EGT 1356
หลังจากจัดการทุกอย่าง เฉินหยานเซียวได้กลับไปยังเผ่ารัศมีจันทร์พร้อมกับหงส์ไฟ เฉินจิงและอันหราน
พวกเอลฟ์ผู้ซึ่งได้เห็นการแข่งขันที่ผิดปกติและดุเดือดต่างกลับบ้านด้วยใจที่สั่นสะท้าน พวกเขาแต่ละคนนีบกลับไปที่ครอบครัวเพื่อค้นหาแม่ของพวกเขาเอง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหยก ในเวลาอันสั้น
เช้าตรู่วันพรุ่งนี้เหล่าเอลฟ์ทุกคนในเมืองหยกต่างได้รับรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ของวันนี้ พวกเขาต่างจดจำเอลฟ์ตัวน้อยที่ทรงพลังและมีการโจมตีที่เฉียบแหลมตั้งแต่นั้นมา
เฉินหยานเซียวและคนอื่น ๆ กลับไปที่เผ่ารัศมีจันทร์ อันหยานนั่งอยู่ข้างในห้องโถงมองดูทางเข้าเงียบ ๆ เมื่อเธอเห็นเฉินหยานเซียวกลับมาอย่างปลอดภัย และยังมีป้ายสีเงินติดบนหน้าอกของเธอ สีหน้าของอันหยานไม่ได้แสดงความผันผวนใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธออย่างสง่างามและหันหลังให้ช้า ๆ ราวกับว่าเธอไม่เห็นเฉินหยานเซียว และคนอื่น ๆ
เฉินหยานเซียวมองไปที่อันหยานที่กำลังหันหลังกลับ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเธอ
มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เหวินยาให้ความรู้สึกอ่อนโยน ในขณะที่ยายของเธอ อันหยาน เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เอลฟ์หญิงทรงพลังที่ต้องแบกรับเผ่าทั้งหมดไว้บนบ่าของเธอ
เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกของเธอเหมือนเหวินหยาออกมามากนัก แต่ตราบใดที่ใคร ๆ สังเกตเธออย่างระมัดระวังมากขึ้น มันก็จะสังเกตเห็นได้ถึงความรักและความห่วงใยของเธอ
“หากข้าไม่รู้ว่าอันหยานเป็นยายของเจ้า ข้าก็คงจะต้องคุกเข่าลงที่ด้านหน้าของเธอที่สวมชุดทับทิม ผู้หญิงเช่นนี้ มีอารมณ์ที่ไม่ธรรมดา เธอสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตเพศชายทั้งหมดรู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่า” เฉินจิงสรรเสริญอย่างสูงสำหรับอันหยานซึ่งไม่มีร่องรอยของความหยาบคาย มีแต่เพียงความเคารพและชื่นชมต่อผู้ที่แข็งแกร่ง
“ข้าคิดว่าเจ้าชอบแบบประเภทที่อ่อนโยน" เฉินหยานเซียว เหลือบตามองไปยังเฉินจิงที่เหลาะแหละตลอดทั้งวันด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ยิ้มบนใบหน้าของเธอ
เฉินจิงชะงักเพียงเล็กน้อยและครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะเข้าใจในทันทีว่า เฉินหยานเซียวหมายถึงอะไร
เขากระแอมล้างคอและเหยียดใบหน้าของเขาอย่างจงใจ ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจริงจัง ก่อนที่เขาจะพูดกับเฉินหยานเซียว
“การล้อเล่นผู้อาวุโสของเจ้า นี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง”
เฉินหยานเซียวกะพริบตาจากนั้นก็พูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า “ ลุงสามนี่ไม่ใช่สไตล์ของเจ้า อา เจ้าไม่ใช่คนประเภทเขินง่ายเช่นนั้น?”
เฉินจิงเพิ่งสบตาเธอ
เขินอายพี่สาวของเจ้านะสิ!
อ่า (ถุย)!
“เจ้าควรกังวลเกี่ยวกับเรื่องของข้าให้น้อยลง เด็กผายลมตัวใหญ่คนใดที่เจ้าสามารถรู้ได้เกี่ยวกับเรื่องผู้ใหญ่” ในฐานะลูกผู้ชายอัจฉริยะที่มีความรู้มากเกี่ยวกับกิจการของหัวใจ เฉินจิงตัดสินใจที่จะไม่ทะเลาะกับเด็กน้อยผู้นี้
เฉินหยานเซียวตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่คิดว่าถ้าป้าสะใภ้สามในอนาคตของข้าเป็นเอลฟ์ที่อ่อนโยนและสวยงามเช่นต้วนซิว มันจะเป็นการดีที่สุด”
ต้วนซิวให้ความรู้สึกที่ดีกับเธอ เหมือนแม่ของเธอ เธอเป็นพี่สาวที่อ่อนโยนเช่นกัน
มันจะดีจริงๆถ้าเธอสามารถจับคู่กับเฉินจิงได้
เฉินจิงมองเฉินหยานเซียวอย่างรวดเร็วและทุบลงบนหัวของเธอ
“เด็กตัวเหม็น เจ้าออกกำลังกายเสร็จแล้ว แต่ไม่ไปอาบน้ำ เจ้าเหม็นตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าเจ้าไม่สามารถแต่งงานในภายหลังได้ อย่าคาดหวังว่าลุงสามจะแนะนำเจ้ากับผู้ชายคนใดให้ละ"
เฉินหยานเซียวหัวเราะแล้วก็สไลด์หลุดออกไปทันทีราวกับว่ามีน้ำมันทาบนฝ่าเท้าของเธอ หงส์ไฟรีบตามเธอไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น อันหรานก็จากไปเช่นกัน
ภายในห้องโถงเหลือเพียงเฉินจิงเท่านั้น
ความเงียบรอบตัวเขาทำให้มีความเศร้าปรากฏในสายตาของเฉินจิง เขาหรี่ตาของเขาลง ก้มหน้าและมุมปากยกขึ้น เผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
“อ่อนโยน? บางทีมันก็เป็นเช่นนั้น”
เฉินจิง ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
ในใจของเขาถูกซ่อนไว้เป็นร่างจาง ๆ ซึ่งถูกจารึกอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาพบกัน
อย่างไรก็ตาม เฉินจิง รู้ว่าเขาจะไม่อาจลงเอยกับผู้หญิงที่อยู่ในใจเขา
EGT 1357
เหตุการณ์ของชุยเหมาสิ้นสุดลงและชนเผ่ารัศมีจันทร์ เริ่มที่จะติดตามข่าวอีกครั้ง
เนื่องจากมีการแจ้งว่า ต้วนหยวนออกไปทั่วเมืองก่อนหน้านี้ เพื่อประกาศว่าชนเผ่ารัศมีจันทร์ เป็นเอลฟ์ที่บริสุทธิ์ หลายคนเริ่มไตร่ตรองว่าเผ่ารัศมีจันทร์นั้นอาจที่จะไม่ได้น่าเหลือทนอย่างที่พวกเขาคิดหรือไม่
ธรรมชาติของพวกเอลฟ์นั้นบริสุทธิ์ แม้ว่าจะมีอารมณ์รุนแรงเกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของมลพิษ
ธรรมชาติของพวกเขายังคงมีสามารถเอาชนะมลพิษที่แพร่กระจายภายในร่างกายได้
การประกาศดังกล่าวเป็นเหมือนการจุดประกายพวกเอลฟ์ที่สงสัยเกี่ยวกับเผ่ารัศมีจันทร์
พวกเขาเริ่มนึกย้อนกลับไปที่เผ่ารัศมีจันทร์อย่างที่เคยเป็น และเริ่มสงสัยว่ามีคนอื่นอีกหรือไม่ กับเหตุผลที่เผ่ารัศมีจันทร์ได้ถูกลดระดับลง และก็ไม่มีคำพูดที่น่ารังเกียจที่ไม่สามารถทนได้ ออกมาจากปากของพวกเอลฟ์อีก
ภาพสะท้อนนี้ทำให้ชนเผ่ารัศมีจันทร์ซึ่งถูกโจมตีทางความคิดเห็นสาธารณะมาเป็นเวลาหลายปีในที่สุดก็ได้รับชีวิตกลับคืนมา
ที่บ้านการค้ารัศมีจันทร์ได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งและ เฉินหยานเซียวได้ส่งมอบอัญมณีจำนวนมากของเธออีกครั้ง
ธุรกิจการค้าขายไม่ได้ลดลง แต่เพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง เอลฟ์หลายคนเริ่มพยายามที่จะวางสินค้าของตัวเองใน บ้านการค้ารัศมีจันทร์ เพื่อขาย
หยดน้ำขนาดเล็กสามารถกระตุ้นคลื่นจำนวนหนึ่งในทะเลอันกว้างใหญ่
เฉินหยานเซียวให้หยดน้ำ กับบ้านการค้ารัศมีจันทร์ จากนั้นผลกระทบผีเสื้อจะแผ่ออกไปในภายหลัง
คุณสมบัติต่าง ๆ ของเผ่ารัศมีจันทร์ได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัว และทุกวันนี้ ทุกครั้งที่พวกเอลฟ์เมืองหยก เห็นพวกเอลฟ์ของเผ่ารัศมีจันทร์ ดวงตาของพวกเขาไม่มีความรังเกียจอีกต่อไป แม้ว่าเผ่ารัศมีจันทร์จะยังไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์เหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่มันก็ดีกว่ามาก
อย่างน้อยบ้านการค้าขายอาวุธต่าง ๆ ได้เปิดกว้างสำหรับเผ่ารัศมีจันทร์แล้วและเริ่มขายของที่มีคุณภาพดีที่สุด เช่นคันธนูให้กับพวกเขาอีกครั้ง
เผ่ารัศมีจันทร์ทั้งหมดได้ฟื้นขึ้นมาในที่สุดหลังจากที่เงียบไปนาน
ในจุดนี้เผ่ารัศมีจันทร์ต่างรู้สึกขอบคุณเฉินหยานเซียวอย่างมาก พวกเขาชัดเจนมากว่าใครเป็นคนที่ทำให้พวกเขามีความสุขทั้งหมดนี้
เอลฟ์หลายคนของเผ่ารัศมีจันทร์พูดเกินจริงเกี่ยวกับ เฉินหยานเซียว โดยไม่มีการสิ้นสุด
สีหน้าของอันหรานยังคงสงบนิ่ง ในขณะที่มีการประชุมของเผ่า เมื่อมีเหล่าเอลฟ์ระดับสูงจำนวนมากที่ยกย่องเฉินหยานเซียวโดยไม่หยุด
แต่อันหยานก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ และเพียงแค่ฟังพวกเขาอย่างใจเย็นเช่นภาพของภูเขาน้ำแข็ง
มีเพียงอันเฟิงเท่านั้นที่คุ้นเคยกับเธอมาก เขาทราบว่าภายใต้หน้ากากแห่งความนิ่งสงบของอันหยานนั้น คู่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยปัญญานั้นกำลังเปล่งประกายรอยยิ้มออกมา
เผ่ารัศมีจันทร์เริ่มเคลื่อนไปทางด้านสว่าง ดังนั้นจุดประสงค์ของเฉินหยานเซียวในการมาที่เผ่ารัศมีจันทร์ ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
เธอเริ่มที่จะอยู่ในห้องของตัวเอง ด้วยความตั้งใจที่จะใช้เวลาเหลือในการศึกษาอาคม
การเขียนอักขระอาคมยังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเฉินหยานเซียวที่จะต้องเอาชนะ เผ่ารัศมีจันทร์มีชนชั้นสูงจำนวนมาก แต่ไม่มีเอลฟ์คนใดที่คุ้นเคยกับอาคมในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เฉินหยานเซียวจมอยู่ในความทุกข์
โชคดีที่ต้วนซิวมักมาเยี่ยมชนเผ่ารัศมีจันทร์ในช่วงเวลานี้และเฉินหยานเซียวได้เรียนรู้อาคมจากเธอ แม้ว่าเธอจะไม่เก่งเท่าอาจารย์เหลียงฉิว แต่มันก็มากเกินพอที่จะชี้นำคนธรรมดาอย่าง เฉินหยานเซียว
ทิศทางการสอนของต้วนซิวนั้นแตกต่างจากของเหลียงฉิว เหลียงฉิวได้บุกทะลุไปในดินแดนของผู้เชี่ยวชาญศักดิ์สิทธิ์มานานแล้วและไม่ได้คุ้นเคยหรือสัมผัสกับสิ่งที่เป็นพื้นฐานมานานแล้ว ในทางกลับกัน ต้วนซิวมีความสามารถที่ยังคงค่อนข้างตื้นและด้วยเหตุนี้ การชี้แนะที่เธอให้กับเฉินหยานเซียวก็เป็นไปตามปัญหาที่เธอพบในตอนแรก
ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องอย่างแน่นอน!
ในที่สุดเฉินหยานเซียวก็สามารถเขียนอักขระอาคมได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากห้าวันของการได้รับคำแนะนำ
แน่นอน…
มันเป็นเพียงคำเดียว ดังนั้นมันจึงไม่มีผลกระทบทางอาคมใด ๆ ได้
แต่สำหรับเฉินหยานเซียว มันเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่แล้ว เธอภูมิใจในความสำเร็จครั้งแรกของการเขียนของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงยัดมันเก็บในแหวนมิติของเธอ
EGT 1358
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เวลาที่ต้วนซิวเข้ามาในเผ่ารัศมีจันทร์น้อยลงเรื่อย ๆ และเมื่อเวลาผ่านไป
เธอเริ่มต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่เมืองรัศมีจันทร์
เธอแตกต่างจากเฉินหยานเซียว เธอจะก้าวเข้าสู่เมืองรัศมีจันทร์ ในฐานะ พระนางศักดิ์สิทธิ์ และมีกฎเกณฑ์มากมายและมารยาทที่จำเป็นต้องเรียนรู้
เฉินหยานเซียวขอบคุณต้วนซิว และจากนั้นก็ฝึกฝนด้วยตัวเองต่อไป
อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างมาก
เพราะเธอมีนิสัยชอบเปิดหน้าต่างเมื่อฝึกเขียนเป็นเวลานาน โต๊ะในห้องของเธอวางที่ด้านข้างของขอบหน้าต่าง
หลังจากนั้นเธอได้ค้นพบ ...
เอลฟ์ตัวเล็กสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกัน มักเอนตัวเมียงมองมาที่หน้าต่างของเธออย่างเงียบ ๆ จากด้านนอก พวกเขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่แจ่มใสและดวงตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ในตอนแรกเฉินหยานเซียวไม่สนใจมากและคิดเพียงว่าพวกเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์น่าจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอาคม อย่างไรก็ตามสาวน้อยสองคนนี้มาที่หน้าต่างของเธอทุกวันเพื่อรายงานตัว ตอนแรกพวกเขาเพียงแค่มาดู แต่ต่อมาหลังจากที่เฉินหยานเซียววางพู่กันลง เด็กน้อยทั้งสองก็มักจะใช้นำเอาผลไม้ออกมาจากกระเป๋าของพวกเขาและวางไว้บนขอบหน้าต่างจากนั้นหันหลังกลับและวิ่งหนีไป
หลายครั้งที่เฉินหยานเซียวจ้องมองผลไม้บนขอบหน้าต่างและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
ครั้งแรกที่เธอเก็บผลไม้หนึ่งผลขึ้นมา แล้วก็กัด เธอค้นพบว่ารสชาติของผลไม้นั้นยอดเยี่ยม
และไม่เพียงแค่นั้นมันยังมีคุณสมบัติการดูดซับที่แข็งแกร่งมาก มันคล้ายกับผลไม้ที่เธอได้รับจากเย่วซือ แต่ผลที่ได้มานี้ ดีกว่ามาก
เฉินหยานเซียวรู้ว่าชนเผ่าเอลฟ์ทุกคนจะได้รับผลไม้ชนิดนี้ซึ่งช่วยเพิ่มพลังการดูดซับของพลังชีวิต
เธอเคยใช้สมองของเธอก่อนที่จะคิดหาวิธีที่จะได้รับมันมากขึ้น แต่เมื่อแหล่งกำเนิดพลังชีวิตของเธอเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เธอไม่ต้องการผลไม้นี้มากนัก
ตอนนี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างการกินและการไม่กิน
แต่จากการกระทำของเจ้าตัวเล็ก ๆ ทั้งสอง มันทำให้เธอรู้สึกสนุกมาก พวกเขาจะมาทุกวัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย เฉินหยานเซียวไม่รู้จักชื่อของพวกเขาด้วยซ้ำ
แน่นอนมันเป็นเพียงเฉินหยานเซียว ที่คิดว่าพวกเขาน่าขบขัน
สัตว์ในตำนานบางคนคิดว่าเด็กเล็กสองคนนี้เป็นสิ่งที่น่ารำคาญต่อนัยน์ตา
เมื่อใดก็ตามที่เฉินหยานเซียวฝึกฝนการใช้อาคม หงส์ไฟมักเชื่อฟังนั่งอยู่ข้างๆ
ดูด้านหลังของเจ้านายของเขาอย่างตั้งใจและการแสดงออกบนใบหน้าของเขาคือความเพลิดเพลิน
แม้กระนั้นตั้งแต่การปรากฏตัวของเด็กสองคนนี้ หงส์ไฟใช้เวลาส่วนใหญ่ในการจ้องมองไปที่ทั้งสอง
พวกเขามองอะไรกันเนี่ย! นี่คือเจ้านายของครอบครัวของเขา! เด็กสองคนนี้เป็นเด็กเล็กแค่ไหน พวกเขามองดูเธอแทบจะดูดกลืนเข้าไป!
หงส์ไฟโกรธมาก เขารู้สึกว่ามีคนงี่เง่าไร้เดียงสาบางคนที่ต้องการที่จะแข่งขันกับเขา
ด้วยเหตุนี้ หงส์ไฟ จึงเริ่มสร้างฉากที่ไร้เหตุผลและเล่นบทตัวโกง เข้าพักในห้องของเฉินหยานเซียวในตอนเย็นและแม้แต่ขอนอนบนเตียงเดียวกับเฉินหยานเซียว
เฉินหยานเซียวอยู่ระหว่างการหัวเราะและร้องไห้ เกี่ยวกับพฤติกรรม สึนเดเระ ของ หงส์ไฟ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา
ดังนั้นทุกคืนที่เตียงของเฉินหยานเซียว นอกเหนือจากเธอแล้วยังมีเด็กชายสึนเดเระตัวเล็ก มังกรน้อยที่ชอบทำตัวเท่ห์ และเฟิงหวงน้อยที่โง่เขลาตามธรรมชาติ
มันเป็นสิ่งที่ดีที่เตียงของเฉินหยานเซียวนั้นใหญ่พอสำหรับพวกเขา
เพราะนิสัยการนอนหลับของมังกรน้อยนั้นแย่มากแม้กระทั่งหลังจากที่หงส์ไฟวางมันไว้บนเตียง มันจะยังคงม้วนตัวเข้าหาแขนของเฉินหยานเซียวในขณะหลับโดยไม่รู้ว่าใครสอนให้ทำ
หงส์ไฟ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เขาระเบิดออกมาด้วยความโกรธเพราะมัน
แต่ทุกครั้ง มังกรน้อยที่มักจะทำท่าทางเท่ห์ เปิดดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาและตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเฉินหยานเซียว เพื่อขอความคุ้มครอง
ดังนั้นหงส์ไฟจึงตัดสินใจที่จะเผามังกรที่โง่เขลานี้โดยปราศจากความซื่อสัตย์ใด ๆ ในหนึ่งวัน
จนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เฉินหยานเซียวเงยหน้าขึ้นหลังจากเขียนไปได้ครึ่งทางเท่านั้นเพื่อพบกับตาโตที่น่ารักของเอลฟ์น้อยทั้งสอง
พวกเอลฟ์ตัวน้อยทั้งสองนั้นแสดงออกอย่างตึงเครียด พวกเขาก้มศีรษะลงอย่างว่องไวและมีสีหน้าที่ดูประหม่า
EGT 1359
เฉินหยานเซียวยิ้มและถามว่า “เจ้าชื่ออะไร”
เอลฟ์ตัวน้อยทั้งสองเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ในขณะที่มองหยานเซียว ดวงตาที่น่ารักที่เหมือนกัน หนึ่งในเด็กน้อยตอบอย่างขี้อาย “ข้าชื่อซูเฉียนและเขาก็เป็นน้องของข้า ซูเฉิน”
เฉินหยานเซียว พูดว่า “เจ้าชอบอาคมหรือไม่?”
ทั้งสองส่ายหัวเล็ก ๆ ของพวกเขาในเวลาเดียวกัน
เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากพวกเขาไม่ชอบอาคม แล้วทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่และมาแอบบมองดูเธอที่ฝึกเขียนอาคมตลอดทั้งวัน?
“เจ้าไม่ได้มาที่นี่ทุกวันเพื่อดูข้าฝึกฝนการเขียนอาคม?”
ซูเฉียนแม้มริมฝีปากของเขาและใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาก็มีสีแดง
“ท่านปู่บอกว่า…เจ้าเป็นผู้มีพระเจ้าของชนเผ่ารัศมีจันทร์ ดังนั้นเราจึงอยากจะขอบคุณ”
“ …” ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งมาที่นี่และจ้องมองเธอทุกวันเพื่อแสดงความขอบคุณ? เฉินหยานเซียวไม่ต้องการที่จะร้องไห้แบบไร้เหตุผล แต่วิธีที่เด็กน้อยสองคนนี้แสดงความขอบคุณพวกเขาน่ารักมาก ๆ
ซูเฉินยิ่งอายมากขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขามีสีแดงและเสียงของเขาสั่นเทาในขณะที่พูดว่า “เรา…เราไม่รู้วิธีขอบคุณ ท่านปู่บอกว่ามันจะเป็นการดีที่จะกินผลไม้นั้น…และ…ท่านปู่บอกว่าต้องขอบคุณผู้มีพระคุณ”
ดังนั้นเด็กน้อยที่น่ารักผู้โง่เขลาทั้งสองจึงใช้สายตาของตนเองเพื่อแสดง “ความตอบแทน” ต่อเฉินหยานเซียว
ท้ายที่สุดปู่ของพวกเขาเคยพูดว่าดวงตาเป็นหน้าต่างสู่หัวใจของใครคนหนึ่ง
พวกเขาต้องการให้เฉินหยานเซียวได้เห็นความกตัญญูผ่าน "หน้าต่างนี้"
เฉินหยานเซียวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เธอคิดเสมอว่า หงส์ไฟ เป็นจุดสุดยอดของความโง่และน่ารัก แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะพบกับเด็กน้อยน่ารักสองคนที่อาจโง่และน่ารักยิ่งกว่าหงส์ไฟ
สิ่งที่ทำให้พวกเขาน่ารักยิ่งขึ้นก็คือเด็กน้อยสองคนนี้ดูเหมือนจะมีอายุราว ๆกับมนุษย์ที่มีอายุสี่ถึงห้าขวบ
แต่พูดด้วยข้ออ้างอย่างจริงจัง ในขณะที่ความอายที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขามันยากที่จะซ่อน
เฉินหยานเซียวไม่เคยต่อต้านสิ่งที่น่ารักเสมอมา ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กสองคนนี้เป็นเอลฟ์ของครอบครัวเธอเอง
“ข้าขอรับน้ำใจของเจ้า แต่ผลไม้พวกนี้ เจ้ายังต้องกินเอง สิ่งที่ปู่ของเจ้าพูดนั้นจริง สิ่งนี้ดีสำหรับพวกเอลฟ์ แต่ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว เจ้าควรเก็บไว้เพื่อตัวเจ้าเอง” ตบเบา ๆที่หัว เฉินหยานเซียวยิ้มอย่างอ่อนโยน ต่อหน้าร่างเล็กทั้งสอง เธอก็เป็นผู้ใหญ่ที่สง่างามแล้ว
หงส์ไฟทีานั่งอยู่ที่ด้านข้างและแอบขบฟันด้วยความโกรธ
สัมผัสของเจ้านายเป็นสิทธิ์พิเศษของเขา!
วายร้าย!
ไสหัวของเจ้าออกไปจากมือเจ้านายของเขาเดี๋ยวนี้!
มันไม่ดีสำหรับหงส์ไฟที่จะทำการต่อสู้กับคู่แข่งของเขาอย่างเปิดเผยต่อหน้าเฉินหยานเซียว ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่จับมังกรน้อยบีบนวดไปมา
ในขณะที่มังกรน้อยถูกบีบ หงส์ไฟก็ปิดปากในเวลาเดียวกัน ไม่ให้โอกาสมันที่จะขอความช่วยเหลือ
ถ้ามังกรน้อยเป็นมนุษย์ มันคงจะร้องไห้น้ำตาไหลจนตายไปแล้ว
มันไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้มันจะรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นเจ้านายของตนเองนั้นอ่อนโยนและคำนึงถึงผู้อื่น แต่ใครจะคิดว่ามันจะถูกบีบเจาะมากขึ้น เมื่อหงส์ไฟเกิดอาการหวง
“หลังจากนั้นเราจะได้พบเจ้าอีกครั้งในภายหลังหรือไม่?” ซูเฉียนและซูเฉินลืมตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความน่ารักอย่างจริงจัง ก่อนถามด้วยความหวังและความคาดหวัง
“ได้สิ” เฉินหยานเซียวพยักหน้าเธอ
เด็กน้อยทั้งสองยิ้มด้วยความพึงพอใจ
ในเวลานี้ อันหรานได้มาพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งกับ เฉินหยานเซียวเมื่อเขาเห็นซูเฉียนและซูเฉิน เขาตกใจ จากนั้นเด็กน้อยก็พาร่างเล็กทั้งสองวิ่งออกไปด้วยขาเล็ก ๆ ของพวกเขา
เอลฟ์ตัวเล็กสองคนเหยียบบนเก้าอี้ด้วยขาที่สั้นเพื่อยืดตัวเองไปยังขอบหน้าต่างเมื่อพวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อส่งมอบ “สายตาซาบซึ้งใจ” ให้กับหยานเซียว
“พวกเขาน่ารักมาก" เฉินหยานเซียวมองอันหรานและหัวเราะเบา ๆ
อันหรานกล่าวว่า “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะชอบเจ้ามากนัก นั่นหาได้ยากจริงๆ หากพวกเขาไม่รบกวนเจ้า ก็ปล่อยพวกเขาไป พวกเขาเป็นเด็ก…น่าสงสารมาก”
EGT 1360
"เจ้าหมายถึงอะไร?" เฉินหยานเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูเฉียนและซูเฉินดูน่ารักมากและเธอก็ไม่เห็นร่องรอยของความโศกเศร้าใด ๆ ระหว่างคิ้วของพวกเขา
อันหรานถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริงๆแล้วพวกเขาไม่ใช่เอลฟ์ของเผ่ารัศมีจันทร์ ปู่ของพวกเขาและพ่อแม่ของเขาเคยเป็นของชนเผ่าอื่น แต่ชนเผ่านั้นได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์หลังจากไม่กี่ปี สิ่งที่เหลืออยู่คือซูเฉียน ซูเฉินและปู่ของพวกเขา ผู้นำอันหยานและปู่ของเขาเป็นสหายเก่า ดังนั้น เผ่ารัศมีจันทร์จึงรับสามคนเข้ามา ซูเฉียนและซูเฉินไม่เคยพูดเกี่ยวกับพ่อแม่ของพวกเขามากนัก และพูดเพียงว่าพวกเขาตายไปแล้ว เมื่อซูเฉียนและซูเฉินเข้ามาในเผ่ารัศมีจันทร์ พวกเขายังคงเป็นเด็กทารก ทั้งสองสวมเสื้อผ้าที่ห่อตัวดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา และสามารถกล่าวได้ว่ามีชีวิตที่มีความสุข”
เผ่าที่หายไปอย่างสมบูรณ์?
เฉินหยานเซียวรู้สึกว่าต้องมีความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง บางทีปู่ของซูเฉียนและซูเฉินน่าจะมีข้อชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุในหัวใจของเขา แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรและซ่อนความลับทั้งหมดไว้คนเดียว
“เอลฟ์หญิงสองสามคนในเผ่ามักจะพาพวกเขาทั้งสองไปด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขากลัวคนแปลกหน้าและส่วนใหญ่จะพูดเพียงไม่กี่คำ” อันหรานยิ้มและเล่าเรื่องชีวิตของเด็กน้อยทั้งสอง
มันอาจฟังดูแปลก อันหรานมักจะรู้สึกว่าเฉินหยานเซียวมีความสามารถพิเศษอยู่บ้าง พวกเอลฟ์ที่เธอได้ติดต่อทั้งคู่ก็ชอบเธอมาก เขาหวังว่าพวกเขาจะอุทิศตนให้กับเธอ หรือไม่ก็เกลียดเธอจนเข้ากระดูกและภาวนาให้เธอตายเร็วขึ้นในทุกคืน
ดูเหมือนว่าถ้ามีใครอยู่ข้างๆ เฉินหยานเซียว อารมณ์ของพวกเขาก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเสมอ
“ข้าคิดว่าพวกเขาน่ารักมาก ๆ” เฉินหยานเซียวพูดด้วยรอยยิ้ม ความรักที่เธอมีต่อสิ่งน่ารักน่าจะเป็นการรวมตัวกันของฮอร์โมนเพศหญิงที่หาได้ยากที่หลงเหลือภายในร่างกายของเธอ
ส่วนใหญ่แล้วเฉินหยานเซียวไม่ค่อยคิดถึงเรื่องเพศของเธอเอง
สำหรับเธอไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เธอมีประสบการณ์ในนรกกับชีวิตที่ผ่านมาของเธอที่นั่น ไม่มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิง หากเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ เจ้าต้องทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ต่อสู้กับผู้คนและต่อสู้กับสวรรค์
ความตายและสงครามนองเลือดทำให้เฉินหยานเซียว ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนเช่นเดียวกับลูกสาวของหลายครอบครัว เธอจะต้องแสดงความรักตามธรรมชาติของผู้หญิงสำหรับสิ่งที่น่ารักเฉพาะเมื่ออยู่กับสัตว์ประหลาดที่น่ารัก
แน่นอนต่อหน้าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เฉินหยานเซียวก็มีด้านที่เป็นผู้หญิงมาก
มันน่าเสียดายที่ตัวเธอเองยังไม่ได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้
“ตราบใดที่เจ้าไม่รู้สึกรำคาญเมื่อพวกเขามาอยู่รอบตัว โดยวิธีการข้าคิดว่าเจ้ากำลังศึกษาอาคม เจ้ากำลังวางแผนที่จะเรียนรู้มันในตอนนี้หรือไม่?" อันหรานมองดูอุปกรณ์ที่เฉินหยานเซียววางไว้บนโต๊ะของเธอ ท่ามกลางพวกเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์ ไม่มีใครที่เป็นนักอาคม ดังนั้นทักษะนี้ค่อนข้างแปลกสำหรับอันหราน
ก่อนที่เผ่ารัศมีจันทร์จะถูกลดระดับ อันหยานได้เชิญอาจารย์จำนวนมากให้มาร่ายอาคมให้อาวุธของพวกเขา
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีสถานะที่จะทำสิ่งนี้ได้อีกต่อไป
แม้ว่า เฉินหยานเซียวจะยังไม่แก่ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นเด็กอีกแล้ว ในการเริ่มต้นเพื่อที่จะเรียนรู้อาคมในครั้งนี้ ดูจากช่วงเวลาดูเหมือนจะสายเกินไป
นอกจากนี้พวกเขาจะเข้าไปในเมืองรัศมีจันทร์ ในอีกไม่กี่วัน หลังจากเข้าไปในเมืองรัศมีจันทร์แล้วพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของต้นไม้แห่งชีวิต โดยทั่วไปพวกเขาไม่มีเวลาว่างมากสำหรับตัวเอง
“แค่ฝึกฝนอย่างไม่เป็นทางการ การมีทักษะมากขึ้นจะไม่เป็นภาระต่อร่างกายใช่หรือไม่?” เฉินหยานเซียว ยิ้มและไม่อธิบายมากเกินไป
อันหรานบีบไหล่ของเขา เฉินหยานเซียวเป็นเอลฟ์ที่ขยันมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา อันหรานเองก็เป็นตัวอย่างสำหรับเผ่ารัศมีจันทร์รุ่นใหม่อยู่แล้ว แต่เฉินหยานเซียวก็ยังดีกว่าเขา!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น