เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

EGT 1193-1195 หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์


EGT 1193


เธอไม่มีอำนาจ ไม่มียศและยังมีหลากหลายเผ่าพันธุ์ในกาย หากเธอปรากฏตัวในสายตาของพวกเอลฟ์ด้วยตัวตน แบบนั้น เธอกลัวว่ามันจะมีปัญหามากมาย ดังนั้นเธอจึงระงับความปรารถนาภายในของเธอและตัดสินใจที่จะหาพ่อแม่ของเธอหลังจากเข้าสู่หน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์

เฉินหยานเซียว ถอนหายใจและมองดูการตำหนิตนเองของอันหราน เธอเริ่มสงสัยว่าเธอไม่ควรพูดอย่างตรงไปตรงมา

"เหตุผลที่เจ้าเข้าค่ายฝึกขั้นสูงเป็นเพราะเจ้าต้องการต่อสู้เพื่อเผ่ารัศมีจันทร์?" เฉินหยานเซียวถาม

อันหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้าช้าๆ

ความรุ่งโรจน์ของเผ่ารัศมีจันทร์ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานะของเผ่ารัศมีจันทร์จะเป็นเช่นไรพวกเขาก็จะไม่ละทิ้งเผ่าของตัวเอง

"ข้าต้องการพิสูจน์ว่าเราไม่ใช่คนทรยศ ข้าคิดว่าถ้าข้าสามารถเป็นสมาชิกของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ และทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องต้นไม้แห่งชีวิตและ ราชาเอลฟ์ บางทีพวกเขาอาจจะไม่มองเราแบบนั้นอีกต่อไป" แนวคิดของอันหรานนั้นเรียบง่ายมาก เขาไม่ต้องการเห็นการแบ่งแยกของเอลฟ์เผ่ารัศมีจันทร์ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหลังจากเข้าค่ายฝึกขั้นสูงเขาก็ยังมา

เฉินหยานเซียวยิ้มออกมาเล็กน้อย

"จากนั้นพิสูจน์ให้พวกเขาเห็น ข้าเชื่อว่าเจ้ามีศักยภาพ"

อันหรานมองดูเฉินหยานเซียวด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกที่จะได้รับความไว้วางใจจากใครบางคนมานานแล้ว แต่ตอนนี้สหายตัวน้อยผู้นี้ได้มอบความไว้วางใจให้เขาอย่างที่เขาแทบจะไม่ได้พบมาก่อน

"ขอบคุณ" อันหรานพูดออกมาด้วยความยากลำบาก

เฉินหยานเซียวพูดว่า "อย่ามองโลกในแง่ร้าย เมื่อเทียบกับข้า เจ้าดีกว่ามาก อย่างน้อยเจ้าก็มีเผ่าของเจ้าเอง อย่างน้อยเจ้าก็เป็นเอลฟ์ระดับสีดำ ในทางกลับกันข้าไม่มีอะไรเลย ไม่มีเผ่า ไม่มีพลัง แต่ข้าสามารถเข้าค่ายฝึกขั้นสูงนี้ได้ด้วยเหตุผลพิเศษบางประการเท่านั้น ข้าเป็นเอลฟ์ที่ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ เจ้าเก่งกว่าข้ามาก" เฉินหยานเซียวพยายามอย่างหนัก โดยการพูดถึงทุกสิ่งที่น่าสังเวชให้กับตัวเอง เพื่อที่อันหรานจะได้ไม่รู้สึกหดหู่อีกต่อไป

อันหรานยิ้มให้กับเฉินหยานเซียว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเอลฟ์ที่ดูไร้กังวลเช่นนี้

จริงๆแล้วอาจกล่าวได้ว่าสถานการณ์ของเฉินหยานเซียวนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเขา แต่มันทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นมาก ทำไมเอลฟ์ผู้นี้ถึงสามารถเข้าค่ายฝึกขั้นสูงและเธอจะเข้ามาได้อย่างไร แม้แต่จะมีพฤติการณ์ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข

แน่นอนความอยากรู้อยากเห็น มันก็เป็นเพียงความอยากรู้ อันหรานยังมีความรู้สึกถึงความเหมาะความควร เขาจะไม่สอบถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเฉินหยานเซียว นั่นจะสิ่งที่เสียมารยาทมาก

"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังปลอบโยนข้า แต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณ ข้าดีใจมากที่ได้พบเจ้าในค่ายฝึกขั้นสูง" ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าที่ตึงเครียดของอันหรานเป็นเวลานาน เขารู้สึกเป็นมิตรกับเฉินหยานเซียว มากราวกับว่าเขารู้จักเธอมานานแล้ว เขาลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้เธอ

เฉินหยานเซียวยืนขึ้นแล้วจับมืออันหราน เธอยิ้มและพูดว่า "เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน เราก็เหมือนกัน ดังนั้นเจ้าจะขอบคุณอะไรข้า เราจะต้องฝึกหนักร่วมกันในอนาคตเพื่อให้คนที่ดูถูกเราต้องตกตะลึง"

"ดี! ข้าจะฝึกให้หนักอย่างแน่นอน!" อันหรานพยักหน้าอย่างแน่นหนา

เฉินหยานเซียวยิ้มเมื่อเธอมองไปที่อันหราน เผ่ารัศมีจันทร์ยังเป็นตระกูลของตายายของเธอ เธอต้องช่วยพวกเขาไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพระแต่เพื่อพระ [1]

ยิ่งกว่านั้น เฉินหยานเซียว ได้วางแผนที่จะดึงเผ่ารัศมีจันทร์ออกจากสถานการณ์ของพวกเขาในช่วงเวลาที่เธออยู่ในทวีปเทพจันทรา ตั้งแต่แรกเธอรู้สึกว่าเหตุผล ที่เผ่ารัศมีจันทร์ได้ลดระดับลงและถูกเนรเทศ มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเธอ

ทั้งทางอารมณ์และทางเหตุผล เฉินหยานเซียวไม่สามารถนั่งนิ่งเฉยได้

[1] นี่เป็นการแสดงว่าเธอต้องการช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ





EGT 1194

ในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นค่ายฝึกใด จุดสนใจของการฝึกอบรมคือการบ่มเพาะแหล่งกำเนิดของเอลฟ์ มันไม่ได้เป็นค่ายฝึกมากนัก เป็นการดีกว่าที่จะบอกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเอลฟ์ที่จะบ่มเพาะแหล่งกำเนิดพลังชีวิต ในค่ายฝึก พวกเขาจะได้สัมผัสกับพลังแห่งต้นไม้แห่งชีวิต อย่างที่ผู้คนในเมืองไม่สามารถเข้าถึงได้ หากพวกเขาสามารถสร้างความก้าวหน้าได้ภายในครึ่งปีนี้และความแข็งแกร่งของพวกเขาไปถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจะได้รับมอบหมายไปยังระดับต่าง ๆ ของเมืองในทวีปเทพจันทราตามระดับการบ่มเพาะของตัวเอง

สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้ ในฐานะทหาร พวกเขาจะไม่ได้รับฝึกในค่ายฝึก มันเป็นเพราะข้อกำหนดของทหารของเมืองแต่ละระดับ ในเมืองต่างระดับนั้นก็จะไม่เหมือนกัน ดังนั้นความรู้นี้จะได้รับการสอนแยกออกไปหลังจากการแจกจ่าย

หกเดือนนี้เป็นโอกาสสำหรับพวกเอลฟ์ที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งและสร้างความก้าวหน้า

ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ศักยภาพที่ซ่อนเร้นของเหล่าเอลฟ์จะถูกกระตุ้น

หลังจากค้นพบธรรมชาติของค่ายฝึกแล้ว เฉินหยานเซียวรู้สึกว่าค่ายนั้นค่อนข้างคล้ายกับโรงเรียนในสังคมมนุษย์

พวกเขาจะอยู่ข้างในนั้นเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ข้อแตกต่างคือค่ายฝึกมีเพียงครึ่งปีเท่านั้น หลังจากครึ่งปี ผลของพวกเขาไม่ว่าดีหรือไม่ดี จะถูกกำหนด อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกจากสำนักจะยังคงสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาก

ในวันแรกของค่ายฝึก ชิวเอ๋อจัดให้เหล่าเอลฟ์เข้าแถวบนสนามฝึกซ้อม

บนสนามฝึกขนาดใหญ่ กลุ่มเอลฟ์ที่เข้ามาในค่ายฝึกก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรากฏให้เห็น มีเพียงสมาชิกของกลุ่มของเฉินหยานเซียวเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น

เฉินหยานเซียวและอันหรานยืนอยู่ที่ปลายสุดของแถวและพวกเอลฟ์ที่ยืนอยู่ใกล้พวกเขาก็เปิดช่องว่างห่างระหว่างพวกเขาให้มากที่สุด เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรูปแบบของการปฏิเสธ

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมไม่มีเอลฟ์อื่นที่นี่?" ชิวเอ๋อไพล่มือของเขาไปที่ด้านหลังของเขา เชิดใบหน้าของเขาและมองเอลฟ์ที่อยู่ขางล่างเขา

พวกเอลฟ์ส่ายหัว

ชิวเอ๋อกล่าวว่า "เนื่องจากการฝึกที่แท้จริงของเจ้าจะไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่ ที่นี่เป็นเพียงสถานที่สำหรับฝึกทักษะการยิงธนูและความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้า การฝึกที่แท้จริงของเจ้าจะเกิดขึ้นที่นั่น!" ชิวเอ๋อยกนิ้วของเขาขึ้นและชี้ไปทางทิศเหนือของพื้นที่ค่ายฝึก

ที่นั่น ผู้หนึ่งสามารถเห็นหอคอยเจ็ดชั้น มีพืชเลื้อยสีเขียวปกคลุมด้านนอกล้อมรอบหอคอยที่ดูแปลกตา

"นั่นเรียกว่าหอจิตวิญญาณพิสุทธิ์ มันแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น เริ่มต้นจากชั้นแรกเจ้าจะรู้สึกถึงพลังของต้นไม้แห่งชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าสถานที่ใด ๆ ชั้นแรกเป็นพื้นที่ที่พลังของต้นไม้แห่งชีวิตเบาบางมากที่สุด เมื่อเจ้าสามารถทนต่อพลังงานที่นั่นได้ เจ้าสามารถไปยังชั้นสองได้ ยิ่งเจ้าขึ้นไปในชั้นที่สูง พลังของต้นไม้แห่งชีวิตก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" ชิวเอ๋ออธิบาย

ใบหน้าของพวกเอลฟ์แสดงท่าทางที่งุนงง

ทุกคนรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิตมากเท่าไหร่ พลังที่รู้สึกได้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นี่เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเหล่าเอลฟ์ ชั้นที่เจ็ดของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ เป็นสถานที่ที่ทรงพลังที่สุดอย่างชัดเจนทำไมพวกเขาจึงต้องฝึกฝนตั้งแต่ชั้นแรก?

เห็นได้ชัดว่ามีตัวเลือกที่ดีกว่าทำไมไม่ปล่อยให้พวกเขาไปที่ชั้นเจ็ดโดยตรง?

พวกเอลฟ์ไม่สามารถคิดได้ว่าข้อตกลงนี้มีไว้เพื่ออะไร

อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวสังเกตเห็นประเด็นสำคัญในแถลงการณ์ของชิวเอ๋อ

เขาบอกว่าเมื่อพวกเขาสามารถต้านทานพลังในชั้นแรกพวกเขาก็สามารถดำเนินการต่อไปที่ชั้นสอง

เห็นได้ชัดว่าการจัดเรียงในค่ายฝึกนั้นไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน พลังในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์มีความแข็งแกร่งขนาดไหน จนทำให้เอลฟ์ที่เป็นผู้ดูแลค่ายฝึกกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถทนได้

เฉินหยานเซียวมีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับ หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์





EGT 1195 

 
สายตาของเฉินหยานเซียวที่ดูเหมือนจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของชิวเอ๋อ เมื่อเหล่าเอลฟ์ทุกคนจ้องมองอย่างสับสน ท่าทางของเฉินหยานเซียวก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

ชิวเอ๋อหรี่ตาของเขาไปที่ร่างบอบบางพิเศษผู้นี้

เมื่อชิวเอ๋อรับช่วงกลุ่มเอลฟ์นี้เขาได้รับแจ้งว่ามีอยู่สองคนในกลุ่มนี้

หนึ่งคืออันหรานจากเผ่ารัศมีจันทร์

เผ่ารัศมีจันทร์ครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องนับถือมากที่สุดในหมู่พวกเอลฟ์ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นชนเผ่าอันดับสูงสุดเผ่าแรกที่ได้รับการลดตำแหน่งโดยราชาเอลฟ์ในเวลาหนึ่งพันปี

ความแข็งแกร่งของอันหรานนั้นดี แต่เนื่องจากเผ่ารัศมีจันทร์ ในการตัดสินครั้งสุดท้าย ผลลัพธ์ของเขาอาจได้รับผลกระทบจากการลดลงของเผ่าของพวกเขา พวกเขาสามารถให้คะแนนสิบแต้มแก่เหล่าเอลฟ์คนอื่น ๆ แต่สำหรับอันหราน มันอาจเป็นเพียงแค่เจ็ดคะแนน

อีกคนหนึ่งคือเอลฟ์ที่ชื่อ หยานเซียว

เธอไม่มีเผ่าและไม่ได้เป็นเอลฟ์ระดับสีดำ นี่คือเอลฟ์ที่ผู้บัญชาการทหารทั้งห้าของหน่วยทหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ได้แนะนำเป็นการส่วนตัว การดำรงอยู่ของเธอนั้นคาดไม่ถึงอย่างมากในกลุ่มเอลฟ์ระดับสีดำกลุ่มนี้

ไม่เพียงเพราะตัวตนของเธอ แต่ยังเนื่องมาจากอายุของเธอด้วย

ไม่ว่าจะเป็นในค่ายฝึกขั้นต้น ค่ายฝึกขั้นกลาง หรือค่ายฝึกขั้นสูง โดยทั่วไปไม่มีเอลฟ์ที่มีระดับรองลงมา เฉินหยานเซียวอาจกล่าวได้ว่าเป็นคนแรก

ชิวเอ๋อไม่เข้าใจว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเอลฟ์ตัวน้อยที่ชื่อ หยานเซียว ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอสามารถทำให้หัวหน้าทั้งห้าส่งเธอมายังค่ายฝึกขั้นสูงได้

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามการมาถึงของหยานเซียวเป็นสิ่งที่ทำให้ชิวเอ๋อปวดหัว

เพราะเมื่อเจ้าเข้าสู่ค่ายฝึกขั้นสูงเจ้าจะไปที่หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ทันทีเพื่อฝึกฝน

อย่างไรก็ตามพลังที่เต็มเปี่ยมจากต้นไม้แห่งชีวิตในหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่เอลฟ์ธรรมดาสามารถทนได้ แม้แต่พวกเอลฟ์ระดับสีดำก็แทบจะไม่สามารถต้านทานได้ แล้วนับประสาอะไรกับเอลฟ์ที่มีระดับต่ำ

ชิวเอ๋อกลัวจริง ๆ ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเฉินหยานเซียวในขณะที่เธออยู่ในมือของเขา มันคงจะไม่ง่ายที่จะอธิบายกับม่อหยูและคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของเฉินหยานเซียว ทำให้ชิวเอ๋อพอใจมาก แม้ว่าสหายตัวน้อยคนนี้จะยังเด็ก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีสมองที่ดี เธอจะไม่ไขปริศนาอย่างไม่ไตร่ตรอง เธอรู้ที่จะคิดแก้ไขเกี่ยวกับปัญหา

นี่เป็นสิ่งที่ดี

"เจ้าทุกคนไปกับข้าตอนนี้ ข้าจะพาเจ้าไปที่ชั้นหนึ่งของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ เมื่อเจ้าเข้าไปแล้ว เจ้าจะได้รู้ชัดแจ้งในสิ่งที่เจ้าสงสัย" ชิวเอ๋อพูดออกมาอย่างจริงจัง

"รับทราบ!"

ภายใต้การนำของชิวเอ๋อ พวกเอลฟ์ก็มาถึงหน้าหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ พวกเขายืนอยู่หน้าหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ท่ามกลางความชื่นชมความสูงของมันได้อย่างแท้จริง จากระยะไกลดูเหมือนว่าจะมีเพียงเจ็ดชั้นและไม่สูงมากนัก แต่ถ้าหากมายืนที่นี่และมองไปที่หอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ จากจุดที่อยู่ใกล้ มันก็จะเห็นว่าความสูงนั้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

จากด้านนอกจะเห็นได้ว่าแต่ละชั้นของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ นั้นสูงเป็นสองเท่าของชั้นปกติธรรมดา

บนผนังของหอคอยมีพืชสีเขียวปกคลุมลักษณะที่แท้จริงของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ ประตูไม้ขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ของชั้นแรก

ที่ปากทางเข้าของหอคอยจิตวิญญาณพิสุทธิ์ มีลิงเพลิงยักษ์สองตัวยืนอยู่ข้างประตูใหญ่ทั้งสองข้าง

ลิงเพลิงยักษ์เป็นสัตว์เวทของทวีปเทพจันทรา มันแตกต่างจากสัตว์เวทที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อมาถึงระดับของสัตว์ในตำนานและเหนือกว่านั้น ลิงเพลิงยักษ์สามารถปรากฏในรูปสัตว์ร้ายไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม อย่างไรก็ตามพวกมันยังสามารถพูดภาษามนุษย์ได้และสติปัญญาของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับมนุษย์

มีข่าวลือว่าเอลฟ์ชอบใช้ลิงเพลิงยักษ์ปกป้องสถานที่สำคัญ

ชิวเอ๋อพยักหน้าให้กับลิงเพลิงยักษ์สองตัว หลังจากนั้น ลิงเพลิงยักษ์หันหลังกลับไปในทันทีและเปิดประตูยักษ์ออก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น