เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

ZX 055 ข้าจะขอติดตามท่าน (เท่านั้น)


ตูเชี่ยนได้เคยรายงานเกี่ยวกับมุมมองของชูเฮิงที่มีต่อหยางเฉิน เพียงแต่ในสายตาของเขาย่อมให้ความสำคัญต่อศิษย์ที่มีการบ่มเพาะระดับกลางของขั้นก่อสร้างรากฐานมากกว่าศิษย์ภายนอกที่พึ่งเข้ามาแค่สองปี ถ้าหยางเฉินไม่สามารถผ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้ ก็เป็นอันว่าหยางเฉินเป็นแค่ไม้ผุที่ไม่สามารถแกะสลักได้

บัดนี้เขาได้กลายเป็นนักปรุงยาผู้เชี่ยวชาญระดับสอง โดยปราศจากการชี้แนะจากผู้ใด เพียงอาศัยความรู้ที่มีอยู่ในหอลี้ลับ ไม่เพียงแต่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่สามของระดับรวบรวมลมปราณในเวลาเพียงสามปี เขายังฆ่าซุนไห่จิ้งที่อยู่ระดับสูงสุดของขั้นรวบรวมลมปราณ นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่าผู้ที่อยู่ในขั้นที่หกและที่เจ็ดก็เคยเสียท่าให้กับหยางเฉิน

มันคงเป็นที่น่ายินดี ถ้าผลของสิ่งเหล่านี้มาจากความเข้มงวดของชูเฮิง แต่ตลอดสามปีนอกจากจะสร้างปัญหามากมายแล้ว ยังไม่เคยเอ่ยปากชี้แนะแม้แต่คำเดียว ถ้าไม่ใช่ได้จากการอ่าน การรู้เอง ทุกอย่างก็มาจากความพยายามของเขา  ถ้าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้อยู่ในนิกายอื่นที่ไม่ใช่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ ต้องได้รับการชี้แนะ การบ่มเพาะที่เหมาะสม แล้วอย่างนี้ประมุขพระราชวัง ที่คิดเรื่องการเติบโตของนิกายอยู่ทุกวัน จะทนได้อย่างไร?


ในชีวิตก่อนหน้าของเขา หยางเฉินไม่ได้ติดต่อกับประมุขพระราชวังมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้ลึกซึ้งอะไรกับบุคคลนี้ สำหรับคำชี้แนะของประมุขพระราชวังนั้น เขารู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองบางอย่างของประมุขพระราชวังที่ต้องการ เยี่ยวยาจิตใจให้กับเขา

แต่สำหรับผู้ที่คุ้นเคยอย่างจูเฉินเตาและซีเชิงซินนั้นรับรู้น้ำเสียงได้เลยว่าท่านผู้นำกำลังโกรธที่หยั่งรากฝังลึกภายในน้ำเสียงของประมุขพระราชวัง ทั้งสองคนรู้สึกโกรธศิษย์นอกกฏหมายที่อยู่ด้านนอกต้องหาผลประโยชน์ในครั้งนี้แน่นอน
ในเวลานี้แม้แต่อาจารย์อาอย่างเหลียงเซาหมิงก็คงไม่อาจช่วยเขาได้

ทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกเห็นใจต่อชูเฮิง พวกเขาเองมีความรู้สึกที่ดีต่อหยางเฉิน เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกอคติต่อชูเฮิง  ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ต่างๆในขณะที่หยางเฉินบ่มเพาะ ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ก่อนหน้า ชูเฮิงจะต้องได้รับผลตอบแทนต่อการกระทำของตัวเอง และคงไม่มีโอกาสมาสร้างเรื่องราวที่เวทีแข่งขัน

ถ้าชูเฮิงบอกว่าเขาไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย ซุนไห่จิ้งบ่มเพาะความแข็งแกร่งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา จะมีใครเชื่อ? นอกจากนี้ยังมีเรื่องการที่หยางเฉินถูกลอบโจมตีโดยมือสังหาร ที่มีชูเฮิงอยู่เบื้องหลัง มิฉะนั้นเพราะเหตุใดซุนไห่จิ้งที่มีเพียงระดับการบ่มเพาะขั้นที่สี่จะมีความสามารถหาเงินจากที่ไหนได้มากมายมาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญขั้นที่เจ็ดที่แปด

แน่นนอน..เรื่องราวทั้งหมดต้องหาข้อเท็จจริงต่อไป ทว่าคำพูดของประมุขพระราชวังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ๋คอยสนับสนุนหยางเฉิน เขาสามารถบ่มเพาะความแข็งแกร่งได้อย่างสบายๆ

มีเพียงจูเฉินเตาที่คิดว่าเป็นอะไรที่ช่างโชคร้าย .. นักปรุงยาระดับสองถ้าเข้าสู่การฝึกฝนการปรุงยา ต้องกลายเป็นนักปรุงยาที่เชี่ยวชาญได้แน่ๆ   เขาอยากจะกักตัวหยางเฉินเพื่อฝึกฝนการปรุงยา แต่โชคไม่ดีนัก ที่ประมุขพระราชวังอนุญาตให้หยางเฉินไปหลุมดักเซียน

ผู้ที่มีความสุขที่สุด ตอนนี้นอกจากพวกระดับสูงแล้ว ยังมี ..ตูเชี่ยน  วาจาที่ประมุขพระราชวังกล่าวว่าจะส่งเสริมหยางเฉินอย่างเต็มที่นั้น ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากในการจัดการปัญหาที่เกิดกับหยางเฉิน ..สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากความช่วยเหลือของตูเชี่ยน เขารู้สึกยอดเยี่ยมซึ้งใจมาก น่าเสียดายความรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้มีทุกวัน

หลังจากนั้นหยางเฉินเริ่มการกว้านซื้อสมุนไพรต่างๆมากมาย  จากตลาดเมืองใกล้เคียง สำหรับสมุนไพรปรุงยาเม็ดลมปราณเกือบจะถูกกวาดซื้ออย่างเกลี้ยงเกลา หลังจากจูเฉินเตากลับมาได้นำสมุนไพรและเงินจำนวนมากให้แก่หยางเฉิน ในกระเป๋าของหยางเฉินเต็มไปด้วยสมุนไพรสำหรับปรุงยางเม็ดลมปราณ  แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะซื้อ ..โชคดีที่เขามีแหวนแห่งความสำเร็จที่มีพื้นที่ว่าง ดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บวัตถุดิบได้มากขึ้น

ชูเฮิงได้ถูกปลดออกจากการเป็นศิษย์ผู้สืบทอด และถูกผู้ดูแลวิหารรัสมีจันทราส่งไปดินแดนที่น่าหวาดกลัว คือหุบเขารกร้างให้ไปสำนึกตน มันเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง น้ำเป็นสิ่งหายาก ซึ่งชูเฮิงฝึกธาตุน้ำ นี่จึงเป็นการลงโทษที่รุนแรง ทั้งหมดนี้อยู่ในใต้การเฝ้ามองประมุขพระราชวัง

ในเวลานี้หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจเรื่องของชูเฮิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยชูเฮิงลอยนวลกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไว้ โลกของการบ่มเพาะเป็นเส้นทางยาวนาน ยังมีเวลาอีกนานที่เขาจะชำระความแค้นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การไปหลุมดักเซียน

เหตุที่หยางเฉินเร่งรีบอยากไปหลุมดักเซียนนั้น มันมาจากที่เขาได้รู้ความลับของที่นั่นในชีวิตก่อนหน้าของเขาหลังจากขึ้นสู่โลกอมตะที่ศาลสวรรค์ ภายในหลุมดังเซียนนอกจากมีสัตว์จิตวิญญาณอสูรจำนวนมากเพราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่แล้ว มันยังมีแหล่งกำเนิดไฟ ที่จะช่วยเขาในการกลั่นสกัดเม็ดยายกระดับธาตุไฟ

เปลวไฟในที่แห่งนั้นไม่ได้มีพลังในการโจมตีที่น่ากลัว แต่มันก็เหมาะกับหยางเฉินในขณะนี้ ตราบใดที่เขาสามารถหาแหล่งกำเนิดไฟได้ มันก็จะช่วยปรับแต่งธาตุไฟให้กับหยางเฉินอีกขั้นหนึ่ง และไม่เพียงแค่การกลั่นสกัดยายกระดับธาตุไฟที่เหมาะสมกับมัน แม้แต่การปรับแต่งสมุนไพรให้มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันมันยังเพิ่มระดับเตาหลอม วิธียกระดับเตาหลอมได้ดีที่สุด คือ ได้ดูดกลืนเปลวไฟจากแหล่งพลังงานที่แตกต่างกัน
(บก.หมู ให้มันเรียนสปช.(สร้างเสริมประสบการชีวิต) ไฟที่แตกต่างกัน)(iron : อย่าลืมบันทึกหน่วยกิตให้มันด้วย)


แต่เดิมนั้นหยางเฉินจำต้องมีคุณสมบัติการบ่มเพาะที่เพียงพอ แต่ขั้นตอนนี้ถูกข้ามไปโดยการอนุญาติของประมุขพระราชวัง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องรีบไปเพื่อผลที่จะได้รับอย่างเช่นแก่นจิตวิญญาณจำนวนมหาศาล

ก่อนออกเดินทาง เขาต้องจัดการเรื่องราวของผู้รับใช้ของเขา โดยการชี้แนะแนวทางเป็นรายบุคคล แล้วจัดแจงให้ผู้ที่อยู่ในขั้นที่สามและสี่ของระดับรวบรวมลมปราณไปเพิ่มเติมความรู้ที่หอลี้ลับภายใต้การสนับสนุนของเขา ดังนั้นบุคคลทั่วไปจึงไม่สามารถพูดอะไรได้


พวกผู้รับใช้ทั้งสี่ของเขานั้นเป็นไปตามที่คาดไว้ ในตอนนี้ความสามารถของหูหลินในการควบคุมไฟของเธอเพิ่มขึ้นมาก และการบ่มเพาะมาอยู่ที่ขั้นสูงสุดของการรวบรวมลมปราณระดับสาม อีกเพียงก้าวเดียวก็จะทะลวงไปอีกระดับ กูฉินกับเซิ่นต้าคืออยู่ที่
ระดับสี่ แม้ติงหยวนจะช้าที่สุดที่ระดับสามแต่เธอก็มีความสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ยันต์ระดับต่ำได้ด้วย

ทั้งสี่ มีความกระตือรือล้นมากเมื่อเทียบกับตอนอยู่ตำหนักเย่ซิว เพราะตั้งแต่มาอยู่ในสถานะผู้รับใช้ของหยางเฉิน ทั้งสี่คนได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์มาอย่างมากมาก อย่างเช่นมีเวลาที่จะใช้ในการบ่มเพาะแทนที่แต่เดิมเอาแต่รับใช้นิกาย

หลังจากตระเตรียมเรียบร้อย เขาออกจากตำหนักเก้าปฐพี สิ่งที่ต้องทำคือไปที่ตำหนักเย่ชิว คือนำผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีไปให้กับหวังหยวนหัวหน้าตำหนักตามที่สัญญา

ยินดีด้วย ศิษย์น้องหยาง

หวังหยวนประสานมือคารวะแสดงความยินดี  หวังหยวนเป็นผู้ดูแลตำหนักเย่ชิวโดยทั่วไปแล้วเขาไม่สามารถที่จะออกจากตำหนักไปที่อื่นได้ เขาได้ยินข่าวคราวของหยางเฉินมากมาย ในวันนี้หยางเฉินได้มาเยือน เขาจึงรีบประสานมือคารวะแสดงความยินดี

หยางเฉินยิ้มพลางกล่าวคำทักทายกลับไป ในขณะเดียวกันก็ประสานมือคารวะหวังหยวน

ยินดีด้วยศิษย์พี่หวัง ดูเหมือนความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มอีกแล้ว

ระดับการบ่มเพาะของหวังหยวนเพิ่มจากคราวสุดท้ายที่พบหยางเฉินจากขั้นที่แปดทะลวงไปขั้นที่เก้า อันเป็นขั้นสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณ อีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน ก็เพราะความเชื่อมั่นที่หยางเฉินได้สัญญาว่าจะให้ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีต่อเขา

เป็นโชคของข้า ที่ได้รับการส่งเสริมจากศิษย์น้อง

เขารู้สึกขอบคุณต่อหยางเฉินอย่างแท้จริง  เดิมทีเขาก็คล้ายซ่างกวนเฟง ที่ไร้ความหวังที่จะถึงขั้นก่อสร้างรากฐาน นั่นคือเหตูผลที่เขามาเป็นหัวหน้าตำหนักเย่ซิว แต่การที่เขาได้รับคำมั่นว่าจะได้รับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ด้วยแรงกระตุ้นนี้มันจุดประกายในการฝึกปรืออีกครั้ง ในไม่กี่ปีมานี้การบ่มเพาะของเขาเป็นไปอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่ติดอยู่คอขวด ตอนนี้ใกล้เข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว

เมื่อไตร่ตรองแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้รับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี เขาก็ยังมั่นใจว่าจะถึงระดับก่อสร้างรากฐานภายในสิบปีแน่!

อย่างไรก็ดี เมื่อเห็นประกายสีแดงสดของผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีในมือหยางเฉิน แม้เขาจะอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับรวบรวมลมปราณแล้วก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งหัวใจของเขาที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งได้

ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี รูปร่าง มันคือผลไม้ล้ำเลิศพันปี ที่เขาเคยเห็นหยางเฉินกินในครั้งนั้น หยางเฉินรักษาสัญญาที่จะให้มันแก่เขา

ศิษย์พี่ นี่คือสิ่งที่ข้าให้ท่านตามที่สัญญาไว้

หยางเฉินยื่นผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีในมือของเขาให้กับหวังหยวนด้วยความจริงใจ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเขาลอยฟ้า ทำให้ข้าไม่มีเวลาพอที่จะมาเยี่ยมเยียนศิษย์พี่ ด้วยเวลาที่จำกัดของข้าทำให้ข้ามาล่าช้า หวังว่าศิษย์พี่จะให้อภัย!







มือหวังหยวนสั่นในขณะรับผลไม้หยางบริสุทธิ์พันปี .. แล้วยืนนิ่ง..ใจสั่น เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ กระทั่งหยางเฉินเตือนเขาให้เก็บในกล่องหยก เขาถึงได้กล่าวขอบคุณหยางเฉินอีกครั้ง

อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น..ระดับก่อสร้างรากฐาน..เขาไม่เคยก้าวเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลย  และสิ่งที่อยู่ในมือมีค่ามหาศาลนัก ทั้งที่การถูกเลือกมาเป็นหัวหน้าตำหนักเย่ซิว เพราะเขาฉลาดและเจ้าคารม ….แต่ได้แต่เอ่ยคำอย่างโง่งม ขอบคุณคำพูดอย่างงวยงงในขณะนี้แสดงให้เห็นว่าเขาสูญเสียการควบคุมตนเอง

หลังจากรับผลไม้หยางล้ำเลิศและผ่านการควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก เขาเริ่มคิดเรื่องอนาคต การทะลวงระดับก่อสร้างรากฐานก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป มันจะใช้เวลาไม่นานนัก ที่เขาจะกลายเป็นศิษย์ภายใน

อย่างไรก็ดีศิษย์ภายในก็ยังแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ เพราะมีหลายตำหนัก และตำหนักหลัก ซึ่งแตะกลุ่มก็มีจุดประสงค์ต่างกันไป ….แต่ที่ต่อหน้าเขาตอนนี้คือยอดอัจฉริยะผู้หนึ่งบางทีการติดตามหยางเฉินภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์..น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหยางเฉินได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในการขึ้นถึงขั้นสูงสุดของบันไดสวรรค์ แม้แต่คุณค่าอันสูงยิ่งของหยางเฉินต่อหัวหน้าหอโอสถ ทำให้หวังหยวนนึกไปถึงยาเม็ดลมปราณฉี ที่ให้กับศิษย์ภายนอกใช้เพื่อการรับรู้ลมปราณและเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะง่ายขึ้น เป็นการเพิ่มศิษย์ภายนอกสิบหกคนในสองปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะเป็นความลับเรื่องเจ้าของยานี้ แต่ยานี้มีออกมาหลังจากหยางเฉินเข้าไปในตึกเก้าปฐพี  เมื่อประมวลเรื่องราว บวกกับท่าทีของหัวหน้าหอโอสถแล้ว ถ้าคิดไม่ออก นั่นล่ะเขาจึงจะเป็นตัวโง่จริงแท้

สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่ว่าด้านทักษะการบ่มเพาะหรือการปรุงยา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน ทุกคนย่อมพยายามที่จะสร้างความโปรดปราน และต้องการที่จะใกล้ชิด นับประสาอะไรกับหยางเฉินที่เป็นอัจฉริยะทั้งสองด้าน

ในตอนที่เขามารับตำแหน่งหัวหน้าตำหนักเย่ซิวก็เป็นการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว อันเป็นการแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของเขา และครั้งนี้ ทันทีที่เห็นหยางเฉินถือผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีกลับมา และเขาก็นำมาถืออย่างใจลอยชั่วครู่ ..เขาก็ได้เลือกทางชีวิตได้ในทันที

ศิษย์น้องหยาง จากนี้ไป ถ้าเจ้ามีปัญหาสิ่งใดทุกเรื่องอย่าลังเลที่จะบอกข้า  ต่อแต่นี้ ..ท่านนำ..ข้าตาม

เขาไม่แม้จะกล่าวคำแสดงความขอบคุณอันใด แต่ประกาศเจตนาอุทิศตนและจงรักภักดีอย่างจริงใจ ไร้ความลังเล ถึงแม้เขามีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าหยางเฉินก็ตาม

มิกล้า ศิษย์พี่ ภายภาคหน้าแม้มีปัญหาใด เราต้องช่วยเหลือกันและกัน วาจานี้ มิต้องพูดอีก

หยางเฉินปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

คำสัญญาที่หวังหยวนเอ่ยออกมาจากภายในส่วนลึกในใจมาจากการตัดสินใจของเขา คำพูดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น เขาจะทำตามคำสั่งของ  เวลานี้หยางเฉินช่วยเขากำลังจะเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน บางทีภายหน้าก็จะเป็นทะลวงระดับก่อลำต้น

หยางเฉินไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการได้มีผู้ภักดีโดยที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ หลังจากอำลาแล้วเขาก็มุ่งสู่เส้นทางหลุมดักเซียนแต่ผู้เดียว

ในกรณีของคนอื่น ต้องถามเส้นทางจากผู้รู้ แต่หยางเฉินรู้เส้นทางแล้วอย่างละเอียด หลังจากออกจากเขาเม่ยเซียง หลายพันลี้ เขาพบว่าได้มีคนติดตามเขาอย่างลับๆ บุคคลนี้มีความเฉลีียวฉลาดอย่างมากและไม่สามารถตรวจได้ใดๆเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่หยางเฉินรู้ถึงตัวตนผู้แอบติดตามจึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปอีกทิศทางหนึ่ง หลังจากใช้เวลาสองวันในการโดยสารเหยี่ยวไม้ไผ่ เขามาหยุดที่ขอบบ่อที่อยู่ล่างสุดของหุบเหวลึกที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก

หลังจากลงจาเหยี่ยวไม้ไผ่เขานำแผ่นหยกคำสั่งออกมา ถ่ายพลังจิตวิญญาณของเขาเข้าไป ไม่นานนักก็เกิดแสงทรงกลมล้อมรอบหยางเฉินไว้โดยไม่ทำสิ่งใดต่อเขา เขาโดดลงไปในบ่อน้ำนั้นในทันที และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากนั้นชั่วเวลาธูปไหม้ ด้านล่างเหวข้างบ่อน้ำปรากฏบุคคลหนึ่ง เขาขมวดคิ้วจ้องไปที่ผิวบ่ออันราบเรียบ แล้วลองเอามือจุ่มดู เขาไม่พบสิ่งผิดปกติ หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็กระโดดลงไป ปล่อยให้ร่างจมลงไป

หลังจากจมลงไปสิบเมตรก็ยังไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดมิด และก็ยังไม่เห็นก้นบ่อ ..เขาผ่อนคลายปล่อยพลังจิตวิญญาณและเริ่มดำลงไป  เขาคิดว่าสามารถจัดการหยางเฉินได้อย่างง่ายดาย …..ฉับพลันมีบางสิ่งบางอย่างที่ประหลาดเกิดขึ้น

-----------------------------------------
บก.ตือ : บทที่ 55 I Will Follow Only You  ข้าจะขอติดตามท่าน? โฮ่ แอบโรแมนติก
IRon : เติมเท่านั้นด้วย
บก.ตือ : ข้าจะขอติดตามท่าน เท่านั้น i love u อุ๊ น่ารักกรุปกริป

IRon : 55555+

5 ความคิดเห็น:

  1. ขยันมาหาเรื่องกันนะ

    ตอบลบ
  2. สำนักแปลนี้เค้าเอิ้นหยอกกันน่ารักเนาะ 5555

    ตอบลบ
  3. โห!ยังมีคนตามล่าอีก จะให้ล่าข้ามศตวรรษเลยรึไง?ฮ่าๆไม่รู้เป็นคนในหรือคนนอกนิกาย?

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ สนุก ๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

    ตอบลบ