เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

EGT 1199-1201 การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ


EGT 1199


อันหรานอดที่จะสงสัยไม่ไดว่า ถ้าเฉินหยานเซียวไม่ได้เตือนเขา เขาก็อาจที่จะต้องจบลงเช่นเอลฟ์คนอื่นด้วยเช่นกัน

เป็นไปได้หรือไม่ที่เฉินหยานเซียวรู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์?

อย่างไรก็ตาม อันหรานปฏิเสธความเป็นไปได้นี้อย่างรวดเร็ว เอลฟ์ทุกคนที่เข้าค่ายฝึกไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนในอนาคต พวกเขาจะต้องเก็บทุกอย่างไว้ในค่ายฝึกเป็นความลับ แน่นอนว่าใครก็ตามที่กล้าเปิดเผยออกมาเพียงครึ่งเดียวจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงที่สุด

เอลฟ์ไม่กล้าที่จะละเมิดกฎที่กำหนดโดยราชาเอลฟ์ ยิ่งกว่านั้น เฉินหยานเซียวไม่ได้เป็นชนเผ่าใด ๆ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้ยินเรื่องแบบนี้จากเอลฟ์อื่น

ด้วยความสงสัย อันหรานได้ติดตามเฉินหยานเซียว จากหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์

ข้างนอกหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ พวกเอลฟ์ที่ถูกนำตัวออกไปโดยลิงยักษ์กำลังนอนเรียงกันเป็นแถว ขณะที่ชิวเอ๋อยืนอยู่หน้าพวกเขาด้วยใบหน้าเย็นชา

เฉินหยานเซียวและอันหรานยืนอยู่อีกฟากหนึ่งอย่างเงียบ ๆ

ขณะเดียวกันกับที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ ที่ประตูของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์อีกแห่งไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรก็ถูกเปิดออกมา และพวกเอลฟ์สิบคนหรือมากกว่านั้นก็ออกมาจากหอคอยนั้น ดวงตาของพวกเขามองมาที่กลุ่มเอลฟ์ที่นอนตายอยู่บนพื้นและดวงตาของพวกเขาแต่ละคนมีท่าทางที่เป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองเห็นเฉินหยานเซียวและอันหรานที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่คาดคิด ก็มีการพูดคุยกันระหว่างกลุ่มเอลฟ์

มันน่าเสียดายที่ระยะทางของพวกเขาอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เฉินหยานเซียวจึงไม่สามารถได้ยินพวกเขาได้อย่างชัดเจน

ชิวเอ๋อไม่ได้บอกให้พวกเขาทำอะไรอื่น เขาปล่อยให้ ลิงเพลิงยักษ์ ปิดประตูหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์  หลังจากนั้นก็ไม่มีคำแนะนำอื่น เฉินหยานเซียวและอันหรานยืนอย่างซื่อสัตย์ที่ด้านข้างของกลุ่มเอลฟ์ที่ตายแล้ว รับรู้ถึงแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาสถานการณ์ของพวกเอลฟ์บนพื้นแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่เห็นได้ชัดและเสียงร้องของความเจ็บปวดก็หายไป พวกเอลฟ์หลายคนได้สติฟื้นขึ้นมาจากสภาพที่หมดสติ

เมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขานอนอยู่ข้างนอกหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ พวกเขาก็ยืนขึ้นทันที

หลังจากผ่านไปสิบนาทีพวกเอลฟ์ทุกคนก็กลับสู่ภาวะปกติ พวกเขาไม่ได้รู้สึกไม่สบายอีกต่อไป ยกเว้นแค่สีหน้าของพวกเขาไม่น่าดูสักหน่อย

ชิวเอ๋อก้าวไปข้างหน้าพวกเขา มือของเขาไพล่ไปที่ด้านหลังของเขา เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง"

พวกเอลฟ์ก็แลกเปลี่ยนสายตากันและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

ชิวเอ๋อยิ้มเยาะและพูดว่า "พวกโง่เขลา เหตุใดเจ้าคิดว่าค่ายฝึกขั้นสูงนั้นมีอยู่จริง หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์  นี้เหมือนกับที่เจ้าเคยสัมผัสมาก่อนหรือไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถใช้พลังชีวิตที่เจ้าต้องการได้หรือไม่? ถ้างั้นเจ้าก็ไร้เดียงสาทั้งหมด"

"ข้าจะบอกเจ้าแล้วว่าพลังชีวิตในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์แห่งนี้แข็งแกร่งกว่าพลังชีวิตในเมืองระดับสีดำที่พวกเจ้าคุ้นเคยมากกว่าสิบเท่า พวกเจ้าคุ้นเคยกับการดูดซับพลังชีวิตเพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นกลับพยายามดูดซับพลังอันยิ่งใหญ่และทรงพลังเช่นนี้เจ้าคิดว่าแหล่งกำเนิดพลังชีวิตของเจ้าสามารถรับได้หรือไม่?"

ชิวเอ๋อดุด่าอย่างต่อเนื่อง เอลฟ์ทุกคนก็ก้มหัวลงรับฟังคำตำหนิติเตียนของชิวเอ๋อ โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดคำอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ชิวเอ๋อได้ชี้จุดให้พวกเขารับทราบ  หากพวกเขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็จะเป็นสิ่งที่โง่เกินไป

พลังชีวิตในทุกเมืองของทวีปเทพจันทราถูกปล่อยออกมาตามธรรมชาติโดยต้นไม้แห่งชีวิต แต่ระยะห่างจากต้นไม้แห่งชีวิตจะสร้างความแตกต่าง

อย่างไรก็ตามพลังชีวิตในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์นี้ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากต้นไม้แห่งชีวิตตามธรรมชาติ แม้ว่าพลังชีวิตนี้จะแข็งแกร่ง มีความหนาแน่นและมีความบริสุทธิ์สูง โดยที่แหล่งกำเนิดพลังชีวิตไม่สามารถดูดซับได้ในระยะเวลาอันสั้น





EGT 1200


มันก็เหมือนกับการดื่ม บางคนสามารถดื่มเบียร์ได้สองสามแก้วราวกับดื่มน้ำ แม้แต่จะดื่มเป็นถังมันก็ไม่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม หากเครื่องดื่มมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูง ...อย่าว่าแต่ถังเลย แม้แต่แก้วเล็ก ๆ พวกเขาก็อาจที่จะไม่สามารถแม้แต่จะดื่มได้

โศกนาฏกรรมของพวกเอลฟ์เป็นอย่างนั้นอย่างแม่นยำ พวกเขาดูดซับ เช่นการดื่มเบียร์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูงในปริมาณที่มาก...

ดังนั้นร่างกายของพวกเขาจึงรับไม่ไหว

"หากเจ้าต้องการพัฒนาตนเองเจ้าต้องเข้าใจว่าขีด จำกัดของเจ้าคืออะไร ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ดี จะเป็นสิ่งที่ร่างกายของเจ้าสามารถทนได้ ในวันนี้คือการให้บทเรียนแก่เจ้า ในอนาคตเมื่อเจ้าเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ เจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหนและนานแค่ไหนที่เจ้าจะสามารถปรับปรุงได้ มันขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง เฉพาะในกรณีที่เจ้าสามารถอยู่ในชั้นแรกของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ได้เป็นเวลาเจ็ดวัน เจ้าถึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่ชั้นสอง เจ้าเข้าใจหรือไม่?" ชิวเอ๋อพูดออกมาด้วยเสียงดุดัน

กลุ่มเอลฟ์ซึ่งเป็นเหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรยพยักหน้าอย่างเชื่องช้า

พวกเขาล้วนเป็นเอลฟ์ระดับสีดำที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน ทวีปเทพจันทรา แต่พวกเขาทุกคนก็เหมือนกับลูกหลานที่ถูกตักเตือนโดยปู่ย่าตายายของพวกเขาในค่ายฝึกขั้นสูงนี้

สิ่งที่น่าหดหู่ที่สุดคือพวกเขาไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ใด ๆ

ลืมไปได้เจ็ดวัน พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะต้านทานมันได้สิบนาที!

และนี่เป็นเพียงชั้นแรกของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ หกชั้นต่อไปนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน? พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องฝึกฝนจากชั้นล่างด้วยพลังชีวิตที่ “แข็งแกร่งน้อยที่สุด” หากพวกเขาไปที่ชั้นเจ็ดในทันที มันจะใช้เวลาเพียงสักครู่เพื่อให้พวกเขาไปพบกับเอลฟ์ที่ตายไปแล้ว

"ดีมาก เจ้าสามารถกลับไปได้ในตอนนี้ ในตอนบ่ายกลับมารวมตัวกันที่นี่ ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไปข้างในอีกครั้ง" ชิวเอ๋อพูดจบและหยุดพักสักครู่ก่อนที่จะเพิ่มเติมว่า "หยานเซียวและอันหรานอยู่ก่อน"

คำพูดของชิวเอ๋อ ทำให้การจ้องมองเอลฟ์คนอื่นหันไปมอง "ดอกไม้ประหลาด" ทั้งสอง ที่ยืนอยู่ท้ายแถว พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมชิวเอ๋อจึงต้องการให้ดอกไม้ประหลาดทั้งสองอยู่ก่อน แต่เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของเฉินหยานเซียวและใบหน้าของอันหรานที่ไม่มีร่องรอยของความผิดปกติ กลุ่มเอลฟ์ก็เกิดมีระลอกคลื่นผุดขึ้นในใจ

เมื่อเทียบกับพวกเขาที่หน้าตาซีดเซียว เป็นไข่ที่เคราะห์ร้าย เฉินหยานเซียวและอันหรานกลับแตกต่างออกไป สีหน้าของพวกเขายังมีสีชมพูเช่นสีกุหลาบ!

"เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะสบายดี" เอลฟ์คนหนึ่งพูดในสิ่งที่เขาคิดภายในใจออกมา

แต่อย่างรวดเร็วมันก็ถูกปัดออกไปโดยเอลฟ์คนอื่น

"เจ้าพูดตลกอะไร จุดแข็งของอันหรานนั้นคล้ายกับของเรา หากเราทนไม่ได้เขาจะทนรับมันได้อย่างไร และหยานเซียวนั้นก็ไม่ได้เป็นเอลฟ์ระดับสีดำ เจ้าคิดว่าเธอสามารถทนพลังชีวิตอันทรงพลังจำนวนมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"

ไม่มีใครที่จะเชื่อว่าเฉินหยานเซียวและอันหรานไม่ได้มีผลกระทบเชิงลบใด ๆ พวกเขาเต็มใจที่จะเชื่อว่า ชิวเอ๋อ ให้พวกเขาอยู่ก่อนเพราะพฤติกรรมลังเลในหอคอยของพวกเขา

ความสงสัยและความคลางแคลงใจที่เกิดขึ้นในค่ายฝึกขั้นสูงนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับโลกของพวกเอลฟ์

"ลืมพวกมันไปเถอะ"

กลุ่มเอลฟ์ที่มีคำพูดที่จะพูดออกมา ถูกปัดออกไปโดยสหายของพวกเขา เมื่อเปรียบเทียบกับการพูดคุยดอกไม้ประหลาดทั้งสอง พวกเขามีความกังวลมากขึ้นว่าจะสามารถอยู่ในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ได้นานขึ้นหรือไม่

ที่ด้านหน้าของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ ยกเว้นลิงเพลิงยักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู มีเพียงชิวเอ๋อ เฉินหยานเซียวและอันหราน ที่ถูกเรียกตัวไว้

ชิวเอ๋อก้าวไปข้างหน้าและเดินขึ้นไปที่ด้านหน้าของทั้งสอง มีร่องรอยของความสงสัยในแววตาของเขา เขามองไปมาระหว่างเฉินหยานเซียวและอันหราน

"เจ้าสองคนดูเหมือนจะสบายดี?" ชิวเอ๋อกล่าว

ไม่เคยมีเอลฟ์คนใดที่เข้ามาในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์เป็นครั้งแรกแล้วจะออกไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้มีข้อยกเว้นสำหรับทั้งสองคนนี้ และมันก็กระตุ้นความสงสัยของชิวเอ๋อ มีเอลฟ์คนใดหรือไม่ที่ได้แจ้งให้พวกเขาทราบล่วงหน้าว่า อย่าได้ซึมซับพลังชีวิตอย่างเร่งรีบในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์





EGT 1201

เฉินหยานเซียวและอันหรานพยักหน้าในเวลาเดียวกัน

"ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้เริ่มบ่มเพาะในทันที หลังจากเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ ทำไม?" ชิวเอ๋อถามออกมาพร้อมกับหรี่ตา

อันหรานมองดูเฉินหยานเซียว เฉินหยานเซียวยักไหล่ เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "เพราะเจ้าบอกว่าหอคอยนั้นอันตรายมาก เราเลยไม่ได้เริ่มบ่มเพาะในทันที"

ชิวเอ๋อตกตะลึงเมื่อไหร่กันที่เขาบอกว่าหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์เป็นอันตราย?

"ข้าพูด?"

เฉินหยานเซียวยิ้มและตอบว่า "เจ้าไม่ได้พูดหรือไม่ ที่ว่า เราอาจไม่สามารถต้านทานพลังต้นไม้แห่งชีวิตในชั้นแรกของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์"

ชิวเอ๋อตะลึงเขาจำในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ และมีประโยคดังกล่าวแน่นอน แต่เขาก็พูดอย่างตั้งใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่า เฉินหยานเซียวจะเข้าใจในความหมายที่แฝงไว้

ชิวเอ๋อ ผู้ซึ่งสงสัยว่าจะมีใครบางคนที่อาจบอกพวกเขา เริ่มรู้สึกอายในตอนนี้เพราะคนที่รั่วไหลความลับนั้นกลับกลายเป็นเขา ....

และเขารั่วไหลข้อมูลออกมาโดยไม่ได้ตระหนักถึงมันเสียด้วยซ้ำ

ในขณะที่คร่ำครวญถึงความประมาทของตัวเอง ชิวเอ๋อ มองเฉินหยานเซียวในมุมมองใหม่

เขาพูดอย่างราบรื่นและทำให้แน่ใจว่าไม่ได้พูดออกมาโดดยตรง มันเป็นเพียงแค่มีความหมายที่แฝงอยู่นั้น แต่เฉินหยานเซียวยังคงสามารถเข้าใจประเด็นสำคัญนี้ได้ มันน่าทึ่งมาก

"เยี่ยมมาก เจ้าสามารถกลับไปได้แล้วในตอนนี้" ชิวเอ๋อรู้สึกหดหู่เล็กน้อยและในเวลาเดียวกันเขาก็คร่ำครวญถึงความละเอียดรอบคอบของเฉินหยานเซียว

เฉินหยานเซียวไม่ได้พูดอะไรเลยและเดินกลับไปที่หอพักพร้อมกับอันหราน
ในตอนบ่ายเอลฟ์กลุ่มใหม่มาถึงหอจิตวิญญาณพิสุทธิ์ก่อนเวลา หลังจากในเวลาที่พวกเขาได้พัก ร่างกายของพวกเขาได้กลับสู่สภาวะปกติ

คราวนี้พวกเอลฟ์เรียนรู้ที่จะประพฤติตนเองอย่างถูกต้อง หลังจากเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ พวกเขามองหาสถานที่ที่พลังชีวิตไม่หนาแน่นและชะลอการดูดซับ

ดังนั้นมุมเล็ก ๆ ที่เฉินหยานเซียวและอันหรานเคยนั่งมาก่อนกลายเป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่พวกเอลฟ์ในทันที

เฉินหยานเซียวและอันหรานมาสายและทันทีที่พวกเขาเข้าไปในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ พวกเขาก็เห็นกลุ่มเอลฟ์ครอบครองจุดที่เป็นของพวกเขาเคยนั่งในตอนเช้า

อันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องแบบนี้ การปล้นจุดของคนอื่น มันเป็นที่ไม่น่าพอใจจริงๆ

เมื่อพวกเอลฟ์เห็นพวกเขาทั้งสองปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็แค่มองดูพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วก็ฝึกบ่มเพาะต่อไป พวกเขาไม่สนใจว่าพวกเขาปล้นจุดนั่งของคนอื่นหรือไม่

หลังจากนั่งที่มุมแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไม เฉินหยานเซียวและอันหราน ดูเหมือนจะยังสบายดีในตอนเช้า ปรากฎว่าจุดเดิมที่พวกเขานั่งเป็นบริเวณที่ที่พลังชีวิตไม่หนาแน่น ดังนั้นสภาพของพวกเขาจึงยังเป็นเช่นนั้น

พวกเขาจะไม่เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบหลังจากการสังเกตอย่างระมัดระวังของเฉินหยานเซียว พวกเขาเพียงแค่คิดว่าเฉินหยานเซียวและอันหรานโชคดีที่ได้พบจุดนี้เท่านั้น

"พวกเขา ... " อันหรานยังต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินหยานเซียวส่ายหัวใส่เขา

เธอเดินไปที่ศูนย์กลางของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ กับอันหราน เมื่อเหล่าเอลฟ์คนอื่นเห็นว่าดอกไม้ประหลาดทั้งสองไปนั่งในจุดเดิมของพวกเขา พวกเขาก็พากันหัวเราะทีละคน

ผู้ชายสองคนนั้นกล้าที่จะไปที่ใจกลางจริง ๆ พวกเขากำลังพยายามหาที่ตายหรือไม่?”

"ข้าบอกเจ้าแล้วพวกเขาเพียงแค่โชคดีในตอนเช้า"

พวกเอลฟ์รู้สึกดีขึ้นมากในพื้นที่ที่พลังชีวิตเบาบาง  พวกเขามองดูเฉินหยานเซียวและอันหรานที่รนหาความตายและคิดว่าพวกเขาโง่เขลาจริงๆ พวกเขาไม่สนใจความจริงที่ว่าพฤติกรรมของพวกเขาในการปล้นจุดที่เฉินหยานเซียวและอันหรานทำการฝึกบ่มเพาะตั้งแต่แรกนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไร้ยางอาย

"เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่เราจับ่มเพาะตรงนี้" อันหรานค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย เมื่อพวกเขากลับไปที่หอพักตอนเที่ยง เฉินหยานเซียวบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ในพื้นที่ที่พลังชีวิตแข็งแกร่งกว่าตอนเช้า เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจำกัดสัญชาตญาณของเขาเพื่อดูดซับพลังชีวิตเหล่านี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น