EGT 1336
เฉินหยานเซียวและอันหรานคุยกันมานานและมีเหล่าเอลฟ์จำนวนมากมาเทไวน์ให้เธอ เพื่อแสดงความขอบคุณ เธอดื่มจนเริ่มมึนในหัวเล็กน้อย เธอพบข้อแก้ตัวในทันที ก่อนจะเดินออกมาและวิ่งไปที่สวนของเผ่ารัศมีจันทร์เพื่อเลิกดื่ม
อากาศในทวีปเทพจันทรานั้นสดชื่นมาก เฉินหยานเซียวนั่งที่สวนเล็ก ๆ อันเงียบสงบซักพักแล้วรู้สึกที่หัวโล่งขึ้น
“ดื่มบ่อยหรือไม่?” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างหลังเฉินหยานเซียว
เฉินหยานเซียวหันกลับไปมอง อันหยานผู้สวมชุดยาวสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ เธอดูเหมือนเทพธิดาแห่งแสงจันทร์
เฉินหยานเซียวลุกขึ้นในทันที
“ผู้นำ อันหยาน”
อันหยานยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มแห่งความงามเย็นยะเยือกมักจะเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลที่สุด
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพ เจ้าเป็นแขกของเผ่ารัศมีจันทร์”
เฉินหยานเซียวพยักหน้า
อันหยานเป็นยายของเธอ แต่รูปร่างหน้าตาของยายผู้นี้เป็นเหมือนหญิงผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ
มันยากที่จะเชื่อมโยงเธอกับเฉินเฟิงที่เป็นคนรุ่นเดียวกัน
“เจ้าดูเหมือนลูกสาวของข้ามาก” อันหยานมองดูเฉินหยานเซียว และพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา
“เป็นอย่างนั้นเหรอ? นั่นเป็นเกียรติของข้าอย่างยิ่ง” เฉินหยานเซียวยิ้ม
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินว่าลูกสาวของข้าเป็นเลือดผสม สามีของข้าเป็นมนุษย์ที่หลงเข้ามาในทวีปเทพจันทราในช่วงสงคราม หลักฐานสุดท้ายของข้าและเขาคือลูกสาวของข้า เหวินหยา เจ้าดูเหมือนกับเหวินหยามาก เมื่อเธอยังคงเป็นเอลฟ์ เธอดูเรียบร้อยกว่ามากในขณะที่เจ้าดูมีชีวิตชีวามากกว่า"
ตาของอันหยานมีร่องรอยของความรัก บางทีเธออาจคิดถึงลูกสาวของเธอมาก จนความรักของเธอส่งผลถึงเฉินหยานเซียวที่ดูเหมือนลูกสาวของเธออยู่ชั่วขณะ
เฉินหยานเซียวยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกว่าอันหยานรักเหวินหยามาก
อันหยานอาจรู้ว่าเหวินหยายังมีชีวิตอยู่และเธออยู่ในเมืองรัศมีจันทร์ แต่เธอก็เป็นผู้นำของเผ่ารัศมีจันทร์ และเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะเธอยังมีชนเผ่าเอลฟ์ทั้งหมดเพื่อปกป้อง
“ข้าประหลาดใจเมื่อข้าเห็นเจ้าในครั้งแรก เพราะลูกสาวของข้าควรจะมีลูก และข้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวเล็กคนนั้น” อันหยานหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นและลูบหัวเล็ก ๆ ของเฉินหยานเซียว
“ข้ามักจะสงสัยว่าเด็กน้อยผู้นั้นจะไปพบพ่อแม่ของเธอหรือไม่ ถ้าเธอรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ มันน่าเสียดายที่น้อยคนนั้นอยู่ไกลในทวีปคังหมิง ถ้าเธอมาข้าจะบอกเธอว่าเธอจะต้องไปที่เมืองรัศมีจันทร์ ถ้าเธอต้องการหาพ่อแม่ของเธอ เมื่อเธอเข้าไปในเมืองรัศมีจันทร์ เธอจะต้องซ่อนตัวตนของเธอให้ดีเพราะราชาเอลฟ์ไม่ชอบสิ่งมีชีวิตที่มีหลายเผ่าพันธุ์ ดังนั้นเธอจึงต้องระวังตัวให้ดี” อัหยานแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ข้างบน เธอดูเหมือนจะคุยกับตัวเอง แต่ก็เป็นการคุยกับเฉินหยานเซียวด้วย
เฉินหยานเซียวจ้องมองอย่างมึนงงเล็กน้อย
“ถ้าเด็กน้อยอยู่ที่นี่เธอควรจะเรียกข้าว่ายาย” อันหยานหัวเราะและพูดว่า
“เวลานี้ก็ดึกแล้ว และเจ้าจะต้องเหนื่อยในคืนนี้ ไปพักผ่อนเสียเถอะ” อันหยานไม่ได้ให้โอกาสหยานเซียวเปิดปากพูดอะไร เธอได้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เฉินหยานเซียวมองอันหยานที่เดินจากไป
อันหยาน…รู้ว่าเธอเป็นใคร!
คำพูดของอันหยานในก่อนหน้านี้เตือนให้เธอชัดเจนถึงตัวตนของเธออย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเธอเข้าไปใน เมืองรัศมีจันทร์
แต่…
อันหยานค้นพบว่าเธอเป็นหลานสาวของเธอเมื่อใด
เฉินหยานเซียวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์และหัวใจของเธอเต็มไปด้วยคำถาม เธอมองไปที่ด้านหลังของอันหยานที่เกือบจะอยู่ไกลออกไปและร้องออกมาอย่างนุ่มนวล “ยาย”
ร่างของอันหยานหยุดสักพักหนึ่ง แต่เธอไม่ได้มองย้อนกลับมา เธอรีบกลับสู่ภาวะปกติและเดินเข้าไปในงานเลี้ยง
EGT 1337
ในอีกไม่กี่วันต่อมา เฉินหยานเซียวอาศัยอยู่ในเผ่ารัศมีจันทร์ แต่เธอไม่ได้พบอันหยานอีก
เธอควานหาสิ่งของในแหวนมติของเธอและพบอัญมณีทั้งหมดที่อยู่ข้างใน ซึ่งทั้งหมดถูกนำไปวางขายในบ้านการค้ารัศมีจันทร์
เธอต้องการที่จะทิ้งสิ่งที่มีคุณภาพสูงไว้ให้พวกเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์เพื่อเป็นของขวัญ แต่พวกเขาปฏิเสธอย่างมีเหตุผล
เฉินหยานเซียวอยากไปพบต้วนซิวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ แต่ก่อนที่เฉินหยานเซียวจะไปหาต้วนซิว เธอก็ได้มาที่เผ่ารัศมีจันทร์
เมื่อต้วนซิวที่อ่อนโยนได้ปรากฏตัวที่เผ่ารัศมีจันทร์ มันทำให้เกิดความปั่นป่วนและเมื่อเธออธิบายว่าเธอกำลังมองหาเฉินจิง ปฏิกิริยาของพวกเอลฟ์ก็แค่ดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
ใครไม่ทราบว่าเฉินจิงถูกคุมขังในคุกใต้ดินเพราะเขาหลงไหลในเสน่ห์ของต้วนซิว แต่ไม่มีใครคิดว่า ต้วนซิว จะเป็นคนคิดริเริ่มที่จะมาพบเฉินจิง
ความลึกลับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เอลฟ์ที่บริสุทธิ์จะสามารถจินตนาการได้
ดวงตาของพวกเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์มองดูต้วนซิวเต็มไปด้วยความสงสัย
สามีของหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเป็นมนุษย์ ดังนั้นจิตใต้สำนึกจึงมีเพียงความคิดเดียว: มันเป็นได้หรือไม่ที่ต้วนซิวผู้นี้จะติดตามเฉินจิง?
ท้ายที่สุดแล้วการรูปลักษณ์ของเฉินจิงก็ไม่เลวและพฤติกรรมของเขาก็พอทนรับได้ อย่างไรก็ตามเขาทำให้ผู้คนประทับใจในด้านความเหลาะแหละ ตลอดทั้งวันเขาดูไม่จริงจัง พวกเขาไม่ได้คิดว่าเฉินจิงจะเป็นทางเลือกที่ดี
ในความเป็นจริงถ้าเฉินจิงและเฉินอู๋ ไม่ใช่พี่น้อง พวกเขาคงไม่ยอมรับเฉินจิงเลย
เฉินจิงกำลังอาบแดดท่ามกลางแสงแดด เมื่อเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์มาเรียกเขา เมื่อเขาเห็นต้วนซิว เขายิ้มแย้มแจ่มใสในทันที
“เสี่ยวซิว เจ้ามาหาข้าเหรอ ข้าไม่เห็นเจ้ามานาน ข้าคิดถึงเจ้ามาก” เฉินจิงเผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลและอ่อนหวาน และคำที่หลุดออกมาจากปากของเขานั้นยิ่งดูคลุมเครือ
พวกเอลฟ์คนอื่น ๆ ที่มองเขา ต่างส่ายหัวและถอนหายใจ
ต้วนซิวไม่สบายหรืออย่างไร ในตอนท้ายที่สุดเธอถึงได้มาหามนุษย์ที่โง่เขลาและไร้ความสามารถผู้นี้?
ต้วนซิวยิ้มบาง ๆ กลับมา
เฉินจิงเดินไปหาอย่างรวดเร็วแล้วดึงมือของต้วนซิว เข้าไปข้างในในขณะที่มองข้ามสายตาของเอลฟ์อื่น ๆอย่างสิ้นเชิง
“มานี่ เสี่ยวซิว; ข้ามีความรู้สึกของความรักที่เต็มเปี่ยม และข้ารู้สึกว่าข้าจะต้องแสดงความรู้สึกเหล่านี้กับเจ้า”
พวกเอลฟ์ของเผ่ารัศมีจันทร์ แทบจะถ่มน้ำลายใส่เขา
เฉินจิงนำต้วนซิวไปที่ห้องของเขาและเมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง รอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาก็หายไป
“เสี่ยวซิว รอสักครู่ข้าอยากแนะนำเอลฟ์ให้เจ้ารู้จัก จริงๆแล้วเจ้าเองก็น่าที่จะคุ้นเคยกับเธอแล้ว”
“ดี” ต้วนซิวยิ้มและพยักหน้า
เฉินจิงไปหาเฉินหยานเซียวในทันที
เฉินหยานเซียวถูกเฉินจิงลากตัวมาที่ห้องของเขา เมื่อเปิดประตู เธอเห็นต้วนซิวผู้อ่อนโยนที่กำลังยิ้มบนใบหน้าของเธอ
“เสี่ยวซิว เสี่ยวเซียวกำลังจะเข้าสู่เมืองรัศมีจันทร์ เธอจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ และอาจจะเป็นผู้คุมที่จะพาเจ้าเข้าไปในเมือง เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าถามเจ้าก่อนหน้านี้ เพียงแค่คุยกับเสี่ยวเซียว โดยตรงถ้ามีความคืบหน้าใด ๆ ข้าได้มอบสิ่งนั้นให้เธอไปแล้ว” เฉินจิงกล่าวด้วยท่าทางที่หาดูได้ยาก มันดูจริงจัง
“ตกลง” ต้วนซิวไม่มีข้อคัดค้าน
เฉินหยานเซียวกอดอกขณะที่มองต้วนซิวและเฉินจิง ด้วยท่าทางที่สงบ เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เฉินจิงได้แสดงใบหน้าที่แท้จริงของเขาต่อหน้าต้วนซิว และวิธีการที่เขาใช้เพื่อเกลี้ยกล่อมต้วนซิวเพื่อให้ช่วยเหลือ
แต่…
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าลุงสามของครอบครัวเธอ ต้วนซิวผู้นี้ดูเหมือนจะมี...
“เสี่ยวเซียวดูแลเสี่ยวซิว เจ้ายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองรัศมีจันทร์ ดังนั้นมันก็ดีที่จะดูแลซึ่งกันและกัน" เห็นได้ชัดว่าเฉินจิงเองไม่รู้อะไรเลย
“ไม่มีปัญหา ข้าคงต้องรบกวนเสี่ยวซิวแล้ว” เฉินหยานเซียวยิ้มไปที่ต้วนซิว
"ไม่เป็นไร ข้าเคยพบพี่สาวเหวินยาเมื่อข้ายังเป็นเด็กและข้าชอบเธอมาก ข้าจะมีความสุขมากที่ได้ให้ความช่วยเหลือ”
EGT 1338
จริง ๆ แล้ว ต้วนซิวเคยพบกับเหวินยา? เฉินหยานเซียวตกตะลึงเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่ต้วนซิวจะยินดีช่วยเหลือในเรื่องนี้
เช่นเดียวกับที่เฉินหยานเซียวพร้อมที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับต้วนซิวต่อไปเมื่อพวกเขาเข้าไปในเมืองรัศมีจันทร์
ในทันใดนั้น อันหรานก็ผลักประตูเปิดเข้ามาด้วยความวิตกกังวล
“หยานเซียว”
“มีอะไรผิดปกติ?” เฉินหยานเซียวมองไปที่อันหราน ที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามา
“เอลฟ์ของชนเผ่าชิงหยวนมา” อันหรานตอบด้วยอาการขมวดคิ้ว
“ชนเผ่าชิงหยวน?" เฉินหยานเซียวไม่สามารถคิดได้ว่าเผ่าใดเป็นเวลาครู่หนึ่ง
อันหรานกล่าวว่า “ชุยหลิง เป็นสมาชิกของชนเผ่าชิงหยวน ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินข่าวที่เจ้าอยู่ที่นี่จากใคร แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ประตู พวกเขากำลังมองหาเจ้า นี่อาจเป็นเรื่องการเสียชีวิตของชุยหลิง อย่างไรก็ตามผู้นำขอให้ข้าพาเจ้าออกไปทางประตูหลังเสียก่อน” เผ่าชิงหยวนและเผ่ารัศมีจันทร์มีความขัดแย้งกันมาเป็นเวลานาน หลังจากชนเผ่ารัศมีจันทร์ถูกลดระดับและเนรเทศมายังเมืองหยก เอลฟ์เผ่าชิงหยวนที่อาศัยอยู่ห่างออกไปก็ยังไม่ล้มเลิกที่จะตามมาก่อปัญหา
“ทำไมข้าต้องจากไป?” เฉินหยานเซียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เรื่องของ ชุยหลิง นี้เป็นเรื่องที่ผ่านมา เธอไม่คิดว่ามันจะมีเหตุการณ์ต่อจากเรื่องนี้
อันหรานกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ชุยเหมา พี่ชายของ ชุยหลิง เป็นเอลฟ์ที่ได้รับเลือกเข้าสู่หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา วันนี้เขามากับพวกเอลฟ์ของชนเผ่าชิงหยวน ความสัมพันธ์ระหว่างชุยหลิงและชุยเหมานั้นดีเสมอมา พวกเขามาที่นี่เพื่อค้นหาเจ้าในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน มันจะดีกว่าที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงพวกเขาไปก่อน"
“ ใครคือชุยหลิง? ความตายของเขาเกี่ยวข้องกับ เสี่ยวเซียว อย่างไร” เฉินจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เฉินหยานเซียวเพิ่งมาถึงทวีปเทพจันทราเมื่อไม่นานมานี้และเธอเพิ่งออกมาจากค่ายฝึกขั้นสูงดังนั้นทำไมเธอถึงเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรม?
เฉินหยานเซียวอธิบายว่า “เขาเป็นเอลฟ์ที่เข้าค่ายฝึกในเวลาเดียวกันกับข้า ข้าคิดว่าเขาไม่ชอบข้า ดังนั้นข้าขอให้เขาทำการประลองกับข้า ใครจะรู้ว่าเขาจะตายจากการเป็นคนหัวดื้อ" เพราะอันหรานและต้วนซิวอยู่ด้วย เฉินหยานเซียวจึงไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับมลพิษได้ดังนั้นเธอจึงพูดออกไปแบบไม่ใส่ใจเท่านั้น
“ …” การแสดงออกของเฉินจิงยุ่งเหยิงมาก เขายังคงไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเฉินหยานเซียวได้อย่างเต็มที่
"มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก. หยานเซียวทำเพื่อประโยชน์ของข้า ชุยหลิง …” อันหรานพูดออกมาทันที ถ้ามันไม่ใช่เพราะเขา เฉินหยานเซียวคงไม่ได้ขัดแย้งกับชุยหลิง
อันหรานมีความรู้สึกผิดอยู่เสมอเพราะสิ่งนั้น
“ไม่ว่าในกรณีใด มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่พอใจต่อดวงตาของข้า" เฉินหยานเซียวไม่โทษอันหรานในเรื่องที่ค่อนข้างจะเล็กน้อย
เธอกลัวว่าเขาจะตำหนิตัวเองมากเกินไปและยืนยันว่า เธอไม่ชอบชุยหลิงจริงๆ
ในฐานะที่เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม เฉินจิงจึงเดาความจริงของเรื่องนี้ได้โดยธรรมชาติ
“ชนเผ่าชิงหยวนมีอันดับที่สูงมากหรือไม่?” เฉินจิง สนใจเรื่องน้ำหนักของปัญหาในปัจจุบันมากขึ้น
อันหรานพยักหน้าตอบ
“ก่อนหน้านี้ เมื่อเผ่ารัศมีจันทร์ยังไม่ได้ลดระดับลง เผ่าทั้งสองของเราก็ค่อนข้างจะเท่าเทียมกัน”
หากเผ่ารัศมีจันทร์ ยังคงเป็นชนเผ่ารัศมีจันทร์เช่นในอดีต อันหยานก็จะไม่มีปัญหา ที่จะปกป้องเฉินหยานเซียวอย่างแน่นหนา อย่างไรก็ตามหลังจากถูกลดระดับอันดับลง เผ่ารัศมีจันทร์ก็ยังห่างไกลจากอันดับของชนเผ่าชิงหยวน ในการจัดการกับปัญหานี้พวกเขามีข้อจำกัดมากมาย ยิ่งถ้าอันหยานต้องการปกป้อง เฉินหยานเซียว เขาสามารถทำได้อย่างลับๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามชาวเมืองระดับสีขาวก็ไม่สามารถต่อต้านกับชนเผ่าในเมืองระดับสีดำได้
“จิ๊ จิ๊ ชุยหลิงนั้นถูกฆ่าตายโดยเสี่ยวเซียวจริง ๆ หรือไม่?" เฉินจิงลูบคางเขา เขาไม่สนใจหรอกถ้ามือของ หยานเซียวจะเปื้อนด้วยเลือด เขากำลังพิจารณาว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่สงบกว่านี้หรือไม่
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ ชุยเหมา คนนั้นจะเชื่อหรือไม่? นายพลของค่ายฝึกขั้นสูงได้ประกาศไปแล้วว่า ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ แต่พวกเขาก็ยังมา ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไรพวกเขามีความตั้งใจและคิดว่าข้าเป็นคนที่ทำอยู่แล้ว” เฉินหยานเซียวพูดอย่างดื้อรั้น
EGT 1339
เฉินจิงขมวดคิ้วของเขา เขายังคิดว่ามันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
“เป็นการดีกว่าที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ชุยเหมา นั้นยังคงเป็นสมาชิกของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเจ้ามีความขัดแย้งกับเขาในตอนนี้ เจ้าจะมีปัญหาในอนาคต เจ้าควรฟังหัวหน้าและออกเดินทางก่อน” อันหรานค่อนข้างกังวล
เฉินหยานเซียวชำเลืองมองที่ อันหราน แล้วพูดว่า “เนื่องจากชนเผ่าชิงหยวนหาข้าพบ ถ้าข้าไม่ได้บอกพวกเขาในวันนี้ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ ให้ข้าออกไปจากที่นี่ มันเป็นความคิดของหัวหน้าเผ่าหรือของเจ้า?”
อันหรานมีร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
เฉินหยานเซียวลุกขึ้นและมองเข้าไปในดวงตาของอันหรานที่ดูกระวนกระวาย “เจ้าอยากจะมาแทนที่ข้า เพื่อไปพบกับชนเผ่าชิงหยวนและขอร้องให้เขาอภัย ใช่หรือไม่?”
การออกจากประตูหลังดูเหมือนจะเป็นวิธีที่เหมาะสม แต่เฉินหยานเซียวเชื่อว่าอันหยานจะไม่ยอมให้เธอทำสิ่งนี้
นี่เป็นความคิดที่ชัดเจนของอันหรานเอง เขาต้องการให้เธอออกจากเผ่ารัศมีจันทร์ชั่วคราวเพื่อที่เขาจะได้ทำตามแผนต่อไป เมื่อเฉินหยานเซียวจากไปเท่านั้น อันหรานจะเข้าไปแทนที่เฉินหยานเซียว และไปหาชุยเหมาเพื่อขอร้องให้ยกโทษ
ใบหน้าของอันหรานกลายเป็นสีซีดในไม่ช้า เขามอง เฉินหยานเซียว เปิดปากค้าง แต่เขาไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา
เหตุการณ์ของชุยหลิงเกิดขึ้นเพราะเขา เฉินหยานเซียวช่วยเขามากเกินไปแล้ว เขาไม่ต้องการให้เธอมีส่วนร่วมในกิจการของเขาอีกต่อไป
“มันไม่ใช่แค่เผ่าหรอกเหรอ? ข้าจะไปพบพวกเขา ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะไร้เหตุผล” เฉินหยานเซียวยิ้มสบาย ๆ และราวกับว่าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ทันทีผ่านการพูดคุยที่ดีเท่านั้น หากแต่ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาของเธอทั้งหมด
เฉินหยานเซียว ก้าวออกจากประตูก่อนโดยไม่รอให้ อันหรานตอบ
การแสดงออกของอันหรานเปลี่ยนไปและเขาก็ไล่ตามเธอออกไปในทันที มีเพียงต้วนซิวและเฉินจิงเท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องพักตอนนี้
“เสี่ยวซิว เจ้าต้องการดูความตื่นเต้นหรือไม่” เฉินจิง ยิ้มอย่างซุกซน เขาต้องการที่จะดูว่าหลานสาวของเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ต้วนซิวพยักหน้า
ที่นอกประตูของเผ่ารัศมีจันทร์ เอลฟ์ร่างสูง หล่อเหลายืนอยู่พร้อมกับเอลฟ์นับสิบคนหรือมากกว่า พวกเขาทั้งหมดมีตราของชนเผ่าชิงหยวนติดอยู่ที่หน้าอก
ในขณะนี้ตรงข้ามกับพวกเขาคือผู้นำเผ่ารัศมีจันทร์ อันหยาน
“ชุยเหมา เจ้าต้องการทำอะไรในครั้งนี้?" อันเฟิงถามเสียงดังเมื่อเขาจ้องไปที่ชุยเหมา
ชุยเหมาตอบด้วยเสียงเย็นชา “ต้องการทำอะไร? นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการถามเผ่าของเจ้า เจ้ากำลังซ่อนตัว ฆาตกรที่ฆ่าน้องชายของข้าในบ้านของเจ้าโดยไม่มีสาเหตุหรือเหตุผลหรือไม่? เจ้ามีเจตนาชั่วร้ายอะไร ถึงได้ซุกซ่อน? แม้ว่าชนเผ่าชิงหยวนของเราจะขัดแย้งกับชนเผ่ารัศมีจันทร์ของเจ้า แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าไม่ต้องการที่จะมีปัญหาใด ๆ ตราบใดที่เจ้ามอบเอลฟ์ที่ชื่อหยานเซียว ข้าจะจากไปในทันที"
ใบหน้าของอันหยานยังคงเงียบสงบเหมือนปกติในขณะที่เธอมองดูชุยเหมา และเสียงของเธอเหมือนลำธารที่ฟังดูไม่รีบร้อน
“หยานเซียว เป็นแขกของเผ่ารัศมีจันทร์ และเผ่ารัศมีจันทร์ จะไม่มีวันมอบแขก”
“ดูเหมือนเจ้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องเธอ ใช่หรือไม่? " ชุยเหมาหัวเราะเยาะ
ชุยเหมาเป็นเอลฟ์ที่เก่งที่สุดในเผ่าชิงหยวน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถผ่านการสอบคัดเลือกหน่วยทหารเทพจันทราศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชุยเหมาเป็นผู้พิทักษ์เมืองรัศมีจันทร์ หลังจากที่เขาได้กลับไปยังเผ่าของเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ยินข่าวว่าน้องชายของเขาถูกเอลฟ์ฆ่าตายในค่ายฝึกขั้นสูง!
ความจริงก็คือ ชุยเหมาและชุยหลิงเป็นพี่น้องฝาแฝด ถึงแม้ว่าชุยเหมาจะไม่พอใจกับความสามารถของน้องชายของเขา แต่เลือดยังไงก็ข้นกว่าน้ำ น้องชายของเขาเสียชีวิตอย่างลึกลับได้อย่างไร
เขาเต็มใจที่จะนำคนผิดมาลงโทษ!
EGT 1340
อันหยานไม่ตอบสนอง วันนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แม้ว่าเธอจะต้องการ
แต่เธอมีเพียงหลักการเดียว: เธอจะไม่ให้เฉินหยานเซียวกับชุยเหมา!
“ข้าอาจจะไม่สามารถจัดการกับเผ่ารัศมีจันทร์ในอดีตได้ แต่ตอนนี้เผ่ารัศมีจันทร์ …” ชุยเหมา เย้ยหยัน
เผ่ารัศมีจันทร์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าแล้ว อันดับของพวกเขาเพียงลำพังนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าชนเผ่าชิงหยวน ชุยเหมาเองก็มีชื่อเสียงที่ดีในหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ด้วยทักษะของเขา ยกเว้นหัวหน้าผู้บัญชาการและห้าเอลฟ์หนุ่มศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาอาจกล่าวได้ว่ามีอำนาจมากที่สุด
แม้ว่าเขาจะบุกเข้าไปในเผ่ารัศมีจันทร์ในวันนี้ เอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์ก็จะไม่สามารถหยุดเขาได้
ยิ่งกว่านั้นตำแหน่งของเผ่ารัศมีจันทร์ในหัวใจของราชาเอลฟ์ได้ลดลงไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มัความกังวลเกี่ยวกับปัญหาใด ๆ
คำพูดของชุยเหมาทำให้พวกเอลฟ์ของเผ่ารัศมีจันทร์ โกรธอย่างไม่หยุดหย่อน
เผ่ารัศมีจันทร์ และเผ่าชิงหยวนได้ต่อสู้กันมาหลายปีทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
แต่ในเวลานั้นไม่มีฝ่ายใดสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้ อาจกล่าวได้ว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ เหวินหยา เผ่ารัศมีจันทร์สามารถปราบปรามชนเผ่าชิงหย่วนได้อย่างเสถียรภาพ
แต่วันนี้พวกเขาถูกบังคับให้ต้องอัปยศโดย ชุยเหมา!
เผ่ารัศมีจันทร์จะไม่เกลียดพวกเขาได้อย่างไร พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
แม้ว่าเผ่ารัศมีจันทร์จะถูกลดระดับ แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นของพวกเขา และเป็นสถานที่ที่พวกเขาหวงแหนมากที่สุดในหัวใจของพวกเขา!
“ตอนนี้เผ่ารัศมีจันทร์ ยังคงเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถรับมือได้” ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงที่สงบนิ่งก็ดังออกมาในขณะนี้
พวกเอลฟ์นอกประตูค้นหาเสียงด้วยความประหลาดใจ
เฉินหยานเซียวรีบเดินออกไปนอกประตู ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามของเธอเผยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจและดวงตาของเธอซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา มองอย่างไม่พอใจไปที่ชุยเหมาผู้หยิ่งจองหอง
ชุยเหมามองเฉินหยานเซียวด้วยความประหลาดใจ เธอกำลังยืนอยู่บนบันไดหินและร่างเล็กกระทัดรัดของเธอ ดึงดูดให้กลุ่มเอลฟ์เผ่าชิงหยวนมองขึ้นไป
เมื่อดูอายุของฝั่งตรงข้าม จากนั้นมองดูสัญลักษณ์ หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าอกของเฉินหยานเซียว ชุยเหมาเดาได้อย่างรวดเร็วว่าใครเป็นอีกฝ่าย
ในตอนเช้าพวกเอลฟ์คนอื่น ๆ ก็บอกเขาว่าเอลฟ์ที่ฆ่าน้องชายของเขาผ่านการสอบคัดเลือกหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์แล้ว เธอเป็นเอลฟ์เพียงคนเดียวใน หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่เติบโตเต็มวัย มันยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้เธอยังเป็นเอลฟ์หญิง ด้วยคุณสมบัติมากมายที่รวมเข้าด้วยกันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาตัวตนของเฉินหยานเซียว
เมื่ออันหยานเห็นเฉินหยานเซียวปรากฏขึ้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าคือหยานเซียวใช่หรือไม่?” ชุยเหมาหรี่ตาของเขาในขณะที่เขามองอย่างเย็นชาไปที่เอลฟ์ที่ฆ่าน้องของเขาเอง
หากไม่ใช่เหตุการณ์ของชุยหลิง ชุยเหมาก็ไม่ต้องมองหาเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้
“แน่นอน” เฉินหยานเซียวเลิกคิ้วขึ้นและกอดอก
“เจ้ามีความกล้า ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็ไม่มีธุระอะไรกับเผ่ารัศมีจันทร์อีกต่อไป” ชุยเหมาหัวเราะอย่างน่ากลัว
“แม้ว่าเจ้าต้องการที่จะมาก่อปัญหากับเผ่ารัศมีจันทร์ เจ้ายังต้องดูความสามารถของเจ้าเอง ข้าออกมาเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะก่อความเดือดร้อนให้กับชนเผ่ารัศมีจันทร์ ท้ายที่สุดมันเป็นไปไม่ได้สำหรับการกระโดดของตัวตลกเช่นเจ้าที่จะปลุกปั่นปัญหาในเผ่ารัศมีจันทร์ ผู้นำอันหยานไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคนรุ่นหลังเช่นเจ้า เพราะเธอมีความเอื้ออาทร เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าเห็นว่าตัวเองมีความสามารถจริงๆ? ข้าออกมา เพราะข้าไม่สามารถยืนเฉยและดูคนนอกรีตบางคนที่ไม่มีความรู้ในตัวเองมารบกวนความสงบสุขและก่อกวนความเงียบสงบในบ้านของคนอื่น” เฉินหยานเซียวกวัดแกว่งลิ้นพิษของเธออย่างไม่ตั้งใจ ชุดคำพูดที่คมกริบพุ่งกระทบใบหน้าของชุยหลิงโดยตรง จนทำให้รู้สึกละอายใจ
เสียงเยาะเย้ยที่ว่าชุยเหมามองดูเหมือนตัวตลกที่กระโดดเข้ามาเพื่อก่อกวนเผ่ารัศมีจันทร์ ... นี่
ทำให้เอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์ มีความสุขอย่างไม่มีที่เปรียบ
คำพูดของเฉินหยานเซียวได้รับความนิยมจากเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์ในทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น