู้สึกสะดวกมากขึ้น
“ศิษย์หยาง เจ้าต้องศึกษาถึงจุดอ่อนของสัตว์อสูรเหล่านี้เอาไว้
และด้วยการเรียนรู้เหล่านี้มันมีส่วนเกี่ยวพันถึงชีวิตของเจ้า!”
จินเตากังวลว่าหยางเฉินจะไม่รู้ถึงความสำคัญของสิ่งนี้จึงเตือนเขาซ้ำๆ
"เจ้าต้องรอจนกว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะพร้อมสำหรับการทดสอบ
ทันทีที่เจ้าสามารถผ่านการทดสอบไปได้ เจ้าถึงจะสามารถเข้าไปยังหลุมดักเซียน"
"การทดสอบเป็นอย่างไร?"
หยางเฉินถามออกมาทันที
“ในหมู่บ้านหลีโลวแห่งนี้จะมีที่ทดสอบ
เพียงเจ้าสามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณ หนึ่งในธาตุทั้งห้าได้แล้ว
เจ้าก็สามารถผ่านการทดสอบ”
จินเตาเผยยิ้ม
นี่เป็นผลการทดสอบที่ดีที่สุดของเขา
“ทันทีที่เจ้าพร้อมที่จะทดสอบ
เจ้าแจ้งข้ามาได้ทันที!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
ขณะที่หยางเฉินส่งจินเตากลับไป
เขามองตามจินเตาจนกระทั่งจินเตาออกไปแล้ว
หยางเฉินก็นั่งลงและส่งพลังจิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบแผ่นหยก
ฉับพลันได้เกิดรอยยิ้มน่าขนลุกขึ้นบนใบหน้าของเขา
ด้านในแผ่นหยกมีจุดอ่อนของสัตว์จิตวิญญาณทั้งห้าธาตุอยู่จริง
แต่เพียงตื้นเขินเท่านั้นไม่มีอะไรมากมาย
แผ่นหยกนี้ไม่ได้มีความสำคัญหรือถูกจัดอันดับ
ถึงแม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนของสัตว์จิตวิญญาณ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำและสัตว์จิตวิญญาณที่ได้รับการจัดอันดับระดับสูงผลลัพธ์จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การที่จินเตามอบแผ่นหยกนี้ให้หยางเฉินเห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาร้าย
แต่น่าเสียดายที่เขาได้พบกับหยางเฉิน แม้ว่าความรู้ทั้งหมดของจินเตาเกี่ยวกับสัตว์ใต้พิภพคูณด้วยสิบก็ยังไม่อาจจะมีความใกล้เคียงกับ
ความรู้ที่หยางเฉินมี เทคนิคที่เขาให้มาเป็นเพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์
คนไม่ได้ต้องการทำร้ายเสือ
พวกเชาหรือจะถูกเสือฆ่า จินเตาได้กลายป็นศัตรูของหยางเฉินอีกครั้งภายในจิตใจของเขา
ถ้าจินเตารู้ถึงการเตรียมการของหยางเฉินในตอนนี้
ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าเขาจะกลับใจหรือไม่?
ภายในห้องนี้ไม่มีอะไรที่พิเศษมันเป็นเพียงสถานที่พักผ่อนภายในหมู่บ้านหลีโลว
ของหยางเฉินที่มีเพียงเสี่อและเก้าอี้ แต่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะนั่งพัก
เขาออกจากห้องและไปเดินสำรวจตลาด
ภายในหลุมดักเซียนตั้งอยู่ในใต้ดิน
ที่นี่ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน
ผู้คนสามารถเข้าออกจากหมู่บ้านและตลาดได้ตลอดเวลา
หยางเฉินไม่มีคุ้นเคยกับที่นี่เขาเป็นคนที่เพิ่งมาถึง
เขาไม่เห็นช่องว่างที่จะวางของในตลาดแม้แต่น้อย ตลาดของที่นี่มีความคึกคัก
เขาเริ่มค้นหาช่องว่างเล็กๆที่มุมหนึ่งของตลาด
หลังจากได้ที่จุดที่ดีแล้วเขาก็หยิบขวดหยกออกมาจากกระเป๋ามิติ
และวางไว้บนพื้นด้านหน้า จะเห็นว่ามีผ้าอยู่ผืนหนึ่ง ถูกเขียนว่า 'ยาเม็ดลมปราณระดับสอง 10 เม็ด ต่อ 1 แก่นจิตวิญญาณ' หลังจากที่ถูกวางเรียบร้อย
เขาไม่ได้ตะโกนเรียกคนมาซื้อแต่อย่างใด เขานั่งลงบนพื้นและรออย่างเงียบๆ
ผู้คนไม่ได้เข้ามาในมุมนั้นมากนัก
อีกทั้งหยางเฉินยังดูอ่อนเยาว์และอยู่เพียงระดับรวบรวมลมปราณ
สำหรับผู้ที่ระดับก่อลำต้นแล้วพวกเขาตัดสินใจได้ทันทีว่าด้วยระดับพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินไม่สามารถใช้เครื่องมือกลั่นสกัดยาเหล่านี้
แล้วสินค้าที่ดีผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณหรือจะมี? เมื่อคิดเช่นนี้ก็ไม่มีใครคิดที่จะหยุดแวะที่ร้านของเขา
แม้สถานการณ์จะเป็นแบบนี้แต่หยางเฉินก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
[บก.หมู มั่นใจจนน่าหมั่นไส้] เขายังคงนังรออย่างเงียบๆและฝึกเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งไปอย่างช้าๆ
มีเพียงเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งที่สามารถหยุดการโคจรพลังได้อย่างฉับพลันโดยไม่มีผลกระทบใดๆ
ในขณะที่หยางเฉินกำลังโคจรพลังจิตวิญญาณ
เขาก็รับรู้ได้ถึงหลายๆคนที่อยู่ด้านหน้าของเขา
และในขณะเดียวกันเขาได้ยินเสียงดังออกมาด้วยความประหลาดใจ
"เจ้ามียาเม็ดลมปราณระดับสองจริง?"
เสียงของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย
ยาเม็ดลมปราณระดับสองไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์รวบรวมลมปราณจะสามารถปรับแต่งได้
นอกจากนี้ราคาที่หยางเฉินตั้งเอาไว้ก็ยังเป็นราคาที่ต่ำ
ซึ่งทำให้คนสงสัยว่าหยางเฉินจะต้องการต้มพวกเขา
หยางเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองและเพียงเปิดขวดหยกของเขา
จากนั้นก็หยิบยามากกว่าสิบเม็ดแล้ววางไปบนผ้าสีขาวด้านหน้าของเขา
และยื่นมือของเขาออกไปให้อีกฝ่ายดูด้วยตาตัวเอง
บนตัวยามีสัญลักษณ์ของยาระดับสองอยู่อย่างชัดเจน
นอกจากนี้กลิ่นของมันยังบริสุทธิ์อย่างมากสร้างข้อสงสัยภายในจิตใจของผู้ที่ยืนมอง
ในขณะนี้ความนับถือในยาของหยางเฉินได้ผุดขึ้นมาภายในจิตใจของเขา
ดังนั้นเขาซื้ออย่างไม่ต่อรองใดๆ หลังจากนับยาเม็ดลมปราณสิบเม็ดในมือซ้ายของเขา
สำหรับคนที่สองเพียงพูดไม่กี่คำก็บรรลุข้อตกลง
อีกฝ่ายค่อนข้างเป็นคนจริงใจ จริงๆแล้วหยางชอบการแลกเปลี่ยนแบบนี้ มันเรียบง่าย
ทำไมต้องทำให้มันซับซ้อน?
หลังจากที่ได้รับแก่นจิตวิญญาณ
หยางเฉินยังคงนั่งอย่างสงบฝึกฝนเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งเพื่อรอลูกค้ามา
อย่างไรก็ตามเวลานี้เขาไม่ต้องเสียเวลารอนาน
หลังจากนั้นไม่นานคนที่เพิ่งซื้อยาเม็ดลมปราณไปสิบเม็ดก็กลับมาอีกครั้ง
แล้วนั่งลงตรงหน้าของเขาพร้อมเอ่ยเสียงเบาๆว่า
"ยาเม็ดลมปราณเหล่านี้
ข้าต้องการซื้อทั้งหมด!"
"ซื้อพวกมันทั้งหมด?"
หยางเฉินเงยหน้าขึ้นมอง
ผู้ที่เบื้องหน้าของเขามีหน้าตาที่ดูบอบบางและน่ารัก
และให้กลิ่นอายที่ซื่อสัตย์เมื่อต้องทำข้อตกลงกับเขา หยางเฉินพยักหน้า
"ตกลง
ตอนนี้ข้ามีทั้งหมด 500 เม็ด เมื่อตีเป็นแก่นจิตวิญญาณคือ 50 ชิ้น"
ขณะที่เขาพูดก็หยิบขวดหยกออกมา 5 ขวด
และวางไว้บนผ้าสีขาว
คนหนึ่งเอาแก่นจิตวิญญาณ 50 ชิ้น
อีกคนเอาขวดหยกมาวาง และลุกขึ้นก่อนเดินออกมา เขาพูดว่า
"วันหน้าถ้าเจ้ามีอีกข้าก็จะซื้อมันทั้งหมด"
"ข้าจะกลับมา
และมันจะมีจำนวน 500 เม็ดเมื่อนำมาขายอีกครั้ง"
อย่างไรก็ตามหยางเฉินไม่ได้ให้คำสัญญาใดๆ
เขาเพียงยิ้มและพูดออกไปว่า
"ปล่อยให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดการพบกันอีกครั้ง!"
คนผู้นั้นไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วพยักหน้า
ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่หลุมดักเซียนและกลับมาที่นี่เพื่อเพิ่มเติมยาและพักผ่อนเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจินเตาจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
แต่เขาก็กำลังติดตามหยางเฉินด้วยพลังจิตวิญญาณของเขา
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไปที่ตลาด เขาก็เดินตามไปดู
แล้วค้นพบว่าหยางเฉินได้รับแก่นจิตวิญญาณ 50 ชิ้น มันช่างไม่น่าเชื่อ เขาได้แต่ประหลาดใจ
เมื่อกลับมาถึงที่พักของเขา
หยางเฉินไม่เสียเวลาที่จะต้องปกปิดทักษะกลั่นสกัดยาของเขา
เขารีบหยิบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมาเริ่มต้นกลั่นสกัดยา
เขาสามารถปรับแต่งยาเม็ดลมปราณ 100 เม็ดต่อหนึ่งครั้ง
สำหรับยาเม็ดลมปราณระดับสองในการกลั่นสกัดแต่ละครั้งจะใช้เวลา 1 ชั่วยาม หยางเฉินกลั่นสกัดโดยใช้เตาแก่นจิตวิญญาณเป็นจำนวน 5 ครั้งและเขาก็เริ่มกิจวัตรประจำวันของเขาคือการกลืนผลหยางล้ำเลิศพันปี
และฝึกฝนโคจรพลังเคล็ดวิชาลับประสานหยางห้าธาตุ
ไม่มีกลางวันหรือกลางคืนภายในโลกใต้ดิน
และหยางเฉินก็ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนใดๆ หลังจากที่เขาโคจรพลังเสร็จเรียบร้อย
เขาก็กลับไปที่ตลาดอีกครั้งเพื่อขายยาเม็ดลมปราณระดับสองของเขา
มีเพียงไม่กี่คนที่มายังมุมนี้ แต่ก็ยังคงมีคนผ่านมาบ้าง และโดยปกติหลังจากที่มีคนลองใช้เม็ดยาของเขา
เขาก็จะขอซื้อยาทั้งหมดจากหยางเฉิน
หยางเฉินดำเนินกิจวัตรประจำวันแบบนี้ไปนานกว่าสิบวัน
และภายในครึ่งถึงหนึ่งชั่วยามต่อวันหยางเฉินจะได้รับแก่นวิญญาณห้าสิบชิ้นหลังจากการขายเม็ดยา
รายได้นี้ทำให้จินเตาผู้สะกดลอยหยางเฉินรู้สึกตาร้อนอย่างมาก แม้หลังจากอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่ปี
แต่เขายังมีแก่นจิตวิญญาณเพียงแค่สามพันแก่นจิตวิญญาณ แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆสิบวัน
หยางเฉินกลับสามารถรวบรวมแก่นจิตวิญญาณได้หลายร้อยจนเกือบจะถึงหนึ่งพันความเร็วที่ว่านี้จะไม่ทำให้เขาน้ำลายไหล?
แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหยางเฉินสามารถมีแก่นจิตวิญญาณมากกว่านี้
ถ้าเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตายกับหยางเฉินในระหว่างการทดสอบ
จินเตารู้สึกกระวนกระวายภายในใจของเขา แต่เขาก็ไม่มีท่าทีประมาท
เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่ายี่สิบวัน
หลังจากที่หยางเฉินใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่เขานำมาจากเบื้องบนมาแลกเปลี่ยนแก่นจิตวิญญาณ
เขาได้รับแก่นจิตวิญญาณรวมทุกธาตุเป็นจำนวนหนึ่งพันสามร้อยชิ้น
เนื่องจากเขาไม่สามารถหาวัตถุดิบมาทำเม็ดยาได้
หยางเฉินจึงตัดสินใจจะเข้าหลุมดักเซียนหลังจากเตรียมการบางอย่างแล้ว
หยางเฉินเริ่มมองหาจินเตาเพื่อขอให้เขาเตรียมการทดสอบ
จินเตาคำรามในหัวใจ
เมื่อเห็นหยางเฉินหาเขา เขานำหยางเฉินไปเวทีทดสอบ ขณะเดียวกันให้คำแนะนำอย่างผิด ๆ
หลังจากหยางเฉินเข้าไปในเวทีแล้ว จินเตาจะเริ่มการทำงานของค่ายกล
และลบข้อจำกัดของสัตว์อสูรใต้พิภพ จากนั้นเขาก็รออยู่ด้านนอกค่ายกล
ตราบใดที่หยางเฉินเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย จินเตาก็จะทำการสลับเปลี่ยนแผ่นหยก
ที่เก็บแก่นจิตวิญญาณจากกระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉิน กับสิ่งของในกระเป๋าของเขา
ในทีแรกเขาเพียงต้องการสอนบทเรียนให้แก่หยางเฉิน
แต่ในเวลานี้เขายังมีโอกาสได้รับแก่นจิตวิญญาณมากกว่า 1,000 ชิ้น
และสิ่งที่เขาต้องทำคือแสร้งว่าโศกเศร้าถึงความตายของหยางเฉิน สำหรับแก่นจิตวิญญาณ
1,000 ชิ้นนั้นเท่ากับรายได้ตลอดหนึ่งปีของจินเตา
การที่หยางเฉินถูกฆ่าโดยสัตว์ใต้พิภพถือเป็นเรื่องธรรมดามาก
แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน
อย่างจินเตาเองถ้าเผลอนิดเดียวก็จะถูกฆ่าโดยเหล่าสัตว์ใต้พิภพได้ …ใครบอกเจ้าให้ประเมินตัวเองสูงนัก
แค่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ ช่างกล้าท้าทายสัตว์ระดับสูงใต้พิภพ …ความตายน่ะถูกต้องแล้ว!
ถ้าต้องการตำหนิใครสักคน
ก็คงเป็นคนที่ให้ป้ายคำสั่ง
ในขณะที่รู้ว่าระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินต่ำกว่ามาตฐานไปมาก
..แต่ก็ยังอนุญาติให้มาที่นี่
ใครจะรู้ว่าจินเตาไม่ได้ให้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับสัตว์ใต้พิภพกับหยางเฉิน
นอกจากนี้แทนที่จะปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับต่ำๆออกมาทีละตัว
แต่เขากลับปลดปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงออกมาทีเดียวทั้ง 5 ธาตุ
อย่าว่าแค่ในระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินเลย ต่อให้เป็นเขา ระดับก่อสร้างรากฐาน
เมื่อเผชิญสัตว์เหล่านี้พร้อมกัน ต้องใช้เวลาในการต่อสู้หลายวัน
เพื่อลดระดับความแข็งแกร่งของมันลง ถึงจะสามารถจัดการพวกมันได้
ในบางครั้งการเผชิญหน้ากับสัตว์จิตวิญญาณ
5
ธาตุและได้ถูกสังหารโดยพวกมันเป็นโศกนาฏกรรมที่เศร้าที่สุดในหลุมดักเซียน และนี่เป็นครั้งแรกของหยางเฉินในการเผชิญหน้ากับสัตว์จิตวิญญาณ
5 ธาตุ จินเตาคาดเดาว่าหยางเฉินจะสามารถทนได้กี่ซักเท่าไร 5 ลมหายใจ? 10ลมหายใจ?
ครั้งแรกที่ค่ายกลบนเวทีทดสอบทำงาน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด
ผู้คนภายในหมู่บ้านก็ไม่สามารถรู้ถึงเหตุการณ์ภายในได้ จินเตารู้สึกสบายใจ
และรอคอยอุบัติเหตุบางอย่างที่จะเกิดบนเวทีการทดสอบ…และฝันหวานถึงแก่นจิตวิญญาณ 1,000 ชิ้นที่จะได้…แต่ทันใดก็เสียงดังสนั่นก้องเวทีที่ด้านหลังเขา
…ค่ายกลถูกเปิดจากภายใน
หยางเฉินค่อยๆเดินออกมาจากภายในค่ายกลอย่างช้าๆ…
“ไม่คาดคิดเลย
ว่าเหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะแพ้ทางธาตุไฟของข้า”
มองไปที่ใบหน้าของหยางเฉิน
สิ่งที่พบคือรอยยิ้มที่ปราศจากร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เขาประสานมือคารวะมาที่จินเตาแล้วเอ่ย
“ขอบคุณท่านอย่างมากผู้อาวุโส
สำหรับการดูแลและยอมรับให้ศิษย์ผู้นี้เข้าหลุมดักเซียน”
ในเวลานี้ใบหน้าของจินเตาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อมองไปที่ใบหน้าหยางเฉินที่ยิ้มแย้ม จินเตารู้สึกอยากจะร้องไห้
จินเตาไม่ตายดีแน่ R.I.P. ล่วงหน้าฮะ
ตอบลบไปแหย่เสือหลับอีกคนแล้ว
ตอบลบThank you
ตอบลบน่าทำให้ตายนัก
ตอบลบเป็นตัวโกงเกรดสองจริงๆ
ตอบลบบ่มีไก๊
ไปหวัน จินเตา ลาก่อย
ตอบลบลาก่อนจินเตา เล่นก่าใครไม่เล่น
ตอบลบ