“เจ้าต้องการเข้าหลุมดักเซียน?”
คำถามนี้ตูเชี่ยนซึ่งมีความปรารถนาดีต่อหยางเฉินโพล่งออกมา
เพราะเขาไม่เข้าใจ ด้วยระดับรวบรวมลมปราณของหยางเฉิน ต่อให้มีกระบี่บิน
ก็ยังไม่อาจต้านทานสัตว์อสูรใต้พิภพเหล่านั้นได้
การกระทำแบบนี้มันผิดธรรมชาติของหยางเฉิน
“จริงสิ”
หยางเฉินเชื้อเชิญตูเชี่ยนนั่งด้านหน้าเขา
พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ข้ากล่าวคำร้องขอต่อท่านผู้นำแล้ว
ข้าไม่กลับคำแน่”
“แล้ว..เจ้าถึงความอันตรายของหลุมดักเซียนแล้วใช่ไหม?”
มันไม่ใช่ว่าทุกคนต้องไปขัดเกลาตนในที่อันตรายอย่างนั้น
ตูเชี่ยนอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับก่อตั้งรากฐาน ยังไม่เคยไปที่นั่นเลย
“อาจาร์ยอา
ข้าศึกษาทุกอย่างในหอลี้ลับของตำหนักเก้าปฐพี แล้วท่านว่าข้ารู้หรือไม่”
การที่ตูเซียนกังวลเกี่ยวกับตัวเขาทำให้หยางเฉินรู้สึกซึ้งใจมาก
ดังนั้นเพื่อเป็นการเคารพความรู้สึกของเขา หยางเฉินจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
"อย่างไรก็ตามประมุขพระราชวังได้กล่าวไว้แล้ว
ว่าให้เตรียมตัวให้พร้อม และข้าก็คิดว่าคงไม่สายเกินไปที่จะไป
หลังจากที่ข้าได้เตรียมตัวแล้วอย่างแท้จริง
ในก่อนหน้านี้ข้าได้ต่อสู้เพื่อคุณสมบัตินั้นแล้ว และนั่นคือทั้งหมด"
วาจานี้ลบล้างความกังวลในหัวใจของตูเชี่ยนไป
การยอมถอยสักก้าวเมื่อพบพานสิ่งที่เกินต้านทานย่อมเป็นวิธีที่ดี
เป็นที่รู้กันดีว่า แม้หลุมดักเซียนจะเป็นที่ที่อันตราย
แต่ประโยชน์ที่จะได้รับก็มีอยู่มาก ถ้ารอดตายแม้จะได้ฝึกตนในนั้นเพียงไม่กี่ปี
ก็เพียงพอต่อการทำให้เป็นคนที่มีอำนาจและร่ำรวยได้
นั่นเป็นเป้าหมายของผู้ที่เข้าไป หยางเฉินก็เป็นอีกคนที่ได้รับคุณสมบัติในการจะได้เข้าไป
เขามีจุดมุ่งหมายลึกลึกมากมายรออยู่เบื้องหน้า
“ดีแล้วล่ะ
อันดับแรกที่ต้องมีเลยคือเรื่องของคุณสมบัติ ฉะนั้นมันไม่สายเกินหรอก
เมื่อเจ้าบรรลุระดับก่อสร้างรากฐาน”
“เจ้าคงไม่ไปที่นั่น
ก่อนที่จะถึงระดับก่อสร้างรากฐานก่อนหรอกนะ”
“อาจารย์อา จริงๆ แล้ว
ข้าตั้งใจว่าอีกสองเดือน ข้าจะไป”
หยางเฉินบอกแผนของเขาออกไปตรงๆ
ด้วยรอยยิ้ม ทำให้ตูเชี่ยนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“แม้ว่าเจ้าจะไปแต่ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้า
เจ้าจะไม่สามารถที่จะผ่านการตรวจสอบสำหรับผู้มาใหม่ได้
แล้วเจ้าจะไปอยู่ต่อไปได้ยังไง?”
ตูเชี่ยนไม่รู้จะพูดอะไรอีก
ทำได้เพียงปั้นยิ้มที่หน้าของเขา แล้วถามอย่างเข้มงวด
"เจ้าจะไม่สามารถทนต่อสัตว์จิตวิญญาณระดับต่ำที่สุดในใต้พิภพได้!
ทำไมเจ้าต้องเอาชีวิตไปทิ้ง?"
“ข้าไม่ได้ว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งนะอาจารย์อา
ท่านลืมหรือเปล่าว่าข้า สามารถปรุงยาได้!”
หยางเฉินไม่ได้บอกแผนการทั้งหมดของเขา
เพียงแค่พูดสร้างความมั่นใจให้ตูเชี่ยนเท่านั้น
"ภายในหลุมดักเซียน
แม้ว่าจะมีเพียงยาเม็ดลมปราณระดับที่สอง มันก็เป็นที่ต้องการกับหลายๆคน
ถ้าข้ามีสมุนไพรที่เพียงพอ ข้าก็สามารถแลกเปลี่ยนสร้างประโยชน์มากมายได้"
“ยาเม็ดลมปราณระดับที่สอง”
เมื่อตูเชี่ยนได้ยินเช่นนี้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“เจ้า..…สามารถปรับแต่งยาเม็ดลมปราณระดับที่สองได้…งั้นตอนนี้เจ้าเป็นนักปรุงยาระดับที่สอง?
“
ตูเชี่ยนได้แต่ตกใจ
ประหลาดใจต่อสิ่งที่หยางเฉินจะทำ
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการปรุงยายังไม่สามารถปรับแต่งยาเม็ดลมปราณระดับที่สองได้ ถ้าข่าวนี้รั่วไหลไปนอกนิกาย
พวกนักปรุงยาจำนวนมากคงบ้าแน่ๆ!
ยาระดับที่หนึ่งหมายถึงมีการปรับแต่งหนึ่งครั้ง…
ยาระดับที่สองหมายถึงมีการปรับแต่งสองครั้ง…. ประสิทธิภาพจะเพิ่มเป็นสองเท่า….
และสำหรับนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุด
ขีดจำกัดที่ทำได้ในระดับสูงสุดในการปรับแต่งเม็ดยา คือเก้าครั้ง…
ทุกๆครั้งที่มีการปรับแต่งยกระดับของยานั้น
ประสิทธิภาพจะเพิ่มอย่างมาก เพียงแต่มันเป็นอะไรที่ยากยิ่ง
..แม้แต่หยางเฉินเมื่อชีวิตก่อนหน้านั้นเป็นสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
เมื่อชาติก่อนเขาก็เป็นแค่ผู้ปรุงยาระดับที่หก
..แต่วิธีกลั่นสกัดนั้นสำหรับที่นี่ไม่ใช่สิ่งทั่วไปที่ใครจะสามารถทำได้!...
แต่ในชีวิตตอนนี้ของหยางเฉิน
แม้แต่ผู้ดูแลหอโอสถ จูเฉินเตา
บุคคลที่ผู้คนจำนวนมากชื่นชมในทักษะการปรุงยาของเขา ..ผู้ที่คู่ควรกับคำว่า..อัจฉริยะ!
..ก็พึ่งถึงระดับปรุงยาในระดับสามเมื่อไม่นานนี้
ในขณะนี้ตูเชี่ยนได้ถูกบังคับให้ต้องยอมรับแผนการกลั่นสกัดยาของหยางเฉิน
แม้แต่จูเฉินเตาก็ก้าวนำหน้าหยางเฉินเพียงก้าวเดียว
ตูเชี่ยนไม่กล้าที่จะกล่าวออกมาดังๆ เขาตกตะลึงไม่คาดฝัน
แม้กระทั่งในใจเขาก็คงลืมกระทั่งชื่อจูเฉินเตา
..สำหรับหยางเฉิน
ยาอายุวัฒนะระดับที่สอง ..ไม่ต่างอะไรกับกับการปรุงยาเม็ดลมปราณ โดยอาศัยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเขาสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ถ้าไม่กลัวว่าการปรับแต่งยาอายุวัฒนะระดับที่สามจะทำให้ทั้วโลกแตกตื่น … เขาคงทำเรียบร้อยไปแล้ว
ภายในที่พักของหยางเฉิน
หลังจากที่เขาให้คำแนะนำแก่คนรับใช้ทั้งสี่ของเขา
เขาก็นั่งลงเพื่อเตรียมความพร้อมและนำเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ ออกมาเพื่อตรวจตรา ….ลำแสงไม่มากนักปรากฏบนยอดเขาภูเขาเหมยชิง
… หยางเฉินเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
แล้วหยิบหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมา หลังจากนั้นก็รอคอยพวกเขาอย่างสงบ
เป็นที่แน่นอนว่า
ศักดิ์ฐานะของนักปรุงยาระดับสอง คือเกราะป้องกันตัวที่ดี ชื่อเสียงที่เขาสร้างตอนขึ้นบันไดสวรรค์
ใช้ได้เฉพาะเมื่ออยู่ภายในนิกายเท่านั้น แต่ถ้าในฐานะผู้ปรุงยาระดับที่สองแล้ว
มันเจิดจรัสยิ่งกว่านักบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ทีเดียว โดยเฉพาะแง่ความปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญพร้อมที่จะฆ่าอัจฉริยะที่ไมใช่นิกายของตน ….แต่จะไม่แตะนักปรุงยา
แม้แต่แค่นักปรุงยาระดับที่หนึ่ง!
เมื่อได้รับการยืนยันแน่ชัด
ตูเชี่ยนเร่งรีบจากไปเพื่อรายงานเรื่องราวนี้ต่อเบื้องบนของนิกาย
และในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกทราบซึ้งที่หยางเฉินได้บอกเรื่องราวนี้
กับเขาเท่านั้นราวกับได้รับของขวัญที่มีค่า
ตั้งแต่ตอนอยู่หอเก้าปฐพีและหอต้อนรับ
ตูเชี่ยนคอยดูแลหยางเฉินมาโดยตลอด กระทั่งแม้เผชิญหน้ากับผู้รับมอบอำนาจดูแลซูเฮิง
ต่อมาเมื่อหยางเฉินปรุงยาเม็ดสวินฉี ยิ่งทำให้เบื้องบนเห็นคุณค่าของเขา
แล้วในตอนนี้หยางเฉินสามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับสอง
หลังจากที่ตูเชี่ยนรายงานขึ้นไปยังเบื้องบน เหล่าผู้อาวุโสจะต้องมองการณ์ไกลว่าใครที่ทุ่มเทให้กับนิกาย
และยังสร้างประโยชน์ให้กับนิกายเป็นอย่างมาก
ภายในที่พักของหยางเฉิน
หลังจากให้แนวทางแก่ผู้รับใช้ทั้งสี่
เขานั่งเตรียมพร้อมนำเตาหลอมจิตวิญาณล้ำเลิศออกมาตรวจตรา ….ลำแสงไม่มากนักปรากฏบนยอดเขาเหยเซียง…
พุ่งเข้าไปในตัวหยางเฉิน หยางเฉินผลักเตาออกไป ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
สายตาจับอยู่ที่ประกายแสง นั่งรอคอยอย่างสงบ
ในชั่วพริบตาแสงเหล่านั้นปรากฏเหนือตำหนักเก้าปฐพี
พวกเขามีรัสมีแสงรูปดาบ
ทันทีที่แสงเหล่านั้นสลายไปภายในลานเล็กๆที่หน้าที่พำนักของหยางเฉินก็ปรากฏภาพเงาของคนให้เห็นจางๆ
ก่อนที่หยางเฉินจะเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร เสียงของจูเฉินเตามาถึงหูของเขาแล้ว
“หยางเฉิน
..เจ้าปรับแต่งยาระดับสอง?” เป็นเสียงของจูเฉินเตา
“ใช่แล้ว อาจารย์อา”
หยางเฉินคำนับแล้วตอบในทันที
แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ
หยางเฉินตอบกลับและโค้งคำนับ
แล้วค่อยๆเงยหน้าของเขา จากนั้นก็พบว่านอกเหนือจากตูเชี่ยน และ
ผู้ดูแลหอโอสถจูเฉินเตา
และที่น่าแปลกใจแม้กระทั่งประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็มาเยือนที่พำนักเล็กๆของเขา
จูเฉินเตารู้สึกใจร้อนอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เขารีบหยิบกองสมุนไพรออกมาจากกระเป๋าใบเล็กๆของเขาเทออกมา
และกล่าวอย่างจริงจัง
“ทำสิ ต่อหน้าข้า…เดี๋ยวนี้”
เสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและมีความสุข
ราวกับว่าเขาไม่คิดว่าหยางเฉินจะโป้ปด
ระหว่างที่ไม่ได้พบกันมานาน
ดูเหมือนว่าจะทำให้จูเฉินเตามีความก้าวหน้าขึ้น
แม้หยางเฉินจะไม่สามารถบ่งบอกระดับการบ่มเพาะของจูเฉินเตา
แต่เห็นได้ชัดว่าลมปราณดูแข็งแกร่งขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าทักษะการควบคุมไฟของหยางเฉินมีส่วนช่วยให้เขามีความเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น
ส่งผลไปถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ถึงแม้ประมุขพระราชวังไม่ได้เอ่ยอันใด
แต่สายตาที่จ้องอยู่นั้น เต็มไปด้วยการชื่นชมต่อศิษย์ภายนอก
ศิษย์ภายนอกหยางเฉินสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
นอกเหนือจากผู้ดูแลหอโอสถและประมุขพระราชวัง
หยางเฉินพบว่ายังมี ซีเชิงซิน ผู้ดูแลหอฑูตต่างแดนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกคนมองมาที่หยางเฉิน
ซีเชินซินพยักหน้าเล็กน้อยราวกับเชารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าสมุนไพรเหล่านี้ไม่อาจเปรียบเทียบกับผลไม้หยางล้ำเลิศ
แต่นับว่าเหลือเฟือสำหรับการปรุงยาเม็ดลมปราณ
หยางเฉินไม่ได้โต้แย้งอันใด
เขานำเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมา จัดแจงวางลงบนลานและเตรียมกลั่นสกัดยา
เขามีทีท่าตั้งใจกลั่นสกัดยานั่นคือด้านที่ท่านผู้นำเห็น
ในทางตรงกันข้ามหยางเฉินไม่ได้เกิดความกังวลว่าจะเกิดผิดพลาดอะไรเลยแม้แต่น้อย
ท่านผู้นำและจูเฉินเตาจ้องมองเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณด้วยตาเป็นประกาย
มันเป็นที่แน่ชัดว่าด้วยเตาหลอมนี้ได้ถูกปรับแต่งแล้วอย่างแท้จริง
เนื่องจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้เป็นอาวุธวิเศษซึ่งได้รับการปรับแต่งแล้ว
นอกจากหยางเฉินแล้วไม่มีผู้ใดสามารถใช้มันได้อีก
มันเป็นเตาหลอมที่จูเฉินเตามอบเป็นของขวัญแก่หยางเฉิน
ดังนั้น .. เพียงชำเลืองมอง จูเฉินเตา
บอกกับตัวเองได้เลยว่าสมรรถนะของเตาได้ยกระดับสูงขึ้นมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ ของปีนี้
เขาได้แต่รู้สึกเสียใจที่ดูเหมือนเขาจะเริ่มแก่แล้ว
ยาเม็ดลมปราณเป็นยาแก้โรคได้ทุกชนิดแต่มีระดับต่ำกว่ายาอายุวัฒนะมากนัก
ยิ่งเป็นยาระดับหนึ่งการปรับแต่งง่ายมาก และเหมาะกับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
แม้แต่จูหลินผู้รับใช้ของเขาซึ่งไม่นับเป็นผู้มีพรสวรรค์อันใด ยังเคยทำมาแล้ว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐานแล้วย่อมไม่ใส่ใจยาประเภทนี้
แต่ว่า..ยาเม็ดลมปราณระดับสองย่อมเป็นอะไรที่แตกต่าง
เมื่อผ่านการปรับแต่งอีกครั้ง มันไม่ได้ด้อยกว่ายาบ่มเพาะระดับผลิดอกที่ถูกใช้โดยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน
แม้ต้นทุนการผลิตจะลดลง
แต่ประภาพก็สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับยาบ่มเพาะระดับผลิดอก
ภายใต้การเฝ้าดูของประมุขพระราชวังและผู้ดสองตำหนัก
หยางเฉินยังคงทำไปเรื่อยๆอย่างไม่มีความตึงเครียดแต่อย่างใด
หลังจากจัดการกับกองสมุนไพร เขาก็ก้าวเข้าหาเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
และเริ่มการปรับแต่ง
ในชีวิตครั้งก่อน
เขาไม่เคยปรับแต่งยาเม็ดลมปราณ แต่ในชีวิตนี้เขาทำมาหลายสิบครั้งแล้ว
ด้วยประสบการณ์สองชีวิต เขาจึงรู้อย่างแจ่มแจ้ง ผู้เฝ้าดูอยู่ด้านข้างมองหยางเฉินที่มือหนึ่งถือเตาหลอม
ขณะมืออีกข้างควบคุมเปลวไฟ ขั้นตอนการใส่สมุนไพร …ทีละอย่าง…ทีละอย่าง อย่างชำนาญและเรียบง่าย
เมื่อเห็นการทำงานของเขาอย่างเงียบๆภายใต้แรงกดดันของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามจึงพยักศีรษะยอมรับต่อภาพที่กำลังเกิดขึ้น
จูเฉินเตาและซีเชิงซินเคยเห็นการปรุงยาของหยางเฉินมาแล้วจึงไม่มีความประหลาดใจใดๆ ..แต่
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านผู้นำเห็นทักษะการควบคุมไฟที่เกือบจะสมบูรณ์ของหยางเฉิน สีหน้าของเขาจริงจังจนไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
หยางเฉินก็ปรุงยาเม็ดลมปราณเรียบร้อย แต่สมุนไพรที่จูเฉินเตาตระเตรียมมามีมากพอที่จะปรุงยาหรือปรับแต่งเพื่อยกระดับของเตาหลอมด้วยทักษะที่เขาสะสมมา
เขานำยาเม็ดลมปราณนับร้อยจากเตาหลอมแล้วทำความสะอาดของเสียที่อยู่ตกค้างในเตา
แล้วเขาก็เข้าสู่การปรับแต่งยาเม็ดลมปราณระดับหนึ่งในเตาหลอมอีกครั้ง
ตอนนี้เขาไม่ได้เพิ่มสมุนไพรเป็นพิเศษแต่อย่างใด
แต่ใช้ทั้งสองมือจับเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ และเริ่มควบคุมความหนาแน่นของเปลวไฟ
..อย่างช้าๆ…ยาเม็ดลมปราณระดับที่หนึ่งเริ่มได้รับการชำระล้าง
การชำระล้าง(สิ่งปนเปื้อน)
ของเม็ดยาเป็นอะไรที่พิถีพิถัน ถ้ามีความเผลอเรอแม้เพียงแวบเดียว
เปลวไฟอาจเผาเม็ดยาให้กลายเป็นผง
หยางเฉินได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในขณะนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
พวกเขาทั้งหมดรู้สึกต้องกลั้นลมหายใจด้วยความกังวลว่าจะไปรบกวนหยางเฉิน
หยางเฉินเป็นเพียงศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
แต่เขากลับประสบความสำเร็จในการชำระล้างครั้งนี้
แม้แต่แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐานก็ยังต้องระมัดระวังอย่างมากในการชำระล้างเม็ดยา
หยางเฉินยังคงต้องใช้เวลาอีกแปดชั่วโมงเพื่อทำมันบริสุทธิ์มากขึ้น ทุกคนในที่นี้ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด
ที่จะรบกวนเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
เปลวไฟเรียวเล็กลามเลียไปตามผิวเม็ดยา
พลังจิตวิญญาณที่หมุนเวียนภายในเตาหลอม ชักนำให้สิ่งปนเปื้อนค่อยไหลออกจากเตาหลอม
กระบวนการเหล่านี้ได้ใช้เวลาแปดชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์
หยางเฉินก็ใช้กลวิธีของเขาในการนำเม็ดยาออกจากเตาและบรรจุลงในขวดหยก
เมื่อเสร็จสิ้นการปรับแต่ง
จูเฉินเตาคว้าขวดหยกจากมือของหยางเฉิน เขาหยิบยาออกมาส่วนหนึ่ง
ก่อนที่จะยื่นให้ประมุขพระราชวัง และจูเชิงซินคนละเม็ด
และมือของเขากำลังถือเม็ดยาเม็ดหนึ่ง จากยาจำนวนมากในมือของเขา
หลังจากการปรับแต่งครั้งที่สอง
ยาเม็ดก็มีขนาดหดลง และผิวเรียบลื่นให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมยินดียามสัมผัส
บนผิวด้านนอกของเม็ดยามีเส้นบางๆเหมือนเส้นเลือดดำล้อมรอบตัวยา
กลิ่นหอมสมุนไพรที่อยู่ด้านนอกเม็ดยาจางลงเล็กน้อย
แต่นั่นก็เป็นเพราะกลิ่นที่แท้จริงได้ถูกผนึกไว้ภายใน
วิธีทดสอบของจูเฉินเตา…โยนยาเม็ดลมปราณระดับสองนี้เข้าปาก …หลับตา เริ่มใช้สัมผัสตรวจสอบ
ประมุขพระราชวังและจูเชิงซิน
หยุดการสำรวจเม็ดยา พุ่งความสนใจไปที่จูเฉินเตา …เฝ้ารอให้เขาลืมตา
“พลังจิตวิญญาณมากจริงๆ
แถมออกฤทธิ์เร็วมาก ..เป็นที่แน่ชัดว่า…นี่ล่ะยาเม็ดลมปราณระดับสอง”
ในเวลาสั้นๆ
เขาก็ลืมตาและกล่าววิจารณ์ ..และทันทีที่ได้ยิน ท่านผู้นำและซีเชิงซินตาเป็นประกาย
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆที่จูเฉินเตาได้ลืมตาขึ้น
และให้การตัดสินถึงคุณสมบัติของเม็ดยา
เมื่อประมุขพระราชวังและซีเชิงซินได้ยินก็เผยความยินดีขึ้นที่ใบหน้าของพวกเขา
“หยางเฉิน ยาชนิดใดบ้างที่เจ้าปรับแต่งได้?”
หลังจากหายประหลาดใจ
ประมุขพระราชวังได้เอ่ยถาม
“มีเพียงยาเม็ดสวินฉี
และยาเม็ดลมปราณ”
ขณะกล่าว หยางเฉินก็ดูมีสีหน้าลำบากใจ
เอ่ยต่อ
“ก็มียาบางชนิด
ที่เพียงแต่เคยดู แต่ยังไม่เคยได้ทดลอง”
“ อาจารย์ที่สอนพลังจิตและความรู้เรื่องยานี่ล้วนอยู่ในหอลี้ลับ
ไม่มีใครสอนเจ้า?"
ท่านผู้นำพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องยา แต่ถามหยางเฉินในเรื่องอื่นๆ
“ใช่
ข้าศึกษาด้วยตัวเอง” เขาตอบพร้อมพยักหน้ายอมรับ
นี่เป็นการเผยความลับที่ไม่ควรปกปิดอยู่แล้วของตำหนักต้อนรับและตำหนักเก้าปฐพี
ยิ่งกว่านั้นหยางเฉินไม่ต้องการเสแสร้งยกความดีให้ซูเฮิงอยู่แล้ว
“เอาล่ะ
วางใจและไปหลุมดักเซียน จำไว้..แก่นพลังจิตวิญญาณ
ที่ได้มันจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าต่อถ้ำอมตะของเจ้า”
การแสดงออกทางสีหน้าของท่านผู้นำ
ยากที่จะคาดเดาในสิ่งที่เขาคิด และน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็ไม่ยินดียินร้าย
มีเพียงแต่ประโยคสุดท้ายที่เผยถึงความคิดของเขาในขณะนี้
“จากนี้เป็นต้นไป
หากยังมีผู้ใดพยายามที่จะพูดว่าเจ้าเป็นเพชรฆาตอีก …จงฆ่ามันซะ!..ถ้าเจ้าไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยตัวเอง
กลับมาที่พระราชวัง วิหารพิทักษ์กฏจะให้ความช่วยเหลือเพื่อกำจัดมัน!”
ให้ท้ายกันเต็มๆ เลยฮะท่านผู้นำ
ตอบลบมีแบ็คที่ใหญ่สักที
ตอบลบมีคนให้ท้ายงี้ก็มันก็จะว้อนทีนหน่อยๆนะ5555
ตอบลบนักปรุงยาไปนิยายเรื่องไหนเป็นได้เฮจริงๆ 555
ตอบลบThank you
ตอบลบมีแบ็คหนุนหลังล่ะ แต่ถึงไม่มีก็คงไม่เป็นอะไรอยู่แล้วมั้ง?
ตอบลบในที่สุดก็กลายเป็นคนสำคัญ
ตอบลบ