เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 039 ทำไมถึงจะไม่ มันก็แค่การประลอง

ในทิศทางของเสียงปรากฏร่างของคนหลายคน ทุกคนกำลังบินตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว

ผู้คนที่บินตรงมานั้นล้วนเป็นนักบ่มเพาะทั้งชายและหญิง เห็นได้ชัดว่าในขณะที่บินพวกเขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์ยันต์ใดๆ ดังนั้นพลังบ่มเพาะของพวกเขาทั้งหมดนี้ย่อมอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกหรือสูงกว่านั้น คิ้วของหยางเฉินขมวดเข้าหากันมันเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเขาและศิษย์พี่หญิงที่จะมีเวลาได้พูดคุยกัน แต่ทั้งหมดนี้พวกกองขยะทั้งหลายได้มาขัดขวางพวกเขา? เมื่อเห็นกงซุนหลิงหน้ามุ่ยตาขุ่น เขาก็คิดแผนอยู่ภายในใจของเขาในทันที

"ใครพูดเช่นนั้น? ไร้สาระ!"

หยางเฉินทำการปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิดแต่อย่างใด

"ใครกระจายข่าวลือผิดๆเช่นนี้ออกไป? เจ้าจะต้องไม่กระจายข่าวเท็จ ไม่มีเหตุผลใดที่จะทิ้งศักดิ์ศรีของเจ้าในฐานะที่เป็นผู้บ่มเพาะ!"

อีกฝ่ายกำลังใกล้เข้ามาด้วยแรงขับเคลื่อนจากการบิน แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะประกาศว่าข่าวที่พวกเขาได้ยินมานั้นจะเป็นเรื่องเท็จ จู่ๆนักบ่มเพาะผู้ซึ่งได้พูดนำมาก่อนหน้านี้ ได้ติดอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจแต่เดิมเขาเคยคิดที่จะใช้ข่าวลือนี้เพื่อเยาะเย้ยถากถางหยางเฉิน แต่เขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะปฏิเสธออกมาในทันทีเช่นนี้ หยางเฉินได้ปฏิเสธมันออกมาอย่างชัดเจน เขาหมายถึงอะไร สร้างข่าวลือ? นอกจากนั้นเสียงของหยางเฉิน ก็ยังไม่ยอมให้อภัยปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดและตราหน้าบุคคลที่เผยแพร่ข่าวเท็จที่เกี่ยวกับเขา สิ่งนี้มันทำห้เขาดูเหมือนเป็นคนที่ไม่มีความยั้งคิดต่อหน้าทุกคน

"สหายเต๋ากงซุนหลิงแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็อยู่ที่นี่ด้วย ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรบ้าง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นสหายเต๋าหยางเฉิน ที่อยู่ในข่าวลือที่บ้าบอเหล่านั้นที่บอกว่าเขาได้ฆ่ามือสังหารไปสามสี่คนด้วยน้ำมือของเขาเอง"

ภายใต้การนำของชายหนุ่มคนนี้ คนเหล่านี้ได้เข้ามาและเริ่มตั้งคำถามที่ยากสำหรับกงซุนหลิง หยางเฉินได้ปฏิเสธไปในทันทีโดยไม่ต้องใช้ข้อแก้ตัวใดๆ อย่างไรก็ตามเมื่อโดนตอกหน้ากลับโดยหยางเฉิน จนทำให้พวกเขารู้สึกโง่เขลาจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถามศิษย์ระดับสูงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์

"นี่คือศิษย์น้องหยางของข้า

กงซุนหลิงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วถามกลับอย่างไม่ไว้หน้าว่า

"แล้วความสัมพันธ์นี้ มันมีผลอันใดกับเจ้า? หรือว่ามันอาจจะเป็นพวกเจ้าที่ส่งมือสังหารมาลอบฆ่าศิษย์น้องของข้า?"

"มันไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด พวกเราไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือเกลียดชังน้องหยางของเจ้า แล้วทำไมพวกเราจะต้องส่งมือสังหารไปลอบฆ่า?"

ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ กล่าวออกไปโดยไม่ใส่ใจกับคำถามของกงซุนหลิงอย่างต่อเนื่องและยิ้มอย่างมีความสุข

"นอกจากนี้ถ้าเรามีข้อขัดแย้งใดๆ ทำไมเราจะไม่ดูแลมันตัวเอง? การขอให้คนอื่นดูแลเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง เว้นเสียแต่ว่า ใครบางคนเกรงกลัวที่จะทำร้ายศิษย์ในนิกายเดียวกันและไม่กล้าที่จะทำมันด้วยตัวเอง เจ้าว่าจริงไหมสหายเต๋ากงซุนหลิง?"

ในคำพูดของเขาแฝงถึงการเยาะเย้ย ถึงความความขัดแย้งภายในของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ในตอนนี้สหายเต๋าฮันคงตั้งใจจะมาแทนที่ข้าเพื่อทำความสะอาดนิกายให้ข้าใช่หรือไม่?"

แม้ว่ากงซุนหลิงมักจะมีอารมณ์ดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุเช่นนี้ มันทำให้เธอทำการตอบโต้อย่างรุนแรงโดยไม่เสียเวลาคิด ถึงแม้ว่าจะมีหยางเฉินอยู่เคียงข้างเธอ แต่เธอเป็นศิษย์พี่ มันเป็นความรับผิดชอบของเธอและเธอต้องการที่จะช่วยหยางเฉินออกจากสถานการณ์นี้

"ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้า!"

ผู้ชายคนนี้มีแซ่ว่าฮัน เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ฮันเจียนเต๋อ เขาเป็นศิษย์สายนอกของนิกายเทียนเชวียน และมีสถานะคล้ายกับกงซุนหลิง เขาเป็นศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ในวันนี้เขาได้รับข่าวมาว่าหยางเฉินกำลังจะมาถึง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะรีบไปหยางเฉินเพื่อเยาะเย้ย อย่างไรก็ดีเขาไม่คาดว่าจะได้พบกับ กงซุนหลิงที่นี่

เมื่อหันหน้าไปทาง กงซุนหลิง ซึ่งระดับการบ่มเพาะเท่าเทียมกับเขา ฮันเจียนเต๋อไม่กล้าที่จะยั่วยุหยางเฉินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นอีก หลังจากนั้นไม่นานฮันเจียนเต๋อก็หันไปมองหยางเฉิน และหัวเราะอย่างมีความสุขในขณะที่กล่าวว่า

"ศิษย์น้องหยาง ในเมื่อมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ ศิษย์น้องหยางก็ไม่สมควรที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์!"

"มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา!"

ภายใต้การจ้องมองที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจของกงซุนหลิง หยางเฉินได้ก้าวไปข้างหน้าและยืนยันกลับไปว่า

"ข้าไม่รู้ว่าใครกันที่ทำการแพร่กระจายข่าวลือนี้ ทำให้เกิดความสับสน แต่ถ้ามันดึงดูดคนไร้สติมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นคนเลวทรามที่สามารถที่จะฆ่ามารดาและบิดาของพวกเขา แล้ววิ่งมาถึงที่นี่ แล้วมันจะไม่เป็นไรได้อย่างไร ถ้าข้าไม่ปฏิเสธข่าวลือ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?"

มันเหมือนกับพระที่กำลังเทศให้ลาฟัง ถ้าฮันเจียนเต๋อและพรรคพวกของเขายับยั้งตัวเองได้ พวกเขาก็คงจะไม่มาสร้างความลำบากให้กับหยางเฉินเพราะข่าวลือ แม้แต่ในชีวิตนี้ก็ไม่ขาดคนที่น่ารำคาญในหมู่ผู้บ่มเพาะ คงไม่มีใครที่จะสามารถทนได้หากพบว่าชื่อเสียงของคนอื่นนั้นมีมากกว่าพวกเขา

"สหายเต๋าหยาง มันมีวิธีใดที่จะหักล้างข่าวลือนี้ เจ้าต้องการที่จะคุกเข่าขอโทษทุกคนที่เคยได้ยินข่าวลือนี้หรือไม่?"

ฮันเจียนเต๋อหัวเราะเยาะและพูดหยาบคายออกมา ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน ด้วยคำพูดของหยางเฉินในก่อนหน้านี้มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธ แต่ในตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของผู้นำของพวกเขาพูดออกมา พวกเขาต่างหัวเราะ และพยายามที่จะหาเรื่องสนุกเล่นกับหยางเฉินต่อ

เป็นเช่นนั้น? หลักการนิกายของสหายเต๋าฮัน เพื่อลบล้างข่าวลือคือการคุกเข่าขอโทษให้กับทุกคนที่ได้ยินข่าวลือจากผู้ที่เผยแพร่ข่าวเท็จ!"

หยางเฉินเปิดปากและหันหน้าไปทางกงซุนหลิงและกล่าวว่า

"ศิษย์พี่หญิง เมื่อตอนที่ข้ากำลังเดินทางมาที่นี่ ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับผู้นำนิกายของสหายเต๋าฮัน เราต้องไม่บอกข่าวนี้กับสหายเต๋าฮัน มิเช่นนั้นผู้นำนิกายของสหายเต๋าฮันจะต้องมาหาข้าเพื่อที่จะลบล้างข่าวลือ?"

กงซุนหลิงเริ่มหัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อฮันเจียนเต๋อได้ยินเรื่องนี้ มันทำให้ปอดของเขาเกือบจะระเบิดออกมา คำพูดแบบไหนกันที่ทำให้หัวหน้านิกายของพวกเขาต้องมาคุกเข่าขอโทษหยางเฉินเพื่อลบล้างข่าวลือ?

"เจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นผู้นำนิกายของข้า? เพื่อทำให้ผู้นำนิกายเทียนเชวียนเสื่อมเสียชื่อเสียง?"

ฮันเจียนเต๋อรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและตะโกนใส่หยางเฉิน ด้วยความโกรธทั้งหมดของเขา

เอ๊ะ?”

หยางเฉินยืนอยู่ข้างๆเขา แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด

"ตามแนวความคิดของสหายเต๋าฮัน การปฏิเสธข่าวลือจะเป็นการดูถูกผู้นำนิกายเทียนเชวียนหรือไม่? แล้วข้าก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าสามารถดูถูกผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าได้อย่างไร?

"เจ้า!"

ฮันเจียนเต๋อชี้นิ้วไปที่หยางเฉินและก็พบว่าตัวเองสูญเสียคำพูด หยางเฉินเพิ่งจะพูดว่าผู้นำนิกายของเขาจะต้องมาเพื่อลบล้างข่าวลือดังกล่าว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หมายความว่าผู้นำนิกายของเขาจะต้องมาคุกเข่าเพื่อขอโทษ แต่สิ่งที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ก็ความหมายเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงคำที่ใช้เขาก็ไม่สามารถที่จะหาข้อผิดพลาดใดๆกับหยางเฉินเพราะสิ่งที่หยางเฉินได้กล่าวนั้น เป็นไปตามความเห็นของเขาเอง โดยใช้คำพูดของเขามาโต้ตอบ ถ้าเขาบอกว่าหยางเฉินกล่าวไม่ถูกต้องก็คงเป็นเหมือนกับการตบหน้าตัวเอง

"ดูเหมือนว่าสหายหยางได้ระบุข้อเท็จจริง พวกเราเพียงแค่เข้าใจผิด!"

ฮันเจียนเต๋อกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ถูกขัดขวางโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา หลังจากหยุดฮันเจียนเต๋อ ผู้หญิงคนนั้นได้หันหน้าไปทางหยางเฉินและพูดกับเขาด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส

"เราก็ยังไม่ทราบว่าใครที่ทำการแพร่กระจายข่าวลือนี้!"

หยางเฉินเริ่มแช่งอย่างดุเดือดและกล่าวว่า

"คำพูดที่ถูกส่งผ่านไปนั้นมีเพียงแค่ครึ่งเดียวของความจริงเท่านั้น เขาไม่ทราบหรืออย่างไร ว่ามันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้?"

ทันทีที่เขาเริ่มเอ่ยปากพูดออกมา มันทำให้ทุกคนรวมทั้งกงซุนหลิงค่อนข้างแปลกใจ เขาหมายถึงอะไรในคำพูดที่ว่า 'ครึ่งหนึ่งของความจริง'? มันอาจเป็นไปได้ไหมที่หยางเฉินได้ฆ่ามือสังหารตายมากกว่าสามคนที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดและอีกหนึ่งที่อยู่ในขั้นแปดของระดับรวบรวมลมปราณ? หรือจะเพิ่มเป็นสองเท่า?

คนที่อยู่ตรงข้ามกับเขา รวมถึงฮันเจียนเต๋อก็เกือบจะกลายเป็นโง่เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะความตกใจ แม้ว่าความตกใจจะได้ผ่านไปแล้วในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สิ่งที่พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือ การที่หยางเฉินมีความกล้าหาญในแบบนี้ หรือจริงๆแล้วเขากล้าที่จะพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้? เขาได้ปฏิเสธข่าวลือนี้ออกไปในก่อนหน้านี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นคนที่พูดจาโอ้อวด และจะถูกพิจารณาว่าเรื่องที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องโกหกในทันทีหรือไม่?

"อาจเป็นได้ว่าสหายเต๋าหยางหมายความว่า ข้อมูลในข่าวลือนั้นหายไปครึ่งหนึ่งใช่หรือไม่? เจ้ากำลังบอกว่าสหายเต๋าหยางได้ฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดหกคนและอีกสองคนที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณแปด?

ด้วยโอกาสดังกล่าวฮันเจียนเต๋อทำการเปิดปากถามในเรื่องนี้ด้วยความเจตนาที่ไม่ดีออกมาในทันที

"สิ่งที่ข้าพูดออกมานั้น ก็คือข้ามีพลังของระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองและไม่ใช่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง!"

หยางเฉินมองไปที่พวกเขาราวกับกำลังมองกลุ่มของคนโง่ แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า

"อย่าให้ข้ารู้นะ ว่ามันเป็นใครที่บังอาจกระจายข่าวลือผิดๆนี้ออกไป แย่มากๆ!"

แม้ว่าหยางเฉินจะพึมพำด้วยระดับเสียงเบาๆ แต่ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นผู้บ่มเพาะดังนั้นทุกคนต่างได้ยินคำพูดของหยางเฉินอย่างชัดเจน หยางเฉินเริ่มแช่งคนที่ปล่อยข่าวลือมากยิ่งขึ้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ยินชัดมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยไม่มีข้อความใดที่ขาดหายไป

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน กงซุนหลิง หัวเราะเล็กน้อยอยู่ภายในใจ ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเธอลดลงเล็กน้อย ศิษย์น้องหยางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ

ฮันเจียนเต๋อเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา เพื่อที่จะทำให้กลุ่มของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เสียหน้า แต่ในที่สุดเขากลับถูกเหยียดหยามอย่างหยาบคายด้วยคำพูดที่คลุมเครือของหยางเฉินและไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับได้ พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธหยางเฉินได้อย่างไร?

"ข้าไม่ทราบว่าสหายเต๋าหยางจะสนใจที่จะประลองตัวต่อตัวกับข้าหรือไม่?"

ภายใต้ความโกรธของเขา ฮันเจียนเต๋อไม่ได้ลืมความจริงที่ว่าเขามีพลังของระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง มันทำให้เขาต้องเอ่ยคำท้าประลองขึ้นมาในทันที

"ประลอง?"

หยางเฉินสั่นศีรษะ

"ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าที่จะประลองด้วย ปล่อยให้มันผ่านไปซะ!"

"ทำไม...ศิษย์น้องหยางไม่กล้า?"

เมื่อได้ยินหยางเฉินยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้น ทุกคนรวมถึง กงซุนหลิง ต่างรู้สึกประหลาดใจมาก ในขณะที่ฮันเจียนเต๋อเกือบจะกระอักออกมาเป็นเลือดมากขึ้น ด้วยการที่หยางเฉินทำการหลีกเลี่ยงการประลองออกไปได้อย่างสง่างามราวกับว่า ฮันเจียนเต๋อได้ใช้แรงเต็มที่ในการชก แต่ก็ตีได้แต่เพียงอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น มันให้ความรู้สึกที่อึดอัด

ฮันเจียนเต๋อต้องการที่จะกระตุ้นหยางเฉิน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี แล้วเขาถูกกระตุ้นในขณะนี้ได้อย่างไร? สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ หยางเฉินเป็นผู้เพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง สำหรับเขาหากจะพ่ายแพ้แก่ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาต้องสูญเสียใบหน้าแต่อย่างใด

"เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความกล้า"

หยางเฉินส่ายหน้าและเดินตามหลังกงซุนหลิง

"มันมีข้อกำหนดมากมายหากต้องการที่จะท้าประลองในการแข่งขัน ดังนั้นข้าจะไม่เป็นฝ่ายตรงข้ามของเจ้า อย่างไรก็ตามถ้าสหายเต๋าฮันสนใจจริงๆ เจ้าอาจที่จะไปพบข้าได้ตลอดเวลาและเราจะต่อสู้กันในการท้าทายความเป็นและความตาย!"

หลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้วเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับฮันเจียนเต๋อและหันหน้ากลับไปยังกงซุนหลิงและกล่าวว่า

"ศิษย์พี่หญิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับข้าหรอกหรือ? ข้าแน่ใจว่าเหล่าผู้อาวุโสของนิกายคงกำลังกระวนกระวายใจรอเราอยู่แนๆ พวกเราคงต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!"

กงซุนหลิงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกไปและเริ่มเดิน หยางเฉินเดินตามเธอไปอย่างใกล้ชิด ผ่านหน้าคนเหล่านั้น แต่พวกเขาต่างไม่กล้าที่จะหยุดหยางเฉิน และร่างกายของพวกเขาต่างหลีกทางไปด้านข้างๆ ปล่อยให้ทั้งสองเดินผ่านไป เมื่อหยางเฉินเดินผ่านไปไม่กี่ก้าว เขาหันกลับมาและกล่าวว่า

"เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน การชุมนุมก็จะสิ้นสุดลง ข้าจะรออยู่ที่นี่สหายเต๋าฮันอย่าล่าช้า และปล่อยให้ข้ารอนาน!"

หยางเฉินเดินไปอีกสองสามก้าว แล้วก็หันมาอีกครั้งและทิ้งไว้อีกประโยค

"สหายเต๋าฮัน จากที่พูดมาทั้งหมด อย่าบอกข้า ว่าเจ้าไม่ได้มีความกล้า!"

เพียงไม่นานมานี้ ฮันเจียนเต๋อได้เยาะเย้ยหยางเฉิน แต่ หยางเฉินได้ส่งคำพูดกลับมาให้เขาคืน แม้ว่าฮันเจียนเต๋อ กำลังพิจารณาที่จะไม่เริ่มต้นท้าทายอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ด้วยคำพูดสุดท้ายของหยางเฉิน เพื่อรอเขาที่จะทำการท้าทาย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้เขามีเหตุผลใดๆที่จะระงับข้อพิพาทเรื่องส่วนตัวนี้ ฮันเจียนเต๋อถูกบังคับให้จนมุม

เมื่อฮันเจียนเต๋อมองดูกงซุนหลิงและหยางเฉินเดินเข้าไปในเมืองเล็กๆ เขาและคนที่อยู่ด้วยกันต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาเริ่มตำหนิกันและกันและรีบไปหาผู้อาวุโสของพวกเขาเอง

"ศิษย์น้อง เมื่อสักครู่เจ้าไม่ควรบีบบังคับเขาอย่างนั้น"

หลังจากที่กงซุนหลิงเดินเข้าไปในเมืองเล็กๆ เธอก็เอ่ยปากออกมาว่า

"ถ้าเจ้าสร้างศัตรูโดยไม่มีเหตุผลเลย มันจะได้ไม่คุ้มกับสิ่งที่เจ้าต้องเสียไป!"

"ถ้าข้าไม่ได้ทำให้เขาเจ็บใจจนเข็ด เขาคงจะไม่มาเคาะประตูบ้านข้าอีก เจ้าคิดอย่างนั้น?"

หยางเฉินหัวเราะ

"อย่างไรก็ตามพวกเขาได้มาถึงที่ประตูบ้านของข้าแล้ว ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงผลที่ตามมา มันก็ไม่เลวร้าย มิฉะนั้นคนอื่นๆจะพากันมาหาข้า สร้างความลำบากให้กับข้า!"

กงซุนหลิงมีความคิดบางอย่างที่จะพูดออกมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินในตอนท้าย เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินนำหยางเฉินไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามาที่สาขาของหอพันปี ที่นี่เป็นที่มั่นของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกๆปีในที่ประชุมของภูเขาลอยฟ้า มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาในการดูแลชีวิตประจำวันของศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์

ยังมีผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้นของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้รีบมาที่นี่ แต่เขาไม่ใช่คนที่หยางเฉินรู้สึกคุ้นเคย หยางเฉินเพียงจ่ายค่าดูแลให้กับสาขาของหอพันปีอย่างเป็นทางการเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องที่จัดไว้ให้เขาพักอยู่โดยไม่สนใจเรื่องอื่นๆอีก กงซุนหลิงไม่ได้เป็นอิสระง่ายเหมือนกับหยางเฉิน เธอต้องรายงานเหตุการณ์ต่อผู้อาวุโส

"เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ ค่อนข้างเด็ดเดี่ยว ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคาดคิดไว้!"

ผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น ซีเชิงซิน เขาเป็นผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ เขาดูเหมือนจะมีความสุขุมมากกว่าคนอื่นๆ

"การใช้คนขี้ขลาดและทำให้คนอื่นไม่ได้มองไปที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ด้วยความสงสัยเป็นเคล็ดลับที่ดี ตราบเท่าที่เขาชนะในเวลานี้ ข้าจะจัดการกับคนที่เหลืออยู่ของเรา พระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่ได้มีศิษย์ที่น่าสนใจเช่นนี้มานาน!"

เมื่อได้ยินคำพูดของซีเชิงซิน มันทำให้กงซุนหลิงคลายความวิตกกังวลในใจลงไปบ้าง แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ถ้าฮันเจียนเต๋อยืนยันที่จะทำการท้าทายในความเป็นและความตาย แล้วหยางเฉินจะสามารถต่อสู้ได้หรือไม่? เธอหวังว่าหยางเฉินจะได้รับอาวุธที่ดีจากมือสังหารเมื่อตอนที่เขาฆ่าพวกเขา

ฮันเจียนเต๋อได้รีบกลับไปที่นิกายเทียนเชวียนอย่างรวดเร็วและรีบรายงานเหตุการณ์นี้ให้กับผู้อาวุโสของนิกายตนเอง ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนของนิกายเทียนเชวียนและเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น ที่ด้านหน้าของผู้ดูแล ฮันเจียนเต๋อไม่ได้ปิดบังความจริงใดๆแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าถ้าเขาโกหก ผู้ดูแลของเขาสามารถตรวจสอบได้แม้กระทั่งคำโกหกที่เล็กน้อยที่สุด มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำ

"เจ้าสร้างศัตรูกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์?"

ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนขมวดคิ้วขณะที่รับฟังและถามออกไป

"ข้าไม่ได้ทำ!"

ฮันเจียนเต๋อรีบตอบออกไป ว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาเป็นศิษย์สายนอกทำไมเขาต้องการที่จะเป็นศัตรูกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์แม้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะเป็นนิกายเล็กๆ แต่ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกสองสามคน ที่คอยเฝ้าดูอยู่ และเขาก็คงไม่อาจหาญที่จะท้าทายพระราชวังหยางบริสุทธิ์
"แล้วเจ้ามีความเป็นปฏิปักษ์กับหยางเฉินใช่หรือไม่?"

ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนถามออกไปอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วของเขา

"ไม่...ข้าไม่!"

ฮันเจียนเต๋อไม่กล้าที่จะปิดบังอะไร เขาส่ายหน้าอีกครั้ง

"เจ้าไม่มีข้อพิพาทหรือเป็นปฏิปักษ์ใดๆกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์ และก็ไม่ได้มีข้อข้องใจหรือไม่เป็นมิตรกับหยางเฉิน แต่เมื่อเจ้าได้ยินข่าวลือว่ามีคนฆ่ามือสังหารไม่กี่คน ที่อยู่เหนือกว่าเจ้า เจ้ากลับรีบไปหาคนคนนั้นเพื่อทำให้เขาลำบากใช่หรือไม่?"

ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนถามคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก

"ศิษย์...ศิษย์..."

ฮันเจียนเต๋อไม่ทราบว่าควรจะพูดอะไรออกไปในเวลานั้น เขาทำได้แต่เพียงทำเสียงพึมพำออกมาได้เพียงไม่กี่คำ เขาไม่สามารถพูดคำอื่นๆออกมาได้อีก

"ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกทำการท้าประลองผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง เจ้าได้พูดมันออกไป เจ้ายังกล้าที่จะท้าประลองเขาเพื่อที่จะเรียนรู้เปรียบเทียบการต่อสู้ แต่เจ้าก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาในการท้าทายความเป็นและความตาย เจ้าทำให้นิกายเทียนเชวียนขายหน้าจริงๆ!"

ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนไม่ทราบว่าจะพูดอะไรกับฮันเจียนเต๋อต่อไปอีก

"ชัยชนะของเจ้าจะเป็นเกียรติแก่เจ้า? การสูญเสียของเขาจะให้ผลประโยชน์อันใดแก่เจ้า? อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่เคยใช้มันสมองที่มีอยู่ในหัวของเจ้ามาก่อน?"

สีหน้าของฮันเจียนเต๋อกลายเป็นสีเทา เมื่อเขาเห็นว่าการกระทำในก่อนหน้านี้ของเขาไม่มีจุดหมาย มีแต่เพียงความโง่เขลา ถ้าหยางเฉินไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ข่าวลือที่ผิดพลาดของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อาจจะเปิดเผยได้ง่าย แต่เขาจะทำให้ตัวเองเป็นเป้าหมายของความเกลียดชังของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ในตอนนี้มีน้ำมันหมูหล่นลงมาบนศีรษะของเขา ในขณะที่เขาสร้างความยากลำบากให้กับหยางเฉินหรือไม่?

"เขาได้เชิญเจ้าให้ต่อสู้ในการท้าทายความเป็นและความตาย ถ้าเจ้าไม่กล้า ก็ยอมรับความพ่ายแพ้และเก็บตัวฝึกเป็นเวลา สิบปี!"

ผู้ดูแลหอภารกิจต่างแดนได้ออกคำสั่งให้เขาทำตามที่เขาต้องการ


"และถ้าเจ้ากล้า ในวันพรุ่งนี้เจ้าต้องทำการท้าทายเขาในทันทีและจะต้องไม่ทำให้นิกายเทียนเชวียนของข้าเสียหน้าเป็นอันขาด!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น