เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 040 เจ้าจะไม่ท้าทายความเป็นและความตาย?

ก่อนการชุมนุมที่ภูเขาลอยฟ้าจะเริ่มขึ้น ผู้คนจำนวนมากได้ยินเกี่ยวกับข่าวที่น่าสนใจบางอย่าง ศิษย์สายนอกของนิกายเทียนเชวียน ฮันเจียนเต๋อ ต้องการที่จะท้าทายความเป็นและความตายกับศิษย์หยางเฉินแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ และ หยางเฉินก็ยอมรับการท้าทายในครั้งนี้ในทันที ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเรื่องเวลาและสถานที่สำหรับการท้าทายความเป็นและความตาย

สำหรับศิษย์สายนอกของทั้งสองนิกายที่มีส่วนร่วมในการท้าทายความเป็นและความตายนี้ เป็นวิธีที่ถูกต้องสำหรับผู้บ่มเพาะ เพื่อแก้ไขความเกลียดชังและการเป็นศัตรูโดยไม่มีเล่ห์กลใดๆ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทั้งสองฝ่ายต้องปล่อยวางความขุ่นเคืองทั้งหมดออกไป เพราะมันเป็นการท้าทายความเป็นและความตาย ที่มักจะมีฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตในท้ายที่สุด ในเมื่อคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ความขุ่นเคือง ประเภทไหนที่เขาจะไม่ได้รับการปลดปล่อย?

แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้มีความแตกต่างกันมากระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง แต่ด้วยกฏกติกาของการท้าทายความเป็นและความตายนี้ แม้ว่าฮันเจียนเต๋อจะรู้สึกเสียใจ แต่หยางเฉินก็บังคับให้เขาต้องมาอยู่ในจุดๆนี้ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธที่จะเผชิญกับความเป็นจริงและก็ไม่กล้าที่จะท้าทายหยางเฉิน

แม้ว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น แต่ผู้คนจำนวนมากต่างได้มากันจนเต็มบริเวณพื้นที่รอบๆที่จะทำการต่อสู้ตัวต่อตัว ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นศิษย์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับก่อสร้างรากฐานของผู้เข้าร่วมหลักของการชุมนุมที่ภูเขาลอยฟ้า สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งระดับก่อสร้างรากฐานหรือสูงกว่านั้น การต่อสู้ของสองคนที่อยู่ในดินแดนรวบรวมลมปราณ มันจะคุ้มค่ากับการมาของพวกเขาเป็นพิเศษ?

ฮันเจียนเต๋อไม่ได้มาสาย แต่เมื่อเทียบกับหยางเฉิน ถือได้ว่าเขามาก่อน เมื่อตอนที่เขาปรากฏตัว ยังไม่มีผู้ใดที่มาจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์มาถึง ฮันเจียนเต๋อก็ดูใจลอยอยู่ในเวลานั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงหาสถานที่และนั่งลงเข้าฌานเพื่อรอเวลา

จากซ้ายไปขวาทุกคนกำลังรออยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นคนจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์เข้ามา คนรอบข้างเริ่มแสดงความคิดเห็น

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่ควรที่จะกลัว!"

"แปลก...เขาไม่ได้เจรจาเตรียมการท้าทายความเป็นและความตาย? นี่ก็ถึงเวลาที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังมาไม่ถึง?"

"พวกเขาฉลาดจริงๆ นักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองกับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ไม่ใช่ว่ามันเป็นการโยนชีวิตของตัวเองทิ้งไป?"

"นั่นก็ไม่ถูกต้อง ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ที่รู้จักกันในนาม หยางเฉิน มีคนเล่าว่าเขาได้ต่อสู้และฆ่ามือสังหารที่มีพลังบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดและระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปด ซึ่งนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา!"

"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข่าวลือนั่นเป็นความจริงอย่างแท้จริง? บางทีพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้แพร่กระจายข่าวนี้เพียงเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของพวกเขา"

...

"แล้วนิกายเทียนเชวียนทำอะไร? นักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้เพาะปลูกระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง นี่ไม่ใช่แค่การข่มขู่เท่านั้นหรอกหรือ? หรือนิกายเทียนเชวียนและพระราชวังหยางบริสุทธิ์อาจมีเรื่องขัดแย้งใดๆที่พวกเราไม่ทราบ!"

"ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ของนิกายเทียนเชวียนที่ชื่อฮันเจียนเต๋อเป็นคนเริ่มทำการท้าประลอง ว่ากันว่าสหายเต๋าฮั่นเจียนเต๋อได้เรียกร้องที่จะทำการประลองเพื่อที่จะเรียนรู้เปรียบเทียบการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ แต่ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ สหายเต๋าหยาง ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ในทันที ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ถ้ามันเป็นการท้าทายความเป็นและความตายพวกเขาก็อาจจะทำการต่อสู้กันได้ สหายเต๋าฮันไม่สามารถทำการปฏิเสธได้ ถ้าเพียงไม่ตราหน้าเขาว่ากำลังรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตนเอง มันก็จะดีถ้าเขาได้รับชัยชนะ แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้ เขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเขาและตกจากเส้นทางที่สง่างาม อมิตตาพุธ!"

...

การอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนยืนอยู่ด้านข้างของนิกายเทียนเชวียนหรือพระราชวังหยางบริสุทธิ์ แต่ละคนกำลังสร้างทฤษฎีของตัวเอง ในเวลานั้นโชคดีที่การชุมนุมของภูเขาลอยฟ้า ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในโลกการบ่มเพาะ ดังนั้นนิกายจำนวนมากที่มาเข้าร่วม ต่างสุภาพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างพูดคุยกันแต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นที่ก้าวร้าวใดๆออกมา

แน่นอนว่าฮันเจียนเต๋อย่อมได้ยินเสียงที่ทุกคุยพูดคุย ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีการถกกันในเรื่องนี้มากขึ้น ถึงแม้ทุกคนจะพุดคุยกันอย่างเงียบๆ แต่มันกลับทำให้ฮันเจียนเต๋อรู้สึกหดหู่มากเข้าไปอีก ยกระดับการประลองมาเป็นการท้าทายความเป็นและความตาย จากการทะเลาะกันด้วยปัญหาเล็กน้อย คำพูดเหล่านั้นได้นำพามาสู่ความผิดพลาด เขาได้บังคับให้ตัวเองเข้ามาสู่สถานการณ์ในปัจจุบัน ถ้าเขาได้รับโอกาสอีกครั้งเขาก็จะไม่วิ่งไปรอบๆ และพยายามสร้างปัญหาให้กับหยางเฉิน

เขารู้สึกหดหู่มากพอที่แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ฮันเจียนเต๋อ จับผลึกยันต์ที่ผู้ดูแลหอฑูตต่างแดนมอบให้กับเขา ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นได้มอบกำไลข้อมือให้กับเขา มันถูกกลั่นสกัดโดยผู้อาวุโส ตราบเท่าที่เขาถ่ายพลังจิตวิญญาณเข้าไปในมัน มันก็จะถูกเปิดใช้งานที่มีพลังรุนแรงซึ่งผู้คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับก่อสร้างรากฐานยากที่จะสามารถรอดพ้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตายไปเลย

ฝ่ายตรงข้ามของเขา นั้นมีความแข็งแกร่งในระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองตราบเท่าที่เขาถูกโจมตีด้วยการโจมตีในครั้งนี้เขาก็จะตายได้โดยไม่ต้องสงสัย โชคร้ายที่อาจารย์ของหอฑูตต่างแดนได้กลั่นสกัดมันเพื่อมอบให้กับศิษย์หญิงดังนั้นฮันเจียนเต๋อสามารถปกปิดมันได้ภายในถุงมิติของเขามิฉะนั้นถ้าเขาสวมมันไว้ที่ข้อมือของเขา มันก็คงจะดูประหลาดและก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดมัน

ด้วยวิธีนี้เขาสามารถฆ่าหยางเฉินได้อย่างแน่นอน เพียงแต่มันจะสร้างความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะแก้แค้นให้เกิดขึ้นภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ สิ่งนี้ทำให้ฮันเจียนเต๋อรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น แม้กระนั้นเมื่อเทียบกับชีวิตของเขาแล้ว ความลำบากนี้ในอนาคตนี้อาจได้รับการแก้ไขในภายหลัง อย่างน้อยในตอนนี้เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่รอด เมื่อคิดอย่างนี้มันทำให้จิตใจของฮันเจียนเต๋อสงบลง ในขณะที่การแสดงออกของความมั่นใจก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

คนที่สังเกตเห็นเขาย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นและถอนหายใจออกมาให้กับหยางเฉินผู้ซึ่งยังไม่มาปรากฏตัว ศิษย์ที่เป็นตัวแทนของนิกายของเขาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมที่ภูเขาลอยฟ้า ผู้ซึ่งถูกคาดหวังไว้สูงจากนิกายของเขา แต่น่าเสียดายที่เขากำลังจะตายในการท้าทายความเป็นและความตาย

หยางเฉินมาถึงที่นัดหมายเมื่อเวลาได้ล่วงเลยเวลานัดไปเล็กน้อยราวๆหนึ่งเค่อ เขาและกงซุนหลิงก็ปรากฏตัวขึ้น กงซุนหลิงมองไปรอบๆ โดยไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือหยางเฉินแต่อย่างใด ถึงแม้ว่ากงซุนหลิงต้องการที่จะช่วยแต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีใครก็ตามยกเลิกกำหนดการท้าทายความเป็นและความตาย ระหว่างคนสองคน ด้วยการช่วยเหลือจากคนใดคนหนึ่ง มันก็จะกลายเป็นการยุแหย่ให้กับทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้

"ข้าคิดไปว่า เจ้ากลัวความตายถึงยังไม่มาสักที!"

ฮันเจียนเต๋อหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ในขณะที่ลุกขึ้น เขามีเครื่องมือฆ่าที่ยิ่งใหญ่อยู่ในมือของเขา มันทำให้เขาไม่มีกลัวแม้แต่น้อย
                                     
"กำหนดการก็บอกให้มาในเวลานี้ ข้าไม่ได้มาช้า!"

หยางเฉินตอบกลับอย่างไม่แยแสแล้วก็หันไปทางผู้ตัดสินและถามว่า

"เราสามารถเริ่มได้เลยหรือไม่?"

ผู้ตัดสินเป็นศิษย์จากนิกายอื่นๆที่อยู่ในระดับก่อสร้างรากฐาน ในการท้าทายความเป็นและความตาย ผู้ตัดสินมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงอย่างเดียวคือต้องทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคอยแอบช่วยเหลือพวกเขา แต่เขาไม่มีส่วนต้องจัดการในเรื่องอื่นๆ

ก่อนที่ผู้ตัดสินจะตอบกลับคำถามของหยางเฉิน เขามองไปทางฮันเจียนเต๋อที่พยักหน้าตอบรับในทันที ผู้ตัดสินไม่ได้ประกาศให้เริ่มทำการท้าทาย แต่กลับถามทั้งสองฝ่ายออกไปว่า

"นี่เป็นการท้าทายความเป็นและความตาย มันจะไม่หยุดจนกว่าใครบางคนจะตาย ก่อนที่จะเริ่มทำการท้าทาย ใครต้องการที่จะพูดอะไรหรือไม่?"

ไม่!

ฮันเจียนเต๋อ ส่ายหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนที่ตายจะไม่เป็นเขา ทำไมต้องพูดให้มากความ?

"และเจ้า?"

ผู้ตัดสินมองไปที่ยางหยาง

"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมาหรือความเกลียดชังในตอนนี้ เจ้าเป็นคนคิดริเริ่มที่จะเริ่มต้นทำการท้าทายความเป็นและความตาย ซึ่งจะไม่หยุดจนกว่าความตายจะมาเยือน ระหว่างการเดินทางไปนรก ก็จงอย่าตำหนิพระเจ้าและกล่าวโทษคนอื่น จงทำใจให้สบายในเส้นทางที่เจ้าเลือก!"

หลังจากที่หยางเฉินพูดจบประโยคนี้เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

ผู้ตัดสินได้มองไปทางซ้ายและขวาแล้วก็โบกมือลงอย่างนุ่มนวล

"เริ่มทำการท้าทายได้!"

ทันทีหลังจากที่ผู้ตัดสินถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏม่านครอบพวกเขาทั้งสองไว้

รอยยิ้มที่น่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮันเจียนเต๋อ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนำอาวุธร้ายออกมาในตอนแรก อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าหยางเฉินจะตาย เขาก็อยากจะแสร้งทำเพื่อมอบความตายที่มีเกียรติ ภายใต้คำพูดที่ลูบคมเขาในก่อนหน้านี้

แต่ก่อนที่ฮันเจียนเต๋อจะได้ขยับตัวหรือทำอะไร เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านหน้าของเขา สัญญาณเตือนอย่างรุนแรง มันทำให้ลำคอของเขาเริ่มเกร็ง ราวกับว่าทั้งตัวของเขาถูกแช่แข็ง

ด้วยการสนับสนุนของยันต์เพิ่มความคล่องตัวซึ่งได้ผ่านการปรับแต่งจากเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์ ความเร็วของหยางเฉินได้เพิ่มขึ้นเป็นสองสามเท่า ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ไกลนัก ดังนั้นหยางเฉินจึงก้าวเข้าไปโดยใช้ความแข็งแกร่งเพียงบางส่วนเท่านั้น เมื่อเขาได้ไปยืนที่ด้านหน้าฮันเจียนเต๋อ

ร่างของหยางเฉินได้ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของฮันเจียนเต๋อในทันที ความเร็วแบบนี้ดูราวกับเป็นปีศาจ ดังนั้นฮันเจียนเต๋อไม่อาจรั้งรอที่จะใช้อาวุธที่เป็นไม้ตายของเขาได้อีกต่อไป แต่ดูเหมือนว่าในขณะที่เขาตัดสินใจที่จะทำ มันก็สายเกินไป

ความกดดันที่มากราวกับภูเขาได้กดทับเขาไว้ สำหรับเขาแล้วในตอนนี้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในนรก กลิ่นอายที่น่าสยดสยองนี้ทำลายความมุ่งมั่นที่จะต่อต้านของเขา ร่างกายของเขาหมดแรงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป

แม้แต่ผู้ที่เป็นเซียนบนศาลสวรรค์ก็ต้องรู้สึกกลัวเมื่อหยางเฉินปลดปล่อยเจตจำนงแห่งการฆ่าออกไปอย่างเต็มที่ นับประสาอะไรกับศิษย์ธรรมดาทั่วๆไปที่มีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ในสายตาของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ ฮันเจียนเต๋อและพวกเขาต่างกลายเป็นคนโง่ ฮันเจียนเต๋อทำได้เพียงแค่เอื้อมมือไปที่ขอบของถุงมิติของเขา แต่ไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้

"มันคืออีกชีวิตของข้า!"

คำพูดง่ายๆเพียงไม่กี่คำที่เขาพูดออกมาอย่างง่ายดายในวันธรรมดา ในตอนนี้พวกมันติดอยู่ในลำคอของเขา เขาต้องการที่จะตะโกน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจ้องมองไปที่หยางเฉินด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจเท่านั้น ในขณะที่หยางเฉินกำลังเข้าไปใกล้ๆ ความสิ้นหวังถูกเติมเต็มไปทั่วทั้งร่างกายของฮันเจียนเต๋อ

ในมือของหยางเฉิน ปรากฏมีดาบอำมหิต ด้วยการตวัดเฉือนเพียงเล็กน้อย ดาบยาวได้พาดผ่านลำคอของฮันเจียนเต๋อ ภายใต้การจ้องมองของดวงตาหลายคู่ ศีรษะของฮันเจียนเต๋อ ได้ปลิวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเลือดพวยพุ่งออกมาจากรอยตัดบนคอของเขา ในขณะเดียวกันผู้ลงมือกระทำ หยางเฉิน ได้เก็บดาบยาวไว้ในที่เดิมและหันหลังเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิมของเขา โดยไม่สนใจที่จะมองไปทีฮันเจียนเต๋ออีก ในตอนนี้หยางเฉินกำลังมองไปที่ผู้ตัดสิน เพื่อรอให้เขาประกาศผลการท้าทายออกมา

การกระทำทั้งหมดของเขาทำได้ง่ายเกินไป เพียงแค่วิ่งออกไป แล้วตวัดเฉือนดาบไปหนึงครั้ง เก็บดาบและถอนตัวออกมา มันช่างดูเรียบง่ายจนไม่มีใครที่จะคิดหรือสงสัยว่าเขาทำการโกง หลังจากที่ผ่านไปสักครู่ ร่างของฮันเจียนเต๋อค่อยๆล้มลงไปบนพื้น แต่เมื่อมองไปที่ร่างกายของหยางเฉิน เขายังคงดูสะอาด ราวกับว่าเขาเพิ่งอาบน้ำมา เสื้อผ้าของเขาปราศจากรอยเลือดใดๆ

ตกใจ อึ้ง ตกตะลึง มันเป็นความรู้สึกที่ยากที่จะสามารถจินตนาการได้ และไม่สามารถเข้าใจมันได้ การแสดงออกหลากหลายรูปแบบปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคนที่เฝ้าดูการท้าทายนี้ ในขณะนี้ทุกคนได้สูญเสียความเชื่อมั่นของการบ่มเพาะที่เหมาะสมของตนเอง ชัยชนะที่ดูน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นตอนเริ่มต้นหรือหลังจากที่เสร็จสิ้น สีหน้าของหยางเฉินก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดๆ มันคือความสามารถที่แท้จริงที่เห็นได้อย่างชัดเจนต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชมการท้าทายในครั้งนี้  

ใครจะจินตนาการได้ว่าในการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองกับผู้เพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ซึ่งมีช่องว่างระหว่างดินแดนถึงสี่ขั้น หากแต่ผลสรุปของการท้าทายความเป็นและความตาย จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเช่นนี้? หลังจากที่คนนับไม่ถ้วนได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้ พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาหนาวสั่น ราวกับดาบยาวของหยางเฉินที่ได้บั่นหัวของฮันเจียนเต๋ออยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ได้ฮันเจียนเต๋อ ผู้ซึ่งปรากฏตัวเป็นคนแรก พวกเขาก็อาจจะเป็นคนแรกที่ไปยั่วยุและกระตุ้น หยางเฉินก็เป็นไปได้

พวกเขาต่างรู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่ได้ใจร้อนเช่นเดียวกับฮันเจียนเต๋อ และยังดีใจที่ฮันเจียนเต๋อได้กระโดดออกไปเป็นคนแรก เพื่อแสดงให้พวกเขาได้เห็นตัวอย่างที่แท้จริงหากไปยั่วยุหยางเฉิน

ไม่เพียงแต่กงซุนหลิง ผู้ซึ่งไม่กล้าที่จะเชื่อผลที่ได้เกิดขึ้นในครั้งนี้ คนอื่นๆก็ยังคงมีสีหน้ามึนงงอยู่เป็นเวลานาน แม้ว่ากงซุนหลิงจะเชื่อคำพูดของหยางเฉินโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เธอก็ยังไม่ได้คาดหวังว่าคำตอบของหยางเฉินต่อนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ฮันเจียนเต๋อ จะดูง่ายมากเช่นนี้ บริเวณรอบๆต่างอยู่ในความเงียบสงบ จนกระทั่งหยางเฉินได้เริ่มพูดขึ้นมา

"ข้าไม่ใช่คู่ประลองของเจ้า เพื่อทำการเปรียบเทียบการต่อสู้!"

เสียงของหยางเฉินไม่ได้ดังนัก แต่เห็นได้ชัดว่ามันปลุกให้ทุกคนตื่นฟื้นคืนสติ และพร้อมกับที่เตือนทุกคนไม่ให้ไปยั่วยุหยางเฉิน

"แต่ในการท้าทายความเป็นและความตาย ก็ดูเหมือนว่าเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเช่นกัน!"

ในตอนนี้ทุกคนเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า ทำไมก่อนหน้านี้ หยางเฉินยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮันเจียนเต๋อในการประลองเปรียบเทียบการต่อสู้ แต่ใครจะนึกว่าคำถามเช่นนั้นจะมีคำตอบในรูปแบบที่ร่างและศีรษะของฮันเจียนเต๋อที่แยกจากกัน มันได้แสดงให้เห็นถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแม้กระทั่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้วเขายังยึดกำไลข้อมือไว้แน่น ใครก็ตามที่เห็นก็สามารถระบุได้ว่า เขาไม่ได้มีแม้แต่เวลาที่จะได้ใช้ผลึกยันต์อันดับหนึ่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ต้องการที่จะเชื่อมัน แต่จากที่เห็นสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกคนได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ข่าวลือที่ว่าหยางเฉินได้ฆ่ามือสังหาร สามคนที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด และอีกหนึ่งในระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปดด้วยตัวเขาเองนั้นเป็นความจริง

ผู้ตัดสินในที่สุดก็สามารถตอบสนองออกไปได้ เขาหันหน้าไปมองซากศพของฮันเจียนเต๋อและกล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

"หยางเฉินจากนิกายพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ชนะ!"

แล้วเขาก็เงียบอีกครั้ง สำหรับเขาซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่อยู่ในระดับก่อสร้างรากฐาน มันไม่สำคัญว่าใครจะชนะหรือแพ้ในการท้าทายความเป็นและความตาย ระหว่างสองหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณ แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับความรุนแรงของดาบที่หยางเฉินได้ใช้ แต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่น่าประหลาดใจ นักบ่มเพาะที่ชื่นชอบท้าทายผู้ที่อยู่เหนือดินแดนของตัวเอง คงมีเพียงหยางเฉินคนเดียวในโลกของการบ่มเพาะนี้?

เมื่อถึงจุดนี้ม่านที่ครอบไว้ระหว่างที่ทำการท้าทายความเป็นและความตายก็ถูกทำให้สลายออกไป ซากศพที่ไร้หัวของฮันเจียนเต๋อถูกนำออกไปโดยคนจากนิกายเทียนเชวียน และหยางเฉินก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุในตอนนี้

ตามมาด้วยรอยยิ้มของกงซุนหลิง ผู้ที่สนับสนุนจากด้านข้างคนสองคน คนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าและอีกหนึ่งอยู่ด้านหลัง ราวกับว่าไม่มีใครกำลังดูอยู่ พวกเขาเดินกลับไปที่หอพันปีอย่างเงียบๆ

หลังจากภาพเงาของทั้งสองคนได้ลับตัวไปอย่างสมบูรณ์แล้วการพูดคุยก็เริ่มต้นขึ้นในฝูงชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

"เจ้าเห็นหรือไม่? ผู้ชายคนนั้นมีความเชื่อมั่นราวกับเป็นนักฆ่า!"

"อนิจจา สหายเต๋าฮันที่น่าสงสารไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะทำการต่อสู้ หรือตอบโต้ในการท้าทายความเป็นและความตาย กับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ มันคุ้มค่ากันหรือไม่?"

"เมือมองไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อต้องการทำให้คนอื่นเดือดร้อน คิดว่าตัวเองเป็นคนที่เหนือกว่า สหายหยางได้ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่สหายฮันก็ยังคงไม่ละเลิกที่จะติดตามเขา มันเป็นความผิดของเขาเอง!"

...

มีหลายคนที่เคยได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ก่อนการต่อสู้และรู้สึกสนใจ พวกเขาจึงถาม

"สหายเต๋าหยางเฉินของนิกายราชวังหยางบริสุทธิ์ เขากล่าวอะไรบางอย่าง เช่นที่ว่า สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ ไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมา มันหมายความว่าอย่างไร?"

"เจ้าไม่รู้หรือ? สหายเต๋าหยางเป็นมือเพชฌฆาตในโลกมนุษย์ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้ฝึกตน และทุกครั้งก่อนที่เขาจะตัดศีรษะใคร เขาจะพูดคำเหล่านั้นออกมา เจ้าก็ควรที่จะระวังตัวให้ดี อย่าได้ทำให้เขาพูดคำเหล่านั้นกับเจ้าออกมาซะละ ฮ่าฮ่า!"

"มือเพชฌฆาตก็ยังสามารถทำการบ่มเพาะได้ มันเป็นไปได้อย่างไร?"

"คนนั้นได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญไปหลายคน ในขณะที่เขาอยู่ในระดับการบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสอง และในตอนนี้ เราก็เห็นแล้วว่า เขาสามารถที่จะตัดหัวนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกได้ แต่เจ้ากลับมาถามว่าเขาสามารถบ่มเพาะได้หรือไม่?"

...

"เยี่ยม!"

เมื่อเห็น หยางเฉินและกงซุนหลิงได้กลับมาถึงหอพันปี ซีเชิงซิน ก็ได้หัวเราะออกมาดังๆ และได้ชมเชยหยางเฉินออกไปว่า

"หนึ่งดาบ ทำให้คนที่เคยสงสัยทั้งหมดปิดปาก ประหยัดแรงกายของเจ้าได้เยอะ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น ข้าขอชื่นชมเจ้า!"

"ขอบคุณ อาจารย์อา!"

ในการตอบสนองต่อคำชมของ ซีเชิงซิน หยางเฉินทำเพียงแค่คำนับเล็กน้อยและแสดงความขอบคุณ

"ขอบคุณใคร? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!"

ซีเชิงซิน โบกมือให้หยางเฉินและหัวเราะเบาๆออกมา ในขณะพูดถึงเรื่องนี้

"ผลสรุปที่ออกมานี้ มันทำให้ชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าแผ่กระจายเป็นที่รู้จักออกไปมากขึ้น เจ้าเป็นเพียงนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง ดังนั้นเจ้าย่อมไม่มีทักษะบินใดๆ นี่คือเหยี่ยวไผ่เวหา ซึ่งข้าได้ใช้มันเพื่อเดินทางในอดีต นี่เป็นรางวัลสำหรับเจ้า!"

ขณะที่เขาพูด แสงสีดำได้บินออกมาจากร่างกายของเขาพุ่งตรงไปที่หยางเฉิน ก่อนที่จะหยุดแล้วเผยให้เห็นที่ด้านหน้าของหยางเฉิน

"ขอบคุณ อาจารย์อา!"

หยางเฉินยื่นมือออกไปและคว้าเหยี่ยวไผ่เวหา ก่อนที่เหยี่ยวไผ่เวหาจะหดตัวลงอยู่บนมือของเขา ความจริงในตอนนี้หยางเฉินมีเพียงแค่นกกระดาษซึ่งถูกอักขระอาคมติดตามอยู่ เหยี่ยวไผ่เวหาเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับปัญหานี้ ซีเชิงซินมักจะให้ความสนใจกับคนใกล้ชิด และในเวลานี้หยางเฉินได้แสดงความขอบคุณออกไปด้วยความจริงใจ!

"พักผ่อนสักสองสามวันจนกว่าบันไดสวรรค์จะเปิดขึ้น!"

ซีเชิงซินออกคำสั่งพร้อมกับเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แจ่มใส


"ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะเดินขึ้นบันไดสวรรค์ได้กี่ขั้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น