EGT 850
อาจเป็นได้ว่าดวงตาของหนานกงเมิ่งเมิ่งจ้องมองเธออย่างดุเดือดจนเกินไปดังนั้นเฉินหยานเซียวจึงสังเกตเห็นการมีอยู่ของเธอ
และจากการเห็นเพียงเล็กน้อยทำให้เธอค่อนข้างประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก
ๆ ที่ประกาศตนจะมุ่งมั่นเดินทางในเส้นทางอาชีพนักเวทมนต์ดำในครั้งล่าสุดที่เธอไปในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน หรือไม่? เธอจะอยู่ในกลุ่มของคนที่มาจากดินแทนเทพเจ้า
ได้อย่างไร
ความประทับใจของเฉินหยานเซียวสำหรับหนานกงเมิ่งเมิ่ง
นี้ก็ไม่ได้เลวร้าย อย่างไรก็ตามวิธีที่เธอมองมา มันก็ทำให้ร่างกายสั่นเทา
เธอมั่นใจว่า “เฉินหยานเซียว” และ หนานกงเมิ่งเมิ่ง
คนนี้ไม่เคยพบกันมาก่อนดังนั้นเหตุใดดวงตาของสาวน้อยจึงจ้องมองเธออย่างร้อนแรงเช่นนี้
“ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์คงจะอ่อนเพลียหลังจากออกเดินทางมาไกล
ขอให้ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไปพักในที่ประทับของเจ้าเมืองก่อน?” แม้ว่า
เฉินหยานเซียวจะไม่พอใจที่ได้เห็นคนเหล่านี้จากดินแดนเทพเจ้า
แต่เธอไม่สามารถบอกให้พวกเขาออกไปในตอนนี้ได้...
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในที่พักพิงของเมืองเท่านั้นเพื่อที่พวกเขาจะได้คอยดูแลพวกเขาและหลีกเลี่ยงพวกเขาที่จะค้นพบร่องรอยของปีศาจในเมือง
มันจึงเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจ
"ขอบคุณสำหรับความยากลำบากของเจ้า"
ปราชญ์มองไปที่เฉินหยานเซียวและพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขาอ่อนโยน
"เชิญ"
เฉินหยานเซียวได้เชิญกลุ่มผู้คนจากดินแทนเทพเจ้า เข้าไปในที่พักของท่านเจ้าเมือง
และสัตว์ทั้งห้าก็ตามมาทางด้วยหลัง ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตามมา
ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ในที่อยู่อาศัยของเจ้าเมือง
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่บนที่นั่งด้านบนในขณะที่ เฉินหยานเซียวนั่งที่ด้านข้าง
“ในการที่ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มาเยี่ยมเราโดยไม่คาดคิด
มีเรื่องอันใดหรือไม่ที่เจ้าอยากคุยกับเรา? ถ้ามีเรื่องสำคัญจริง
ๆ ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดแน่ ๆ ” ท่าทางของ เฉินหยานเซียวกำลังเปล่งรัศมีแสง
“ข้าเป็นคนดี” ออกมา
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเบา
ๆ ก่อนที่จะมองอย่างจริงจังไปที่เฉินหยานเซียว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ดินแดนรกร้างอยู่ห่างไกลจากอารยธรรมอย่างแท้จริง
เหตุผลที่ข้ามา เป็นเพราะพฤติกรรมผิดปกติของสัตว์ปีศาจ
ข้าได้คำนวนแล้วกับเหตุการณ์ที่จะเกิดกับสัตว์ปีศาจในทุกหนึ่งร้อยปี
มันกำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
สัตว์ปีศาจนั้นไม่เหมือนกับปีศาจ
แม้ว่าปีศาจถูกแบ่งออกเป็นอันดับที่แตกต่างกันและมีความคิดที่แตกต่างกัน
พวกมันยังสามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาด สัตว์ปีศาจนั้นไม่เหมือนกัน
สัตว์ปีศาจและปีศาจต่างก็มาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ
สัตว์ปีศาจนั้นคล้ายกับสัตว์เวทในโลกนี้
มีเพียงพวกสัตว์ปีศาจที่โหดร้ายกว่าและต้องสังหารสิ่งมีชีวิตมากกว่า
แม้ว่าสัตว์ปีศาจที่มีอำนาจจะไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์เหมือนสัตว์เวท
แต่พวกมันก็เป็นสัตว์บริสุทธิ์ ทั้งเลือดเนื้อสดก็จะกระตุ้นความรุนแรงของพวกมัน
เมื่อการเผ่าพันธุ์ปีศาจถอยกลับไปอยู่ในโลกใต้ภิภพและถูกปิดผนึกไว้แล้ว
ปีศาจและสัตว์ปีศาจจำนวนหนึ่งก็ยังคงอยู่ในโลกนี้
แม้ว่า เฉินหยานเซียว
มีใจที่จะปราบปีศาจ แต่สำหรับสัตว์ปีศาจมีเพียงคำเดียวที่เธอสามารถพูดได้ - ฆ่า!
สัตว์ปีศาจไม่มีมนุษยธรรมและเป็นสัตว์ที่ไร้เหตุผล
สติปัญญาของพวกมันไม่สูงเท่ามนุษย์ พวกมันเหมือนสัตว์ป่า
แม้แต่ปีศาจที่มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันก็จะกลายเป็นเป้าหมายของพวกมัน
เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ปีศาจ
ปีศาจยังถือว่าดุร้ายน้อยกว่า
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือร่างกายของสัตว์ปีศาจและความดุร้ายนั้นเหนือกว่าสัตว์เวท
หากสัตว์ปีศาจและสัตว์เวทในระดับเดียวกันต่อสู้กัน สัตว์เวทจะยากที่จะเอาชนะได้
ยิ่งกว่านั้นสัตว์ปีศาจชอบที่จะอาศัยอยู่เป็นกลุ่ม เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ถูกบังคับให้กลับสู่โลกใต้พิภพ สัตว์ปีศาจจึงได้ตั้งรากฐานในดินแดนรกร้าง
อย่างไรก็ตามสัตว์ปีศาจไม่ได้วิ่งไปมาทุกหนทุกแห่ง
มิฉะนั้นความเสียหายที่เกิดจากสัตว์ปีศาจนั้นจะเกินความเสียหายของปีศาจอย่างแน่นอน
สี่อาณาจักรไม่กล้าที่จะยั่วยุสัตว์ปีศาจ
มิฉะนั้นมันอาจจะเป็นการกระตุ้นพวกมันทั้งหมด
เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ดินแดนร้างยังไม่ถูกฟื้นฟูเป็นเพราะนอกเหนือจากปีศาจแล้วยังมีสัตว์ปีศาจเหล่านี้อาศัยอยู่ในดินแดนนี้อีกด้วย
สัตว์ปีศาจครอบครองส่วนที่ลึกที่สุดของตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนรกร้าง
มีป่ากว้างใหญ่ที่เรียกว่าป่าปีศาจทมิฬ
สัตว์ปีศาจทุกตัวที่อาศัยอยู่ในนั้นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างง่ายดาย
สถานที่นั้นถือเป็นเขตต้องห้ามใน ดินแดนรกร้าง
ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์แม้แต่ปีศาจก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปแม้แต่ครึ่งก้าว
หากสัตว์ปีศาจอยู่ในป่าปีศาจทมิฬและไม่เคยออกมามันก็จะดีกว่า
แต่ครั้งหนึ่งในรอบร้อยปี สัตว์ปีศาจในป่าปีศาจทมิฬจะออกมาจากรังของพวกมัน
ไม่เพียงแต่พวกมันจะโจมตีปีศาจและมนุษย์ในดินแดนรกร้าง
แต่พวกมันจะโจมตีอาณาจักรต่าง ๆ ที่อยู่ติดกับดินแดนรกร้าง
EGT 851
เหตุการณ์นี้เมื่อสัตว์เวทออกมาจากรังของพวกมันและโจมตีทุกคนเป็นที่รู้จักกันในช่วงเวลา
'วิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง'
สัตว์ปีศาจที่เคยอยู่ในทวีปนี้สามารถทำลายทุกสิ่งในทันที
สี่อาณาจักรต่างหวาดกลัวสัตว์ปีศาจ
สิ่งเดียวที่มีความสามารถในการทำบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจคือดินแดนเทพเจ้า
ทุกครั้งที่มีวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งเกิดขึ้น
ทั้งสี่อาณาจักรจะมีความเข้าใจโดยปริยายเพื่อขอความช่วยเหลือจากดินแดนเทพเจ้า
และต่อสู้กับพวกมันด้วยกัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากดินแทนเทพเจ้า
แต่มันก็เป็นการลดความสูญเสียลงเท่านั้น
พวกเขาไม่สามารถลดอันตรายจากวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งได้อย่างสมบูรณ์
ทุกครั้งที่พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ
ทั้งสี่อาณาจักรจะถือว่าพวกมันเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
สัตว์ปีศาจนั้นได้รับพลังอันแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ตราบใดที่สัตว์ปีศาจจำนวนหนึ่งหนีกลับไปยังป่าปีศาจทมิฬได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี
พวกมันก็จะยังสามารถสร้างวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งที่น่ากลัวได้
สัตว์ปีศาจนับล้านเหล่านี้
พวกมันจะถูกกำจัดได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
วิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
ได้กลายเป็นมรดกตกทอดของดินแดนรกร้าง
และถึงแม้ว่าทั้งสี่อาณาจักรจะได้สร้างเมืองขึ้นในดินแดนรกร้างของตนเองขึ้นมา
มีแต่เมืองพายุหิมะที่มีเจ้าของเป็น อาณาจักรวายุศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปีที่ผ่านมาเท่านั้นที่มีประสบการณ์กับเหตุการณ์นี้
แต่เดิมไม่นานหลังจากนั้นเมืองพายุหิมะก็ถูกสร้างขึ้น
มันได้เผชิญหน้ากับวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
หลังจากสิบปีแห่งการก่อสร้างอย่างหนัก เมืองถูกทำลายโดยสัตว์ปีศาจและมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน
เมืองพายุหิมะในวันนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากผ่านวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
ยุคแรกของเมืองพายุหิมะนั้นถูกยกขึ้นโดยกีบเหล็กของวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งในก่อนหน้านี้
ในครั้งนี้เมื่อ
เฉินหยานเซียวสร้างเมืองตะวันไม่เคยลับ
ขึ้นมาอีกครั้งมันใกล้จะถึงจุดเริ่มต้นของวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
ข่าวนี้ไม่ค่อยดีสำหรับเธอ
แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นสัตว์ปีศาจมาก่อน
แต่การรู้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถทำให้ใบหน้าปีศาจอันดับสูงเปลี่ยนสีได้ทั้งหมด
เธอสามารถเดาได้ว่าพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
คำพูดของนักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสมเหตุสมผล
เนื่องจากดินแดนเทพเจ้ามีหน้าที่ต่อต้านสัตว์ปีศาจมาเป็นเวลานาน
มันเป็นเพียงเหตุผลที่พวกเขาจะมาและตรวจสอบดินแดนรกร้างเมื่อวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งกำลังจะมาถึง
แต่!
การตรวจสอบสถานการณ์ต้องใช้
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อดำเนินการเป็นการส่วนตัวหรือไม่?
เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลอื่น
ๆ สำหรับการปรากฏตัวของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ในตอนท้ายที่สุด เฉินหยานเซียว
ไม่กล้าถามมากเกินไป จากท่าทีของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นมิตรกับเธอ
เธอโล่งใจชั่วคราวกับความตั้งใจของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ จริง ๆ
แล้วอาจไม่ได้สร้างปัญหาให้เธอ
"วิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งนั้นอันตรายและน่ากลัวข้าสงสัยว่า
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ จะอนุมานถึงสัตว์ปีศาจในครั้งนี้ได้หรือไม่?" หัวใจของเฉินหยานเซียว เต้นเร็ว
เธอไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของสัตว์ปีศาจเลย
เมื่อเธอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้จากปราชญ์เป็นครั้งแรกในวันนี้เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย
แม้ว่ากำแพงเมืองของเมืองตะวันไม่เคยลับนั้นจะยอดเยี่ยมมาก
แต่วิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งนั้นน่ากลัวมาก
ใครจะรู้ว่าผลลัพธ์ของการเผชิญหน้านี้จะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้เธอยังได้เตรียมที่จะฟื้นฟูเมืองต่างๆในภาคใต้ภาคเหนือภาคตะวันออกและตะวันตกของเมืองตะวันไม่เคยลับ
หากมีสัตว์ปีศาจเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้เธอก็อยากที่จะร้องไห้ออกมา
นักปราชญ์เข้าใจความกังวลของเฉินหยานเซียว
เมืองตะวันไม่เคยลับเพิ่งถูกสร้างขึ้นในดินแดนรกร้างและกลายเป็นช่วงเวลาพิเศษ
ไม่มีใครกล้าที่จะรับประกันว่ามันจะไม่เป็นไปตามรอยเท้าของเมืองพายุหิมะ
“ตามการคำนวนของข้ายังมีเวลามากกว่าหนึ่งปีก่อนการมาถึงของวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง”
มากกว่าหนึ่งปี
เธอสามารถพูดได้ว่ามันไม่นานและไม่มาก
แต่จากความเร็วที่เฉินหยานเซียวได้สร้างเมืองตะวันไม่เคยลับขึ้น
มันก็เพียงพอแล้วที่เธอจะเปิดเมืองเล็ก ๆ สี่แห่งในสี่ทิศทาง
อย่างไรก็ตามมันเป็นปัญหายากที่จะต้านทานการโจมตีของสัตว์ปีศาจ
กำแพงเมืองของเมืองตะวันไม่เคยลับ ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอัคนีที่มาจากภูเขาไฟ
มันแข็งแกร่งมากอีกทั้งยังถูกเสริมด้วยตาข่ายอาคม อาจกล่าวได้ว่า
ความแข็งแกร่งของกำแพงเมืองของเมืองตะวันไม่เคยลับ
สามารถเอาชนะอาวุธล้อมในยุคปัจจุบันได้ทั้งหมด
แต่อีกสี่เมืองที่เธอจะเปิดตัวในไม่ช้า
แม้ว่าเฉินหยานเซียวจะสามารถใช้หินอัคนีเพื่อสร้างกำแพงของสี่เมืองต่อไป
แต่หากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติมของตาข่ายอาคมเวท
มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะรับประกันได้ว่ากำแพงเมืองที่ทำด้วยหินอัคนีจะสามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์ปีศาจได้หรือไม่
EGT 852
หากเธอสร้างสี่เมืองเท่านั้นเพื่อจบลงด้วยการถูกทำลายโดยวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
มันจะเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง
ไม่เพียงแต่พลังงานทั้งหมดที่ลงทุนมาในขั้นต้นจะสูญเปล่าเท่านั้น
แต่ยังเป็นไปได้มากที่จะสูญเสียชีวิตจำนวนมาก - ลดกำลังคนลง
สัตว์ปีศาจนั้นปวดหัวจริงๆ
เฉินหยานเซียว
มีความไม่แน่นอนอยู่ในใจของเธอและสามารถขอความเห็นของซิ่วได้
อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้านักปราชญ์
เธอสามารถระงับคำถามไว้ในใจของเธอได้ชั่วคราว
เธอจะต้องรอจนกว่าเธอจะกลับไปในห้องของเธอ
จากนั้นเธอจะถามซิ่วอย่างถูกต้อง
“ข้าสงสัยว่า
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีวิธีจัดการกับสัตว์ปีศาจหรือไม่
โปรดให้ความกระจ่างแก่ข้าด้วย” เฉินหยานเซียว ต้องการทราบจุดประสงค์ของปราชญ์
ไม่ว่าในกรณีใดเธอเพียงต้องการช่วยเมืองของเธอ
ตราบใดที่จุดประสงค์ของนักปราชญ์ไม่ได้ขัดแย้งกับเธอ ทุกอย่างอื่นก็ไม่สำคัญ
มีรอยยิ้มแปลก ๆ
บนใบหน้าของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
“หากมีวิธีการหนึ่งก็จะไม่เป็นปัญหาเลย
ในตอนนี้ข้าทำได้เพียงให้ทั้งสี่อาณาจักรเสริมกำลังการป้องกันชายแดนของตน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์ปีศาจได้
แต่อย่างน้อยมันก็จะลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด"
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่าเขาไม่มีทางและ เฉินหยานเซียวก็ไม่ได้ขออะไรอีกแล้ว
เมื่อเทียบกับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เฉินหยานเซียวก็ไว้วางใจซิ่วมากขึ้น
หัวข้อของสัตว์ปีศาจถูกกันไว้ชั่วคราวและปราชญ์ก็จ้องมองคนหกคนในห้องโถงด้วยรอยยิ้ม
นอกเหนือจาก
หลีเสี่ยวเว่ย
เขาได้เห็นคนอื่นอีกห้าคนแล้วในตอนที่สัตว์ในตำนานของเขาถูกปลุกให้ตื่น
“ท่านเจ้าเมืองอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง
พันธมิตรห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่นั้นดีที่สุดตามธรรมชาติ
ด้วยความช่วยเหลือของกันและกัน
ข้าเชื่อว่าเมืองตะวันไม่เคยลับสามารถต้านทานวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่งได้”
คำพูดของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ยกย่องมาก
ฉีเซียและคนอีกห้าคนถูจมูกอย่างลับๆ
แต่ใบหน้าของพวกเขายิ้มอย่างเป็นมิตร
ลักษณะของปราชญ์ผู้นี้ไม่เลว
แต่เขาอาจจะลงมือทำ ด้วยสถานะของปราชญ์ เขาไม่จำเป็นต้องพูดคำชมใด ๆ
เขาเป็นสัญลักษณ์ของพลังอันยิ่งใหญ่ของทวีปคังหมิง
"เราจะไม่ทิ้ง
เสี่ยวเซียว ไว้เพียงลำพังอย่างแน่นอน" ถังนาจื่อพึมพำเบา ๆ
ปราชญ์ผู้นี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบต้น
ๆ ของเขา แต่ไม่มีใครมองว่าออกว่า นี่คืออายุที่แท้จริงของปราชญ์หรือไม่
"ดี"
ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเบา ๆ
อาจมีคนสงสัยว่าเขามีความสุขกับพันธมิตรของห้าตระกูลใหญ่หรือพอใจกับมิตรภาพของกลุ่มผู้เยาว์กลุ่มนี้
"ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
ได้เดินทางมาไกล น่าจะอ่อนเพลีย จากการเดินทางมาถึงที่นี่
ข้าได้ให้ผู้คนเตรียมที่พักสำหรับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ และคนอื่น ๆ จากดินแดนเทพเจ้า
ขอให้นักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์พักก่อน"
เฉินหยานเซียวยังคงต้องถามคำถามซิ่วเกี่ยวกับวิกฤตกาลกระแสสัตว์ปีศาจไหลหลั่ง
และตราบใดที่วัตถุประสงค์ของ ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ขัดแย้งกับเธอ
เธอก็ไม่มีอะไรจะบอกกับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
"ดีมาก"
ปราชญ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธและยิ้ม
ต้องบอกว่าถึงแม้สถานะของปราชญ์จะสูง
แต่การวางตัวของเขาก็ค่อนข้างดี ผู้คนไม่สามารถหาข้อบกพร่องใด ๆ ในนั้นได้
เขาไม่มีความเย่อหยิ่งแม้น้อยนิดเท่านั้นเขายังให้ความรูสึกยินดีพอใจที่จะพูดคุยด้วย
เฉินหยานเซียวได้จัดเตรียมให้ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
และคนอื่น ๆ พักใกล้กับที่พักของท่านเจ้าเมือง
มันสะอาดและเรียบง่ายมากและยังเหมาะสำหรับผู้คนที่มาจากดินแดนเทพเจ้า
หลังจากส่งปราชญ์ไปแล้ว
เฉินหยานเซียวก็ไม่ลืมที่จะส่งคนไปแจ้ง เฉินเฟิงและเฉินหลิงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความเคารพของทั้งสองคนที่มีต่อปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นหนักแน่นกว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มาก
เมื่อได้รับข่าวทั้งสองคนพร้อมกับคนรับใช้ในบ้านของพวกเขารีบไปพบนักปราชญ์
"นักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์คนนี้ไม่น่ารำคาญจริง
ๆ" ถังนาจื่อ นั่งเฉยอยู่ในห้องโถงของที่พักอาศัยของเจ้าเมือง
จากการประเมินผลของเขา ปราชญ์ไม่ได้ด้อยแต่อย่างใด
"ผู้คนในดินแทนเทพเจ้า
มีหลักการของตัวเองหากมีสิ่งใดผิดกับพวกเขามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชื่อเสียงที่ดีในทวีปคังหมิง"
ฉีเซียยักไหล่ ราวกับว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องซุบซิบ
"ข้าไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
สำหรับการมาที่ดินแดนรกร้าง ข้าคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย"
ฉีเซียลูบคางของเขาอย่างรอบคอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น