เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

EGT 1401-1405

EGT 1401 การต่อสู้ของสัตว์ร้าย (4)

หัวใจของ เฉินหยานเซียว จมลง เธอเคยได้ยินความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของหงส์ไฟ

ตอนนี้เธอรู้แล้วถึงความเข้มแข็งของอีกฝ่าย เฉินหยานเซียวทำได้แต่เพียงอธิษฐานว่า เทาเที่ยจะไม่สามารถพังกรงขังของพวกเอลฟ์จนเอาตัวออกมาได้

ในไม่ช้า เฉินหยานเซียวก็มาถึงคุกใต้ดินในส่วนลึกของพระราชวังพร้อมกับหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ คนอื่น ๆ

มีกรงขนาดใหญ่มาก มันลึกลงไปหลายร้อยเมตรจากบนพื้น

เหล็กเส้นทุกเส้นมีความหนากว่ารอบเอวของผู้ใหญ่ ที่ถูกหุ้มด้วยความแวววาวจากอาคมจารึก แท่งเหล็กที่สวยงามนับหมื่นสร้างกรงที่ทรงพลังที่สุด

อาวุโสเอลฟ์ที่มีผมสีขาวสิบหรือมากกว่านั้น พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวกำลังถือพู่กันลงอักขระจารึกบนพื้นรอบกรงอย่างหนาแน่นอยู่ตลอดเวลา

กรรรร!”

เสียงคำรามดังมาจากกรงอีกครั้งและโคมไฟผลึกที่ห้อยลงมาจากด้านบนของกรงก็พังลงมา ภายใต้คลื่นเสียงกระแทกอันทรงพลัง

เปลวไฟพลิ้วไหวเบา ๆ และส่องสว่างภายในตัวกรง!

ร่างมหึมาของ บิฮีมอธ (Behemoth คือสัตว์อสูร มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างช้าง, ฮิปโป, แรด และควาย) นั้นคล้ายกับภูเขาที่มีเกล็ดสีดำสนิทครอบคลุมทั่วทั้งตัวและดวงตาสีแดงคู่นั้นเต็มไปด้วยความโลภ

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่อย่างแท้จริง!

ในคุกใต้ดินนี้ซึ่งมีความสูงหลายร้อยเมตรแล้ว แต่เทาเที่ยสามารถนอนหมอบสี่ขาบนพื้นได้เท่านั้น ใคร ๆ ก็สามารถที่จินตนาการได้ว่ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนเมื่อยืนขึ้น!

ในปากของสัตว์ร้ายตัวนี้นั้นมีเขี้ยวหกคู่ที่ดูเหมือนว่าพวกมันสามารถแยกทุกอย่างออกได้ในทันที

โซ่เหล็กที่มีอักขระจารึกหนาแน่นเกินกว่าจะนับได้ก็ถูกพันรอบร่างกายของเทาเที่ย

เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้ต่อหน้าเธอ แม้ว่ามันจะถูกล่าม

ผลกระทบที่มันนำมามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นี่คือ เทาเที่ย …” เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจ ในการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดยักษ์ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าคำพูดของ หงส์ไฟ มาจากไหน

เทาเที่ยนอนอยู่ตรงนั้น แต่มันก็ใหญ่กว่าเต่าดำสองเท่า สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองตะวันไม่เคยลับ

เสี่ยวเซียวเจ้ารู้จักมันหรือไม่?” อันหรานกลืนน้ำลายของเขา เมื่อมองดูเทาเที่ยที่ดูดุร้าย เขาก็อดที่จะสั่นสะเทือนไปทั่วร่างไม่ได้ สัตว์ตัวนี้ใหญ่แค่ไหน!

จำเป็นต้องลงอักขระจารึกจำนวนเท่าใดเพื่อระงับมัน? ถ้ามันถูกแทนที่ด้วยสัตว์เวทอื่น เธอก็กลัวว่าภายใต้แรงกดดันของอักขระอาคมจารึกมากมายจะทำให้สัตว์เหล่านั้นอ่อนแอลงไปนานแล้ว ไม่มีอำนาจ แต่สัตว์ร้ายตัวนี้ยังคงปล่อยเสียงคำรามที่น่ากลัวออกมาได้อย่างไร?

ข้าเคยได้ยินมา” เฉินหยานเซียวพยักหน้าเธอ

กลุ่มของเหล่านักอาคม ไม่กล้าหยุดลงอักขระจารึกแม้แต่วินาทีเดียว เม็ดเหงื่อใสหยดลงมาจากหน้าผากของพวกเขา แต่พวกเขาไม่มีเวลาเช็ดมัน

พวกเอลฟ์ หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ หลายร้อยยืนเคียงข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยกคันธนูของพวกเขา วางลูกธนูลงบนมันและดึงสายธนูออกในขณะที่เล็งไปที่ เทาเที่ย ในกรง

หัวใจของเอลฟ์ทุกคนแขวนอยู่ในลำคอ

พวกเขาทุกคนรู้ว่าเมื่อพลังแห่งอักขระอาคมไม่สามารถปราบเทาเที่ยได้พวกเขาก็จะได้ลงมือในทันที

และกลายเป็นอาหารของ บิฮีทอธ ที่มีความโลภนี้ในทันที

ไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อสู้

ตลอดทั้งห้องขังมีเพียงเสียงคำรามของ เทาเที่ย เท่านั้นที่สามารถได้ยิน เอลฟ์ทั้วหมดต่างกัดฟันของพวกเขาแน่น ยืนอย่างเคร่งขรึม

ไม่ว่าพวกเขาจะสามารถรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ได้หรือพวกเขาจะพบกับความตายที่นี่ มันขึ้นอยู่กับอักขระอาคมจารึกของนักอาคมเหล่านี้!

พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอักขระอาคม มันทำให้โซ่เหล็กบนร่างของเทาเที่ยหดสั้นลงหนึ่งนิ้ว เช่น ยอดภูเขาที่ถูกกดลงให้แนบลงไปที่พื้นและจากนั้นก็มีรังสีสีทองเหมือนฟ้าผ่าที่ล้อมรอบทั้งร่างของเทาเที่ย

เสียงการระเบิดดังกึกก้องและแสงฟ้าผ่าที่กระทบกับเกล็ดที่แข็งกระด้างของ เทาเที่ย ทำให้ร่างกายของมันมีร่องรอยดำคล้ำมากขึ้น

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ความร้อนรนของเทาเที่ยก็ค่อยๆลดลง มันไม่โกรธอีกต่อไปและไม่พยายามต่อสู้อีกต่อไป แต่คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเงียบ ๆ จ้องมองพวกเอลฟ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ด้วยคู่ดวงตาที่แดงของมัน




EGT 1402 การต่อสู้ของสัตว์ร้าย (5)

ในที่สุด เทาเที่ยก็สงบลงและพวกเอลฟ์ก็สามารถถอนหายใจออกมาได้

อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะลดธนูและลูกธนูในมือของพวกเขาลง พวกเขามองเทาเที่ยด้วยความหวาดกลัวว่าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ตัวนี้จะบ้าคลั่งอีกครั้ง

ครู่ต่อมาเอลฟ์ชายที่สวมชุดเกราะสีทองเดินเข้ามาจากทางเข้าของคุกใต้ดิน

ข้างหลังเขามีห้าหนุ่มจันทราศักดิ์สิทธิ์

ผู้บังคับบัญชา”

เมื่อพวกเอลฟ์เห็นเอลฟ์เกราะสีทอง ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพอย่างสูง

เฟินชู เป็นหัวหน้าผู้บัญชาการทหารหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครในหมู่พวกเอลฟ์รู้ว่าเขามีความแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขารู้เพียงว่าเขาเคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ มาตั้งแต่สามหรือสี่ร้อยปีที่แล้ว และหลังจากสามหรือสี่ร้อยปีผ่านไป รูปร่างหน้าตาของเฟินชูก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

เฟินชูอยู่ภายใต้ราชาเอลฟ์โดยตรง เขาเชื่อฟังแค่ราชาเอลฟ์เท่านั้น ในวันธรรมดาเขามักจะอยู่รอบ ๆ ราชาของเขา ปกป้องเขา เขาไม่ค่อยปรากฏในที่อื่นในเมืองรัศมีจันทร์ เว้นแต่จะมีเหตุการณ์สำคัญหรือมีสมาชิกใหม่ของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นเขาก็จะปรากฏตัวออกมา

ไม่มีใครรู้ถึงขอบเขตที่แท้จริงของความแข็งแกร่งของเขา

พวกเอลฟ์บางคนกล่าวว่าความแข็งแกร่งของเฟินชูนั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของเอลฟ์ระดับสีเงินแล้ว มีบางคนที่อ้างว่าภายในทวีปเทพจันทราทั้งหมด เฟินชูเป็นเอลฟ์ทองคำเพียงคนเดียว ยกเว้นก็แต่ราชาเอลฟ์

ความจริงนั้นเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้

เพราะนอกเหนือจากเวลาที่เทาเที่ยบุกเข้ามาในเมืองรัศมีจันทร์เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว เฟินชูก็ไม่เคยแสดงทักษะของเขาอีกเลย

รูปลักษณ์ของเฟินชูดูเหมือนจะทำให้เอลฟ์ทุกคนมีความมั่นใจ ใจของพวกเขาที่แขวนอยู่ในลำคอ ในที่สุดพวกเขาก็สามารถวางมันลงได้

ผู้บัญชาการ เทาเที่ยได้สงบลงแล้ว” เอลฟ์ที่รับผิดชอบในการอักขระจารึก ในที่สุดก็ได้เวลาเช็ดเหงื่อของเขาออกไป แล้วเดินไปที่เฟินชู

เฟินชูพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์

ในทุกความเป็นธรรม รูปลักษณ์ของเฟินชูนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าติดอันดับในหมู่พวกเอลฟ์ เฉินหยานเซียว ทำได้แค่คิดว่าเขาสามารถเปรียบเทียบได้กับหลันซือ

สำหรับม่อหยู ละคนอื่น ๆ พวกเขาแต่ละคนหล่อและโดดเด่นเมื่ออยู่คนเดียว แต่เมื่อมาอยู่ใกล้กับเฟินชู พวกเขาทั้งหมดก็สูญเสียความเจิดจรัสและความสามารถของพวกเขาในทันทีและกลายเป็นเด็กน้อย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เทาเที่ยดูจะกระสับกระส่ายบ่อยครั้ง เจ้าต้องเพิ่มอาคมให้กับที่นี่ ข้าจะให้เอลฟ์คอยดูที่นี่ทุกวัน” เฟินชูขมวดคิ้วเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทาเที่ยเริ่มหลุดออกจากการควบคุมมากขึ้นเรื่อย ๆ กว่าร้อยปีที่ผ่านมามีเพียงไม่กี่ครั้งที่เทาเที่ยจะบ้าคลั่ง และด้วยเหตุนี้ เฟินชูจึงไม่ได้สร้างทีมพิเศษของ หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ เพื่อป้องกันด้านในของห้องขัง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจำเป็น

การสอบคัดเลือกของ หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีสมาชิกใหม่มาหลายเดือนแล้ว และสมาชิกดั้งเดิมได้รับมอบหมายให้ทำงานในตำแหน่งของตนเองแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงทหารเก่าบางคนออกมาจากตำแหน่งที่พวกเขาทำอยู่

เฟินชูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปหาม่อหยูที่อยู่ข้างหลังเขา “แล้วสมาชิกใหม่สองคน ที่เพิ่งมาถึงวันนี้ละ?”

ม่อหยูตอบว่า “เราได้จัดที่พักให้พวกเขาแล้ว”

เฟินชูพยักหน้าจากนั้นดวงตาที่แหลมคมของเขาก็กวาดเอลฟ์ในห้องขัง ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่เฉินหยานเซียวและอันหราน ที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเอลฟ์

เจ้าสองคนมานี่สิ”

เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่ออยู่รวมกันในหมู่เอลฟ์มากมายเหล่านี้ เธอกับอันหรานก็ไม่ได้โดดเด่น เธอไม่ได้คาดหวังว่าสายตาของเฟินชูนั้นจะดีมากจนเขาสามารถมองเห็นเธอและอันหรานได้

เธอและอันหรานเดินไปที่เฟินชูได้เท่านั้น

เฟินชูมองดูเอลฟ์น้อยสองคนต่อหน้าต่อตาเขาอย่างประหลาดใจและกล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าทั้งสองจะต้องผลัดกันเพื่อป้องกันเทาเที่ยในห้องขังนี้ หากเทาเที่ยแสดงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้เจ้ารีบแจ้งหน้าที่ภายนอกเพื่อไปรายงานข้าในทันที




EGT 1403 เทาเที่ย (1)

เฉินหยานเซียว ไม่เคยฝันเลยว่างานแรกของเธอหลังจากเข้าเมืองรัศมีจันทร์ คือทำหน้าที่เป็น "ผู้คุมสัตว์"

และมันก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่หงส์ไฟมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง!

การจัดการกับโชคชะตานั้นยอดเยี่ยมจริงๆ

หลังจากที่ เทาเที่ยได้เงียบลง นักอาคมได้เขียนอาคมเพิ่มเติมและพวกเอลฟ์ที่รวมตัวกันในห้องขังต่างแยกย้ายกันออกไป

ม่อหยูแอบมองเฉินหยานเซียวอย่างมีความหมายโดยบอกให้เธอดูแลตัวเอง

การปกป้องคุกใต้ดินนั้นไม่ใช่งานที่อันตราย แต่เป็นเพราะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ที่สามารถหลุดการควบคุมและออกไปได้ตลอดเวลา สถานการณ์ก็ยอดเยี่ยมมาก! (ประชด)

มันก็เหมือนคนที่ขนเงินสดในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับพวกเขาตลอดชีวิตหรือพวกเขาจะตายทันทีเมื่อมีอะไรผิดพลาด

ผู้บัญชาการขอให้เราผลัดกันระวัง เจ้าคิดว่าอะไรเหมาะสม?” หลังจากพวกเอลฟ์ออกไป อันหรานเริ่มที่จะหารือถึงวิธีการผลัดกับเฉินหยานเซียว

อันหรานคุ้นเคยกับการฟังความคิดเห็นของเฉินหยานเซียว เขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่น่าอับอายในการขอคำแนะนำจากเอลฟ์ผู้เยาว์

เฉินหยานเซียวแตะคางของเธอแล้วมองดูเทาเที่ย ที่จ้องมองเธอด้วยตาสีแดง

ตำแหน่งงานที่เฟินชูมอบให้เธอค่อนข้างผ่อนคลาย แต่ก็ จำกัดขอบเขตของกิจกรรมของเธอในระดับสูง

ซึ่งไม่เอื้ออำนวยอย่างสมบูรณ์สำหรับเธอในการค้นหาที่อยู่ของเหวินหยาและเฉินอู๋ในเมืองรัศมีจันทร์

มาทำอย่างนี้กันเถอะ ข้าจะเป็นผู้ดูแลในเวลากลางวันในขณะที่เจ้ากลับมาในตอนเย็น” เฉินหยานเซียวคิดจัดการ เฟินชูต้องการให้แน่ใจว่ามียามเอลฟ์คอยเฝ้าดูในคุกใต้ดินเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ในกรณีนี้เธอสามารถอยู่ที่นี่ในระหว่างวันและรอจนถึงตอนเย็นเพื่อส่งมอบงานให้กับอันหราน

ท้ายที่สุดการลงมือในตอนกลางคืนก็มีประโยชน์กับเธอมากกว่า

เอาล่ะ ถ้าเจ้ารู้สึกเหนื่อยเจ้าสามารถบอกข้าล่วงหน้าและข้าจะมาเร็ว เจ้ายังคงต้องเติบโตอีกมาก อย่าทำอะไรเกินตัวสำหรับตัวเจ้าเอง” อันหรานพยักหน้าแล้วพูด

เฉินหยานเซียวยิ้มและตอบว่า “เจ้ามั่นใจได้ว่าข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้า เจ้าควรกลับไปก่อนและรอจนกระทั่งค่ำเพื่อมาเปลี่ยนกะกับข้า”

หลังจากพวกเขาบรรลุข้อตกลงอันหรานก็ออกจากคุกใต้ดินไป

ภายในห้องขังขนาดใหญ่หลังจากพวกเอลฟ์ทุกคนไปแล้ว เฉินหยานเซียวเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่

ในความเป็นจริงในวิหารที่อยู่เหนือคุกใต้ดินมีสมาชิกของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสิบคนที่คอยเฝ้าดูคุกใต้ดินที่กักขังเทาเที่ย ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิหาร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่น ๆสำหรับ "นักโทษ" อื่น ๆ

เฉินหยานเซียวดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้ามเทาเที่ย เธอเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับสัตว์เวทตัวนี้ ที่ต่อสู้กับหงส์ไฟ และเป็นปรปักษ์ที่ไม่อาจต้านทานของหงส์ไฟได้

ลักษณะที่ปรากฏของเทาเที่ยดูดุร้ายมาก มันดูเหมือนสัตว์เวทที่โหดเหี้ยมอย่างสุดขีด และมีชื่อเสียงว่าเป็นสัตว์เวทที่ดุร้าย

ดวงตาคู่ของมันซึ่งมีสีเดียวกับหงส์ไฟนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่รู้จักจบ เพื่อฆ่าและกระหายเลือดรวมอยู่ในมัน

ถ้าไม่ใช่เพราะการปราบปรามของอาคมเธอก็กลัวว่าเทาเที่ยจะทำลายเมืองรัศมีจันทร์ไปแล้ว

เฉินหยานเซียวอยากรู้มากเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเอลฟ์ใช้ในการจับสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมานี้และจับมันขังในคุกใต้ดินหลายร้อยเมตรใต้พื้นดินได้อย่างไร

ในขณะที่ เฉินหยานเซียวกำลังเฝ้าสังเกตเทาเที่ย เทาเที่ยก็กำลังสังเกตเอลฟ์ตัวเล็ก ๆ ต่อหน้าเขาเช่นกัน

ด้วยขนาดตัวของเฉินหยานเซียว ซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับขนาดใหญ่ของมัน ร่างกายที่ผอมของเธอก็ไม่เพียงพอที่จะเติมช่องว่างระหว่างฟันของมัน

แต่เอลฟ์ตัวน้อยที่ดูเหมือนอ่อนแอจริง ๆ แล้วมีความกล้าที่จะนั่งเผชิญหน้ากับมัน และดวงตาของเธอที่ดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ

การจ้องมองแบบนี้แตกต่างจากเอลฟ์คนอื่น ๆ เทาเที่ยคุ้นเคยกับดวงตาที่หวาดกลัวของพวกเอลฟ์ กำลังรู้สึกอึดอัดกับการจ้องมองของเฉินหยานเซียวอย่างมาก




EGT 1404 เทาเที่ย (2)

เฉินหยานเซียวเงยหน้าขึ้น แล้วนั่งไขว่ขา จ้องมองไป บิฮีมอธที่นอนอยู่บนพื้น

ท่าทางของเธอนั้นไม่แตกต่างจากการดูลูกแมวหรือลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ บนพื้น

นี่เป็นเพียงการยั่วยุต่อศักดิ์ศรีของเทาเที่ยในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์!

เทาเที่ยแยกเขี้ยวของมันและจ้องไปที่เฉินหยานเซียว อย่างดุร้าย ราวกับว่ามันจะทำลายโซ่ที่ล่ามไว้ในวินาทีต่อมาและกระโจนใส่เธอ

กระนั้นบนใบหน้าของเฉินหยานเซียว ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย

ข้าแนะนำให้เจ้าช่วยตัวเองให้พ้นจากปัญหา หากเจ้ามีความสามารถที่จะวิ่งหนีออกจากกรงจริงๆ พวกเราทั้งหมดทุกคนก็คงจะตายไปแล้ว เนื่องจากเจ้าไม่สามารถออกมาได้ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้ข้ากลัว มันจะดีกว่าที่จะเก็บเรี่ยวแรงบางส่วนของเจ้าเอาไว้” เฉินหยานเซียวมองไปที่เทาเที่ย ที่พยายามทำให้เธอตกใจกลัวและเพิ่งบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อาจจะทำให้คนผู้หนึ่งโกรธถึงตาย

เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกที่โง่เขลาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทาเที่ย ราวกับว่ามันแปลกมากที่การข่มขู่ของมันไม่มีผลอะไรกับเอลฟ์ตัวเล็กที่อยู่ต่อหน้ามัน  สถานการณ์นี้ทำให้เทาเที่ยรู้สึกแปลกมาก

เอลฟ์ตัวเล็กควรหวาดกลัวที่จะเห็นภาพลักษณ์ดังกล่าวหรือไม่?

เฉินหยานเซียวไม่ได้ให้ความสนใจกับเทาเที่ยอีกต่อไป เธอเริ่มคิดถึงสิ่งอื่นในใจ

เมื่อเข้ามาในเมืองรัศมีจันทร์ ก็อาจกล่าวได้ว่าเธอได้ทำตามวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งของเธอ ที่มาที่ทวีปเทพจันทรา

เธอยังมีเวลาครึ่งปีในการบ่มเพาะแหล่งกำเนิดพลังชีวิตที่นี่และมันจะไม่เป็นการยากที่จะยกเลิกตราประทับสองชั้นสุดท้ายภายในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตามปัญหาที่เฉินหยานเซียวกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่เพียงแต่เรียบง่ายเหมือนตราประทับของเธอ

พ่อแม่ของเธออยู่ในทวีปเทพจันทรา!

เธอต้องช่วยชีวิตพวกเขา!

สำหรับ เทาเที่ย?

เธอจะต้องกลัวอะไรกับสิ่งนี้!

แล้วถ้าเขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ล่ะ

ภายในร่างกายของเธอยังมีสัตว์ในตำนานและเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์เทพเจ้า เธอไม่เชื่อว่า เทาเที่ยจะสามารถกลืนเธอได้เมื่อเผชิญหน้ากับหงส์ไฟและซิ่ว

หลังจากที่เฉินหยานเซียวเปลี่ยนกะกับอันหราน ในคืนนี้เธอวางแผนที่จะใช้ "การเดินทางไปกลับ" ภายในเมืองรัศมีจันทร์ให้น้อยที่สุด เธอต้องติดต่อกับต้วนซิว ก่อน

ต้วนซิวเป็นพระนางศักดิ์สิทธิ์ในเมืองรัศมีจันทร์ เธอมีอิสระมากขึ้นในการกระทำของเธอ มันจะเชื่อถือได้มากที่สุดว่าเพื่อรับทราบข่าวเกี่ยวกับเหวินยาและเฉินอู๋ จากต้วนซิว

เฉินหยานเซียววางแผนขั้นตอนต่อไปของเธออย่างเงียบ ๆ เทาเที่ยจ้องมองเอลฟ์ตัวน้อยที่สงบนิ่งด้วยดวงตาคู่หนึ่ง

เขาสงสัยว่าเอลฟ์ตัวน้อยนี้มีปัญหากับสมองของเธอหรือไม่ หลังจากทั้งหมดแม้ว่ามันตอนนี้จะติดอยู่ในกรง มันยังสามารถใช้คลื่นกระแทกของเสียงคำรามเพื่อสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับเหล่าเอลฟ์ ดังนั้นในเมืองรัศมีจันทร์นอกเหนือจากเอลฟ์ทองคำสองคน ซึ่งไม่เคยมีใบหน้าที่เปื้อนเลือด ต่างพากันสั่นทุกคนเมื่อได้เห็นมัน

อย่างไรก็ตามสาวน้อยผู้นี้เก่งจริง ๆ ! เธอไม่เพียง แต่ไม่สนใจการข่มขู่ของเขาอย่างสมบูรณ์ แต่เธอยังทำเป็นไม่สนใจการดำรงอยู่ของเขาโดยสิ้นเชิง เธอเพิ่งจะก้มหัวลง ไม่มีใครจะสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

เทาเที่ยถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินโดยพวกเอลฟ์มานานกว่าร้อยปี

หลายปีที่ผ่านมาเขาถูกจำคุกเพียงลำพังในคุกใต้ดินอันว่างเปล่านี้ตลอดทั้งวันทั้งคืน เฉพาะเมื่อมันบ้าคลั่งก็จะทำให้เอลฟ์ทั้งหมดกังวลใจ

ในที่สุดสัตว์เวทที่ดุร้ายที่โดดเดี่ยวมานานกว่าร้อยปีก็ได้พบเอลฟ์ตัวเล็ก ๆ อยู่ในห้องขังของเขา

ซึ่งทำให้เทาเที่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นและแปลกใหม่

เพียง แต่ ...

ในท้ายที่สุดเด็กน้อยผู้นี้ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ให้กับมันแม้แต่น้อย!

อย่าเพิกเฉยข้าเลย อา!

ไม่ว่าอะไรก็ตาม มันก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกันการแสดงสีหน้าให้ความสนใจต่อหน้ามันก็ควรที่จะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง!

ไม่ว่า เทาเที่ย จะจ้องมองไปที่เฉินหยานเซียวอย่างไร ไม่ว่ามันจะใช้กรงเล็บแหลมคมของมันเขย่าจนสร้างเสียงที่รุนแรง

ทั้งหมดก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเฉินหยานเซียวแม้แต่น้อย

เฉินหยานเซียวเป็นเหมือนเฒ่านักบวชที่เข้าสู่การทำสมาธิซึ่งแยกตัวออกจากโลกภายนอก

อย่างไรก็ตาม เทาเที่ย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเคยประสบกับความเหงาและเยือกเย็นของสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน และยังคงพยายามค้นหาความรู้สึกของการมีตัวตนอยู่ต่อหน้าเธอ




EGT 1405 เทาเที่ย (3)

เทาเที่ย รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของมันได้รับความกระทบกระเทือนซึ่งมันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ...

ปฏิกิริยาอันเยือกเย็นของเฉินหยานเซียว ทำให้มันรู้สึกว่าคุณค่าในตนเองของมันเองลดลงจนน่าเจ็บปวดทรมานอย่างมาก

มันส่งเสียงคำรามต่ำอย่างโกรธจัดและสะบัดร่างกายของมัน ซึ่งทำให้โซ่เหล็กกระทบกันจนเกิดมีเสียงดัง

แต่เฉินหยานเซียวก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

ในเวลานี้มีเสียงเคาะประตูออกมานอกประตูคุกใต้ดิน เฉินหยานเซียวเดินไปและเปิดประตู

เธอเห็นเอลฟ์ที่นอกประตูยืนอยู่ พร้อมด้วยถาดใส่ผลไม้สีแดงสด

เจ้าคือหยานเซียวใช่หรือไม่” เอลฟ์มองดูเฉินหยานเซียว แล้วถาม

เฉินหยานเซียวพยักหน้าตอบรับ

พวกเอลฟ์กล่าวว่า “ข้าเป็นเอลฟ์ภายใต้หัวหน้าหยู และหัวหน้าหยูก็บอกว่า เจ้าเพิ่งเข้ามาในเมืองรัศมีจันทร์ เจ้ายังไม่รู้อะไรหลายอย่าง ตอนนี้ข้ากำลังดูแลพื้นที่ต้องห้ามที่ซับซ้อนที่ด้านนอกวิหาร ถ้าเจ้ามี คำถามใด ๆ เจ้าสามารถถามข้าได้”

ตกลง” เฉินหยานเซียวพยักหน้า แม้ว่าม่อหยูจะดูไม่น่าเชื่อถือมากนัก แต่เขาก็จัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ค่อนข้างดี

นี่คืออาหารที่เจ้าสมควรได้รับ แม้ว่าผลไม้นี้จะไม่ใช่ผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต แต่มันก็ช่วยได้มากในการดูดซับพลังชีวิต เฉพาะพวกเอลฟ์ที่เข้ามาในเมืองรัศมีจันทร์ เท่านั้นที่สามารถกินผลไม้เหล่านี้ได้และเจ้าสามารถมีได้สามมื้อต่อวัน ทุกมื้อจะมีห้าผลไม้ให้กับเจ้า แน่นอนนี่คือการแสดงการพิจารณาของเจ้าที่ว่าเจ้ายังเด็ก เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่จำนวนของผลไม้จะลดลงเหลือสาม" เอลฟ์อธิบายออกมาอย่างรอบคอบ ใส่ใจในรายละเอียดในขณะที่เขาอธิบายสิ่งเหล่านี้กับเฉินหยานเซียว อย่างไรก็ตามดวงตาที่ดูสงบของเขาก็เต็มไปด้วยความคลุมเครือ

ในความเป็นจริงมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเฉินหยานเซียว ในกลุ่มทหารของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์

หัวข้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ...

เฉินหยานเซียวเป็นเจ้าสาวเด็กของม่อหยู!!!

แน่นอนว่าไม่มีใครในหมู่พวกเขามีความกล้าหาญที่จะถามผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้

ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณ" เฉินหยานเซียวยิ้มและพูดขอบคุณเกี่ยวกับผลไม้ในถาด

เอลฟ์จบภารกิจของเขา ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนเขาหันกลับและเดินออกไป ประตูของคุกใต้ดินถูกปิดอีกครั้ง

เฉินหยานเซียวหยิบผลไม้สีแดงแล้วนั่งบนเก้าอี้ เธอไม่ปรารถนาผลไม้เหล่านี้

ผลไม้ของเอลฟ์เหล่านี้มีผลอย่างมากต่อการดูดซับพลังแห่งต้นไม้แห่งชีวิต แต่การดูดซับพลังชีวิตของ เฉินหยานเซียวได้ถึงขีดจำกัดแล้ว แม้ว่าเธอจะกินผลไม้เหล่านี้เป็นร้อยเท่า มันอาจยังไม่ก่อให้เกิดความช่วยเหลือแม้แต่เล็กน้อย

สำหรับเธอแล้วผลไม้ชนิดนี้ที่เอลฟ์ทุกคนปรารถนา เธอไม่สนใจอะไรเลย แม้แต่รสชาติของมันก็ไม่ดีเท่าแอปเปิ้ล

หงส์ไฟ เจ้าต้องการกินผลไม้เหล่านี้หรือไม่" เฉินหยานเซียวถามหงส์ไฟ ผ่านทางจิตวิญญาณของพวกเขา

ไม่ต้องการ สิ่งนี้ใช้ได้ดีที่สุดสำหรับพวกเอลฟ์เท่านั้น แม้ว่าข้าจะกินมัน มันก็เหมือนกับการกินผลไม้ธรรมดา ๆ รวมทั้งมันมีรสชาติไม่ดี” หงส์ไฟไม่สนใจผลไม้ด้วย

หากพวกเอลฟ์ข้างนอกรู้ว่าผลไม้ที่หาที่เปรียบไม่ได้ ที่พวกเขาหวงแหนอย่างยิ่งนั้นมีค่าเพียงเล็กน้อยเมื่อมันมาอยู่ในมือของเฉินหยานเซียว ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะร้องไห้และขอให้เธอแบ่งปันกับพวกเขา

มันแย่มากที่ข้าไม่สามารถเก็บพวกมันไว้ในแหวนมิติ มิฉะนั้นข้าสามารถนำพวกมันไปให้อันหรานได้" เฉินหยานเซียวถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อเข้าและออกจากคุกใต้ดินเราจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ใครนำอะไรเข้ามาที่อาจจะสามารถทำลายตาข่ายอาคม แม้ว่าเฉินหยานเซียว ต้องการมอบผลไม้เหล่านี้ให้แก่อันหราน เธอก็ไม่สามารถทำอะไรที่ผิดปกติ หากเอลฟ์รับรู้ มันอาจนำไปสู่ปัญหาบางอย่าง

เฉินหยานเซียวไม่ต้องการที่จะยั่วยุอะไรเมื่อเธอเพิ่งเข้ามาในเมืองรัศมีจันทร์

ไม่มีความกระหายจริง ๆ เฉินหยานเซียว เล่นกับผลไม้ขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวไม่ได้สังเกตว่าดวงตาสีแดงคู่หนึ่งจับจ้องที่ผลไม้สีแดงในมือของเธอและดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโลภ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น