“ข้า
หยางเฉินขอพบผู้ดูแล “
หยางเฉินเอ่ยพร้อมประสานมือคารวะไปยังทิศทางที่มาของเสียง
แม้น้ำเสียงนี้จะดูแข็งกร้าว แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคย ทว่านึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“เฮอะ..”
เสียงแค่นที่เยือกเย็น…ผนังหินที่เบื้องหน้าเขาพลันหายไป
เขาพบว่ายืนอยู่บนพื้นเรียบที่ว่างเปล่า
ที่นี่ไร้แสงตะวัน
แต่เหนือศีรษะของเขาสามารถมองเห็นแสงของไข่มุกราตรีซึ่งเป็นแสงเพียงอย่างเดียวของที่นี่
แม้ว่าจะไม่สว่างเท่าแสงตะวัน แต่สำหรับนักบ่มเพาะมันก็เพียงพอที่จะเห็นทุกอย่าง
เบื้องหน้าของหยางเฉินเป็นชายสี่คนยืนเรียงอยู่
ซึ่งรวมทั้งสองคนที่แค่นเสียงและอีกคนที่เคยเอ่ยคำ
หยางเฉินรู้ว่าบุคคลเหล่านี้คือผู้ดูแลทางเข้าสู่หลุมดักเซียน ซึ่งเหล่านิกายคัดจากศิษย์ที่โดดเด่นส่งมา
มีการบ่มเพาะอย่างน้อยที่ระดับก่อสร้างรากฐาน
เมื่อผนวกกับค่ายกลอักขระที่ท่างเข้าแล้ว
มันเพียงพอที่จะรับมือกับคนระดับก่อลำต้นได้
ในบรรดาทั้งสี่คนนี้หยางเฉินจำได้สามคน
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้จัก
ในตอนนี้หยางเฉินรู้แล้วว่าใครเป็นคนที่ทำเสียง'เฮอะ..' ในชีวิตก่อนหน้าคนผู้นี้เคยตามฆ่าเขาตามคำสั่งของนิกายสวรรค์ล้ำเลิศ
และเขาเป็นศิษย์ของนิกายเทียนเชวียน ชื่อว่า จินเตา
ในขณะมันมีระดับการบ่มเพาะที่ขั้นสูงสุดของระดับก่อลำต้น
แต่ในปัจจุบันนี้อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณ
แต่ตอนนี้จินเตายังไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้น
แต่หยางเฉินนึกถึงที่เขาฆ่า หานเจียน ศิษย์นิกายเทียนเชวียน
และการทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นมีระดับถดถอยลงและบาดเจ็บ
นี่อาจจะถูกนำมาเป็นเหตุผลได้
“ที่นี่หลุมดักเซียน
ผู้ที่อยู่ระดับรวบรวมลมปราณเข้าไม่ได้”
ตอนนี้หยางเฉินแสร้งโง่
และแสดงทำท่าทางประหลาด โดยแสดงท่าทางเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง
มองไปรอบๆตัวอย่างละเอียดเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง
หลังจากนั้นหันมามองสี่คนที่อยู่เบื้องหน้า
ด้วยท่าท่างที่หวาดกลัวและกังวลปรากฏบนใบหน้าราวกับไม่ยอมรับสิ่งที่ได้ยิน
“นี่คือหลุมดักเซียน
ไม่ใช่สถานที่ให้คนระดับรวบรวมลมปราณอย่างเจ้าเข้ามาได้”
จินเตายังคงกล่าวเช่นเดิม
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติ!...พระราชวังหยางบริสุทธิ์นี่ยิ่งมายิ่งน่าเกลียด
และน่าประหลาดใจ แม้แต่ป้ายคำสั่งยังกล้าให้กับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ”
น้ำเสียงจินเตาเวลาเอ่ยถึงพระราชวังหยางดูเหิมเกริมยิ่งนัก
เพราะที่นี่มีเพียงหยางเฉินเท่านั้นที่เป็นศิษย์พระราชวังหยาง
แม้เขาจะเหิมเกริมซักเล็กน้อยก็ยังไม่สร้างผลกระทบร้ายแรงใดๆให้กับเขา
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเขาได้ระบายความแค้นของนิกายของเขา
“ศิษย์หยางเฉินคารวะ ผู้อาวุโสหวู”
สีหน้าของหยางเฉินแสดงออกมาถึงความเคารพอันแรงกล้า
ท่าทางนี้ส่งตรงไปที่จินเตา ทำให้เขาต้องรีบหลบการคารวะนั้น
คำพูดของหยางเฉินทำให้ผู้คนเหล่านี้สับสนอย่างมาก
แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะรับการคารวะจากหยางเฉิน
หยางเฉินได้แสดงท่าทางอย่างชัดเจนว่าเขาให้ความเคารพผู้อาวุโสหวู
มีเพียงผู้อาวุโสหวูที่ถูกเลือกจากห้าผู้อาวุโสจากทุกนิกาย
ให้มีอำนาจดูแลทั่วทั้งหลุมดักเซียน
ผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามทั้งห้านั้นเลือกคนหนึ่งคนที่เป็นผู้บ่มเพาะอิสระนั้น
ก็เนื่องด้วยความเข้าใจและทักษะแต่เดิมของเขาที่น่าพิศวง ทั้งยังเป็นผู้ที่มีคุณธรรมอีกทั้งพลังความแข็งแกร่งที่สูงยิ่ง
ในระดับการบ่มเพาะออกผล
เขาเป็นหัวหน้าดูแลงานและขณะเดียวกันนั้นก็เป็นคนที่คอยจัดการเรื่องราวต่างๆในหลุมดักเซียน
กฏทั้งหมดในหลุมดักเซียนถูกเขียนขึ้นโดยผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า
ดังนั้นไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธมัน
แม้จินเตาจะมีท่าทางที่หยิ่งยโส
แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะรับการคารวะของหยางเฉินต่อผู้อาวุโสหวู
เพราะถ้าผู้นำนิกายเทียนเชวียนรู้เรื่องนี้
เขาจะถูกลงโทษ ..สถานเบาก็ถูกทำลายการฝึกปรือและขับออกจากนิกาย
“ท่านคืออาวุโสหวู?”
หยางเฉินเอ่ยหลังจากจินเตาเบี่ยงตัวหลบออกจากทิศนั้น
“ข้าไม่เคยพูดว่าข้าเป็นผู้อาวุโสหวู”
จินเตากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทั้งสี่คนไม่รู้ว่านี่เป็นการเสแสร้งของหยางเฉิน
“หลุมดักเซียนเปลี่ยนกฏหรือ
? ไม่มีผู้นำนิกายใดในโลกรู้เรื่องนี้!...อย่างน้อย…ประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์ตอนให้ป้ายคำสั่งไม่เห็นบอกเลยว่าที่นี่ห้ามคนระดับรวบรวมลมปราณเข้ามา”
หยางเฉินจ้องจินเตา ยิ้มพลางกล่าวต่อ
“ข้าค้นดูบันทึกตั้งแต่โบราณมากมาย
แต่ก็ไม่ทราบว่าหลุมดักเซียนมีกฏข้อนี้…ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันต้องเป็นกฏที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่
การเปลี่ยนกฏ นอกจากผู้นำนิกายใหญ่ๆแล้ว
ก็คงเป็นหนึ่งในห้าผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถทำได้”
“ในเมื่อท่านไม่ใช่ผู้อาวุโสหวู
ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะพูดอะไรให้มากความ”
หยางเฉินประสานมืออีกครั้ง
“ผู้เยาว์ต้องรีบออกไปรายงานเกี่ยวกับกฏใหม่นี้ต่อท่านประมุขในทันที”
หลังกล่าวเสร็จ
แสงจากป้ายคำสั่งครอบตัวหยางอีกครั้ง ..เขาเตรียมไปจากที่นี่แล้ว
“ช้าก่อน”
ชายทั้งสี่คนขวัญหนีดีฝ่อ
รวมทั้งจินเตา …หลุมดักเซียนไหนเลยจะมีกฏเช่นนี้
เรื่องของเรื่องมาจากว่าทันทีที่จินเตาได้ยินนามของหยางเฉินแวบเข้ามา
แล้วจินเตาต้องการกดดันหยางเฉินอย่างขาดสติ
โดยไม่คิดถึงความหวาดกลัวที่หยางเฉินได้รับ
ถ้าพวกเขาอนุญาติให้หยางเฉินกลับไปตอนนี้
แล้วรายงานต่อประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์
แล้วแน่นอนพวกเขาจะโดนกำจัดไม่เหลือแม้แต่ซาก
ทั้งสี่คนไม่กล้าที่จะดูแคลนและเร่งรีบที่จะขวางหยางเฉินไว้
แต่จินเตาก็ก้าวออกมากล่าวด้วยเสียงอันดัง
“หยางเฉิน
เจ้าตัวโสโครก เจ้าต้องการที่จะกล่าวหาเรา เจ้ารู้ไหมว่ามันเป็นความผิด”
“ตัวโสโครก งั้นรึ”
หยางเฉินแค่นเสียง
“งั้นมาดูกัน”
เขาพลิกฝ่ามือก็ปรากฏหินบันทึกเสียง ทันใดเสียงที่บันทึกการสนทนาระหว่างหยางเฉินกับจินเตาก็ดังก้องขึ้นภายในหูทุกคน
ตั้งแต่หยางเฉินถามว่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณมีสิทธิ์เข้าสู่หลุมดักเซียนหรือไม่
และคำโต้ตอบอย่างอหังการของจินเตา
ทุกๆอย่างถูกบันทึกไว้หมดไม่ขาดแม้แต่คำเดียว
เมื่อได้ฟังบทสนทนานี้อีกครั้ง ท่าทีสับสนหน้าซีดบังเกิดแก่คนทั้งสี่
หยางเฉินนั้นมีป้ายคำสั่ง
ดังนั้นมันบันทึกตั้งแต่เขาเข้ามา หยางเฉินไม่ใช่ปีศาจ ทั้งไม่ได้ละเมิดกฏ
ตอนนี้แม้อยากแย่งชิงหินบันทึกเสียงจากหยางเฉินก็เป็นไปไม่ได้
หน้าที่หลักคือดูแลที่ประตูไม่ใช่โจมตีมนุษย์
ด้วยเสียงจากหินบันทึกเสียงนี้
ทันทีที่หยางเฉินกลับและเปิดให้ประมุขพระราชวังหยางฟัง ปัญหาใหญ่ต้องบังเกิดจินเตา
และอีกสามคนที่เหลือก็จะถูกลากลงไปด้วยเพราะอยู่ในเหตุการณ์
และไม่ได้แก้ไขข้อผิดพลาดของจินเตา ดังนั้นพวกเขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกัน
ด้วยกฏของหลุมดักเซียน สำหรับผู้มีระดับการบ่มเพาะก่อสร้างรากฐานอันกระจ้อยร่อย
เช่นจินเตา กลับกล้ามาให้ข้อเสนอแนะที่ไร้สาระ?
หน้าที่หลักของผู้ดูแลทางเข้านั้นคือดูแลประตูทางเข้า
และตรวจสอบความถูกต้องของป้ายคำสั่งของผู้มา ตราบใดที่ผู้มาไม่ได้ทำผิดกฏ
มันเป็นข้อปฏิบัติอยู่แล้วที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษผู้นั้น
แม้จินเตาจะอยู่ในการดูแลของนิกายเทียนเชวียน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถละเมิดกฏข้อห้ามของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า
มันไม่ใช่แค่เรื่องรักษาหน้าตาแต่มันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มากมาย
ถ้าพวกเขาปล่อยหยางเฉินกลับไป พวกเขาทั้งสี่ไม่มีปัญญาจัดการกับผลที่จะตามมาแน่
ในบรรดาทั้งสี่คน
มีคนหนึ่งที่มีความปราดเปรียว เขาเป็นคนที่หยางเฉินไม่รู้จัก
ในทันทีได้ก้าวมาอย่างรวดเร็วที่ด้านหน้าของหยางเฉินและเอื้อมมือคว้าแขนของเขาเอาไว้พร้อมกับพูดว่า
“แค่เรื่องล้อเล่น!
มันเป็นแค่เรื่องตลกจริงๆ เจ้าผู้เยาว์แซ่หยาง อย่าได้ใส่ใจกับมันเลย”
นี่ไม่ใชการขอโทษ
เขาเพียงต้องการจะคว้าหินบันทึกเสียง แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ในมือของหยางเฉินแล้ว
เขาจึงแค่กล่าวคำหวานเพื่อให้หยางเฉินอยู่ต่อไป
ตราบเท่าที่หยางเฉินไม่ได้รายงานอะไร พวกเขาทั้งสี่ก็จะไม่มีปัญหาใด
เขายื้อยุดหยางเฉินด้วยรอยยิ้ม
แต่สายตามองไปที่จินเตาเป็นนัยว่าให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหานี้
เขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ผู้ที่ขัดขวางหยางเฉินจริงๆคือจินเตา
เขาควรจะแก้ไขปัญหานี้
จินเตาไหนเลยจะคาดคิดว่าคำพูดที่เขากล่าวอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้
จะโดนเจ้าหนูที่น่ารังเกียจเบื้องหน้าเขาบันทึกในหินบันทึกเสียง
ถ้ามันถูกเผยแพร่ไปข้างนอก เขาจะเสียหน้าอย่างยิ่ง
เขาอาจจะสามารถกำจัดหยางเฉินในเวลาอื่น
แต่ตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเขาละเมิดกฏไปแล้ว
หลุมดักเซียนเป็นสถานที่ที่สามารถทิ้งชีวิตเพราะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องกล่าวข้อเท็จจริงที่จินเตาเป็นเพียงระดับก่อสร้างรากฐาน
ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับออกผล
ทำผิดกฏก็จะถูกห้าผู้ยิ่งใหญ่ตามฆ่าโดยปราศจากโอกาสหลบหนี
หลุมดักเซียนเป็นสถานที่ฝึกยุทธ แม้ทุกคนจะระวังตัวอยู่ตลอดในยามปกติ
แต่อุบัติเหตุก็ย่อมเกิดได้ในกรณีนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อชีวิตที่สูญเสียไป? ฉะนั้นการแหกกฏย่อมเป็นหนทางสู่ความตาย
“เจ้าล้อเล่น?”
หยางเฉินเผยรอยยิ้มที่ใบหน้า
มันเป็นเรื่องเท็จแม้กระทั่งตัวเขาเองยังสังเกตุได้
มันไม่สามารถปกปิดความเห็นแก่ตัวเอาไว้ได้ เขาจึงถามว่า
“งั้น..ก็หมายความว่าศิษย์แค่ระดับรวบรวมลมปราณอย่างข้า
ก็สามารถเข้าภายในหลุมดักเซียนได้?”
“แน่นอน”
ชายคนที่ยื้อยุดฉุดแขนหยางเฉินยิ้มอีกครั้งแล้วปล่อยแขนเมื่อเขากล่าว
จินเตาได้สร้างข้อผิดพลาดไว้และนี่เป็นปัญหาที่จินเตาต้องแก้ไข
ถึงอย่างไรถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ พวกเขาก็ไม่ถูกกล่าวว่าเป็นพวกเดียวกับจินเตา
พวกเขาล้วนชาญฉลาด ผู้ใดสร้างปัญหาผู้นั้นต้องเป็นคนแก้
โชคร้ายที่เวลานี้จินเตาได้กระทำความผิดอย่างโง่งม
หินในมือหยางเฉินเป็นหลักฐานสามารถกระชากเอาชีวิตของเขาไปได้
ในขณะนี้จินเตาไม่อาจทนต่อสายตาหยางเฉิน …ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะฆ่าศิษย์นิกายเทียนเชวียนและทำร้ายผู้เชี่ยวชาญก่อลำต้นที่บันไดสวรรค์
ในตอนนี้เขาทำได้แต่กล้ำกลืนโทสะเอาไว้
คนอื่นๆล้วนหายหัว
นั่นหมายความว่าไม่ว่าจินเตาทำสิ่งใดพวกเขาล้วนไม่รู้ไม่เห็น
และขณะเดียวกันนั่นคืออะไรที่เกิดขึ้นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
เป็นเรื่องธรรมชาติที่ภายในหลุมดักเซียนจินเตาไม่สามารถโจมตีหยางเฉิน ดังนั้น…เขาได้แต่กัดฟันและขอโทษ
“ศิษย์หยาง
สิ่งที่เกิดเมื่อสักครู่ เป็นเรื่องขำๆ ล้อเล่นเท่านั้น
เจ้าอย่าไปจริงจังกับมันเลย”
จินเตารู้สึกสถานการณ์ในตอนนี้เป็นที่น่าพอใจมาก
แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นเพียงศิษย์ผู้เยาว์เหมือนคนอื่นๆที่ผ่านมา
โดยปกติเมื่อศิษย์ภายนอกที่ระดับการบ่มเพาะรวบรวมลมปราณเมื่อได้พบพวกเขาทั้งหมดจะเรียกเขาด้วยความเหมาะสมว่า
อาจารย์อา หรือท่านอาจารย์ แล้วในขณะนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่เขาต้องกล่าวขอโทษหยางเฉิน
ตราบใดที่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจและนำเรื่องนี้ไปรายงาน
“ตอนที่ข้าได้ยินน้ำเสียงผู้อาวุโสกล่าว
มันไม่เหมือนเรื่องล้อเล่นนะ”
ทันใดนั้นท่าทางของหยางเฉินกลับเคร่งเครียดในทันที
ราวกับว่าเขาเป็นนักแสดง
“แท้จริงแล้ว …ศิษย์หยางอาจจะไม่ทราบความยุ่งยากของสถานที่นี้
ข้าเพียงแต่ไม่ต้องการให้เจ้าเกิดความสูญเสียใดๆ”
ท่าทีของจินเตาไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยราวกับว่าเขาไม่เห็นท่าทางที่เป็นปรปักษ์ของหยางเฉินเขายังคงยิ้มและเอ่ยต่อ
“เอาละมันผ่านไปแล้ว
ข้ามีของที่คิดว่าเหมาะสมกับเจ้า มาดูกันเถอะ!”
ขณะพูดจินเตาก็หยิบเหยี่ยวขนาดเล็กและปราณีตออกจากกระเป๋าจัดเก็บ
แล้วยัดใส่มือหยางเฉิน พร้อมบอก
“นี่เป็นอุปกรณ์เวทที่ได้รับการปรับแต่งจากระดับผู้อาวุโส
มันถักจากไหมดำน้ำแข็ง มันมีความเร็วกว่าเหยี่ยวไม้ไผ่เวหาอยู่บ้าง
เจ้าผู้เยาว์จงอย่าลังเลที่จะรับมัน”
หยางเฉินเข้าใจในทันทีที่เห็นใบหน้าที่เยือกเย็นและยิ้มแย้มของจินเตา
…ไม่ง่ายนักที่จะจัดการชายคนนี้
อีกสามคนก็คงไม่แตกต่าง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้สร้างความเดือดดาลให้กับหยางเฉิน
“มันช่วยให้เร็วขึ้นเล็กน้อย
มันมีประโยชน์อะไรกับที่นี่?”
แม้ว่าหยางเฉินจะกล่าวอย่างนี้
แต่มือหยางเฉินก็ไม่ได้มีท่าทีหยุดยั้งที่จะนำเจ้าเหยี่ยวไหมใส่กระเป๋าจัดเก็บ
พร้อมเผยยิ้มกล่าวว่า
“ท่านผู้อาวุโส
คือจริงๆแล้วที่ข้ามาหลุมหลมเซียนในเวลานี้
ข้าได้รับคำสั่งเพื่อมาเอาแก่นวิญญาณห้าธาตุ ถ้าแบบนั้นเพื่อช่วยเหลือศิษย์ผู้น้อย
ท่านผู้อาวุโสสามารถให้เป็นรางวัลแก่ข้าสักหนึ่งพันแปดร้อยอันได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดหยางเฉิน
จินเตาแทบกระอักเลือด ผู้คนที่มาหลุมหลบเซียน มีผู้ใดไม่มาหาแก่นจิตวิญญาณ
เจ้าหยางเฉินมันพูดอะไรของมัน มีที่ไหนง่ายขนาดนี้
ขอรับเป็นรางวัลหนึ่งพันแปดร้อยชิ้น! จินเตาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่ปี
เพิ่งจะเก็บรวบรวมได้สามพันชิ้น!
แล้วจะเอาหนึ่งพันแปดร้อยชิ้นให้กับหยางเฉินได้อย่างไร?
สำหรับตัวเองยังไม่พอเลย
แล้วจะมาให้หยางเฉินเพื่อสร้างความเชื่อถือแก่หยางเฉิน …เป็นไปไม่ได้
แววตาของจินเตากลายเป็นเคร่งเครียด แต่ก็แค่พริบตา ก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่ชื่นชมยินดีอีกครั้ง
พร้อมหัวเราะเขานำผลึกหลากสีสองร้อยก้อนออกมา
และบังคับตัวเองให้นำมันไปใส่ในมือของหยางเฉิน
“เจ้าเด็กน้อย
การหาแก่นจิตวิญญาณเป็นเรื่องง่าย? ก่อนอื่น
เจ้าเอานี่ไปและถ้าไม่พอค่อยบอก”
จินเตายังคงกล่าวต่อ
และไม่ได้กังวลถึงข้อตกลงอีกต่อไป เขากล่าวว่า
“ขั้นแรกเจ้าต้องหาที่ปักหลักดีๆในหลุมดักเซียน
แล้วผู้อาวุโสจะนำเจ้าไปฆ่าสัตว์จิตวิญญาณอสูรใต้พิภพซักจำนวนหนึ่ง
เมื่อเจ้าฆ่ามันเจ้าก็จะได้รับแก่นจิตวิญญาณอีกมากมาย ฮ่า…ฮ่า…”
หยางเฉินไม่ได้แสดงท่าทีขัดขวางเหมือนครั้งก่อน
การกระทำและคำพูดของจินเตาทำให้จินเตาเองต้องเจ็บปวดมากพอดูกับการจ่ายแก่นวิญญาณสองร้อยชิ้น
หยางเฉินรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด ทันใด
เขาแสดงออกท่าทางที่พอใจอย่างมากหัวเราะและเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสเสนอมา
มันเป็นการเสียมารยาทหากข้าปฏิเสธ”
“ผู้เยาว์
แล้วหินบันทึกเสียงล่ะ?”
หยางเฉินเอาแก่นจิตวิญญาณลงกระเป๋าจัดเก็บ
จินเตาคงยิ้มเอ่ยอีกครั้ง
“เฮ้
ไหนล่ะหินบันทึกเสียง”
หยางเฉินตบกระโหลกตัวเอง
แล้วนำหินบันทึกเสียงจากกระเป๋าจัดเก็บส่งให้จินเตา
“เด็กน้อยจะต้องรับรู้นะว่านี่เป็นการล้อเล่นของผู้อาวุโส
อย่าได้ใส่ใจ!”
จินเตาส่งพลังจิตวิญญาณเข้าไป
และเมื่อเขาใส่พลังจิตวิญญาณ
เขาก็ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างเขากับหยางเฉินที่บันทึกไว้ เขารีบทำลายมันทันที
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย
จินเตาก็รู้สึกผ่อนคลายแววตาของเขาที่มองหยางเฉิน ดูราวกับว่าเต็มไปด้วยความรักความเมตตา
“เจ้าผู้เยาว์คงมาที่นี่ครั้งแรก
มา ข้าจะสอนให้รู้จักกฏต่างๆ ไม่อย่างนั้นถ้าทำผิดกฏอาจจะบาดเจ็บหรืออาจถึงชีวิต
ต้องไม่ละเลยแม้แต่ข้อเดียว!”
หลังการแก้ไขข้อบาดหมาง
จินเตาดูราวสนิทสนมหยางเฉินมาก ราวกับไม่เคยมีอะไรมาก่อน
“ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”
หยางเฉินยิ้มพลางประสานมือคารวะ
แต่ภายในจิตใจไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพาเจ้ามาในที่มืดหรอก
แต่ที่นี่เป็นแค่เพียงทางเข้าเดียวของหลุมดักเซียน
สัตว์จิตวิญญาณของหลุมดักเซียนน่ะไม่สามารถเอาชนะได้โดยง่าย”
จินเตายิ้มแล้วกล่าวต่อ
“ทุกๆคนที่มาหลุมดักเซียนต้องใช้เวลาหลายวันในการเรียนรู้ที่จะเอาชนะสัตว์จิตวิญญาณอสูร
หลังจากที่สามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณอสูรได้เพียงลำพัง
นั่นถือเป็นการเข้าสู่หลุมดักเซียนอย่างแท้จริง
เจ้าผู้เยาว์ต้องติดตามเพื่อเรียนรู้จากข้าสักสองสามวัน เมื่อใดที่เจ้าสามารถฆ่าสัตว์จิตวิญญาณอสูรได้
มันก็ไม่สายเกินไปที่จะเข้าหลุมดักเซียนหลังจากนั้น!”
โอ้ยสนุกแต่ก้รอนานมว้ากกก
ตอบลบความเคยตัวข่มคนอื่นมาเยอะเลยได้ใจ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบสนุกค่ะ รอต่อไป
ตอบลบสรุปว่าใช้ออกด้วยวิชาจากหมู่ดาวไถสินะฮะ ส่วนวิชาจากศาลใหญ่อะไรนั่นยังไม่ต้องออกโรง
ตอบลบรีดไถมาได้น้อยไปหน่อยนะ ฮ่าๆ
ตอบลบแต่ก็ดีแก้เผ็ดมันซะบ้าง