เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Dmw 016-021 พิธีกรรมสังหารมังกร

 Dmw 016 พิธีกรรมสังหารมังกร (1)



หากมีใครถามใครก็ตามจากหน่วยลาดตระเวนชายแดนตะวันตกของอาณาจักรรูแลงว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในป่าบาหลันคืออะไร พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะตอบ


มังกร


ทรราชเหล่านี้อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในป่าบาหลันอันกว้างขวาง และไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนเข้าใกล้พวกมันได้ พวกมันอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ความเสียหายจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นทุกครั้งที่เคลื่อนย้าย หน่วยลาดตระเวนชายแดนตะวันตกระมัดระวังที่จะไม่เข้าไปในดินแดนของพวกมัน


คู-รู-รู-รู-รู......


เป็นเรื่องยากที่มังกรจะออกมาจากดินแดนของพวกมัน พวกมันอิ่มท้องด้วยการจับเหยื่อภายในเขตแดนของพวกมัน เหมือนสัตว์ปีศาจที่อิ่มท้อง


อย่างไรก็ตาม พวกมันมักจะรู้สึกกระหายอยู่เสมอ สัตว์ธรรมดาไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดนี้ได้


พวกมันรู้ว่าพวกมันไม่ได้ฉลาด ดังนั้นพวกมันจึงกระหายความรู้


“นี่คือการแลกเปลี่ยน”


รูปร่างเล็กๆของเรจิน่าขณะที่ยืนอยู่หน้ามังกร เธอกำลังเหงื่อออกภายใต้ชุดคลุมของเธอ


ดวงตาขนาดใหญ่สองดวงจับจ้องเธออยู่ท่ามกางความมืดคลึ้มของป่า และมันได้เปล่งเสียงข่มขู่ออกมาอย่างมากมาย แม้ว่าเธอจะเป็นมังกรปีศาจ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเมื่ออยู่ใกล้มังกร


ผิวของมันดูเหมือนสัตว์ดุร้ายขนาดใหญ่ มันจะสามารถเข้าใจเธอได้หรือไม่?


ในหัวของเธอ เธอรู้ว่ามันสามารถเข้าใจภาษาของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจ้องมองไปที่มัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันไม่เข้าใจคำพูดของเธอและถือว่าเธอเป็นเหยื่อที่บุกรุกอาณาเขตของมัน?


เรจิน่าพยายามระงับความกังวลและความกลัวอย่างสิ้นหวัง


“หากเจ้าทำตามคำขอของเรา เจ้าจะได้รับ 'ช่วงเวลาแห่งปัญญา'”


คู-รู-รู-รู-รู..... (TLN: มังกรคำราม)


“จะยอมรับไหม”


คุง! คุง! (TLN: เสียงมังกรเคลื่อนไหว)


มังกรเดินออกมาจากความมืดของป่า เมื่อถูกถามคำถามนี้ เรจิน่า หยุดหายใจเมื่อร่างมหึมาปรากฏขึ้นระหว่างต้นไม้


มังกรปฐพี


นี่คือมังกรที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้ภิภพ เหมือนปลาที่ว่ายในน้ำ ร่างเงาของมันดูราวกับกิ้งก่าตัวยาว และมีเกล็ดสีน้ำตาลเข้มที่มีพื้นผิวคล้ายหิน มันมีเขาโค้ง ดวงตาสีแดงของมันกรีดเป็นแนวตั้ง ตั้งแต่หัวจรดท้าย วัดความสูงได้มากกว่า 30 เมตร มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่โตราวกับปราสาท


มังกรผงกศีรษะในขณะที่มองไปที่เรจิน่า


'มัน... มันเข้าใจคำพูดของมนุษย์จริงๆ'


มันไม่สามารถเอ่ยคำพูดได้ด้วยตัวของมันเอง แต่มันสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ แม้ว่ามันจะเป็นภาษาอื่นในโลกนี้ มันก็จะเข้าใจสิ่งที่พูดได้ เรจิน่า ไม่รู้ว่าเป็นไปได้อย่างไร ถึงกระนั้น มังกรปฐพีก็สามารถเข้าใจคำพูดของเรจิน่าได้ และมันก็ตอบรับคำขอของเธอ นี่คือทั้งหมดที่สำคัญ


เรจิน่า พูดอย่างเป็นธรรมชาติในขณะที่เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก


“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอธิบาย เป้าหมายที่เจ้าต้องจัดการ”


...


ในเวลากลางคืน ป่าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แหล่งกำเนิดแสงที่พึ่งพาได้มีเพียงแสงจันทร์และแสงดาว


อย่างไรก็ตาม ปรากฏร่างของคน 4 คนกำลังผ่านความมืดนี้


นั่นคือ อาเซลล์ ริค อาเรียต้า และ อีนอร่า


“อีนอร่า”


ทันใดนั้น อาเรียต้า ก็เอ่ยขึ้นมา เธอกำลังมองไปที่ อีนอร่า ซึ่งกำลังเดินสะดุดเนื่องจากความเหนื่อยล้า


"ใช่?"


“ข้าจะพาเจ้าไป”


“...ข้า ข้าไม่สามารถกระทำการดูหมิ่นเช่นนั้นได้”


อีนอร่า ตกใจราวกับว่าเธอถูกไฟไหม้


บุคลิกภายนอกของอาเรียต้าดูเรียบง่ายสบายๆ จนยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วฐานะสูงจนเสียดฟ้า แล้วอีนอร่าจะยอมให้คนที่มีค่าคนนี้มาอุ้มเธอได้อย่างไร?


“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังมีปัญหาในการเดิน นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ข้าควรช่วยเหลือเจ้า”


"แต่..."


“มันเป็นคำสั่ง ขึ้นมา"


หลังจากอาเรียต้าหันแผ่นหลังให้อีกฝ่าย อีนอร่าก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่ขี่แผ่นหลัง


อาเซลล์รู้สึกประทับใจเมื่อเห็นสิ่งนี้


บุคลิกของ ‘เจ้าหญิงองค์นี้’ นั้นยอดเยี่ยมทีเดียว’


ในตอนแรกเขารู้สึกรำคาญที่เธอเดินตามเขา แต่เมื่อเขาสังเกตการกระทำของเธอ เขาก็อดที่จะชื่นชอบเธอไม่ได้ มันไม่ง่ายเลยที่สมาชิกในราชวงศ์จะทำตัวแบบนี้ เป็นเพราะเธอเกิดมาพร้อมกับเอกลักษณ์พิเศษที่เรียกว่า เจ้าหญิงมังกรปีศาจ?


อาเซลล์ หันกลับมาและมองไปที่ ริค


“ริค เจ้าอยากให้ข้าช่วยไหม”


“...ข้าขอปฏิเสธ”


ริคก็เหนื่อยเช่นกันแต่เขาก็ขอปฏิเสธ


หลังจากที่ แจ็ค มังกรปีศาจเริ่มจุดไฟป่า พวกเขาก็ถูกสัตว์ประหลาดและสัตว์อสูรซุ่มโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งวัน ไฟกำลังลุกลามอย่างรุนแรงและพวกเขาวิ่งหนีอย่างสิ้นหวังเพื่อหลีกเลี่ยงไฟ พวกเขาแทบจะไม่สามารถหลบหนีจากทิศทางที่ไฟลุกลามได้เมื่อพวกเขาถูกสัตว์ประหลาดและสัตว์ร้ายโจมตีอีกครั้ง


อาเรียต้า ยังเหนื่อยจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ อีนอร่า และ ริค ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างทั้งหมดนี้


'อาการของข้าก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน'


ขณะที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ เขาได้สลับหมุนเวียนกับอาเรียต้า เพื่อเติมพลังเวทด้วยการทำสมาธิ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรได้กับความเหนื่อยล้าที่สะสมมา


อาเซลล์พูดขึ้น


“ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกว่ามีใครเห็นเรา นี่ต้องเป็นผลจากไฟที่ข้าจุดไว้เมื่อครู่นี้แน่ๆ”


“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำรุนแรงแบบนี้”


“อีกฝ่ายเริ่มก่อไฟก่อน ถ้าเราต้องการหนี เราต้องเสี่ยง”


อาเซลล์ ใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อหลบหนีจากการไล่ตามของศัตรู เขายังจุดไฟเผาป่า แน่นอนว่าไม่เหมือนกับแจ็คตรงที่เขาได้คิดค้นวิธีที่จะทำในลักษณะที่ควบคุมได้


ขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนไหว เขาได้พูดคุยกับอาเรียต้า เพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเขาได้จุดไฟในบางพื้นที่ อีกทั้งเพิ่มอาคมที่จะดับไฟโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นป่าไม่ใช่ที่ราบ ไม่มีการรับประกันใด ๆ ว่ามันจะออกมาอย่างที่พวกเขาต้องการ เช่นเดียวกับไฟที่ยังคงไหม้อยู่อีกด้านหนึ่งของป่า มีความเสี่ยงสูงที่ไฟจะลุกลามต่อไป


“โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะจบลงโดยไม่ลุกลามออกไป...”


อาเรียต้าแสดงอาการไม่พอใจ การกระทำของเขามีความเสี่ยงมากเกินไป เธอทำตามคำพูดของ อาเซลล์ เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่น


‘อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ทำเช่นนั้น เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสอดแนมของศัตรูได้’


สมาชิกของเงามังกร ดำเนินการหลังจากใช้เวทอาคมที่มองเห็นได้จากระยะไกลเพื่อค้นหากลุ่มของพวกเขา หากพวกเขาไม่สามารถหลบสายตาได้ มันก็คงทำให้พวกเขาไม่สบายใจ


อาเซลล์พูดขึ้น


“ตอนนี้เราควรพักผ่อนได้แล้ว เจ้าสามารถแผ่รัศมีความร้อนโดยไม่ต้องจุดไฟได้ไหม เจ้าหญิง”


"ข้าสามารถ อย่างไรก็ตาม ทำไมเจ้าไม่ทำมันเองบ้างละ”


“น่าเสียดาย แต่ข้ามีพลังเวทน้อยมาก”


“เจ้ามีเคล็ดวิชามากมาย แต่พลังเวทยของเจ้ายังอ่อนแอ เจ้าเป็นผู้ชายที่แปลกจริงๆ”


“ข้าไม่อยากเป็นคนแบบนี้เลยจริงๆ”


หลังจากที่ อาเซลล์ ตอบโต้กลับอย่างหน้าด้าน อาเรียต้า ก็ร่ายเวทอาคมลงบนพื้นพลันปรากฏรัศมีความร้อนเริ่มแผ่ออกมาจากตำแหน่งที่ร่ายเวทอาคม มันสามารถขับไล่อากาศเย็นออกไป


อาเซลล์พูดขึ้น


“ให้เราพักผ่อนเป็นกะ ข้าไม่คิดว่าเราจะพักได้นาน”


“เราไม่สามารถคาดหวังว่าศัตรูจะไม่เคลื่อนไหวในตอนกลางคืน”


"ใช่ แม้ว่าเราจะแยกไอ้สารเลวออกจากเงาของมังกร แต่ก็ยังมีสัตว์ประหลาดและอสูรปีศาจที่พวกเขาสามารถใช้เป็นกองกำลังในการโจมตี”


มีสัตว์ประหลาดและอสูรปีศาจที่ออกหากินเวลากลางคืนจำนวนมาก


อาเซลล์พูดขึ้น


“องค์หญิงและข้าจะผลัดเปลี่ยนเวรยามกัน”


"ฮะ? ทำไม ทุกคนไม่ควรผลัดเปลี่ยนกัน? อา แม้ว่าเราจะไม่รวม อีนอร่าก็ตาม...”


ริคตั้งคำถาม แม้ว่าพวกเขาจะไม่รวมเด็กสาว อีนอร่า แต่ผู้ชายที่แข็งแรงดีอย่างเขาก็ไม่ควรที่จะทำหน้าที่เวรยาม?


อาเซลล์ อธิบายเหตุผลของเขา


“น่าเสียดาย เจ้าไม่ได้ช่วยอะไรมากในฐานะทหารยาม เมื่อเจ้าสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ มันจะสายเกินไป”


“หึ ใช่ มันเป็นอย่างนั้น”


“ดังนั้นพักผ่อนให้ดี เจ้าจะต้องฟื้นความแข็งแกร่งอย่างน้อยสักนิดเพื่อที่จะสามารถติดตามเราได้”


พวกเขาไม่มีอะไรกินในขณะที่พวกเขามาที่นี่ พวกเขาสามารถดื่มน้ำที่พวกเขาพบได้ในบางครั้ง นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาต่ำมาก


ริคกัดริมฝีปาก


"ข้าเสียใจ"


“ก่อนที่เจ้าจะพักผ่อน ทำไมเจ้าไม่ไปดูแลอีนอร่า ข้าเชื่อว่าเธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”


"ตกลง"


ริคทำตามคำพูดของเขา 


เสื้อผ้าของอีนอร่าฉีกขาดเป็นบางส่วนจากการที่พยายามเดินทางในป่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเธอก็ได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง ริค ใช้ทักษะการรักษาของเขาและบาดแผลก็หายเป็นปกติ


อาเซลล์ พูดกับ อาเรียต้า


“เรามาจัดเวรยามกลางคืนกัน เจ้าต้องการเป็นเวรยามแรกไหม เจ้าหญิง”


โดยปกติกะยามแรกจะง่ายกว่า เขาให้คำแนะนำนี้ด้วยท่าทางที่ใจดี แต่เธอส่ายหัว


"ไม่ ข้าขอนอนก่อนแม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม เจ้าไปก่อนเถอะ”


“เข้าใจแล้ว”


ทันใดนั้น ใบหน้าของ อาเรียต้า ก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล


“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆ”


“พวกเขาจะปลอดภัย”


อาเซลล์ต้องการทำให้เธอมั่นใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยก็ตาม อาเรียตต้าถอนหายใจ


“หลังจากช่วยเหลือ อีนอร่า ข้าตัดสินใจว่ามันจะปลอดภัยกว่าสำหรับพวกเขา หากข้าแยกตัวออกมา ข้าก็เลยตามเธอไป….ข้าไม่รู้ว่าข้าตัดสินใจถูกหรือเปล่า...”


'นั่นคือเหตุผลที่เธอตามข้ามาเหรอ' (TLN: เธอรู้ว่าคนเลวจะฆ่าคนของเธอ หากเธออยู่กับพวกเขา)


อาเซลล์ สงสัยว่าทำไมเธอถึงติดตามเขาแทนที่จะไปกับกลุ่มคนที่ติดตามเธอมา อย่างไรก็ตาม เธอก็มีเหตุผล


มันทั้งตลกและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน


“เธอคิดว่าไม่เป็นไร หากข้าตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?”


“นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ข้าตามเจ้ามา”


“แล้วทำไม”


“ข้าสงสัย ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าอาจจะเป็นตัวแทนขององค์กรที่ชื่อว่า เงามังกร”


“แม้หลังจากที่ข้าช่วยเจ้า งั้นหรือเจ้าหญิง?”


“เจ้าต่อสู้กับพวกเขาและทำให้พวกเขาบาดเจ็บ แต่เจ้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะเป็นการกระทำเพื่อหลอกข้า”


แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะทำให้เขาสงสัย แต่ อาเซลล์ก็ประทับใจเล็กน้อย


‘โฮ-โอ้ เธอช่างสังเกตดีจริงนะ?'


มันเป็นการสังเกตที่เฉียบคม สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ พวกเขามักจะทำสิ่งที่เหนือจินตนาการเพื่อปลอมตัว มันเกินจินตนาการของมนุษย์ทั่วไป


อาร์เรียต้าพูดขึ้น


“อย่างไรก็ตาม ข้ามั่นใจได้อย่างหนึ่ง ในขณะที่เรากำลังร่วมมือกัน อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ใช่ศัตรู”


“ข้าอยากจะขอบคุณที่เชื่อในตัวข้า”


“ยังมีสิ่งที่น่าสงสัยอีกเป็นภูเขา….อย่างน้อยที่สุดข้าก็เต็มใจเชื่อว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อข้า ตอนนี้ข้าจะนอนสักหน่อย”


หลังจากพูดแบบนี้ อาเรียต้า ก็พิงต้นไม้และหลับตา ก่อนเวลาผ่านไป 3 วินาที เธอเริ่มหายใจสม่ำเสมอ


อาเซลล์ เริ่มพึมพำเพราะเขาประหลาดใจ


“เธอมานอนในสภาพแบบนี้ได้ยังไง...”


อาเซลล์ เป็นผู้ชายที่มีมุมมองเกี่ยวกับการนอนหลับ มุมมองของเขาเกี่ยวกับการนอนหลับอาจฟังดูแปลก แต่เขาถือว่าความสามารถในการนอนหลับเป็นความสามารถที่สำคัญที่สุดในสนามรบ การนอนหลับเมื่อมีโอกาสเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเอาชีวิตรอด และใช้มันเพื่อฟื้นความแข็งแกร่ง


ในบรรดาเคล็ดวิชาของ ควบคุมจิตวิญญญาณ มีเคล็ดวิชาที่ใช้ในการกระตุ้นให้หลับ อาเซลล์ สนุกกับการใช้เคล็ดวิชาดังกล่าว


อย่างไรก็ตาม อาเรียต้า ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาดังกล่าว เธอเพิ่งตัดสินใจว่าเธอต้องการนอน แล้วเธอก็นอน


“จิ๊”


อาเซลล์ หัวเราะออกมา


ซึ่งแตกต่างจากร่างก่อนหน้านี้ของเธอที่มากล้นด้วยศักดิ์ศรี รูปร่างหน้าตาของเธอในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก ใบหน้าของเธอเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา มันเปื้อนไปด้วยฝุ่น แต่เธอกลับนอนหลับสนิทราวกับว่าเธอนอนบนเตียงของเธอเอง 





DWM 017 พิธีกรรมสังหารมังกร (2)



“เจ้าหญิงสามารถหลับสบายในทุกที่เสมอ”


อีนอร่า พูดอย่างประหม่า


อีนอร่า เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดา ดังนั้นเหตุการณ์ในวันนี้จึงทำให้เธอต้องเสียกำลังทั้งร่างกายและจิตใจ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอสามารถล้มลงได้ทุกวินาทีจากความเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตาม เธอกลับนอนไม่หลับเพราะกลัวและกังวลใจ


อาเซลล์ หัวเราะอย่างขมขื่นขณะมองไปที่อีนอร่า


“การที่สามารถนอนได้ทุกที่ นี่ถือว่าโชคดี โดยเฉพาะในสนามรบ...”


“......”


“สาวน้อย เจ้าเองก็ควรนอนพักสักหน่อย”


ขณะที่พูดอย่างใจดี อาเซลล์ แตะหน้าผากของ อีนอร่า ด้วยนิ้วของเขา สิ่งนี้ทำให้ อีนอร่า รู้สึกง่วงนอนในทันใด


'อ๊ะ ทำไม....?'


คำถามดังกล่าวเกิดขึ้นกับเธอ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เธอก็หลับไปอย่างนั้น


ริคถาม


"เจ้าทำอะไรลงไป?


“ข้าทำให้เธอหลับ”


“เจ้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร”


"มันเป็นเรื่องง่าย เจ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่”


“มีผลข้างเคียงไหม”


"ไม่มี"


"ลงมือเลย ข้าไม่คิดว่าข้าจะหลับได้.......”


หลังจากพูดคำนั้น ริค ก็หลับไปเมื่อมือของอาเซลล์สัมผัสเขา


อาเซลล์มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านต้นไม้ขณะที่เขารำพึง


'ดวงดาวยังคงเหมือนเดิม'


นี่เป็นสิ่งเดียวที่ไม่บุบสลายจากความทรงจำของเขา


น่าแปลกที่ อาเซลล์ ไม่เคยฝันเลยตั้งแต่เขาตื่นขึ้น ราวกับว่าเขาได้ฝันถึงช่วงเวลาแห่งชีวิตที่คุ้มค่าระหว่างการหลับใหลอันยาวนานของเขามามากพอแล้ว....


แน่นอน เขาไม่สามารถมีได้ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อ อาเซลล์ นอนหลับหลังจากที่เขาผลัดเปลี่ยนเวรยามกับ อาเรียต้า


‘อาเซลล์’


อาเซลล์ ได้ยินใครบางคนเรียกชื่อเขาในความฝัน


‘อาเซลล์’


มันเป็นเสียงของชายที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม มีเสียงแห่งความคิดถึงปะปนอยู่ในนั้น


'เจ้าคือใคร?'


ขณะที่กำลังคิดอยู่ อาเซลล์ก็มองไปที่เจ้าของเสียง


เพราะมันคือความฝัน? กระบวนการค้นหาเขาไม่จำเป็น ในช่วงเวลาที่ อาเซลล์ คิดว่าเขาต้องการเห็นคนๆ นั้น คนๆ นั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา


‘นี่คือความฝันเหรอ?’


'ใช่ มันคือความฝันของเจ้า’


'เจ้าคือใคร?'


'เป็นคำพูดที่น่าผิดหวังที่สุดในโลก'


อีกฝ่ายยิ้มอย่างมีเลศนัย



อย่างไรก็ตาม เขามองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ราวกับว่าเขาจ้องมองไปไม่ถึงปากของอีกฝ่าย....


'เจ้าจำเป็นต้องเห็นข้า ถึงจะรู้ว่าข้าเป็นใคร?’


อาเซลล์จมอยู่ในห้วงความคิดชั่วขณะ เมื่อเขาได้รับข้อกำหนดที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคนผู้นี้และเขาก็ตกใจ


‘...คาร์ลอส?’


เขาได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ในฐานะจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอาเซลล์


จากนั้นใบหน้าของเขาก็ถูกเปิดเผย ต่อหน้าต่อตาของเขา ปรากฏชายชราที่มีลักษณะที่ต่างไปจากที่คาดไว้


'เจ้า....'


ครู่หนึ่ง อาเซลล์ มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ คาร์ลอสหัวเราะอย่างสนุกสนาน อาเซลล์ พูดในขณะที่มองไปที่อีกฝ่าย


'...ผมของเจ้าร่วงหมดแล้วเหรอ'


'นั่นคือสิ่งเดียวที่เจ้าสามารถแสดงความคิดเห็นได้!'


คาร์ลอสพูดออกมาด้วยความโกรธ


ใช่แล้ว ชายผู้ถูกเรียกว่าจอมเวท คาร์ลอส หัวโล้น ผมบนศีรษะของเขาหายไปหมด แต่เขามีเคราที่แข็งแรง อาเซลล์ ยิ้มในขณะที่เฝ้าดูอาการโกรธเคืองของอีกฝ่าย


'ข้าจะทำอย่างไรเมื่อนั่นเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด ยังไงก็ตาม เจ้าแก่แล้ว'


'ข้าแตกต่างจากเจ้า ข้าเดาว่าเจ้ายังไม่แก่เลยใช่ไหม’


'ต้องขอบคุณเจ้า เจ้าไม่สามารถบอกได้โดยการมองที่ข้า?'


'ข้ามองไม่เห็นเจ้า'


'อะไรนะ?'


'เจ้ากำลังเห็นข้าจากเศษเสี้ยวที่ข้าทิ้งไว้ในตันเถียน ข้าแค่พูดและเคลื่อนไหวเหมือนคาร์ลอสที่เจ้ารู้จัก อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ใช่เขา นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้า ข้าสามารถพูดคุยกับเจ้าได้เท่านั้น'


'คาร์ลอสที่ข้ารู้จักไม่ใช่คนแก่หัวโล้น...'


'นั่นคือสิ่งเดียวที่เจ้าจำเป็นที่จะต้องพูดหรือไง!'


อารมณ์ของคาร์ลอสเข้าสู่ความโกรธอีกครั้ง อาเซลล์ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


‘อุ๊ป... เจ้าต้องกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์มากเมื่อเจ้าอายุมากขึ้น? คาร์ลอสมีสติปัญญาที่เยือกเย็น เขามีชื่อเสียงจากการเป็นจอมเวทที่เย็นชาและสุขุม ผู้ซึ่งตัดสินได้ถูกต้องเสมอ ข้าไม่รู้ว่าเขากลายเป็นชายชราหัวล้านอารมณ์ร้ายได้อย่างไร.... จุ๊ จุ๊ เขาต้องแลกสิ่งล้ำค่าของเขาเพื่อชื่อเสียงของจอมเวท‘


'เมื่อเจ้าพูด เจ้าพยายามพูดอะไรที่มีประโยชน์กับข้าได้บ้างไหม? ฮะ? แน่นอน เจ้าไม่ได้พูดถึงผมของข้าเหรอ?'


'เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม'


อาเซลล์ สนุกสนานกับการแกล้งเขา


คาร์ลอสต่อหน้าต่อตาเขาไม่ใช่ตัวจริง เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความคิดที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาต้องทำเพื่อส่งข้อความถึงเพื่อนของเขาที่จะตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่ไม่รู้จักในอนาคตอันไกลโพ้น....


ถึงกระนั้น มันก็ค่อนข้างสนุกที่ได้คุยกับเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเวลาที่เขาใช้กับคาร์ลอสก็ฟื้นขึ้นมา


อาเซลล์พูดขึ้น


'เมื่อมองดูรูปร่างหน้าตาของเจ้าแล้ว เจ้าต้องทำเศษเสี้ยวความทรงจำนี้หลังจากที่ข้าหลับไปนานมากแล้วแน่ๆ'


'ใช่ ข้าในตอนนั้นอายุ 78 ปี'


เสียงนั้นแตกต่างจากความทรงจำของ อาเซลล์ เพราะเขาแก่แล้ว อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีโทนเสียงคล้ายกับเสียงที่ อาเซลล์ จำได้


แม้แต่รูปลักษณ์ของเขาก็เป็นอย่างนั้น ผมของเขาร่วง หนวดเคราหนาขึ้น และรอยเหี่ยวย่นมีอยู่ทุกที่....แต่ดวงตาของเขาก็ยังคล้ายกับคาร์ลอสที่เขารู้จักมาก


อาเซลล์ถาม


'เจ้าเริ่มผมร่วงตั้งแต่เมื่อไหร่'


'หยุดพูดเรื่องนั้นซะที'


'จิ๊... เพียงแค่บอกข้า หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าจะค้นหาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยดูจากหนังสือประวัติศาสตร์'


'เอาเถอะ ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะใช้สิทธิ์ของข้าที่จะนิ่งเฉยในเรื่องนี้ เด็กน้อยไร้มารยาท'


'จิ๊... ข้าอาจจะดูเด็ก แต่ข้าแก่กว่าเจ้ามาก ข้าตื่นขึ้นหลังจากหลับใหลมา 220 ปี'


'อายุของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหน มันเกี่ยวกับว่าเจ้ามีอายุยืนยาวแค่ไหน'


'อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรรวมช่วงเวลาที่นอนเป็นอายุด้วยว่าไหม'


'ข้าเดาว่าอย่างนั้น'


'ถ้าอย่างนั้นยอมรับอายุของข้า'


'หากบุคคลเลียนแบบการจำศีลของสัตว์และนอนหลับ ก็จะไม่นับรวม'


'เจ้ากำลังบังคับมัน'


อาเซลล์หัวเราะ จากนั้นเขาก็พูด


'บางทีเจ้าอาจไม่สามารถตอบสนองต่อข้อเท็จจริงที่เจ้าไม่รู้หรือไม่สามารถคาดเดาได้อย่างถูกต้อง'


'ใช่'


ตัวอย่างเช่น อาเซลล์ บอกกับเศษซากของ คาร์ลอส ว่า 220 ปีผ่านไป แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆ บางทีมันอาจจะเป็นข้อมูลที่เศษเสี้ยวความทรงจำไม่สามารถประมวลผลได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบสนองได้


อาเซลล์ถาม


'เจ้ามีเวลานานแค่ไหน'


'ไม่นาน...เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการสนทนากับเจ้า’


'เราคุยกันนานไม่ได้'


'บางทีถ้าข้าเป็นผี แต่ข้าเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่เหลืออยู่ในตันเถียนของคนอื่น'


นี่หมายความว่าเมื่อ อาเซลล์ เริ่มหมุนเวียนพลังเวท ความรู้สึกของตัวเองก็จะแข็งแกร่งขึ้น และส่วนที่เหลือก็จะจางหายไป


มันอาจจะเริ่มหายไปแม้แต่ในขณะนี้


อาเซลล์ถาม


‘ถ้าอย่างนั้นข้าจะถามสิ่งที่สำคัญกับเจ้า เจ้าอยู่เพื่อส่งข้อความอะไรมาให้ข้า’


คาร์ลอสคงไม่ทำให้จิตวิญญาณของเขาหลงเหลืออยู่เพียงเพื่อสัมผัสความทรงจำของเขา ต้องมีบางอย่างที่เขาอยากจะส่งต่อให้ อาเซลล์


คาร์ลอสพูดขึ้น


'ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะตื่นเมื่อไหร่ นอกจากนี้ ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นจะเป็นอย่างไร'


เขาแค่รู้สึกโล่งใจที่มันไม่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเขา วิญญาณที่เหลืออยู่ของคาร์ลอสกล่าวเช่นนั้น


'ข้าสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้เท่านั้น อาเซลล์ เอเธนยังมีชีวิตอยู่'


'อะไรนะ?'


อาเซลล์ ตกตะลึง


ราชามังกรปีศาจเอเธน ยังมีชีวิตอยู่? มันไม่สามารถเป็นได้ อาเซลล์ได้ฆ่าเขาโดยตรง อาเซลล์ฆ่าเขาหลังจากสร้างสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้!


คาร์ลอสพูดขึ้น


'บอกตามตรง เขายังไม่ตาย ก่อนที่เจ้าจะฆ่าเขา เขาได้เตรียมวิธีการที่จะทำให้เขาฟื้นคืนชีพได้ ยิ่งกว่านั้น วิธีนี้ยังแอบดำเนินการโดยผู้ติดตามของเขาซึ่งทำตามความต้องการของเขา สิ่งนี้เกิดขึ้นมาสองสามทศวรรษแล้ว'


'ถ้าคนตายฟื้นคืนชีพ มันฟังดูแตกต่างจากร่างอันเดดหรือไม่'


ร่างอันเดดใช้มนต์ดำเพื่อเรียกยมฑูตขึ้นมาเหนือพื้นดิน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง เป็นเพียงแค่ซากศพที่เคลื่อนไหวได้ด้วยพลังเวท


คาร์ลอสตอบ


'ใช่ มันไม่ใช่แบบอันเดด นี่คือการเกิดใหม่ที่แท้จริง'


'เป็นไปได้ไหม? ถึงจะเป็นเอเธน....’


'ข้าได้ข้อสรุปแล้วว่ามันเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถอธิบายได้'


‘อืมมม... ถ้าเจ้าคิดว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ ข้าก็เดาว่ามันก็คงจะเป็นไปได้'


อาเซลล์ เชื่อมั่นในการตัดสินใจของคาร์ลอส อย่างน้อยที่สุด คำทำนายของเขาก็ไม่เคยพลาดเมื่อเกี่ยวข้องกับเวทอาคม


อาเซลล์ถาม


'ถ้าอย่างนั้นเขาก็อาจจะคืนชีพตอนที่ข้าตื่น?'


'ข้าไม่รู้...เขาอาจจะฟื้นขึ้นมาหรือล้มเหลวในการฟื้นก็ได้'


‘คำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นคืออะไร’


'สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่ข้าตาย แล้วทำไมข้าถึงต้องสนใจด้วย? เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ในอนาคต ดังนั้นข้าต้องเอาชนะความรำคาญของข้าเพื่อเตือนเจ้า จงขอบคุณข้าซะ'


'นั่นเหมือนเจ้าจริงๆ'


อาเซลล์หัวเราะอย่างขมขื่น


คาร์ลอสพูดขึ้น


'เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา ข้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ข้าเตรียมการไว้จะยังเหลือรอดมาไหม ข้าหวังว่าส่วนใหญ่จะรอด และมันจะช่วยเจ้าได้'


'ดังนั้นจึงไม่มีการรับประกันว่าจะมีสิ่งใดรอดเช่นกัน'


'ลองคิดถึงสิ่งที่เจ้าทำในขณะที่เจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าปล้นซากปรักหักพังโบราณและเขาวงกตมากมาย หลังจากที่ข้าตาย ข้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าข้อตกลงที่ข้าทำไว้จะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกัน? ถ้ามีใครฝังสมบัติไว้ ก็จะมีคนขุดมันขึ้นมาเสมอ'


‘อืม... ถูกแล้ว....'


ซากปรักหักพังที่อาเซลล์นอนหลับใหลถูกวางไว้ในที่ที่มนุษย์ไม่มากนักที่จะเดินทางผ่าน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดซากปรักหักพังก็ถูกค้นพบและงานขุดขนาดใหญ่ก็เริ่มขึ้น อาเซลล์จะไม่ตื่นเพราะมันได้อยู่อีกเหรอ?


ทันใดนั้น อาเซลล์ ก็ถามคำถาม


'ทำไมเจ้าถึงปรากฏตัวตอนนี้? ทำไมเจ้าไม่ปรากฏตัวเมื่อข้าตื่นนอนครั้งแรก'


'ข้าเดาว่าเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ออกมาจากซากปรักหักพังด้วยวิธีปกติ'


'ฮะ?'


'เจ้าไม่ได้รับของที่ข้าเตรียมไว้ให้ก่อนออกมาเลยเหรอ'


'...ถูกต้อง'


'ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้า ข้าจึงคิดว่าเป็นไปได้สูง หากปราศจากพลังแห่งซากปรักหักพัง เศษเสี้ยวนี้คงไม่ปรากฏต่อหน้าเจ้า’


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาสิ่งที่เหลืออยู่ในตันเถียนของคนอื่นเป็นเวลาประมาณ 200 ปี เป็นไปได้เฉพาะคาร์ลอสที่เป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น


'ภายในซากปรักหักพัง ข้าทิ้งแผนที่ไว้ซึ่งระบุถึงสิ่งของทั้งหมดที่เจ้าต้องได้รับนั้นอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม...'


'อย่างไรก็ตาม?'


'ความจริงที่ว่าเศษเสี้ยวความคิดของข้าปรากฏขึ้น หมายความว่าซากปรักหักพังกำลังสูญเสียพลังป้องกันอย่างช้าๆ และกำลังเข้าสู่สภาวะฉุกเฉิน'


'อะไร?'


'มีคนทะลวงระบบป้องกันจากภายนอก ดังนั้นข้าจึงปรากฏตัวที่นี่เพื่อบอกข้อมูลสำคัญแก่เจ้า นอกจากนี้... เมื่อเจ้ามีปัญหาจริงๆ บางสิ่งที่เจ้าต้องการจะปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวและให้ความช่วยเหลือ...’ (TLN: อาจเป็นบางสิ่งที่เขาต้องการหรือบางอย่างที่จำเป็น –ข้อความที่คลุมเครือ)


'สิ่งที่ข้าต้องการหมายความว่ายังไง'


'เจ้าจะพบในไม่ช้า ดังนั้น...จงใช้ชีวิตให้ดี'


ขณะที่หัวเราะอย่างขมขื่น คาร์ลอส ก็หายตัวไปจากความฝันของอาเซลล์



“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะหัวโล้น......”


ดวงตาของ อาเซลล์ เปิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และเขาพึมพำ


คำพูดที่เขาพึมพำนั้นดังออกมาจน อาเรียต้าเอ่ยถาม


“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร”


"ช่างเถอะ ข้ากำลังพูดถึงความฝันของข้า”


การปรากฏตัวของคาร์ลอสในความฝันนั้นช่างน่าตกตะลึง เขาเคยเป็นหนุ่มหล่อเย็นชาที่ขโมยหัวใจสาวๆไปหลายคน อย่างไรก็ตาม เขาสูญเสียเส้นผมทั้งหมดเมื่อเขาอายุมากขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้น ความจริงที่ว่าเขาแก่ขึ้นก็น่าตกใจในตัวเอง เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่และเห็นเพื่อนแก่ชราได้ อาเซลล์ไม่เคยคิดมาก่อน


ทันใดนั้น สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักอีกครั้งว่าคาร์ลอสได้เสียชีวิตในขณะที่เขาหลับใหล


อาเซลล์คิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาถูกพาตัวเองไปสู่อนาคตอันไกลโพ้น และมันทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว






DWM 018 พิธีกรรมสังหารมังกร (3)



'เอเธนกำลังจะฟื้น....'


อาเซลล์เสี่ยงชีวิตเพื่อโค่นศัตรูตัวฉกาจของเขา


ความจริงที่ว่าเขาสามารถฟื้นขึ้นมาได้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ความจริงที่ว่าไอ้สารเลวที่ตายแล้วสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ดูจะเป็นเรื่องแปลกที่จะพูด แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่เห็นคนที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมา


'มันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นได้จากพวก อันเดต'


เหตุการณ์ปลุกคนตายด้วยมนต์ดำเป็นเรื่องปกติมาก อย่างน้อยที่สุด มันก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดในสงครามมังกรปีศาจ หลังจากการต่อสู้ที่ยากลำบาก พวกเขาสามารถฆ่าเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจได้ แต่ไอ้สารเลวที่ตายแล้วจะกลับมาในไม่ช้าหลังจากที่เป็นซากศพที่เน่าเฟะ


อยากจะร้องตะโกนสาปแช่ง......


'ข้าไม่สามารถคลานกลับเข้าไปในหลุมฝังศพของข้าได้จนกว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด'


ศัตรูเต็มไปด้วยเพลิงความแค้นต้องการที่จะพ่ายแพ้อีกครั้ง เป็นเช่นนี้ประมาณ 10 ครั้ง ไอ้สารเลวที่อาเซลล์ฆ่าตาย สามารถกลับมาได้อีกแบบอันเดต ดังนั้นเขาสามารถยักไหล่ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะ 'มันอาจเกิดขึ้นได้' ถึงกระนั้นสิ่งนี้ก็แตกต่างกันเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตที่ตายสนิทกำลังพยายามฟื้นคืนชีพในช่วงเวลาที่ยาวนานมาก....


'อาจมีความเชื่อมโยงว่าทำไมข้าถึงตื่นขึ้นในช่วงเวลานี้'


ความคิดนี้ไม่มีมูลเลย เศษเสี้ยวของคาร์ลอสไม่ได้บอกว่าเขาไม่รู้ว่าการฟื้นฟูเป็นไปได้หรือไม่?


อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น บางทีมันอาจจะถูกกำหนดให้ อาเซลล์ และ เอเธน ต่อสู้กันอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ถ้าอย่างนั้นนี่จะไม่เป็นจุดประสงค์ของอาเซลล์ ผู้ซึ่งถูกแยกออกจากผู้คนที่เขารู้จักและเข้าสู่ช่วงเวลานี้ด้วยตัวเขาเองหรือ?


'อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับช่วงเวลานี้ก่อน'


อาเซลล์หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง และสลัดความคิดนั้นออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มมุ่งเน้นไปที่ความเป็นจริงในปัจจุบันของเขา


อาเรียต้า มองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนแปลกจริงๆ มันเป็นเรื่องตลกที่เห็นเด็กสาวจ้องเขาแบบนั้น อาเซลล์ จึงหัวเราะ


'เธอเป็นแบบที่ข้าไม่เคยเห็น แม้แต่ในสงครามมังกรปีศาจ'


เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นวัยรุ่นต่อสู้ในสงคราม ในเวลานั้นทุกคนที่มีกำลังเพียงเล็กน้อยก็ต้องต่อสู้


อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเหมือน อาเรียต้า เธอคือเจ้าหญิงมังกรปีศาจ เธอเป็นเครื่องพิสูจน์ที่มีชีวิตว่ามนุษย์และมังกรปีศาจสามารถอยู่ร่วมกันได้ เขาอยากรู้ว่าเธอมีชะตากรรมแบบไหน


'อย่างน้อยที่สุด มันก็ไม่สะดวกสบาย'


เมื่อสงครามมังกรปีศาจสิ้นสุดลง เขาคาดหวังว่าเวลาอันสงบสุขจะมาถึง ที่ทุกคนสามารถหัวเราะได้ อย่างไรก็ตาม คาร์ลอสเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าเชื่อถือ เขาทำนายว่าจะมีภัยอื่นมาอีก....อย่างน้อยที่สุด อาเซลล์ ก็คิดว่าจะสงบสุขจนกว่าโลกจะหายจากบาดแผลที่เกิดจากเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจ เขาเข้านอนด้วยความคาดหวังนี้


อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ อาเรียต้า เขาสามารถคาดเดาได้ว่าโลกไม่ได้ดีขึ้นมากนักในช่วงเวลา 220 ปีที่ผ่านมา เด็กสาวคนนี้ต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพราะฐานะที่เธอเกิดมา เธอสงสัยในมนุษย์อย่างลึกซึ้งราวกับว่ามันเท่าเทียมกัน.....


ทันใดนั้น อาเรียต้า ก็ถามคำถาม


“ทำไมเจ้าถึงจ้องมองข้าแบบนั้น”


“อืมมม เจ้าหมายถึงอะไร?"


“ราวกับว่าเจ้ากำลังดูสัตว์ในนวนิยาย (TLN:ผิดปกติ)”


“...สายตาข้าเป็นแบบนั้นเหรอ?”


อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถยอมรับได้ อย่างน้อยที่สุด เธอสามารถพูดได้ว่าเป็นการจ้องมองที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ


“ถึงกระนั้นก็เป็นการจ้องมองที่แปลก โชคดีที่มันไม่ได้ถูกบิดเบือน ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงตีเจ้าไปแล้ว”


“ข้าคิดว่าเจ้าหญิงยังเด็กเกินไปสำหรับข้าที่จะมองเจ้าแบบนั้น”


“เจ้ามีภูมิหลังที่ไม่รู้จัก แต่เจ้ากำลังพูดแบบนั้นกับคนที่มีสายเลือดราชวงศ์ ถ้าเราอยู่ในวัง เจ้าจะถูกตั้งข้อหากบฏ”


“โชคดีที่เราไม่ได้อยู่ที่พระราชวัง”


"ถูกแล้ว"


“อีกอย่าง ตอนนี้มันก็มืดมาก ข้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วที่จะมองเจ้าแบบนั้น”


“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมองไม่เห็นข้าในความมืดขนาดนี้”


มันเป็นอย่างที่เธอพูด ถ้าเขาเป็นคนธรรมดา เขาคงจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาได้ยากในความมืดนี้ อาเซลล์ และ อาเรียต้า ไม่มีปัญหาในการมองกัน


“ถึงกระนั้นเจ้ายังบอกว่าข้ายังเด็ก .... ข้าไม่ได้ยินคำเหล่านั้นมานานแล้ว”


อาเรียต้าพึมพำอย่างเขินอาย และมันทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวที่คล้ายกับตอนที่เธอหลับ


'ปกติแล้วเธอจะต้องประหม่าสิ ทำไมเธอจึงมีท่าทีที่เอาแต่ใจ?'


เธอสามารถหลีกหนีจากทัศนคติเช่นนั้นได้ เพราะรูปลักษณ์ของเธอมีเอกลักษณ์และสวยงามมาก เส้นผมของเธอขาวราวกับหิมะ และเธอมีผิวเนียนราวกับตุ๊กตากระเบื้อง ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตาสีเหลืองของเธอและเขาที่เหมือนขนนกสีเขียวที่งอกอยู่เหนือหูซ้ายของเธอมารวมกันเป็นรูปลักษณ์ของเธอ ซึ่งมันดูลึกลับมาก


ทันใดนั้น อาเรียต้า ก็ถามคำถาม


“อาเซลล์”


"อืม"


"เจ้าอายุเท่าไร?"


“ปีนี้...อืมม ข้าคิดว่าข้ายังไม่ถึง 30 เลย อาจจะ 26 หรือ 27?”


หากไม่นับเวลา 220 ปีที่เขาหลับใหล เขาก็อายุ 26 ปี


“.....เจ้าไม่ได้แก่กว่าข้าสักเท่าไหร่ ว่าไหม?”


“จิ๊... แม้ว่าจะพิจารณาว่าอายุต่ำสุดของเจ้าคือ 26 ปี แต่อายุต่างกัน 9 ปีไม่ใช่หรือ? ตอนที่ข้าอายุ 9 ขวบ เธออาจจะยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”


"อืม ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ข้าไม่คิดว่าข้าควรได้รับการปฏิบัติเหมือนเด็ก”


“ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองหรือไม่”


“ไม่ มันแค่แปลก อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ได้ดูเด็กขนาดนั้นในสายตาของข้า”


"จริงหรือ? ข้าดูมีอายุเท่าไหร่?”


“อาจจะอายุประมาณ 40 ปี?”


.“.......”


“จริงๆ”


อาเซลล์รู้สึกเศร้า เขามีความมั่นใจว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยน อย่างไรก็ตาม เขาไว้หนวดเครารุงรัง และจงใจหลีกเลี่ยงการดูแลตัวเอง ตอนนี้เขาต้องได้ยินว่าเขาดูเหมือนชายอายุ 40 ปี!


'ให้ตายเถอะ'


ข้าไม่สนว่าคนอื่นจะพูดอะไร แต่เขารู้สึกเศร้าเมื่อสาวสวยพูดแบบนั้น อาเซลล์ สัญญากับตัวเองว่าเขาจะตัดหนวดเคราทันทีเมื่อมีเวลาว่าง


อาร์เรียต้าพูดขึ้น


“ข้าเรียนรู้วิธีกวัดแกว่งดาบตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ เมื่อข้าอายุได้ 15 ปี จิตใจของข้าจะต้องเป็นเหมือนหนึ่งในนักรบ”


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอต้องการออกไปรบและต่อสู้ ผู้ครองบัลลังก์ตัดสินใจว่าควรจะวางเธอไว้ที่ใด และเธอก็ได้รับคำชมจากผู้คนในทุกที่ที่เธอไป


'ราชบัลลังก์ได้ส่ง เจ้าหญิงมังกรปีศาจ มาต่อสู้เพื่อเรา เธอเกิดจากการรวมตัวกันของราชาและเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจ เธอคือข้อพิสูจน์ว่าเราสามารถอยู่เคียงข้างเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจได้’


นี่คือสิ่งที่อาสาสมัครของเธอคิด เจ้าชายมังกรปีศาจและเจ้าหญิงมังกรปีศาจมีความสำคัญ


“ข้าไม่คิดว่าข้าเคยได้ยินว่าตัวเองยังเด็กหลังจากนั้น นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกว่าคำพูดของเจ้าแปลก”


“ชีวิตแบบนั้น....เจ้าคิดยังไงกับมัน”


อาเซลล์ ถามอย่างระมัดระวัง อาเรียต้า เหม่อมองไปยังอากาศที่ว่างเปล่า ขณะที่ตอบกลับไป


“ความจริงแล้วข้าไม่รู้ ตั้งแต่เด็ก ใคร ๆ ก็บอกข้าว่า มันเป็นหน้าที่ของข้า ที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ข้าก็ต้องอยู่อย่างนี้......”


“ไม่กลัวเหรอ?”


“ข้ากลัวเมื่อเข้าสู่การต่อสู้จริงครั้งแรก”


หลังจากที่เธอทำพิธีบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุได้ 15 ปี เธอก็ก้าวเข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรก... อาเรียต้า ไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นเลยจนกระทั่งวันตาย


“มันไม่เป็นอะไร อันที่จริงข้าไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยด้วยซ้ำ”


อย่างไรก็ตาม คนอื่นตายแทนเธอ เธอลังเลในขณะที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ ในช่วงเวลานี้ทหารที่ไร้อำนาจเสียชีวิต อาเรียต้า ไม่สามารถลืมเหตุการณ์นั้นได้ แม้แต่ตอนนี้ใบหน้าของทหารที่เสียชีวิตในตอนนั้นก็ยังปรากฏอยู่ในความคิดของเธอ


ทันใดนั้น อาเรียต้า ก็ถามคำถาม


"แล้วเจ้าล่ะ?"


"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"


“เจ้าสู้จริงครั้งแรกเมื่อไหร่กัน”


“อืมมม ข้าไม่รู้"


“จำไม่ได้เหรอ?”


“ข้าจำมันไม่ได้เป๊ะๆ อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่า น่าจะตอนที่ข้าอายุประมาณ 10 ขวบ”


“อายุสิบขวบ?”


อาเรียต้า รู้สึกประหลาดใจ อายุเกณฑ์ของอาณาจักรรูแลงคืออายุ 15 ปี ใครจะสมัครได้ก็ต่อเมื่อผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น


อาเซลล์ หัวเราะอย่างขมขื่น


“ข้าจำไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม...มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนหิวโหย”


สงครามมังกรปีศาจปะทุขึ้นเมื่ออาเซลล์อายุได้ 7 ขวบ มันกินเวลาถึง 17 ปี และมันก็จบลงหลังจากทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ทั่วทั้งทวีป


“มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนหิวโหย ผู้คนจำนวนมากจึงหันไปเป็นกลุ่มโจร”


เมื่อมนุษยชาติเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจที่เรียกว่าเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจ ทุกคนรวมพลังกันและมันอยู่เหนือสัญชาติ เพศ หรือสถานะ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่มีลักษณะสูงส่ง ภายในความโกลาหล กลับมีกลุ่มของมนุษย์ที่ทำตัวแย่กว่าสัตว์ร้าย


อาเซลล์ อธิบายความจริงฉบับแก้ไขที่เหมาะสม


“ผู้ชายอย่างพวกเขาบุกเข้าไปในบ้านที่ข้าอาศัยอยู่ ข้าต่อสู้และฆ่าพวกเขา นั่นเป็นการต่อสู้จริงครั้งแรกของข้า”


อาเซลล์ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขาเลย เขาสามารถค้นหานามสกุลของเขา 'เซสตริงเจอร์' ผ่านของที่ระลึกที่ทิ้งไว้ให้เขา เขาเป็นหนึ่งในเด็กกำพร้าผู้ลี้ภัยที่เกิดจากสงครามมังกรปีศาจ เขาพเนจรไปตามคนอื่น ๆ จนสามารถตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ภูเขาได้จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ


การต่อสู้ครั้งแรกของเขาคือการยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มโจรที่โจมตี และมันก็เป็นความทรงจำของการสังหารครั้งแรกของเขาด้วย


อาเรียต้า ตกใจมาก


“สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกนี้.....”


“ข้าไม่มีพลัง และข้ายังเด็ก... เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้”


“ข้าถามเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ข้าเสียใจ"


“มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะขอโทษ ข้าเองก็ถามเกี่ยวกับอดีตของเจ้าหญิง พวกเราเสมอกัน”


“อย่างนั้นเหรอ”


อาเรียต้า มองที่ อาเซลล์ ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น


เขาเป็นคนแปลก เขามีลักษณะที่น่าสงสัยไม่รู้จบ แต่เธอก็ค้นพบว่าเธอไว้ใจและพึ่งพาเขา เธอรู้สึกสบายใจที่เขาปรากฏตัวจนเธอเล่าเรื่องที่เธอมีอยู่ในใจให้เขาฟังโดยไม่ตั้งใจ


ครู่หนึ่งเกิดความเงียบขึ้นอย่างน่าอึดอัด อาเรียต้าลังเลก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อได้


“เจ้าเรียนวิชาดาบมาจากใคร”


“ข้าไม่ได้เรียนรู้จากคนเดียว เคล็ดวิชาดาบแรกที่ข้าเรียนรู้มาจากชายชราคนหนึ่งในเมืองที่ข้าอาศัยอยู่


อาเซลล์ไม่เคยมีอาจารย์ที่ดูแลเขาและสอนเขาตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเรียนรู้วิชาดาบและควบคุมจิตวิญญญาณทีละเล็กทีละน้อยจากผู้คนที่เขาเคยพบเจอ


เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในสนามรบ เว้นแต่ว่าคนๆ หนึ่งจะเกิดมาจากตระกูลนักรบ คนๆ หนึ่งจะไม่ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้และควบคุมจิตวิญญญาณอย่างเป็นระบบในขณะที่เติบโตขึ้น ถ้าใครมีเงินก็สามารถเชิญผู้สอนมา เพื่อเรียนรู้จากเขาได้ แต่มีคนไม่มากนักที่เกิดในสภาพแวดล้อมที่มีความสุขเช่นนี้


มันยากที่จะก้าวหน้าเมื่อสถานการณ์ของเจ้าเหมือนทะเลทรายที่แห้งแล้ง อย่างไรก็ตาม มีเพียงผู้ที่สามารถอยู่รอดผ่านมันไปได้เท่านั้นจึงจะถือว่าแข็งแกร่ง


“ถ้าจำไม่ผิดอาจารย์ของข้าน่าจะมีประมาณ 5 คน”


คนเหล่านี้คือคนที่ช่วย อาเซลล์ทะลวงผ่านคอขวดในอดีต จนมาเป็นอาเซลล์เช่นในปัจจุบัน ถ้าไม่ใช่คนเหล่านี้ที่ได้แนะนำเขาและให้สิ่งที่พวกเขามีโดยไม่เสียดายอะไรเลย


อาร์เรียต้าพูดขึ้น


“ข้าไม่เคยเห็นใครต่อสู้แบบเจ้าเลย”


"นั่นถูกต้องใช่ไหม?"


“ข้ารู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษที่เจ้าไม่มีสิ่งที่ติดตัวมา อย่างเช่นดาบของเจ้า”


“อาวุธเป็นของใช้แล้วทิ้ง”


“คนที่สอนข้าเกี่ยวกับดาบบอกว่าข้าควรคิดว่าดาบของข้าคือชีวิตของข้า”


“พวกเขาเป็นอัศวิน”


"ใช่"


“ก็เจ้าคิดแบบนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ข้าคิดต่างออกไป ข้ายอมทิ้งดาบแล้วมีชีวิตรอด ดีกว่าตายในขณะที่ถือดาบอยู่


อาเซลล์ต่อสู้แบบนั้นตั้งแต่การต่อสู้จริงครั้งแรกของเขา เขาไม่มีอาวุธ ดังนั้นเขาจึงนำพวกโจรไปที่กับดัก จากนั้นเขาก็ขโมยอาวุธของพวกเขาและฆ่าพวกเขา


อาเรียต้ายิ้ม


“เจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ”


“ข้าเดาว่ามันฟังดูดีกว่าที่ว่าข้าแปลก”


อาเซลล์ ยังยิ้มให้เธอ





DWM 019 พิธีกรรมสังหารมังกร (4)



ตรงกันข้ามกับความกลัวของอาเซลล์ เงาของมังกรไม่ได้โจมตีพวกเขาแม้ในเวลากลางวัน พวกเขาล้มเหลวในการล้อมจับอีกครั้งหลังจากที่กลุ่มของอาเซลล์สามารถหลบหนีการสอดแนมออกไปได้


การค้นหาเป้าหมายที่หายไปในป่าอันกว้างใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้น อาเซลล์ และ อาเรียต้า ยังใช้ความพยายามอย่างเพียงพอเพื่อหลบเลี่ยงความสนใจของศัตรู


อาเรียต้า รู้สึกประทับใจ


“เคล็ดวิชาการอำพรางของเจ้าลึกลับมาก”


อาเซลล์เก่งในการใช้ความสามารถในการอำพรางร่างของเขา เขาใช้เคล็ดวิชาการอำพรางเพื่อซ่อนตัว และเขาก็ใช้มันเพื่อซ่อนสมาชิกในกลุ่มของเขาด้วย ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกมันหยุดอีกฝ่ายได้จริง แม้แต่สัตว์อสูรที่ไวที่สุดก็เดินผ่านไปโดยไม่เห็นพวกเขา


อาเซลล์พูดขึ้น


“เราโชคดีที่ศัตรูไม่ใช่ทหาร”


"ทำไม?"


“หากศัตรูของเรามีความสามารถของหน่วยสอดแนมจากหน่วยพิทักษ์ชายแดนตะวันตก เราก็ไม่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาคงจะพบร่องรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของเราแล้ว”


อาเซลล์ มีประสบการณ์มากมาย แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะปกปิดร่องรอยของพวกเขาอย่างไรในป่า ศัตรูของพวกเขาพยายามติดตามและค้นหาพวกเขาด้วยเวทอาคม ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถตอบโต้ได้ ถ้าพวกเขาติดตามพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะถูกจับไปแล้วก็ได้


อาเรียต้า เชื่อในคำพูดของเขา


"ข้าเข้าใจ"


พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวเป็นระยะด้วยความเร็วที่ระเบิดได้ อาเซลล์แบกริคไว้ที่หลัง ส่วนอาร์เรียตาก็แบกอีนอร่า พวกเขาปีนต้นไม้และเริ่มกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ พวกเขาใช้วิธีนี้เพื่อเคลื่อนที่ไปประมาณ 100 เมตร วิธีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนี้ยังช่วยขัดขวางการคาดเดาการเคลื่อนไหวของศัตรูอีกด้วย


ถ้า อาเรียต้า อยู่คนเดียว เธอคงไปถึงที่หมายแล้ว อย่างไรก็ตาม อาเซลล์ ขาดพลังเวท ดังนั้นระยะทางที่เขาสามารถเคลื่อนที่ได้ในแต่ละครั้งจึงมีจำกัด


'เป็นเวลานานแล้วที่ข้ารู้สึกหงุดหงิดที่ไม่มีพลังเวทที่เพียงพอ'


อาเซลล์ทำการฟื้นฟูพลังเวทของเขา จากนั้นเขาก็หายใจเข้า


ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งทางกายภาพ หรือพลังเวท ทุกสิ่งยังขาดแคลน พลังเวททำให้เขาเครียดมากที่สุด เพราะมันหมดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาต้องการใช้เคล็ดวิชาควบคุมจิตวิญญญาณ


ถ้าเขากำลังต่อสู้กับศัตรู เขาไม่จำเป็นต้องปันส่วนการใช้พลังเวทของเขา เขาเพิ่งใช้มันระเบิดในเวลาที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม เขาต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ เขาต้องใช้พลังเวทโดยคำนึงถึงสิ่งรอบข้าง ดังนั้นการขาดแคลนพลังเวทจึงเป็นปัญหา


'สิ่งนี้ทำให้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของข้าตึงเครียด'


เป็นเวลาเกือบหนึ่งวันที่พวกเขาอยู่ในป่าโดยที่ทำได้เพียงแค่ดื่มน้ำเท่านั้น ถ้าพวกเขาไม่ได้นอนในตอนกลางคืน พวกเขาคงจะทรุดตัวลงไปแล้วสำหรับริค และ อีนอร่า แต่ไม่ใช่ อาเซลล์


ความจริงแล้ว อีนอร่า ไม่มีแรงที่จะเดินอีกต่อไป ดังนั้น อาเรียต้า จึงอุ้มเธอไว้


ทันใดนั้น อาเซลล์ ก็ถามคำถาม


“เจ้าหญิง. เจ้ารู้ไหมว่าเราอยู่ห่างจากป้อมปราการแค่ไหน”


“ข้าเชื่อว่าเราจะไปถึงที่นั่นในอีกประมาณ 30 นาที”


“น่าเสียดายที่มันไกลเกินไป”


“ทำไมล่ะ?”


อาเรียต้า รู้สึกถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในคำพูดของ อาเซลล์


อาเซลล์ตอบกลับมา


“ลองรู้สึกแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้าของเจ้า”


“การสั่นสะเทือน?”


อาเรียต้า ทำตามคำพูดของเขา จากนั้นเธอก็ตรวจพบการสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากส่วนลึกของป่า


“มีใครกำลังพุ่งเข้ามาหาเราจากใต้พื้นดินหรือเปล่า”


อาเรียต้าพูดในขณะที่กำลังคิดถึงคิเรียน อย่างไรก็ตาม อาเซลล์ส่ายหัวจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน


"ไม่"


อาเรียต้ามองไปที่ใบหน้าของอาเซลล์ ซึ่งกำลังมองตอบกลับ นี่เป็นใบหน้าที่จริงจังที่สุดที่เธอเคยเห็นเขา


คู-รู-รู-รู-รู......


ในขณะนั้น แรงสั่นสะเทือนรุนแรงพอที่ริคและอีนอร่าจะสัมผัสได้


อาเซลล์ตะโกน


“มังกรกำลังจะมา หลบเร็ว!”


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง พื้นผิวที่พวกเขายืนอยู่ก็พังทลายลงเมื่อมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อาศัยอยู่ด้านล่าง จากนั้นดินจำนวนมากก็ระเบิดออกมา


คู-กวา-อา-อา-อา!


เงาขนาดใหญ่กระโดดออกมาจากด้านล่าง มันยากที่จะเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถเดินทางภายใต้ภิภพได้ ร่างเงาดูเหมือนกิ้งก่าตัวยาว และมีเกล็ดสีน้ำตาลเข้มที่มีพื้นผิวคล้ายหิน มันมีเขาโค้งและดวงตาสีแดงของมันกรีดเป็นแนวตั้ง ตั้งแต่หัวจรดท้าย วัดได้สูงกว่า 30 เมตร และมันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างใหญ่โตราวกับปราสาท


มันเป็นทรราชที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่มีสัตว์อสูรหรือสัตว์ประหลาดตัวใดที่สามารถเทียบเคียงได้ นี่คือมังกร


“มันคือมังกรจริงๆ!”


อาเรียต้า ตกตะลึง


ในฐานะมังกรปีศาจ เธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมันเมื่อมีมังกรอยู่ใกล้ๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยเผชิญหน้ากับมังกรมาก่อน ดังนั้นสัญชาตญาณของเธอจึงถูกกระตุ้นอย่างไม่แน่นอน


เมื่อพื้นดินระเบิดและสัตว์ประหลาดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เธอทำได้เพียงตกใจในขณะนั้น


สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เช่นนี้เคลื่อนไหวอยู่ใต้พื้นโลก และมันกระโดดสูงจากพื้นหลายสิบเมตร!


มังกรมีขนาดใหญ่มาก ราวกับภูเขาลูกย่อมๆ เมื่อมันตกลงมาเมฆฝุ่นก็ระเบิดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณรอบๆ 


คุคุคุคุคุคุ!


พื้นดินสั่นสะเทือน และร่างของมังกรปฐพีก็เลื่อนไถลไปตามพื้น พื้นดินพลิกกลับด้านและต้นไม้ที่สวยงามหักเหมือนฟางเมื่อมันถูกพัดพาไป


"อะไรกันนี่..."


อาเรียต้า ลืมสิ่งที่เธอกำลังจะพูด


เธอเคยเห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่มากมายในช่วงชีวิตของเธอ เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเผชิญหน้ากับพวกมัน เมื่อพวกมันมาก่อกวน  อย่างไรก็ตาม มังกรตัวใหญ่และดูไม่สมจริงเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เธอเคยเห็น


เสียงของ อาเซลล์ ดังขึ้นใกล้หูของ อาเรียต้า ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย


“ไอ้สารเลวพวกนี้รู้วิธีปลุกระดมมังกร.....”


อาเรียต้า รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเขา เขาพาดริคไว้บนไหล่ขวา และอีนอร่าถูกอุ้มไว้ทางด้านซ้าย


การปรากฏตัวของมังกรที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้เธอมึนงง เธอไม่ทันคิดที่จะเคลื่อนย้ายพวกเขาสองคนด้วยซ้ำ


ใบหน้าของ อาเรียต้า เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความลำบากใจ


อาเซลล์พูดราวกับว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย


“ถ้ามังกรติดตามเรา เราก็หนีไม่ได้”


"ทำไม?"


“มังกรสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมังกรปีศาจและมนุษย์”


“มันทำได้เหรอ”


นี่เป็นครั้งแรกที่อาเรียต้าเผชิญหน้ากับมังกร ดังนั้นเธอจึงไม่ทราบข้อเท็จจริงนี้


อย่างไรก็ตาม เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของมังกรที่กำลังเข้ามาใกล้ ในทางกลับกัน เธอไม่สามารถทักท้วงได้หากมังกรอีกตัวจะทำเช่นเดียวกัน


ทันใดนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงแหบแห้ง


“เจ้ารู้มากเกี่ยวกับมังกร”


ร่างของเรจิน่าได้ปรากฏขึ้นระหว่างต้นไม้ ในเวลาเดียวกัน อาเซลล์ ก็สามารถตรวจจับศัตรูคนอื่นๆ ผ่าน 'การมอง' ของเขาได้


“มีอีกสองคน เจ้าหญิง”


“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเราได้อย่างไร เจ้าได้กลิ่นเราหรือเปล่า”


แจ็คแสดงตัวในขณะที่บ่นออกมา และมีคนแต่งตัวคล้ายกันอีกคนหนึ่งก็อยู่ที่นั่นด้วย


'ไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คิเรียน'


อาเซลล์ สามารถบอกได้ว่าเขาไม่ใช่ คิเรียน ข้าเดาว่าเขาไม่ได้ออกมาเพราะอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับเมื่อวานนี้?


"ถูกต้อง พวกเจ้ามีกลิ่นเหมือนเท้าติดเชื้อรา แถมยังมีกลิ่นท่อน้ำทิ้งปะปนอยู่ในนั้นด้วย ทำไมพวกเจ้าไม่ล้างตัวก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่?”


อาเซลล์พยายามยั่วยุอีกฝ่าย


เคล็ดวิชาอำพรางของอีกฝ่ายช่างน่าประหลาดใจจริงๆ อย่างไรก็ตาม หากจ้องมองไปที่อาเซลล์ ความจริงที่ว่าพวกเขากำลัง 'มอง' ไปที่เขานั้นไม่สามารถถูกซ่อนไว้ได้


เรจิน่าพูด


“อยากพูดไรก็พูดไป ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพของเจ้า”


ตุบ! ตุบ! ตุบ! 


มังกรปฐพีตาสีแดงขนาดใหญ่กำลังเข้ามาจากด้านหลังเธอ


อาเซลล์ ถามคำถามกับเธอ


“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากรู้เกี่ยวกับ...”


"มันคืออะไร?"


“ชื่อของข้าเป็นลางไม่ดีหมายความว่าอย่างไร”


“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้”


“เป็นเพราะชื่อของข้าเหมือนกับ อาเซลล์ คาร์ซาร์ค หรือเปล่า”


“.......”


เรจิน่า ตกใจกับคำพูดของ อาเซลล์ เขามองไม่เห็นใบหน้าของเธอ เพราะความมืดที่ปกคลุม แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าเธอกระสับกระส่าย


เรจิน่าพูด


"...เจ้ารู้ได้อย่างไร?"


“ข้าเพิ่งเดาได้”


อาเซลล์ หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ จากนั้นเขาก็พูด


“ดังนั้นองค์กรที่เรียกว่า 'เงามังกร' จะต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับราชามังกรปีศาจเอเธน”


“ข้าอยากจะบอกว่าเจ้าฉลาดมาก แต่... มันทำให้ข้าสงสัยว่าเจ้ามีความสามารถในการอ่านใจหรือไม่”


เรจิน่าพูดอย่างเย็นชา


อาเรียต้า พึมพำกับตัวเอง


“พวกเขาเป็นสาวกของราชามังกรปีศาจ? ไม่แปลกใจเลย”


“สาวกของราชามังกรปีศาจ? มีแบบนี้ด้วยเหรอ”


อาเซลล์ ตกตะลึง


อาเซลล์ไม่รู้เรื่องนี้เนื่องจากเขาหลับไปเป็นเวลานานหลังจากสงครามมังกรปีศาจสิ้นสุดลง แต่หลังจากนั้นก็ปรากฏมีสาวกของราชามังกรปีศาจจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น


ความเชื่อทางศาสนาที่ชั่วร้ายส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่เผ่าพันธุ์มังกรปีศาจ แต่มนุษย์บางคนก็เห็นด้วยกับพวกเขา


มนุษย์ควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของบุคคลนั้นถูกตัดสินจากคุณค่าของแต่ละคน และมันถูกแบ่งตามชนชั้นอย่างไม่ถูกต้อง


เผ่าพันธุ์มังกรปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าที่สุดบนโลก มันสามารถยืนหยัดเหนือสิ่งอื่นใด หากมนุษย์ถูกเผ่ามังกรปีศาจพิชิต ทุกคนที่อยู่ภายใต้พวกมันจะมีชีวิตอยู่อย่างเท่าเทียมกัน....


มีหลายองค์กรที่มีอุดมการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดมีความเชื่อร่วมกันว่าราชามังกรปีศาจเอเธน จะฟื้นขึ้นมาสักวันหนึ่งเพื่อสร้างโลกที่ชอบธรรม (TLN: มนุษย์ควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ระบบชนชั้น/ความมั่งคั่งทำให้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันไม่ได้ ดังนั้นหากมีเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่ามนุษย์ที่ดูแลพวกเขา มนุษย์ทั้งหมดก็จะเท่าเทียมกันในสายตาของพวกเขา มันเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยว)


อาเซลล์พูดขึ้น


“ข้าหมดคำพูดแล้ว”


อาเซลล์ดักทางเรจิน่า เพราะเขามีพื้นฐานการคาดเดาจากข้อมูลที่ คาร์ลอส มอบให้เขา


เป็นความจริงที่ว่าราชามังกรปีศาจกำลังจะฟื้นคืนชีพ


คนเหล่านี้เชื่อมโยงกับเจตจำนงของเอเธน และพวกเขาทำงานอย่างลับๆ เพื่อชุบชีวิตเขา


จากมุมมองของ อาเซลล์ แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขาที่จะเชื่อมโยงจุดต่างๆ


เธอบอกว่าชื่อ อาเซลล์ เป็นลางร้ายมากพอที่จะทำให้เขาตายได้ และสิ่งนี้ยังช่วยสนับสนุนการคาดเดาของเขาอีกด้วย


อาเซลล์พูดขึ้น


“เจ้ากำลังพยายามลักพาตัวเจ้าหญิงและจะใช้เธอเพื่อทำสิ่งเลวร้ายบางอย่างใช่ไหม?”


“ข้าไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามนั้น”


“เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบ นอกจากนี้ ... มังกรตัวนั้นใช่ไพ่ลับของเจ้าหรือไม่”


"แน่นอน"


เรจิน่า เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอแน่ใจว่ามังกรปฐพีและสมาชิกเงามังกร 3 คนจะสามารถปราบ อาเรียต้า และสังหาร อาเซลล์ ริค และ อีนอร่า ได้


จากนั้นมังกรปฐพีก็เคลื่อนไหว


ควา-ควา-ควา-ควา!


ร่างของมังกรปฐพีหายไปราวกับว่ามันกำลังจมลงสู่พื้นโลก ในขณะเดียวกัน พื้นดินก็ถูกทำลาย และเศษดินก็ระเบิดขึ้นในอากาศ มันโจมตี อาเซลล์ และสหายของเขาราวกับลูกเห็บ


“เจ้าหญิง! รับ อีนอร่า!”


อาเซลล์ ตะโกนอย่างสิ้นหวัง และเขาก็กระโดดขึ้นในขณะที่อุ้ม ริค หลังจากที่เขาไปถึงยอดไม้ เขาก็กระโดดสูงขึ้นจากพื้นดิน การโจมตีด้วยเวทอาคมถูกส่งมาที่เขา


พรึบ!


อาเซลล์ ล้มลงกับพื้นหลังจากที่เขาถูกกระแทก ริคกรีดร้อง


“อ๊า-วากกก!”


อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ อาเซลล์ จะเริ่มตกลงมา เขาเตะอากาศราวกับมีชั้นรองรับ และทำให้ความเร็วของเขาช้าลง เขาคว้ากิ่งไม้และหมุนเป็นวงกลมก่อนที่จะร่อนลงมาอย่างแผ่วเบา


จากด้านหลัง ร่างขนาดใหญ่ของ มังกรปฐพี พุ่งออกมาจากพื้นพร้อมกับการระเบิด และมันเริ่มโจมตี อาเรียต้า


"ให้ตายเถอะ!"


ร่างของมังกรปฐพีที่บินออกมาจากใต้ผิวดินคล้ายกับปลาโลมาที่กระโจนขึ้นเหนือผิวน้ำ ร่างกายขนาดใหญ่สามารถเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวได้ และความรู้สึกของความเป็นจริงก็ดูเหมือนจะสลายไปเพียงแค่มองมัน


อาเรียต้า โอบ อีนอร่า ไว้ข้างตัวเธอ และเธอก็เหวี่ยงดาบของเธอ


“โอ้ ความมืดชั่วร้าย แยกออกจากกัน!”


ปะ-อา-อา-อา-อาง!


รัศมีแสงถูกเปล่งออกมาจากดาบ และมันยิงโดนมังกรปฐพีโดยตรง


ก่อนหน้านี้ รัศมีแสงจากดาบได้สังหารสัตว์ประหลาดสองสามตัวในการโจมตีครั้งเดียว แต่มันไร้ผลกับมังกรปฐพี มังกรปฐพีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


อาเรียต้าที่กำลังจะหลบหนีโดยใช้ก้าวพริบตาของเธอ อย่างไรก็ตาม เวทอาคมที่สมาชิกของเงามังกรส่งเข้ามาใกล้เธอในวินาทีต่อมา


“กึก....!”


มันเป็นคำสาปเวทอาคมที่จำกัดการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย และทำให้การทำงานของร่างกายของเป้าหมายลดลงด้วย เรจิน่า และคนอื่นๆ ต่างก็เป็นจอมเวทที่ทรงพลัง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะปัดเป่าเวทอาคมของพวกเขาแม้ว่าจะเป็น อาเรียต้า ก็ตาม





DMW 020 พิธีกรรมสังหารมังกร (5)



ในขณะเดียวกัน แจ็ค ก็พุ่งออกมาจากระหว่างต้นไม้ราวกับพายุและโจมตี อาเซลล์


ฟิ้ว-ฟิ้ว-พรึบ! (TLN: เสียงดาบดังขึ้น)


อาเซลล์วางริคลงและเผชิญหน้ากับดาบโดยตรง


มันเป็นการโจมตีที่เขาไม่มีเวลาคิด การโจมตีด้วยดาบของแจ็ครุนแรงมากจนร่างของอาเซลล์ เริ่มขยับถอยหลัง 


แจ็คพูดออกมาในขณะกดดันอีกฝ่าย


"ข้าจะฆ่าเจ้า"


“ข้าไม่ต้องการที่จะคืนคำเหล่านั้นกลับไปที่เจ้าจริงๆ”


อาเซลล์ตอบอย่างเฉยเมย ผู้ซุ่มโจมตีผงะแต่เขาไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด


แจ็ครู้สึกถึงอันตรายจากการแสดงออกของเขา


วูบ! 


ครู่ต่อมามีบางอย่างผ่านไปและมันก็ตัดผ้าคลุมตรงหน้าเขา ม่านแห่งความมืดเริ่มปั่นป่วน และส่วนบนของหมวกคลุมหัวก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นบางๆ


"เจ้าทำอะไรลงไป....!"


แจ็คตกใจมากในขณะที่เขาถอยกลับอย่างรีบร้อน เขาแน่ใจว่า อาเซลล์กำลังถูกบังคับให้ถอยกลับเมื่อดาบของพวกเขาปะทะกัน อย่างไรก็ตาม กลับมีการโจมตีกลับออกมาจากจุดบอดของเขา


อาเซลล์ยิ้ม


“แล้วคิดว่าข้าทำอะไรล่ะ”


“ไอ้สารเลว! เจ้ามันก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง!”


“กี่ครั้งแล้วที่ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ได้ใช้คำพูดนี้? ทำไมเจ้าไม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์บ้างล่ะ หัวของเจ้าแข็งกระด้างเพราะเลือดมังกรโง่ๆ หรือเปล่า?”


"สารเลว....!"


แจ็คเดือดดาลเมื่ออาเซลล์พยายามยั่วยุ แต่เขาก็ไม่สามารถเร่งรีบไปข้างหน้าโดยประมาท เขาไม่รู้ว่าอาเซลล์ใช้วิธีใด


อาเซลล์จ้องมองศัตรูอย่างเฉยเมย แต่เขากำลังคิดหาวิธีการเผด็จศึก


'นี่ไม่ดีแน่'


น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำร้ายแจ็คจากการโจมตีขั้นเด็ดขาดได้ ความระแวดระวังของเขารุนแรงเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่เร่งรีบไปข้างหน้า


อาเซลล์ใช้วิธีง่ายๆ เขาใช้เคล็ดวิชาอำพรางเพื่อซ่อนดาบอีกเล่ม และในช่วงเวลาสำคัญ เขาใช้มันเพื่อโจมตีจากจุดบอด การใช้ดาบด้วยมือเดียวของอาเซลล์ นั้นเป็นธรรมชาติมากจน แจ็ค ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า อาเซลล์กำลังใช้ดาบสองเล่ม


กึก กึก กึก...! (TLN: เสียงแผ่นดินสะเทือน)


มันเป็นช่วงเวลานั้น พื้นดินสั่นสะเทือนและในที่สุดก็พองตัวเหมือนคลื่น


อาเซลล์มองไปที่ มังกรปฐพี ด้วยสายตาสิ้นหวัง ในที่สุด มังกรปฐพีก็โผล่หัวออกมา


'มังกรคำราม!'


มันเป็นวิธีโจมตีที่คล้ายกับหายนะที่มังกรถ่ายเทพลังทั้งหมดออกมาในคราวเดียว


คู-กวา-อา-อา-อา-อา-อา! (TLN: เสียงทำลายล้างโลก)


แผ่นดินพลิกคว่ำและมีเสียงระเบิดดังขึ้น


เสียงคำรามล้อมรอบมังกร และคลื่นกระแทกกระจายออกไปในขณะที่ถูกส่งไปทั่วพื้นดินโดยรอบ มันฆ่าทุกสิ่งที่อยู่เหนือพื้นดิน


พื้นผิวโลกถูกถากถางออกทั้งหมด หญ้าและต้นไม้ทั้งหมดบนพื้นผิวถูกพัดพาไป แผ่นดินจำนวนมหาศาลถูกถางออกไปเหมือนลูกเห็บหลังจากการระเบิด และปกคลุมทุกสิ่ง


กึก กึก กึก...!


รัศมีสองสามร้อยเมตรสั่นสะเทือน และเมฆฝุ่นที่ลอยขึ้นอย่างงดงามก็เริ่มสงบลง


มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับหายนะที่เดินได้


การอาละวาดทางกายภาพของการดำรงอยู่ขนาดใหญ่จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แต่ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญเหนือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติขององค์ประกอบเดียวกัน มันมีพลังในการควบคุมโลกอย่างอิสระ


โชคดีที่มังกรไม่ค่อยปะทะกับมนุษย์


จากลักษณนิสัยของพวกมัน พวกมันจัดทำอาณาเขตและปกครองเช่นเหล่าทรราช พวกมันคล้ายกับสัตว์ป่า นอกจากนี้ พวกมันยังลังเลที่จะเข้าใกล้ดินแดนของมนุษย์ในระดับที่ผิดปกติ


แม้จะมีข้อเท็จจริงนี้ มนุษย์ก็ได้รวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมังกร ครั้งหนึ่ง ประชากรมนุษย์ได้ปะทะกับมังกร ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อ


แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องพวกนี้แล้วก็ตาม.... อาเรียต้า ก็รู้ความจริงว่า จริงๆแล้ว เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมังกรเลยจริงๆ


'ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน'


ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เธอเผชิญหน้ากับจอมเวทมนต์ดำที่ชั่วร้ายและแม้แต่มังกรปีศาจที่บ้าคลั่ง ความจริงที่ว่าเธอมีประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เธอสงบสติอารมณ์เมื่อเผชิญหน้ากับสาวกเงามังกร


อย่างไรก็ตาม มังกรปฐพีที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเธอนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไป ในตอนนี้เธอทำได้ก็เพียงแต่วิ่งและหลบหนีร่างกายขนาดใหญ่ที่โจมตีเธอ


'อีนอร่า....'


นอกจากนี้ อาเรียต้า ยังมีคนที่เธอต้องปกป้อง ใบหน้าของอีนอร่าซีดเผือดดูกำลังจะเป็นลม ในขณะที่อาเรียต้าจับตัวไว้ เด็กสาวธรรมดาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้.....


'มันจะอันตราย ถ้าข้ายังเอาแต่หลบหลีก'


ก้าวพริบตาสามารถช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลหลายสิบเมตรในทันที แต่มันสร้างภาระให้กับร่างกายอย่างมาก


ในฐานะมังกรปีศาจ อาเรียต้า มีร่างกายที่ไม่สามารถเทียบได้กับคนปกติ เธอมีพละกำลังและความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ เวทมังกรสามารถปกป้องเธอ


อย่างไรก็ตาม อีนอร่าเป็นลมภายใต้แรงกดดันของเคล็ดวิชาก้าวพริบตา


ตุบ! ตุบบ.....! 


มังกรปฐพีพุ่งฝ่าพายุฝุ่นมาที่ด้านหน้าเธอ และเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาก็ดังขึ้น


เธอสามารถหลบเลี่ยงโดยไม่ใช้เคล็ดวิชาก้าวพริบตาได้หรือไม่? ทุกครั้งที่มังกรปฐพีเคลื่อนไหว สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ถูกทำลายล้างเป็นวงกว้าง ยิ่งกว่านั้น สาวกเงามังกรยังจับข้อเท้าของเธอไว้


'มันไม่ได้ผล....'


อาเรียต้ารู้สึกสิ้นหวังอย่างมืดมน เธอเคยอยู่ในสถานการณ์ในชีวิตของเธอที่ไม่มีคำตอบสำหรับการแก้ปัญหาหรือไม่?


มันเป็นช่วงเวลานั้น


"ข้าไม่มีทางเลือก"


เธอได้ยินเสียงของ อาเซลล์


อาเรียต้า รู้สึกประหลาดใจจึงหันไปมองยังทิศทางของเสียงนั้น อาเซลล์ กำลังเดินมาหาเธอพร้อมกับริคที่ พร้อมกับที่เขาสะบัดเลือดออกจากดาบ


อาเรียต้า พึมพำกับตัวเองอย่างเหม่อลอย


“อาเซลล์ เซสตริงเจอร์...”


“มันไม่ใช่วิถีของข้าที่จะเปิดไพ่โดยไม่ดูว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง….คาร์ลอสเป็นคนขวางโลกแม้กระทั่งตอนที่เขาตาย” (TLN: อาเซลล์ คิดว่า คาร์ลอส มีส่วนเกี่ยวข้อง)


อาเซลล์ยิ้มเยาะแล้ววางริคลงข้างๆ อาเรียต้า ในขณะนั้น ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง


"สารเลว....!"


“เจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากโดนสิ่งนั้น? เจ้าแข็งแกร่งมาก”


อาเซลล์ รู้เรื่องนี้แล้ว แต่เขาก็พูดอย่างไร้ยางอาย เหนือเมฆฝุ่น ปรากฏร่างของแจ็คอย่างไรก็ตาม มีบาดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าอกของเขาพร้อมกับที่กำลังเสียเลือดอย่างมาก


เมื่อครู่ที่มังกรปฐพีปล่อยเสียงคำรามของมังกร แทนที่อาเซลล์จะหลบเลี่ยงภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา เขากลับให้ความสำคัญกับการโจมตีแจ็ค


ส่งผลให้แจ็คได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะเป็นมังกรปีศาจที่มีร่างกายแข็งแรง แต่เขาก็ยังตกอยู่ในอันตรายหากไม่ได้รับการรักษาในทันที


อาเซลล์ตะคอก


“หึ ข้าอยากจะจบชีวิตเจ้า... ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาจัดการกับคนอย่างเจ้า”


"เจ้าพูดอะไร? ไอ้สารเลว.....!”


“แจ็ค! หยุด!"


เรจิน่าเข้าใจสถานการณ์ช้าเกินไป เธอตะโกนอย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แจ็คระเบิดคำพูดออกมา เวทมังกรตอบสนองต่อความโกรธของเขาและคลื่นที่เหมือนพายุก็ไหลออกมา แจ็คโจมตีอาเซลล์ ท่ามกลางเปลวไฟสีน้ำเงิน


ฉึก! (TLN: เสียงมีดแทงเนื้อ)


เสียงแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น


“เอ่อ....?”


แจ็คที่เพิ่งใช้ก้าวพริบตาเพื่อโจมตี อาเซลล์ จู่ๆ ก็หยุดชะงักลง และเสียงครางงี่เง่าก็รั่วไหลออกมา


ดาบสองเล่มแทงทะลุร่างของเขา


“มันเรื่องบ้าอะไรกัน...”


“ข้าไม่ได้บอกเจ้าเหรอ? ข้าไม่มีเวลาจัดการกับคนอย่างเจ้า”


อาเซลล์ หัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็จ้องมอง แจ็ค ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก


“ข้าควบคุมการมองเห็นและอ่านกระแสความคิดได้ คนที่ไม่มีแม้แต่สมอง จะมาเป็นคู่ต่อสู้ที่กล้าต่อกรกับข้า....ขออภัยในพลังอันแข็งแกร่งที่เจ้ามี มังกรปีศาจทุกวันนี้มีคุณภาพต่ำหรือไม่?”


อาเซลล์ไม่ได้เพิกเฉยแจ็คเลยแม้แต่นิดเดียว เขาคาดเดาทิศทางที่อีกฝ่ายจะลงมือสร้างบาดแผลฉกรรจ์ เขาใช้ดาบสองเล่มที่ซ่อนอยู่เพื่อวางกับดัก เขาได้ฉีดพลังเวทไว้ล่วงหน้า และการบินของมันถูกควบคุมจากระยะไกล มันง่ายสำหรับ อาเซลล์ ที่จะใช้ทักษะนี้


“เจ้า..โง่....”


แจ็คเสียชีวิตทันทีหลังจากที่ดาบทะลุปอดและหัวใจ


เรจิน่าและเพื่อนของเธอตัวสั่น แทนที่จะรู้สึกโกรธที่เพื่อนตายต่อหน้า พวกเขากลับรู้สึกกลัวอาเซลล์ที่กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชามากกว่า


'ผู้ชายคนนี้คือตัวอะไร'


พวกเขารู้สึกได้เพียงกำมือเดียวถึงพลังเวทจากเขา จนถึงตอนนี้ เธอได้ฆ่ามนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนด้วยพลังเวทที่แข็งแกร่งกว่าเขา


อย่างไรก็ตาม... เธอมองไม่เห็นพื้น (TLN: มันเป็นคำอุปมา ประมาณคาดการณ์ไม่ได้)


ความแตกต่างระหว่างพลังของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่มาก แต่เขาใช้วิธีการที่ไร้สาระเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาทุกครั้ง เขาใช้เวทอาคมแบบไหนกัน?


เต็ป..เต็ป...เต็ป.....! (TLN:ฟุตสเต็ป)


ในขณะที่เขากำลังเผชิญหน้า มังกรปฐพีก็เข้ามาใกล้ในช่วงเวลานั้น อาเซลล์พูดขึ้น


“เจ้าหญิงโปรดหนีไปกับ ริค และ อีนอร่า”


"...อะไรนะ?"


“ข้าจะขัดขวางมังกรเอาไว้”


“อะไรนะ เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”


อาเรียต้า ตกตะลึง


เธอรู้ว่าอาเซลล์แข็งแกร่ง โดยที่ไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้เพียงแค่ดูที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา อย่างน้อยที่สุด อาเรียต้า ก็ไม่สามารถทำได้แม้แต่ปลายนิ้วในแง่ของความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาการต่อสู้


อย่างไรก็ตาม... มันเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเผชิญหน้ากับมังกร แม้ว่าเขาจะมีทักษะสูงมาก ถ้าเขาไม่มีพละกำลังเหลือล้นแล้วเขาจะเผชิญหน้ากับมังกรได้อย่างไร?


อาเซลล์ หัวเราะอย่างขมขื่น


“บอกตามตรงนะ ข้า... ข้ามีเพื่อนที่สมองวิปริตจริงๆ”


“......?”


“คนๆ นี้ต้องการเห็นคนที่แย่ที่สุดเสมอ แม้ว่าจะช่วยได้ทันท่วงทีแต่เขาก็อยากเห็นคนๆ หนึ่งจนมุม เพื่อประเมินค่าของคนๆ หนึ่ง ดี! บางครั้งเจ้าอาจไม่เชื่อสิ่งนี้ แต่บางครั้งเขาก็รอจังหวะที่เขาจะได้ความน่าเชื่อถือสำหรับทุกสิ่ง”


“...เขาฟังดูไม่เหมือนมนุษย์ที่ข้าอยากจะคบหาด้วย”


"เจ้าพูดถูก อย่างไรก็ตาม หากเขาเห็นคุณค่าของเจ้า เขาก็จะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เขาจะยอมสละชีวิตเพื่อเจ้าเช่นกัน”


คาร์ลอสเป็นชายในความทรงจำของอาเซลล์ ทุกคนหลีกเลี่ยงเขา แต่เขามีพรสวรรค์มากจนผู้คนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเขา เขาเป็นจอมเวทที่แปลกประหลาด


“นั่นคือเหตุผลที่ข้าเชื่อใจเขา” (TLN: เขาสันนิษฐานว่าคาร์ลอสได้เตรียมแผนฉุกเฉินไว้แล้ว)


“เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์นี้”


“มันเกี่ยวกับ”


หลังจากพูดคำเหล่านั้นแล้ว อาเซลล์ก็ก้าวไปข้างหน้าของมังกรปฐพี มังกรปฐพีหยุดและหันศีรษะอย่างสงสัยราวกับว่ามันตอบสนองต่อการจ้องมองของ อาเซลล์


"มังกร"


อาเซลล์พูดขึ้น


“ข้าชื่ออาเซลล์ เซสทริงเกอร์”


จากนั้นชื่อที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเขารั่วไหลออกมาจากปากของเขา


“ข้าจะท้าทายเจ้าในพิธีกรรมสังหารมังกร”


....


คิเรียนสาวกเงามังกร อยู่ในอาคารใต้ดินซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นซากปรักหักพังของ คาร์ลอส


เขาได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบซากปรักหักพังพร้อมกับกองหนุนที่มาถึง เพราะเขาได้รับบาดเจ็บจาก อาเซลล์ เมื่อวันก่อน เขาไม่พอใจ แต่เป็นคำสั่งจาก เรจิน่า ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าเขา


“ทุกครั้งที่เราเข้าใกล้สิ่งใด มันจะสูญเปล่า”


เสียงของคิเรียนเผยให้เห็นร่องรอยของความโกรธ และผู้หนุนหลังจากองค์กรบ่นพึมพำ


“มันช่วยไม่ได้ ในขั้นต้นจะต้องมีการตัดสินใจว่าสิ่งที่อยู่ภายในจะไม่ถูกส่งต่อไปยังบุคคลภายนอก”


มีการจำกัดจำนวนกำลังเสริมที่สามารถส่งไปยังสถานที่ห่างไกลได้ในหนึ่งวัน จอมเวทมังกรปีศาจอีกคนเช่นคิเรียนมาที่นี่


เขาเป็นจอมเวทมนต์ดำที่ปล่อยพลังแห่งความมืดออกมา คิเรียนยังปฏิบัติต่อชีวิตมนุษย์ราวกับว่ามันมีค่าไม่มากไปกว่าแมลงวัน แต่เขาไม่ได้ใช้ความตายเป็นเครื่องมือเหมือนกับจอมเวทมนต์ดำคนนี้ เขาตัวสั่นด้วยพลังงานที่ปล่อยออกมาจากจอมเวทมนต์ดำ


อย่างไรก็ตาม ทักษะของเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ คิเรียนใช้ทุกวิถีทาง แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดเกราะป้องกันของซากปรักหักพังได้ จอมเวทมนต์ดำเปิดมันในเวลาเพียง 12 ชั่วโมง


อย่างไรก็ตามปัญหาตามมาในภายหลัง






DWM 021 พิธีกรรมสังหารมังกร (6)



ซากปรักหักพัง ไม่มีค่ายอาคมอะไรที่จะคุกคามชีวิตของผู้บุกรุก อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่ถูกเก็บไว้ภายในและโบราณวัตถุที่ได้รับการยอมรับว่ามีค่าโดยจอมเวทคาร์ลอสถูกทำลายเมื่อพวกเขาเข้าใกล้มัน


จอมเวทมนต์ดำพูดขึ้น


“ข้าไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของซากปรักหักพังนี้คืออะไร โบราณวัตถุถูกทำลายจากการสัมผัสโดยคนภายนอก...”


ซากปรักหักพังปกติเป็นพื้นที่ที่เก็บโบราณวัตถุมีค่า จึงมีการวางค่ายอาคมป้องกันอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันโบราณวัตถุ มันหายากที่จะเห็นวิธีการสุดโต่งแบบนี้ที่โบราณวัตถุถูกทำลายก่อนที่ผู้บุกรุกจะยึดครองได้


ถึงกระนั้นซากปรักหักพังนี้ก็แปลก ไม่มีค่ายอาคมป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่จะทำให้โบราณวัตถุใช้งานไม่ได้หากมีผู้บุกรุกเข้ามาใกล้


“ที่นี่เป็นที่เดียวที่เหลืออยู่...”


คิเรียนและจอมเวทมนต์ดำมาถึงพื้นที่สุสานของซากปรักหักพัง


ขณะที่พวกเขามาที่นี่ พวกเขาได้แต่มองดูว่าโบราณวัตถุเจ็ดชิ้นที่ถูกทิ้งร้าง


จากนั้นในบริเวณโถงกลาง... มีรัศมีแสงสีฟ้าและสีขาวออกมาจากสิ่งที่เหมือนคริสตัล


คิเรียนพึมพำ


"นี่คืออะไร? จิตวิญญาณงั้นเหรอ? หรือเป็นแหล่งพลังงาน?


โครงสร้างทำจากแสง และวัตถุนั้นไม่รู้สึกว่าเป็นของจริง สันนิษฐานว่าเป็นจิตวิญญาณที่ผสานเข้ากับพลังที่แข็งแกร่งหรือแหล่งพลังงาน..


อย่างไรก็ตาม จอมเวทมนต์ดำไม่เห็นด้วยกับเขา


“ไม่ มันเป็นพื้นที่ปิด”


“พื้นที่ปิด?”


“พื้นที่ปิดทึบหนาแน่นมากล้อมรอบบางสิ่งบางอย่าง อย่างไรก็ตาม...."


จอมเวทมนต์ดำใช้เวทอาคมของเขาเพื่อติดต่อกับมัน ทันใดนั้น


เปรียะ เปรียะ.....! 


ทันใดนั้น รัศมีแสงเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเริ่มเปิดออก คิเรียนและจอมเวทมนต์ดำถอยหนีห่างออกมาด้วยความประหลาดใจ


"มันคืออะไร?"


"ข้าไม่รู้ อย่างไรก็ตาม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิด”


ท่าทางของจอมเวทมนต์ดำดูหม่นหมอง และเขาเรียกใช้งานบาเรียของเขา พลังเวทที่ปล่อยออกมาจากรัศมีแสงนั้นมีมากมายมหาศาล หากจุดประสงค์ของมันคือการทำลายล้างด้วยการระเบิด มันก็จะระเบิดซากปรักหักพังนี้อย่างง่ายดายในพริบตา 


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขากลัวกลับก็ไม่ได้เกิดขึ้น รัศมีแสงที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเริ่มริบหรี่ลงไป


คิเรียนพึมพำกับตัวเองอย่างงุนงง


"เมื่อกี้คืออะไร?"


"ข้าเชื่อว่า...."


จอมเวทมนต์ดำยังคงพูดต่อไปในขณะที่เขาลูบคางของเขา


“มันต้องบินไปที่ไหนสักแห่งด้วยการกระโจนผ่านอวกาศ”


...


อาเรียต้า พึมพำกับตัวเองอย่างโง่เขลา


“พิธีกรรมสังหารมังกร? มันคืออะไร?"


อาเซลล์จ้องมองไปที่มังกรปฐพีอย่างแน่วแน่ แต่จิตใจของเขากำลังตกใจกับคำพูดของเธอ เขามองไปที่ อาเรียต้า ราวกับว่าเขาประหลาดใจ


“เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับพิธีกรรมสังหารมังกร เหรอ?”


“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้”


“...เกิดอะไรขึ้นกับช่วงเวลานี้?”


อาเซลล์พึมพำออกมา


พิธีกรรมสังหารมังกร


ตามตำนานมังกรทำสัญญากับมนุษย์และนี่คือพิธีกรรมที่สืบทอดกันมา


หากมนุษย์มีสติปัญญาที่มังกรปรารถนา มังกรก็จะยอมรับพิธีกรรมของผู้สังหารมังกร ไม่ค่อยเห็นมังกรที่ทำการปฏิเสธพิธีกรรม เหตุผลที่พิธีกรรมเป็นวิธีที่มังกรใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พวกมันต้องการจริงๆ ซึ่งก็คือภูมิปัญญา


พิธีกรรมเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว มังกรและผู้ที่ท้าทายมังกรต่อสู้ตัวต่อตัว สิ่งนี้แตกต่างจากมังกรที่กินมนุษย์ เมื่อได้รับชัยชนะในพิธีกรรมสังหารมังกร มังกรจะสามารถดูดซับภูมิปัญญาของผู้ท้าชิงได้ส่วนหนึ่ง


หากผู้ท้าชิงชนะและสังหารมังกรได้ ผู้ท้าชิงจะดื่มเลือดของมังกรเพื่อรับพลังส่วนหนึ่งของมัน มนุษย์และมังกรวางชีวิตเป็นเดิมพันบนเส้นทางแห่งชัยชนะ และมันเป็นการต่อสู้ที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งภูมิปัญญาหรือพละกำลัง นี่คือพิธีกรรมสังหารมังกร


อาเรียต้า ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำอธิบาย


“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้”


“....ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้”


อาเซลล์รู้สึกผิดหวังในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ มังกรปฐพี


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มังกรปฐพีก็ผงกศีรษะ มันแสดงท่าทางว่ายอมรับพิธีกรรมสังหารมังกร


"ตกลง"


อาเซลล์ยกดาบขึ้นและชี้ไปที่เรจิน่า


“เจ้าบอกว่าเจ้าคือเรจิน่า? ข้าขอเตือนเจ้า เพราะเจ้าอาจไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพิธีกรรมสังหารมังกร มีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม มันเป็นความจริงที่ว่านี่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว”


ในระหว่างพิธีกรรมสังหารมังกร ระหว่างอาเซลล์และมังกรปฐพี จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปแทรกแซงได้ ผู้ที่ขัดขวางจะได้รับความโกรธเกรี้ยวของมังกร


"อะไรกัน?"


นี่เป็นครั้งแรกที่เรจิน่าได้ยินเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้ ดังนั้นเธอจึงผงะ


อาเซลล์หันกลับไปหาอาเรียต้า แล้วพูด


“โปรดดูแล ริค และ อีนอร่า”


“เจ้าคิดจะท้าทายมังกรจริงๆ เหรอ”


“ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ข้าได้ทำไปแล้ว พิธีกรรมสังหารมังกร เริ่มขึ้นเมื่อมังกรตกลง ข้าไม่สามารถถอยออกมาได้แล้ว ดังนั้น...โปรดถอยออกไป”


อาเซลล์ยิ้มขณะมองไปที่อาร์เรียต้า เขามองไปที่ดวงตาสีทองของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยความลำบากใจ และมันทำให้เขานึกถึงวันเก่าๆ


"ใช่ ข้าต้องการเหตุผลในการเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อผู้อื่นหรือไม่”


มันเป็นอย่างนั้นเสมอมา เขาหยิบดาบขึ้นมาและเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อที่เขาจะได้ช่วยชีวิตใครบางคนแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักคนคนนั้นดีก็ตาม


ถ้าเขาเป็นคนนอกรีต เขาคงจะทำสิ่งนี้ได้ยาก เขาจะมอบเธอให้ศัตรูและในที่สุดเขาก็จะหนีไปคนเดียว แม้ว่าเขาจะบ่นแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเธอ 


“ความรับผิดชอบของเจ้าหญิงคือการดูแลผลที่ตามมา ถ้ารอดได้ก็เจอกันใหม่”


"เดี๋ยว.....!"


อาเซลล์เมินเฉยต่อคำพูดของเธอ เขาวิ่งไปหามังกรปฐพี ในที่สุดพิธีกรรมสังหารมังกร ก็ได้เริ่มต้นขึ้น


กำแพงดินขนาดใหญ่ผุดขึ้นต่อหน้า อาเซลล์ผู้ซึ่งใช้ก้าวพริบตาทันทีเพื่อเคลื่อนที่ อาเซลล์เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะหนีไปด้านข้างที่เรจิน่าและเพื่อนของเธออยู่ ในขณะนั้นเอง พวกเขาทั้งสองก็ผงะเมื่อ อาเซลล์ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา


มังกรปฐพีคำราม


คู-อา-อา-อา-อา!


พื้นดินพลิกกลับทั้งหมด และคลื่นดินก็พุ่งเข้าหาเขา


“ข้าชอบเล่นกระดานโต้คลื่นมาตลอด!”


อาเซลล์ เร่งความเร็วในขณะที่พูดสิ่งนี้ เรจิน่าตกใจมาก


"ไม่!?"


น่าประหลาดใจที่ อาเซลล์กำลังวิ่งไปพร้อมกับขี่คลื่นดินที่ซัดสาดออกมา เขาวิ่งไปที่ยอดคลื่นของดิน และกระโดดข้ามมัน


หลังจากนั้นคลื่นดินก็ซัดเข้าใส่พวกเขา ทั้งคู่หนีออกจากสถานที่นั้นพร้อมกับพ่นคำสาปแช่งออกมา


“อ้าก!”


อาเซลล์ได้สร้างสถานการณ์ที่เขาต้องการ และเมื่อเขาไปถึงยอดคลื่นของคลื่นดิน เขาก็ก้าวพริบตาทันทีเพื่อโจมตีไปที่มังกรปฐพี


ฉับ! 


มังกรปฐพีหันมาอย่างรวดเร็ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่ร่างใหญ่จะหลบได้ ดาบของ อาเซลล์ ฟาดเข้าที่คอของมังกรปฐพี


“โฮกกก....!” 


อาเซลล์ดึงการโจมตีที่ยอดเยี่ยมออกมา แต่พลังของเขาไม่ดี อาเซลล์บ่น


"ให้ตายสิ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า?”


มังกรปฐพียังไม่ได้รับบาดเจ็บได้หันกลับมามองอาเซลล์ การโจมตีด้วยดาบของอาเซลล์ เหลือไว้เพียงรอยถลอกจางๆ บนคอของมัน กองกำลังส่วนใหญ่ไม่สามารถทำร้ายมันได้


ในตอนนี้อาเซลล์พยายามใช้ทุกวิถีทางในการกำจัดอีกฝ่าย แต่เขาไม่สามารถทำให้มังกรบาดเจ็บได้ หากเจ้าไม่มีความแข็งแกร่ง เจ้าจะถูกสังหารไม่ว่าทักษะของเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด


อาเซลล์จ้องมองที่ มังกรปฐพีด้วยสายตากังวล


เขาพึมพำ


เกล็ดของมังกรแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า นอกจากนี้ มังกรยังมีเวทอาคมอันทรงพลังซึ่งปกป้องร่างกายของมัน


“แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วใช่ไหม คาร์ลอส? เอาของที่เจ้าเตรียมมาให้ข้า”


'เจ้ารู้ได้อย่างไร?'


ทันใดนั้น เสียงแปลกปลอมก็ดังขึ้นในใจของอาเซลล์ เป็นเสียงของคาร์ลอสที่เขาเคยได้ยินในความฝัน


“จะยังมีใครอีกไหมที่รู้จักเจ้าดีไปกว่าข้า? ต่อให้เจ้าแก่และหัวล้าน ไม่มีทางที่บุคลิกของเจ้าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรอก จริงไหม?”


'ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้!'


เศษเสี้ยวความทรงจำของคาร์ลอสพุ่งเข้าใส่อย่างเดือดดาล อาเซลล์ยิ้มเยาะ


“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เศษเสี้ยวหนึ่งหายไปจากตันเถียนของข้าหรือยัง”


'ข้าเดาว่าประสาทสัมผัสของเจ้ายังไม่มืดมนแม้ว่าเจ้าจะหลับไปจนข้าตาย'


เศษของคาร์ลอสบ่นแกมเหน็บออกมา


อาเซลล์ได้พูดถึงเรื่องราวของคาร์ลอสให้อาเรียต้าทราบโดยอ้อม เขาได้กล่าวอำลาเศษเสี้ยวความทรงจำของคาร์ลอสในความฝัน แต่เขาตระหนักแล้วว่าเศษเสี้ยวความทรงจำนั้นไม่ได้หายไปไหน และยังคงอยู่เดิม และมันยังคงสืบทอดบุคลิกของคาร์ลอสที่อาเซลล์รู้จัก จนถึงตอนนี้ คนที่เหลือได้ตรวจสอบรายละเอียดของเหตุการณ์เมื่อเวลาผ่านไป และเขากำลังมองหาโอกาสทองที่เขาจะได้รับในจำนวนสูงสุด (TLN: โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องการกอบกู้โลก)


“คู-รู-รู?” (TLN: มังกรคำราม)


มังกรปฐพี เอียงศีรษะต่อหน้าเขา มันทำตัวแปลกๆ ราวกับว่ามันได้ยินการสนทนาที่เกิดขึ้นภายใน อาเซลล์


อาเซลล์พูดขึ้น


“ข้าอยู่ในภาวะวิกฤติที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยที่นี่ หยุดโวยวายแล้วช่วยข้าที”


“มันช่วยไม่ได้”


คาร์ลอสจากเศษเสี้ยวที่เหลือถอนหายใจ


‘นี่จะเป็นการอำลาที่แท้จริงของข้า ข้าอยากจะดูอีกสักหน่อย แต่มันไม่เป็นไปตามที่ข้าต้องการ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชะตากรรมของข้าถึงได้ปั่นป่วนนัก”


“เจ้าพูดถูก ดีใจที่ได้พบเจ้า"


'เจ้ากำลังพูดอะไรที่น่าอาย อย่าตายเสียละ'


เศษเสี้ยวความทรงจำตอบกลับ การดำรงอยู่ที่อาศัยอยู่ในตันเถียนของ อาเซลล์ดับลงอย่างสมบูรณ์ จากนั้นค่ายเวทอาคมที่ถูกรักษาไว้เป็นเวลา 200 ปีก็ถูกเปิดใช้งาน


เปรียะ-เปรียะ! 


รัศมีแสงจ้า จนทำให้ตาพร่าเริ่มเล็ดลอดออกมาจากอาเซลล์ และแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ปรากฏการณ์นี้พลันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันมันทำให้มังกรปฐพีสะดุ้งและถอยกลับไป


จากนั้น... ลำแสงวาบก็สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า


คลืนนนนน! 


เสียงดังกึกก้องและแผ่นดินสั่นสะเทือน จากภายในแสงสว่าง ดาบที่เปล่งแสงสีน้ำเงินถูกเปิดเผย


“ข้าเดาว่านี่คือการจัดเตรียมที่เจ้าทำไว้”


จากภายในแสงที่หมุนรอบตัวเขา อาเซลล์ ยื่นมือไปข้างหน้าและจับดาบ


“ข้าเดาไม่ได้เลยว่าเจ้าจะรักษา ดาบอัศวินมังกร (Dragon Maken) ของข้าไว้ถึง 220 ปี... เจ้าสมควรได้รับการขนานนามว่าเป็น จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ข้าไม่เคยจินตนาการถึงสิ่งนี้เลย”


ดาบอัศวินมังกร 

นี่คืออาวุธที่ อาเซลล์ใช้ต่อสู้กับราชามังกรปีศาจเอเธน มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ และเจ้าของจะมีแต่ อาเซลล์ เท่านั้นที่สามารถใช้ดาบนี้ได้


ดาบถูกสร้างขึ้นโดยตรงโดย อาเซลล์ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเขาเชื่อมั่นในตัวเอง 


พลังความคิดและพลังเวทเป็นสารอาหารที่มีอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่คาดคิดว่ามันจะถูกรักษาไว้ได้ถึง 220 ปี


ฮู้วววว! 


แสงกระจายไปและสายลมกระโชกแรงเริ่มโหมกระหน่ำ ภายใต้ผมสีแดงที่พลิ้วไหว ดวงตาสีฟ้าของอาเซลล์ เปล่งประกายยิ่งกว่าที่เคย


อาเซลล์ปรากฏตัวในขณะที่จับดาบเปล่งประกายแสงสีน้ำเงิน พลังเวทจาก ดาบอัศวินมังกร ไหลเข้ามาและเติมเต็มเขาจนสุดขีด วงแหวนแห่งชีวิตของเขาเริ่มสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง


“น่าเสียดาย นี่เป็นเพียงปาฏิหาริย์ชั่วขณะเท่านั้น.....”


ดวงตาสีฟ้าของอาเซลล์เปล่งประกายแวววาว เขามองไปที่ มังกรปฐพี


“ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่เอาชนะราชามังกรปีศาจได้”


จากนั้นพายุสีน้ำเงินก็เริ่มโหมกระหน่ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น