ตูเชี่ยนได้เคยรายงานเกี่ยวกับมุมมองของชูเฮิงที่มีต่อหยางเฉิน
เพียงแต่ในสายตาของเขาย่อมให้ความสำคัญต่อศิษย์ที่มีการบ่มเพาะระดับกลางของขั้นก่อสร้างรากฐานมากกว่าศิษย์ภายนอกที่พึ่งเข้ามาแค่สองปี
ถ้าหยางเฉินไม่สามารถผ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้ ก็เป็นอันว่าหยางเฉินเป็นแค่ไม้ผุที่ไม่สามารถแกะสลักได้
บัดนี้เขาได้กลายเป็นนักปรุงยาผู้เชี่ยวชาญระดับสอง
โดยปราศจากการชี้แนะจากผู้ใด เพียงอาศัยความรู้ที่มีอยู่ในหอลี้ลับ
ไม่เพียงแต่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่สามของระดับรวบรวมลมปราณในเวลาเพียงสามปี
เขายังฆ่าซุนไห่จิ้งที่อยู่ระดับสูงสุดของขั้นรวบรวมลมปราณ นอกจากนั้น
ยังมีรายงานว่าผู้ที่อยู่ในขั้นที่หกและที่เจ็ดก็เคยเสียท่าให้กับหยางเฉิน
มันคงเป็นที่น่ายินดี
ถ้าผลของสิ่งเหล่านี้มาจากความเข้มงวดของชูเฮิง
แต่ตลอดสามปีนอกจากจะสร้างปัญหามากมายแล้ว ยังไม่เคยเอ่ยปากชี้แนะแม้แต่คำเดียว ถ้าไม่ใช่ได้จากการอ่าน
การรู้เอง ทุกอย่างก็มาจากความพยายามของเขา
ถ้าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้อยู่ในนิกายอื่นที่ไม่ใช่พระราชวังหยางบริสุทธิ์
ต้องได้รับการชี้แนะ การบ่มเพาะที่เหมาะสม แล้วอย่างนี้ประมุขพระราชวัง ที่คิดเรื่องการเติบโตของนิกายอยู่ทุกวัน
จะทนได้อย่างไร?
ในชีวิตก่อนหน้าของเขา
หยางเฉินไม่ได้ติดต่อกับประมุขพระราชวังมากนัก
ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้ลึกซึ้งอะไรกับบุคคลนี้
สำหรับคำชี้แนะของประมุขพระราชวังนั้น
เขารู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองบางอย่างของประมุขพระราชวังที่ต้องการ
เยี่ยวยาจิตใจให้กับเขา
แต่สำหรับผู้ที่คุ้นเคยอย่างจูเฉินเตาและซีเชิงซินนั้นรับรู้น้ำเสียงได้เลยว่าท่านผู้นำกำลังโกรธที่หยั่งรากฝังลึกภายในน้ำเสียงของประมุขพระราชวัง
ทั้งสองคนรู้สึกโกรธศิษย์นอกกฏหมายที่อยู่ด้านนอกต้องหาผลประโยชน์ในครั้งนี้แน่นอน
ในเวลานี้แม้แต่อาจารย์อาอย่างเหลียงเซาหมิงก็คงไม่อาจช่วยเขาได้
ทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกเห็นใจต่อชูเฮิง
พวกเขาเองมีความรู้สึกที่ดีต่อหยางเฉิน
เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกอคติต่อชูเฮิง
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ต่างๆในขณะที่หยางเฉินบ่มเพาะ
ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ก่อนหน้า ชูเฮิงจะต้องได้รับผลตอบแทนต่อการกระทำของตัวเอง
และคงไม่มีโอกาสมาสร้างเรื่องราวที่เวทีแข่งขัน
ถ้าชูเฮิงบอกว่าเขาไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย
ซุนไห่จิ้งบ่มเพาะความแข็งแกร่งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา จะมีใครเชื่อ? นอกจากนี้ยังมีเรื่องการที่หยางเฉินถูกลอบโจมตีโดยมือสังหาร
ที่มีชูเฮิงอยู่เบื้องหลัง
มิฉะนั้นเพราะเหตุใดซุนไห่จิ้งที่มีเพียงระดับการบ่มเพาะขั้นที่สี่จะมีความสามารถหาเงินจากที่ไหนได้มากมายมาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญขั้นที่เจ็ดที่แปด
แน่นนอน..เรื่องราวทั้งหมดต้องหาข้อเท็จจริงต่อไป
ทว่าคำพูดของประมุขพระราชวังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ๋คอยสนับสนุนหยางเฉิน
เขาสามารถบ่มเพาะความแข็งแกร่งได้อย่างสบายๆ
มีเพียงจูเฉินเตาที่คิดว่าเป็นอะไรที่ช่างโชคร้าย
.. นักปรุงยาระดับสองถ้าเข้าสู่การฝึกฝนการปรุงยา
ต้องกลายเป็นนักปรุงยาที่เชี่ยวชาญได้แน่ๆ
เขาอยากจะกักตัวหยางเฉินเพื่อฝึกฝนการปรุงยา แต่โชคไม่ดีนัก
ที่ประมุขพระราชวังอนุญาตให้หยางเฉินไปหลุมดักเซียน
ผู้ที่มีความสุขที่สุด
ตอนนี้นอกจากพวกระดับสูงแล้ว ยังมี ..ตูเชี่ยน
วาจาที่ประมุขพระราชวังกล่าวว่าจะส่งเสริมหยางเฉินอย่างเต็มที่นั้น
ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากในการจัดการปัญหาที่เกิดกับหยางเฉิน
..สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากความช่วยเหลือของตูเชี่ยน
เขารู้สึกยอดเยี่ยมซึ้งใจมาก …น่าเสียดายความรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้มีทุกวัน
หลังจากนั้นหยางเฉินเริ่มการกว้านซื้อสมุนไพรต่างๆมากมาย จากตลาดเมืองใกล้เคียง
สำหรับสมุนไพรปรุงยาเม็ดลมปราณเกือบจะถูกกวาดซื้ออย่างเกลี้ยงเกลา
หลังจากจูเฉินเตากลับมาได้นำสมุนไพรและเงินจำนวนมากให้แก่หยางเฉิน
ในกระเป๋าของหยางเฉินเต็มไปด้วยสมุนไพรสำหรับปรุงยางเม็ดลมปราณ แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะซื้อ
..โชคดีที่เขามีแหวนแห่งความสำเร็จที่มีพื้นที่ว่าง
ดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บวัตถุดิบได้มากขึ้น
ชูเฮิงได้ถูกปลดออกจากการเป็นศิษย์ผู้สืบทอด
และถูกผู้ดูแลวิหารรัสมีจันทราส่งไปดินแดนที่น่าหวาดกลัว
คือหุบเขารกร้างให้ไปสำนึกตน มันเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง น้ำเป็นสิ่งหายาก
ซึ่งชูเฮิงฝึกธาตุน้ำ นี่จึงเป็นการลงโทษที่รุนแรง
ทั้งหมดนี้อยู่ในใต้การเฝ้ามองประมุขพระราชวัง
ในเวลานี้หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจเรื่องของชูเฮิง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยชูเฮิงลอยนวลกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไว้
โลกของการบ่มเพาะเป็นเส้นทางยาวนาน ยังมีเวลาอีกนานที่เขาจะชำระความแค้นนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การไปหลุมดักเซียน
เหตุที่หยางเฉินเร่งรีบอยากไปหลุมดักเซียนนั้น
…มันมาจากที่เขาได้รู้ความลับของที่นั่นในชีวิตก่อนหน้าของเขาหลังจากขึ้นสู่โลกอมตะที่ศาลสวรรค์
ภายในหลุมดังเซียนนอกจากมีสัตว์จิตวิญญาณอสูรจำนวนมากเพราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่แล้ว
มันยังมีแหล่งกำเนิดไฟ ที่จะช่วยเขาในการกลั่นสกัดเม็ดยายกระดับธาตุไฟ
เปลวไฟในที่แห่งนั้นไม่ได้มีพลังในการโจมตีที่น่ากลัว
แต่มันก็เหมาะกับหยางเฉินในขณะนี้ ตราบใดที่เขาสามารถหาแหล่งกำเนิดไฟได้
มันก็จะช่วยปรับแต่งธาตุไฟให้กับหยางเฉินอีกขั้นหนึ่ง
และไม่เพียงแค่การกลั่นสกัดยายกระดับธาตุไฟที่เหมาะสมกับมัน
แม้แต่การปรับแต่งสมุนไพรให้มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันมันยังเพิ่มระดับเตาหลอม วิธียกระดับเตาหลอมได้ดีที่สุด คือ
ได้ดูดกลืนเปลวไฟจากแหล่งพลังงานที่แตกต่างกัน
(บก.หมู
ให้มันเรียนสปช.(สร้างเสริมประสบการชีวิต) ไฟที่แตกต่างกัน)(iron : อย่าลืมบันทึกหน่วยกิตให้มันด้วย)
แต่เดิมนั้นหยางเฉินจำต้องมีคุณสมบัติการบ่มเพาะที่เพียงพอ
แต่ขั้นตอนนี้ถูกข้ามไปโดยการอนุญาติของประมุขพระราชวัง
จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องรีบไปเพื่อผลที่จะได้รับอย่างเช่นแก่นจิตวิญญาณจำนวนมหาศาล
ก่อนออกเดินทาง
เขาต้องจัดการเรื่องราวของผู้รับใช้ของเขา โดยการชี้แนะแนวทางเป็นรายบุคคล
แล้วจัดแจงให้ผู้ที่อยู่ในขั้นที่สามและสี่ของระดับรวบรวมลมปราณไปเพิ่มเติมความรู้ที่หอลี้ลับภายใต้การสนับสนุนของเขา
ดังนั้นบุคคลทั่วไปจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
พวกผู้รับใช้ทั้งสี่ของเขานั้นเป็นไปตามที่คาดไว้
ในตอนนี้ความสามารถของหูหลินในการควบคุมไฟของเธอเพิ่มขึ้นมาก
และการบ่มเพาะมาอยู่ที่ขั้นสูงสุดของการรวบรวมลมปราณระดับสาม
อีกเพียงก้าวเดียวก็จะทะลวงไปอีกระดับ กูฉินกับเซิ่นต้าคืออยู่ที่
ระดับสี่
แม้ติงหยวนจะช้าที่สุดที่ระดับสามแต่เธอก็มีความสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ยันต์ระดับต่ำได้ด้วย
ทั้งสี่ มีความกระตือรือล้นมากเมื่อเทียบกับตอนอยู่ตำหนักเย่ซิว
เพราะตั้งแต่มาอยู่ในสถานะผู้รับใช้ของหยางเฉิน
ทั้งสี่คนได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์มาอย่างมากมาก
อย่างเช่นมีเวลาที่จะใช้ในการบ่มเพาะแทนที่แต่เดิมเอาแต่รับใช้นิกาย
หลังจากตระเตรียมเรียบร้อย
เขาออกจากตำหนักเก้าปฐพี สิ่งที่ต้องทำคือไปที่ตำหนักเย่ชิว
คือนำผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีไปให้กับหวังหยวนหัวหน้าตำหนักตามที่สัญญา
“ยินดีด้วย
ศิษย์น้องหยาง”
หวังหยวนประสานมือคารวะแสดงความยินดี
หวังหยวนเป็นผู้ดูแลตำหนักเย่ชิวโดยทั่วไปแล้วเขาไม่สามารถที่จะออกจากตำหนักไปที่อื่นได้
เขาได้ยินข่าวคราวของหยางเฉินมากมาย ในวันนี้หยางเฉินได้มาเยือน
เขาจึงรีบประสานมือคารวะแสดงความยินดี
หยางเฉินยิ้มพลางกล่าวคำทักทายกลับไป
ในขณะเดียวกันก็ประสานมือคารวะหวังหยวน
“ยินดีด้วยศิษย์พี่หวัง
ดูเหมือนความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มอีกแล้ว”
ระดับการบ่มเพาะของหวังหยวนเพิ่มจากคราวสุดท้ายที่พบหยางเฉินจากขั้นที่แปดทะลวงไปขั้นที่เก้า
อันเป็นขั้นสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณ
อีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
ก็เพราะความเชื่อมั่นที่หยางเฉินได้สัญญาว่าจะให้ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีต่อเขา
“เป็นโชคของข้า
ที่ได้รับการส่งเสริมจากศิษย์น้อง”
เขารู้สึกขอบคุณต่อหยางเฉินอย่างแท้จริง เดิมทีเขาก็คล้ายซ่างกวนเฟง
ที่ไร้ความหวังที่จะถึงขั้นก่อสร้างรากฐาน
นั่นคือเหตูผลที่เขามาเป็นหัวหน้าตำหนักเย่ซิว
แต่การที่เขาได้รับคำมั่นว่าจะได้รับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ด้วยแรงกระตุ้นนี้มันจุดประกายในการฝึกปรืออีกครั้ง
ในไม่กี่ปีมานี้การบ่มเพาะของเขาเป็นไปอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่ติดอยู่คอขวด
ตอนนี้ใกล้เข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว
เมื่อไตร่ตรองแล้ว … ต่อให้เขาไม่ได้รับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี
เขาก็ยังมั่นใจว่าจะถึงระดับก่อสร้างรากฐานภายในสิบปีแน่!
อย่างไรก็ดี
เมื่อเห็นประกายสีแดงสดของผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีในมือหยางเฉิน
แม้เขาจะอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับรวบรวมลมปราณแล้วก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งหัวใจของเขาที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งได้
ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี รูปร่าง …มันคือผลไม้ล้ำเลิศพันปี
ที่เขาเคยเห็นหยางเฉินกินในครั้งนั้น หยางเฉินรักษาสัญญาที่จะให้มันแก่เขา
“ศิษย์พี่
นี่คือสิ่งที่ข้าให้ท่านตามที่สัญญาไว้”
หยางเฉินยื่นผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีในมือของเขาให้กับหวังหยวนด้วยความจริงใจ
แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเขาลอยฟ้า
ทำให้ข้าไม่มีเวลาพอที่จะมาเยี่ยมเยียนศิษย์พี่
ด้วยเวลาที่จำกัดของข้าทำให้ข้ามาล่าช้า หวังว่าศิษย์พี่จะให้อภัย!”
มือหวังหยวนสั่นในขณะรับผลไม้หยางบริสุทธิ์พันปี
.. แล้วยืนนิ่ง..ใจสั่น เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
กระทั่งหยางเฉินเตือนเขาให้เก็บในกล่องหยก เขาถึงได้กล่าวขอบคุณหยางเฉินอีกครั้ง
อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น..ระดับก่อสร้างรากฐาน..เขาไม่เคยก้าวเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลย และสิ่งที่อยู่ในมือมีค่ามหาศาลนัก
ทั้งที่การถูกเลือกมาเป็นหัวหน้าตำหนักเย่ซิว เพราะเขาฉลาดและเจ้าคารม ….แต่ได้แต่เอ่ยคำอย่างโง่งม
“ขอบคุณ” คำพูดอย่างงวยงงในขณะนี้แสดงให้เห็นว่าเขาสูญเสียการควบคุมตนเอง
หลังจากรับผลไม้หยางล้ำเลิศและผ่านการควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก
เขาเริ่มคิดเรื่องอนาคต การทะลวงระดับก่อสร้างรากฐานก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
มันจะใช้เวลาไม่นานนัก ที่เขาจะกลายเป็นศิษย์ภายใน
อย่างไรก็ดีศิษย์ภายในก็ยังแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ
เพราะมีหลายตำหนัก และตำหนักหลัก ซึ่งแตะกลุ่มก็มีจุดประสงค์ต่างกันไป ….แต่ที่ต่อหน้าเขาตอนนี้คือยอดอัจฉริยะผู้หนึ่ง…บางทีการติดตามหยางเฉินภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์..น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหยางเฉินได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในการขึ้นถึงขั้นสูงสุดของบันไดสวรรค์
แม้แต่คุณค่าอันสูงยิ่งของหยางเฉินต่อหัวหน้าหอโอสถ ทำให้หวังหยวนนึกไปถึงยาเม็ดลมปราณฉี
ที่ให้กับศิษย์ภายนอกใช้เพื่อการรับรู้ลมปราณและเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะง่ายขึ้น
เป็นการเพิ่มศิษย์ภายนอกสิบหกคนในสองปีที่ผ่านมา
ถึงแม้จะเป็นความลับเรื่องเจ้าของยานี้
แต่ยานี้มีออกมาหลังจากหยางเฉินเข้าไปในตึกเก้าปฐพี เมื่อประมวลเรื่องราว
บวกกับท่าทีของหัวหน้าหอโอสถแล้ว ถ้าคิดไม่ออก นั่นล่ะเขาจึงจะเป็นตัวโง่จริงแท้
สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่ว่าด้านทักษะการบ่มเพาะหรือการปรุงยา
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน ทุกคนย่อมพยายามที่จะสร้างความโปรดปราน
และต้องการที่จะใกล้ชิด นับประสาอะไรกับหยางเฉินที่เป็นอัจฉริยะทั้งสองด้าน
ในตอนที่เขามารับตำแหน่งหัวหน้าตำหนักเย่ซิวก็เป็นการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
อันเป็นการแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของเขา และครั้งนี้
ทันทีที่เห็นหยางเฉินถือผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีกลับมา
และเขาก็นำมาถืออย่างใจลอยชั่วครู่ ..เขาก็ได้เลือกทางชีวิตได้ในทันที
“ศิษย์น้องหยาง
จากนี้ไป ถ้าเจ้ามีปัญหาสิ่งใดทุกเรื่องอย่าลังเลที่จะบอกข้า ต่อแต่นี้ ..ท่านนำ..ข้าตาม”
เขาไม่แม้จะกล่าวคำแสดงความขอบคุณอันใด
แต่ประกาศเจตนาอุทิศตนและจงรักภักดีอย่างจริงใจ ไร้ความลังเล
ถึงแม้เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าหยางเฉินก็ตาม
“มิกล้า ศิษย์พี่
ภายภาคหน้าแม้มีปัญหาใด เราต้องช่วยเหลือกันและกัน วาจานี้ มิต้องพูดอีก”
หยางเฉินปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
คำสัญญาที่หวังหยวนเอ่ยออกมาจากภายในส่วนลึกในใจมาจากการตัดสินใจของเขา
คำพูดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น เขาจะทำตามคำสั่งของ
เวลานี้หยางเฉินช่วยเขากำลังจะเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
บางทีภายหน้าก็จะเป็นทะลวงระดับก่อลำต้น
หยางเฉินไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการได้มีผู้ภักดีโดยที่ไม่ได้ตั้งใจนี้
หลังจากอำลาแล้วเขาก็มุ่งสู่เส้นทางหลุมดักเซียนแต่ผู้เดียว
ในกรณีของคนอื่น ต้องถามเส้นทางจากผู้รู้
แต่หยางเฉินรู้เส้นทางแล้วอย่างละเอียด หลังจากออกจากเขาเม่ยเซียง หลายพันลี้
เขาพบว่าได้มีคนติดตามเขาอย่างลับๆ
บุคคลนี้มีความเฉลีียวฉลาดอย่างมากและไม่สามารถตรวจได้ใดๆเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่หยางเฉินรู้ถึงตัวตนผู้แอบติดตามจึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปอีกทิศทางหนึ่ง
หลังจากใช้เวลาสองวันในการโดยสารเหยี่ยวไม้ไผ่
เขามาหยุดที่ขอบบ่อที่อยู่ล่างสุดของหุบเหวลึกที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
หลังจากลงจาเหยี่ยวไม้ไผ่เขานำแผ่นหยกคำสั่งออกมา
ถ่ายพลังจิตวิญญาณของเขาเข้าไป
ไม่นานนักก็เกิดแสงทรงกลมล้อมรอบหยางเฉินไว้โดยไม่ทำสิ่งใดต่อเขา
เขาโดดลงไปในบ่อน้ำนั้นในทันที และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้นชั่วเวลาธูปไหม้
ด้านล่างเหวข้างบ่อน้ำปรากฏบุคคลหนึ่ง เขาขมวดคิ้วจ้องไปที่ผิวบ่ออันราบเรียบ
แล้วลองเอามือจุ่มดู เขาไม่พบสิ่งผิดปกติ หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาก็กระโดดลงไป ปล่อยให้ร่างจมลงไป …
หลังจากจมลงไปสิบเมตรก็ยังไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดมิด
และก็ยังไม่เห็นก้นบ่อ ..เขาผ่อนคลายปล่อยพลังจิตวิญญาณและเริ่มดำลงไป เขาคิดว่าสามารถจัดการหยางเฉินได้อย่างง่ายดาย …..ฉับพลันมีบางสิ่งบางอย่างที่ประหลาดเกิดขึ้น…
-----------------------------------------
บก.ตือ : บทที่ 55 I Will Follow Only You ข้าจะขอติดตามท่าน? โฮ่ แอบโรแมนติก
IRon : เติมเท่านั้นด้วย
บก.ตือ : ข้าจะขอติดตามท่าน เท่านั้น i love u อุ๊
น่ารักกรุปกริป
IRon : 55555+
ขยันมาหาเรื่องกันนะ
ตอบลบสำนักแปลนี้เค้าเอิ้นหยอกกันน่ารักเนาะ 5555
ตอบลบตามล่าไม่เลิก
ตอบลบโห!ยังมีคนตามล่าอีก จะให้ล่าข้ามศตวรรษเลยรึไง?ฮ่าๆไม่รู้เป็นคนในหรือคนนอกนิกาย?
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ สนุก ๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ตอบลบ