ในทิศทางของเสียงปรากฏร่างของคนหลายคน ทุกคนกำลังบินตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว
ผู้คนที่บินตรงมานั้นล้วนเป็นนักบ่มเพาะทั้งชายและหญิง เห็นได้ชัดว่าในขณะที่บินพวกเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์ยันต์ใดๆ
ดังนั้นพลังบ่มเพาะของพวกเขาทั้งหมดนี้ย่อมอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกหรือสูงกว่านั้น
คิ้วของหยางเฉินขมวดเข้าหากันมันเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเขาและศิษย์พี่หญิงที่จะมีเวลาได้พูดคุยกัน
แต่ทั้งหมดนี้พวกกองขยะทั้งหลายได้มาขัดขวางพวกเขา? เมื่อเห็นกงซุนหลิงหน้ามุ่ยตาขุ่น เขาก็คิดแผนอยู่ภายในใจของเขาในทันที
"ใครพูดเช่นนั้น?
ไร้สาระ!"
หยางเฉินทำการปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิดแต่อย่างใด
"ใครกระจายข่าวลือผิดๆเช่นนี้ออกไป?
เจ้าจะต้องไม่กระจายข่าวเท็จ ไม่มีเหตุผลใดที่จะทิ้งศักดิ์ศรีของเจ้าในฐานะที่เป็นผู้บ่มเพาะ!"
อีกฝ่ายกำลังใกล้เข้ามาด้วยแรงขับเคลื่อนจากการบิน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะประกาศว่าข่าวที่พวกเขาได้ยินมานั้นจะเป็นเรื่องเท็จ
จู่ๆนักบ่มเพาะผู้ซึ่งได้พูดนำมาก่อนหน้านี้ ได้ติดอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจแต่เดิมเขาเคยคิดที่จะใช้ข่าวลือนี้เพื่อเยาะเย้ยถากถางหยางเฉิน
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะปฏิเสธออกมาในทันทีเช่นนี้ หยางเฉินได้ปฏิเสธมันออกมาอย่างชัดเจน
เขาหมายถึงอะไร สร้างข่าวลือ? นอกจากนั้นเสียงของหยางเฉิน
ก็ยังไม่ยอมให้อภัยปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดและตราหน้าบุคคลที่เผยแพร่ข่าวเท็จที่เกี่ยวกับเขา
สิ่งนี้มันทำห้เขาดูเหมือนเป็นคนที่ไม่มีความยั้งคิดต่อหน้าทุกคน
"สหายเต๋ากงซุนหลิงแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรบ้าง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นสหายเต๋าหยางเฉิน ที่อยู่ในข่าวลือที่บ้าบอเหล่านั้นที่บอกว่าเขาได้ฆ่ามือสังหารไปสามสี่คนด้วยน้ำมือของเขาเอง"
ภายใต้การนำของชายหนุ่มคนนี้ คนเหล่านี้ได้เข้ามาและเริ่มตั้งคำถามที่ยากสำหรับกงซุนหลิง
หยางเฉินได้ปฏิเสธไปในทันทีโดยไม่ต้องใช้ข้อแก้ตัวใดๆ อย่างไรก็ตามเมื่อโดนตอกหน้ากลับโดยหยางเฉิน
จนทำให้พวกเขารู้สึกโง่เขลาจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถามศิษย์ระดับสูงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
"นี่คือศิษย์น้องหยางของข้า”
กงซุนหลิงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วถามกลับอย่างไม่ไว้หน้าว่า
"แล้วความสัมพันธ์นี้
มันมีผลอันใดกับเจ้า? หรือว่ามันอาจจะเป็นพวกเจ้าที่ส่งมือสังหารมาลอบฆ่าศิษย์น้องของข้า?"
"มันไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด
พวกเราไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือเกลียดชังน้องหยางของเจ้า แล้วทำไมพวกเราจะต้องส่งมือสังหารไปลอบฆ่า?"
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ กล่าวออกไปโดยไม่ใส่ใจกับคำถามของกงซุนหลิงอย่างต่อเนื่องและยิ้มอย่างมีความสุข
"นอกจากนี้ถ้าเรามีข้อขัดแย้งใดๆ
ทำไมเราจะไม่ดูแลมันตัวเอง? การขอให้คนอื่นดูแลเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง
เว้นเสียแต่ว่า ใครบางคนเกรงกลัวที่จะทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกันและไม่กล้าที่จะทำมันด้วยตัวเอง
เจ้าว่าจริงไหมสหายเต๋ากงซุนหลิง?"
ในคำพูดของเขาแฝงถึงการเยาะเย้ย ถึงความความขัดแย้งภายในของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ในตอนนี้สหายเต๋าฮันคงตั้งใจจะมาแทนที่ข้าเพื่อทำความสะอาดนิกายให้ข้าใช่หรือไม่?"
แม้ว่ากงซุนหลิงมักจะมีอารมณ์ดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุเช่นนี้
มันทำให้เธอทำการตอบโต้อย่างรุนแรงโดยไม่เสียเวลาคิด ถึงแม้ว่าจะมีหยางเฉินอยู่เคียงข้างเธอ
แต่เธอเป็นศิษย์พี่ มันเป็นความรับผิดชอบของเธอและเธอต้องการที่จะช่วยหยางเฉินออกจากสถานการณ์นี้
"ข้าไม่กล้า
ข้าไม่กล้า!"
ผู้ชายคนนี้มีแซ่ว่าฮัน เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ฮันเจียนเต๋อ เขาเป็นศิษย์สายนอกของนิกายเทียนเชวียน
และมีสถานะคล้ายกับกงซุนหลิง เขาเป็นศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ในวันนี้เขาได้รับข่าวมาว่าหยางเฉินกำลังจะมาถึง
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะรีบไปหยางเฉินเพื่อเยาะเย้ย อย่างไรก็ดีเขาไม่คาดว่าจะได้พบกับ
กงซุนหลิงที่นี่
เมื่อหันหน้าไปทาง กงซุนหลิง ซึ่งระดับการบ่มเพาะเท่าเทียมกับเขา ฮันเจียนเต๋อไม่กล้าที่จะยั่วยุหยางเฉินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นอีก
หลังจากนั้นไม่นานฮันเจียนเต๋อก็หันไปมองหยางเฉิน และหัวเราะอย่างมีความสุขในขณะที่กล่าวว่า
"ศิษย์น้องหยาง
ในเมื่อมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ ศิษย์น้องหยางก็ไม่สมควรที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน
เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์!"
"มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา!"
ภายใต้การจ้องมองที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจของกงซุนหลิง หยางเฉินได้ก้าวไปข้างหน้าและยืนยันกลับไปว่า
"ข้าไม่รู้ว่าใครกันที่ทำการแพร่กระจายข่าวลือนี้
ทำให้เกิดความสับสน แต่ถ้ามันดึงดูดคนไร้สติมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นคนเลวทรามที่สามารถที่จะฆ่ามารดาและบิดาของพวกเขา
แล้ววิ่งมาถึงที่นี่ แล้วมันจะไม่เป็นไรได้อย่างไร ถ้าข้าไม่ปฏิเสธข่าวลือ
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?"
มันเหมือนกับพระที่กำลังเทศให้ลาฟัง ถ้าฮันเจียนเต๋อและพรรคพวกของเขายับยั้งตัวเองได้
พวกเขาก็คงจะไม่มาสร้างความลำบากให้กับหยางเฉินเพราะข่าวลือ แม้แต่ในชีวิตนี้ก็ไม่ขาดคนที่น่ารำคาญในหมู่ผู้บ่มเพาะ
คงไม่มีใครที่จะสามารถทนได้หากพบว่าชื่อเสียงของคนอื่นนั้นมีมากกว่าพวกเขา
"สหายเต๋าหยาง
มันมีวิธีใดที่จะหักล้างข่าวลือนี้ เจ้าต้องการที่จะคุกเข่าขอโทษทุกคนที่เคยได้ยินข่าวลือนี้หรือไม่?"
ฮันเจียนเต๋อหัวเราะเยาะและพูดหยาบคายออกมา ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
ด้วยคำพูดของหยางเฉินในก่อนหน้านี้มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธ แต่ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของผู้นำของพวกเขาพูดออกมา
พวกเขาต่างหัวเราะ และพยายามที่จะหาเรื่องสนุกเล่นกับหยางเฉินต่อ
“เป็นเช่นนั้น?
หลักการนิกายของสหายเต๋าฮัน เพื่อลบล้างข่าวลือคือการคุกเข่าขอโทษให้กับทุกคนที่ได้ยินข่าวลือจากผู้ที่เผยแพร่ข่าวเท็จ!"
หยางเฉินเปิดปากและหันหน้าไปทางกงซุนหลิงและกล่าวว่า
"ศิษย์พี่หญิง
เมื่อตอนที่ข้ากำลังเดินทางมาที่นี่ ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับผู้นำนิกายของสหายเต๋าฮัน
เราต้องไม่บอกข่าวนี้กับสหายเต๋าฮัน มิเช่นนั้นผู้นำนิกายของสหายเต๋าฮันจะต้องมาหาข้าเพื่อที่จะลบล้างข่าวลือ?"
กงซุนหลิงเริ่มหัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อฮันเจียนเต๋อได้ยินเรื่องนี้
มันทำให้ปอดของเขาเกือบจะระเบิดออกมา คำพูดแบบไหนกันที่ทำให้หัวหน้านิกายของพวกเขาต้องมาคุกเข่าขอโทษหยางเฉินเพื่อลบล้างข่าวลือ?
"เจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นผู้นำนิกายของข้า?
เพื่อทำให้ผู้นำนิกายเทียนเชวียนเสื่อมเสียชื่อเสียง?"
ฮันเจียนเต๋อรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและตะโกนใส่หยางเฉิน ด้วยความโกรธทั้งหมดของเขา
“เอ๊ะ?”
หยางเฉินยืนอยู่ข้างๆเขา แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด
"ตามแนวความคิดของสหายเต๋าฮัน
การปฏิเสธข่าวลือจะเป็นการดูถูกผู้นำนิกายเทียนเชวียนหรือไม่? แล้วข้าก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าสามารถดูถูกผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าได้อย่างไร?
"เจ้า!"
ฮันเจียนเต๋อชี้นิ้วไปที่หยางเฉินและก็พบว่าตัวเองสูญเสียคำพูด หยางเฉินเพิ่งจะพูดว่าผู้นำนิกายของเขาจะต้องมาเพื่อลบล้างข่าวลือดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หมายความว่าผู้นำนิกายของเขาจะต้องมาคุกเข่าเพื่อขอโทษ
แต่สิ่งที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ก็ความหมายเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงคำที่ใช้เขาก็ไม่สามารถที่จะหาข้อผิดพลาดใดๆกับหยางเฉินเพราะสิ่งที่หยางเฉินได้กล่าวนั้น
เป็นไปตามความเห็นของเขาเอง โดยใช้คำพูดของเขามาโต้ตอบ ถ้าเขาบอกว่าหยางเฉินกล่าวไม่ถูกต้องก็คงเป็นเหมือนกับการตบหน้าตัวเอง
"ดูเหมือนว่าสหายหยางได้ระบุข้อเท็จจริง
พวกเราเพียงแค่เข้าใจผิด!"
ฮันเจียนเต๋อกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่ถูกขัดขวางโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา หลังจากหยุดฮันเจียนเต๋อ ผู้หญิงคนนั้นได้หันหน้าไปทางหยางเฉินและพูดกับเขาด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส
"เราก็ยังไม่ทราบว่าใครที่ทำการแพร่กระจายข่าวลือนี้!"
หยางเฉินเริ่มแช่งอย่างดุเดือดและกล่าวว่า
"คำพูดที่ถูกส่งผ่านไปนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเดียวของความจริงเท่านั้น
เขาไม่ทราบหรืออย่างไร ว่ามันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้?"
ทันทีที่เขาเริ่มเอ่ยปากพูดออกมา มันทำให้ทุกคนรวมทั้งกงซุนหลิงค่อนข้างแปลกใจ
เขาหมายถึงอะไรในคำพูดที่ว่า 'ครึ่งหนึ่งของความจริง'?
มันอาจเป็นไปได้ไหมที่หยางเฉินได้ฆ่ามือสังหารตายมากกว่าสามคนที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดและอีกหนึ่งที่อยู่ในขั้นแปดของระดับรวบรวมลมปราณ?
หรือจะเพิ่มเป็นสองเท่า?
คนที่อยู่ตรงข้ามกับเขา รวมถึงฮันเจียนเต๋อก็เกือบจะกลายเป็นโง่เมื่อได้ฟังเรื่องนี้
ไม่ใช่เพราะความตกใจ แม้ว่าความตกใจจะได้ผ่านไปแล้วในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สิ่งที่พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือ
การที่หยางเฉินมีความกล้าหาญในแบบนี้ หรือจริงๆแล้วเขากล้าที่จะพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้? เขาได้ปฏิเสธข่าวลือนี้ออกไปในก่อนหน้านี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นคนที่พูดจาโอ้อวด
และจะถูกพิจารณาว่าเรื่องที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องโกหกในทันทีหรือไม่?
"อาจเป็นได้ว่าสหายเต๋าหยางหมายความว่า
ข้อมูลในข่าวลือนั้นหายไปครึ่งหนึ่งใช่หรือไม่? เจ้ากำลังบอกว่าสหายเต๋าหยางได้ฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดหกคนและอีกสองคนที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณแปด?
ด้วยโอกาสดังกล่าวฮันเจียนเต๋อทำการเปิดปากถามในเรื่องนี้ด้วยความเจตนาที่ไม่ดีออกมาในทันที
"สิ่งที่ข้าพูดออกมานั้น
ก็คือข้ามีพลังของระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองและไม่ใช่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง!"
หยางเฉินมองไปที่พวกเขาราวกับกำลังมองกลุ่มของคนโง่
แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า
"อย่าให้ข้ารู้นะ
ว่ามันเป็นใครที่บังอาจกระจายข่าวลือผิดๆนี้ออกไป แย่มากๆ!"
แม้ว่าหยางเฉินจะพึมพำด้วยระดับเสียงเบาๆ แต่ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นผู้บ่มเพาะดังนั้นทุกคนต่างได้ยินคำพูดของหยางเฉินอย่างชัดเจน
หยางเฉินเริ่มแช่งคนที่ปล่อยข่าวลือมากยิ่งขึ้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ยินชัดมากขึ้นเช่นเดียวกัน
โดยไม่มีข้อความใดที่ขาดหายไป
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน กงซุนหลิง หัวเราะเล็กน้อยอยู่ภายในใจ
ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเธอลดลงเล็กน้อย ศิษย์น้องหยางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ
ฮันเจียนเต๋อเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา เพื่อที่จะทำให้กลุ่มของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เสียหน้า
แต่ในที่สุดเขากลับถูกเหยียดหยามอย่างหยาบคายด้วยคำพูดที่คลุมเครือของหยางเฉินและไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับได้
พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธหยางเฉินได้อย่างไร?
"ข้าไม่ทราบว่าสหายเต๋าหยางจะสนใจที่จะประลองตัวต่อตัวกับข้าหรือไม่?"
ภายใต้ความโกรธของเขา ฮันเจียนเต๋อไม่ได้ลืมความจริงที่ว่าเขามีพลังของระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง มันทำให้เขาต้องเอ่ยคำท้าประลองขึ้นมาในทันที
"ประลอง?"
หยางเฉินสั่นศีรษะ
"ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าที่จะประลองด้วย
ปล่อยให้มันผ่านไปซะ!"
"ทำไม...ศิษย์น้องหยางไม่กล้า?"
เมื่อได้ยินหยางเฉินยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้น ทุกคนรวมถึง กงซุนหลิง ต่างรู้สึกประหลาดใจมาก
ในขณะที่ฮันเจียนเต๋อเกือบจะกระอักออกมาเป็นเลือดมากขึ้น ด้วยการที่หยางเฉินทำการหลีกเลี่ยงการประลองออกไปได้อย่างสง่างามราวกับว่า
ฮันเจียนเต๋อได้ใช้แรงเต็มที่ในการชก แต่ก็ตีได้แต่เพียงอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น
มันให้ความรู้สึกที่อึดอัด
ฮันเจียนเต๋อต้องการที่จะกระตุ้นหยางเฉิน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
แล้วเขาถูกกระตุ้นในขณะนี้ได้อย่างไร? สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ
หยางเฉินเป็นผู้เพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง สำหรับเขาหากจะพ่ายแพ้แก่ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องสูญเสียใบหน้าแต่อย่างใด
"เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความกล้า"
หยางเฉินส่ายหน้าและเดินตามหลังกงซุนหลิง
"มันมีข้อกำหนดมากมายหากต้องการที่จะท้าประลองในการแข่งขัน
ดังนั้นข้าจะไม่เป็นฝ่ายตรงข้ามของเจ้า อย่างไรก็ตามถ้าสหายเต๋าฮันสนใจจริงๆ เจ้าอาจที่จะไปพบข้าได้ตลอดเวลาและเราจะต่อสู้กันในการท้าทายความเป็นและความตาย!"
หลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้วเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับฮันเจียนเต๋อและหันหน้ากลับไปยังกงซุนหลิงและกล่าวว่า
"ศิษย์พี่หญิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับข้าหรอกหรือ?
ข้าแน่ใจว่าเหล่าผู้อาวุโสของนิกายคงกำลังกระวนกระวายใจรอเราอยู่แนๆ
พวกเราคงต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!"
กงซุนหลิงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกไปและเริ่มเดิน หยางเฉินเดินตามเธอไปอย่างใกล้ชิด
ผ่านหน้าคนเหล่านั้น แต่พวกเขาต่างไม่กล้าที่จะหยุดหยางเฉิน และร่างกายของพวกเขาต่างหลีกทางไปด้านข้างๆ
ปล่อยให้ทั้งสองเดินผ่านไป เมื่อหยางเฉินเดินผ่านไปไม่กี่ก้าว เขาหันกลับมาและกล่าวว่า
"เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน
การชุมนุมก็จะสิ้นสุดลง ข้าจะรออยู่ที่นี่สหายเต๋าฮันอย่าล่าช้า และปล่อยให้ข้ารอนาน!"
หยางเฉินเดินไปอีกสองสามก้าว แล้วก็หันมาอีกครั้งและทิ้งไว้อีกประโยค
"สหายเต๋าฮัน
จากที่พูดมาทั้งหมด อย่าบอกข้า ว่าเจ้าไม่ได้มีความกล้า!"
เพียงไม่นานมานี้ ฮันเจียนเต๋อได้เยาะเย้ยหยางเฉิน แต่ หยางเฉินได้ส่งคำพูดกลับมาให้เขาคืน
แม้ว่าฮันเจียนเต๋อ กำลังพิจารณาที่จะไม่เริ่มต้นท้าทายอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้
ด้วยคำพูดสุดท้ายของหยางเฉิน เพื่อรอเขาที่จะทำการท้าทาย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้เขามีเหตุผลใดๆที่จะระงับข้อพิพาทเรื่องส่วนตัวนี้
ฮันเจียนเต๋อถูกบังคับให้จนมุม
เมื่อฮันเจียนเต๋อมองดูกงซุนหลิงและหยางเฉินเดินเข้าไปในเมืองเล็กๆ เขาและคนที่อยู่ด้วยกันต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ
พวกเขาเริ่มตำหนิกันและกันและรีบไปหาผู้อาวุโสของพวกเขาเอง
"ศิษย์น้อง
เมื่อสักครู่เจ้าไม่ควรบีบบังคับเขาอย่างนั้น"
หลังจากที่กงซุนหลิงเดินเข้าไปในเมืองเล็กๆ เธอก็เอ่ยปากออกมาว่า
"ถ้าเจ้าสร้างศัตรูโดยไม่มีเหตุผลเลย
มันจะได้ไม่คุ้มกับสิ่งที่เจ้าต้องเสียไป!"
"ถ้าข้าไม่ได้ทำให้เขาเจ็บใจจนเข็ด
เขาคงจะไม่มาเคาะประตูบ้านข้าอีก เจ้าคิดอย่างนั้น?"
หยางเฉินหัวเราะ
"อย่างไรก็ตามพวกเขาได้มาถึงที่ประตูบ้านของข้าแล้ว
ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงผลที่ตามมา มันก็ไม่เลวร้าย มิฉะนั้นคนอื่นๆจะพากันมาหาข้า
สร้างความลำบากให้กับข้า!"
กงซุนหลิงมีความคิดบางอย่างที่จะพูดออกมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินในตอนท้าย
เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินนำหยางเฉินไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามาที่สาขาของหอพันปี
ที่นี่เป็นที่มั่นของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกๆปีในที่ประชุมของภูเขาลอยฟ้า มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาในการดูแลชีวิตประจำวันของศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์
ยังมีผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้นของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้รีบมาที่นี่
แต่เขาไม่ใช่คนที่หยางเฉินรู้สึกคุ้นเคย หยางเฉินเพียงจ่ายค่าดูแลให้กับสาขาของหอพันปีอย่างเป็นทางการเพียงครั้งเดียว
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องที่จัดไว้ให้เขาพักอยู่โดยไม่สนใจเรื่องอื่นๆอีก กงซุนหลิงไม่ได้เป็นอิสระง่ายเหมือนกับหยางเฉิน
เธอต้องรายงานเหตุการณ์ต่อผู้อาวุโส
"เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้
ค่อนข้างเด็ดเดี่ยว ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคาดคิดไว้!"
ผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น ซีเชิงซิน เขาเป็นผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์
เขาดูเหมือนจะมีความสุขุมมากกว่าคนอื่นๆ
"การใช้คนขี้ขลาดและทำให้คนอื่นไม่ได้มองไปที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ด้วยความสงสัยเป็นเคล็ดลับที่ดี
ตราบเท่าที่เขาชนะในเวลานี้ ข้าจะจัดการกับคนที่เหลืออยู่ของเรา พระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่ได้มีศิษย์ที่น่าสนใจเช่นนี้มานาน!"
เมื่อได้ยินคำพูดของซีเชิงซิน มันทำให้กงซุนหลิงคลายความวิตกกังวลในใจลงไปบ้าง
แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ถ้าฮันเจียนเต๋อยืนยันที่จะทำการท้าทายในความเป็นและความตาย
แล้วหยางเฉินจะสามารถต่อสู้ได้หรือไม่? เธอหวังว่าหยางเฉินจะได้รับอาวุธที่ดีจากมือสังหารเมื่อตอนที่เขาฆ่าพวกเขา
ฮันเจียนเต๋อได้รีบกลับไปที่นิกายเทียนเชวียนอย่างรวดเร็วและรีบรายงานเหตุการณ์นี้ให้กับผู้อาวุโสของนิกายตนเอง
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนของนิกายเทียนเชวียนและเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น
ที่ด้านหน้าของผู้ดูแล ฮันเจียนเต๋อไม่ได้ปิดบังความจริงใดๆแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าถ้าเขาโกหก
ผู้ดูแลของเขาสามารถตรวจสอบได้แม้กระทั่งคำโกหกที่เล็กน้อยที่สุด มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำ
"เจ้าสร้างศัตรูกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์?"
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนขมวดคิ้วขณะที่รับฟังและถามออกไป
"ข้าไม่ได้ทำ!"
ฮันเจียนเต๋อรีบตอบออกไป ว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาเป็นศิษย์สายนอกทำไมเขาต้องการที่จะเป็นศัตรูกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์แม้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะเป็นนิกายเล็กๆ
แต่ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกสองสามคน ที่คอยเฝ้าดูอยู่ และเขาก็คงไม่อาจหาญที่จะท้าทายพระราชวังหยางบริสุทธิ์
"แล้วเจ้ามีความเป็นปฏิปักษ์กับหยางเฉินใช่หรือไม่?"
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนถามออกไปอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วของเขา
"ไม่...ข้าไม่!"
ฮันเจียนเต๋อไม่กล้าที่จะปิดบังอะไร เขาส่ายหน้าอีกครั้ง
"เจ้าไม่มีข้อพิพาทหรือเป็นปฏิปักษ์ใดๆกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์
และก็ไม่ได้มีข้อข้องใจหรือไม่เป็นมิตรกับหยางเฉิน แต่เมื่อเจ้าได้ยินข่าวลือว่ามีคนฆ่ามือสังหารไม่กี่คน
ที่อยู่เหนือกว่าเจ้า เจ้ากลับรีบไปหาคนคนนั้นเพื่อทำให้เขาลำบากใช่หรือไม่?"
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนถามคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"ศิษย์...ศิษย์..."
ฮันเจียนเต๋อไม่ทราบว่าควรจะพูดอะไรออกไปในเวลานั้น เขาทำได้แต่เพียงทำเสียงพึมพำออกมาได้เพียงไม่กี่คำ
เขาไม่สามารถพูดคำอื่นๆออกมาได้อีก
"ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกทำการท้าประลองผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง
เจ้าได้พูดมันออกไป เจ้ายังกล้าที่จะท้าประลองเขาเพื่อที่จะเรียนรู้เปรียบเทียบการต่อสู้
แต่เจ้าก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาในการท้าทายความเป็นและความตาย
เจ้าทำให้นิกายเทียนเชวียนขายหน้าจริงๆ!"
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนไม่ทราบว่าจะพูดอะไรกับฮันเจียนเต๋อต่อไปอีก
"ชัยชนะของเจ้าจะเป็นเกียรติแก่เจ้า?
การสูญเสียของเขาจะให้ผลประโยชน์อันใดแก่เจ้า? อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่เคยใช้มันสมองที่มีอยู่ในหัวของเจ้ามาก่อน?"
สีหน้าของฮันเจียนเต๋อกลายเป็นสีเทา เมื่อเขาเห็นว่าการกระทำในก่อนหน้านี้ของเขาไม่มีจุดหมาย
มีแต่เพียงความโง่เขลา ถ้าหยางเฉินไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ข่าวลือที่ผิดพลาดของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อาจจะเปิดเผยได้ง่าย
แต่เขาจะทำให้ตัวเองเป็นเป้าหมายของความเกลียดชังของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ในตอนนี้มีน้ำมันหมูหล่นลงมาบนศีรษะของเขา ในขณะที่เขาสร้างความยากลำบากให้กับหยางเฉินหรือไม่?
"เขาได้เชิญเจ้าให้ต่อสู้ในการท้าทายความเป็นและความตาย
ถ้าเจ้าไม่กล้า ก็ยอมรับความพ่ายแพ้และเก็บตัวฝึกเป็นเวลา สิบปี!"
ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนได้ออกคำสั่งให้เขาทำตามที่เขาต้องการ
"และถ้าเจ้ากล้า
ในวันพรุ่งนี้เจ้าต้องทำการท้าทายเขาในทันทีและจะต้องไม่ทำให้นิกายเทียนเชวียนของข้าเสียหน้าเป็นอันขาด!"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น