EGT 791
หลันเฟิงหลี่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย
เขารู้สึกสบายใจกับเฉินหยานเซียวเท่านั้น
ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าเฉินเฟิงและเฉินหลิง
จิตใจที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์และความกังวล
จดจำลักษณะที่ปรากฏก่อนหน้านี้ของเขาในฐานะ
เทพสังหารที่โง่เขลาและดูลักษณะปัจจุบันของหลันเฟิงหลี่ ตัวน้อย
เฉินหยานเซียวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
"ท่านปู่นี่คือเสี่ยวเฟิง
เขานับได้ว่าเป็นน้องชายของข้า"
เฉินหยานเซียวพยายามยับยั้งเสียงหัวเราะของเธอขณะที่ผลักหลันเฟิงหลี่ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอให้ไปยืนต่อหน้าเฉินเฟิงและเฉินหลิง
หลันเฟิงหลี่มองดูเฉินเฟิงและเฉินหลิงด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
"คา..คาระวะท่านปู่
และทะ ท่านลุง" ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงขี้อายของเขา
ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องการกอดเขาเข้าสู่อกของพวกเขาและดูแลเขาอย่างระมัดระวัง
เฉินเฟิงและเฉินหลิงชื่นชอบชายร่างเล็กขี้อายผู้นี้เกือบจะในทันที
กลุ่มคนรุ่นเยาว์ของตระกูลหงส์ไฟมีไม่มากนัก
เฉินเจียอี้ และ เฉินเจียเว่ย หายไป ตอนนี้คนเดียวที่เหลืออยู่คือ เฉินหยานเซียว
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คัดค้านการมีเพิ่ม หลันเฟิงหลี่
ให้กับตระกูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเสี่ยวเซียวเป็นคนรับเขาเข้ามา
"เจ้าคือเสี่ยวเฟิงใช่หรือไม่
เจ้าอายุเท่าไหร่?" เฉินเฟิง มองดูหลันเฟิงหลี่
ก่อนเอ่ยถามออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเขาอยู่ใกล้กับเฉินหยานเซียวมากเพียงเท่านี้
เฉินเฟิงก็จดจำเขาในฐานะที่เป็นหลานชายคนใหม่ของเขาโดยไม่รู้ตัว
"ข้า ...
ข้าไม่รู้" หลันเฟิงหลี่ก้มศีรษะจองเขาลงด้วยความอาย มือเล็ก ๆ
ของเขาที่อยู่ข้างหลังเขามีเหงื่อออกเนื่องจากความกังวลใจ
มันดูราวกับว่าเขาเป็นเด็กที่ทำอะไรผิดพลาดทำให้ใครก็ตามที่มองเขาต้องการที่จะเอาใจใส่เขา
หัวใจของเฉินหลิงรู้สึดโกรธแค้น
เขาต้องการหาภรรยาที่สามารถให้กำเนิดลูกของเขาได้ เช่นเด็กน้อยที่น่ารักคนนี้!
"เจ้าไม่รู้?"เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
เฉินหยานเซียวอธิบายอย่างรวดเร็ว
"เสี่ยวเฟิง สูญเสียความทรงจำของเขา เขาไม่สามารถจำสิ่งต่าง ๆ
ในอดีตได้"
“โอ้
ไม่เป็นไรเขาจะจดจำความทรงจำก่อนหน้านี้ในไม่ช้า" เฉินเฟิงยิ้มบาง ๆออกมา
อย่างไรก็ตามสัตว์ทั้งห้าที่ยืนอยู่ด้านหลังเสี่ยวเฟิงเงยหน้าขึ้นมองกันและกัน
เฉินหยานเซียวเคยบอกพวกเขาถึงตัวตนของหลันเฟิงหลี่ที่แท้จริง
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าเด็กชายตัวเล็กขี้อายผู้นี้คือเทพสังหาร
ตอนนี้เขาน่ารักมากเพราะเขาสูญเสียความทรงจำของเขา
แต่ถ้าไอ้หนุ่มที่ไร้เดียงสาได้ฟื้นความทรงจำของเขา พวกเขาก็รู้สึกกลัวว่าจะมีแม่น้ำที่ทำมาจากเลือดและปรากฏศพในทุกทิศทุกทาง
ในเวลาไม่กี่นาทีเขาสามารถฆ่าผู้คนและปีศาจทั้งหมดในเมืองตะวันไม่เคยลับได้โดยไม่มีใครที่จะสามารถหลบหนี
จากนั้นพวกเขาไม่ทราบว่าเฉินเฟิงจะยังคงมองหาปีศาจตัวน้อยผู้นี้อยู่อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหลันเฟิงหลี่จะสูญเสียความทรงจำของเขา
นั่นไม่ได้หมายความว่าความสามารถของเขาจะหายไปเช่นกัน
สัตว์ทั้งห้านั้นยังสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหิมัะโปรยปรายได้อย่างชัดเจนว่า
เขาใช้เพียงแค่มือสองข้างของเขาเท่านั้นที่ควักเนื้อออกจากร่างของเฉินเจียอี้
รูปแบบการฆ่าของเขาโหดร้ายเกินไปและน่ากลัว
นอกจากเฉินหยานเซียวและบางคนในเมืองตะวันไม่เคยลับ
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกับเด็กคนนี้
แต่แน่นอนถ้ามีคนคุยกับเขามีโอกาสสูงที่หางเล็ก
ๆ นี้จะไม่สนใจพวกเขา
ในสายตาของหลันเฟิงหลี่
นอกเหนือจากเฉินหยานเซียวก็มีเพียงเฉินหยานเซียว!
พี่สาวผู้นี้เป็นที่สุดของที่สุดของเขาแล้ว!
หยินจิวเฉินผู้ซึ่งอยู่ด้านข้าง
ในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ก่อนที่จะไปที่ด้านข้างเฉินหยานเซียวด้วยก้าวเล็ก
ๆ ที่รวดเร็ว เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าและเช็ดฝุ่นออกจากใบหน้าของเฉินหยานเซียว
นี่เป็นน้องสาวที่เจ้าเลือกมาหรือไม่? เฉินหลิงกะพริบตา สาวน้อยคนนี้สวยงามมาก
ครอบครัวของเสี่ยวเซียวนั้นไม่เลวเลย
เฉินหยานเซียว
หัวเราะและพูดว่า "นี่คือ เสี่ยวจิว"
หยินจิวเฉินหัวเราะแล้วพูดกับเฉินเฟิงและเฉินหลิง
"ข้าคือ หยินจิวเฉิน ข้าเป็นแม่บ้านของเธอ"
เฉินเฟิงและเฉินหลิง
ทำได้เพียงแค่ยิ้มโดยไม่พูดอะไรเลย
สัตว์ทั้งห้าที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสามารถหลั่งน้ำตาได้อย่างเงียบ
ๆ
คุณหนูเจ็ดของพวกเขานั้นช่างสิ้นเปลือง
ให้สาวงามที่โดดเด่นเช่นนี้กลายเป็นสาวใช้ของเธอโดยไม่คาดคิด
EGT 792
เฉินหยานเซียวแนะนำสมาชิกหลักของเมืองตะวันไม่เคยลับให้รู้จักกับเฉินเฟิงและเฉินหลิง
ตู่หลางหัวหน้ากองทหารรับจ้างถ้ำหมาป่า
ลุงจิว ผู้รับผิดชอบกลุ่มบุกเบิกที่ดิน และซูเหอซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มขุดเหมืองแร่
มีคนอื่นอีกหลายคนที่ทำให้
เฉินเฟิงและเฉินหลิงตกตะลึงอย่างมาก
อย่างแรกคือ เย่ชิง
นักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงซึ่งสามารถขยับทวีปคังหมิงทั้งทวีปได้ อย่างคาดไม่ถึง
เขาจะมาอยู่ที่นี่ในเมืองตะวันไม่เคยลับ
มีกี่คนในสี่อาณาจักรในทวีปคังหมิง
ที่รอคอยที่จะได้รับความโปรดปรานจาก เย่ชิง? แม้ว่าพวกเขาจะได้รับเพียงขวดยาจากเย่ชิง
พวกเขาก็จะพอใจ นักปรุงยาทุกคนต่างก็เคารพบูชาเย่ชิงเช่นเดียวกับต้นแบบไปตลอดชีวิต
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำแนะนำเพียงคำเดียวจาก เย่ชิง
พวกเขาก็คงจะรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
สำหรับนักปรุงยาผู้ชำนาญเช่นนี้ที่เต็มใจมาที่ดินแดนรกร้าง
เพื่อเฉินหยานเซียวนั้นไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง
ทันทีหลังจากนั้น
เฉินหยานเซียวได้แนะนำหยุนฉีกับเฉินเฟิง
เมื่อเฉินเฟิงได้เรียนรู้ว่าชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขาสอนเคล็ดวิชาเวทมนต์ดำให้กับหยานเซียว
มันทำให้เขายิ่งประหลาดใจมากขึ้น เขาคิดอยู่เสมอว่า
นักเวทมนต์ดำได้หายไปจากทวีปคังหมิงแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าในชีวิตของเขา
เขายังจะสามารถเห็นนักเวทมนต์ดำที่แก่ชรา
หลังจากถูกทำให้ตกใจกับทั้งสองคนดังกล่าว
เฉินหยานเซียวพาเขาแนะนำต่อไป เพียงเพื่อทำให้ปากของเฉินเฟิงกระตุกมากขึ้น
นี่คือ
ท่านราชครูเป่ยหยวน นี่คือองค์ชายหลงเย่ว
เป็นการแนะนำที่เหินห่างซึ่งแตกต่างจากการแนะนำของเย่ชิงและหยุนฉี
เฉินหยานเซียวเพียงแค่ชี้นิ้วของเธอไปที่คนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เฉินเฟิงเกือบหมดสติ
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินว่าเป่ยหยวนและองค์ชายหลงเย่วหายไปในทันใด
แม้ว่าจักรพรรดิจะปกปิดข้อมูลนี้อย่างจงใจ แต่เฉินเฟิงยังคงสามารถรับรู้ได้
เขาอยากรู้อยากเห็นว่าคนแบบไหนที่ใจร้อนอยากจะลักพาตัวเป่ยหยวนและหลงเย่ว
อย่างไรก็ตามไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้เห็นคนสองคนในเมืองของเฉินหยานเซียว
แม้ว่าเขาจะคิดด้วยนิ้วเท้าของเขา
เขาก็ยังสามารถสรุปได้ว่าเป่ยหยวนและหลงเย่วไม่ได้อยู่ที่นี่ตามความสมัครใจของตัวเอง
เขากลัวว่าเฉินหยานเซียวและครอบครัวของพวกเขาจะได้รับความยากลำบากในการ ...
เฉินเฟิงพูดไม่ออก
แม้ว่าตระกูลใหญ่ทั้งห้านั้นมีสถานะสูงมากในจักรวรรดิหลงซวน
แต่ก็ไม่ได้มีการติดต่อกับราชวงศ์ซึ่งก็เพื่อปกป้องความยิ่งใหญ่ของมหาอำนาจ
แม้ว่าจักรพรรดิจะกุมกองทัพไว้ในมือ
แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับตระกูลใหญ่ทั้งห้า คนเดียวที่มีความสามารถนี้คือ
ท่านราชครู เป่ยหยวน ผู้ครอบครองสัตว์ในตำนาน
แม้ว่าตระกูลใหญ่ทั้งห้านั้นจะหยิ่ง
แต่พวกเขาก็รู้ว่าเมื่อใดที่จะก้าวไปข้างหน้าและล่าถอยออกมา
พวกเขาไม่ค่อยจะขัดแย้งกับจักรพรรดิ
แต่กระนั้นเฉินหยานเซียวก็ทำงานได้ดี
จริง ๆ แล้วเธอควบคุมตัวท่านราชครูและองค์ชายไว้ในเมืองตะวันไม่เคยลับ
ความกล้าหาญของเธอช่างยิ่งใหญ่แค่ไหน?
เฉินเฟิงตกอยู่ในภวังค์เมื่อเขาได้พบกับเจี่ยหลาน
เจี่ยเหอ เหยาจี้และอีกหลายคน
เขายังไม่หายจากอาการตกใจเมื่อรู้ตัวว่าเฉินหยานเซียวลักพาตัวท่านราชครูและองค์ชาย
ดังนั้นเฉินเฟิง จึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหลาย ๆ
คนที่อยู่ข้างหน้าเขากังวลและกระตือรือร้นมากเมื่อพวกเขาเห็นเขา
หงส์ไฟนำทุกคำของเฉินหยานเซียวมาบอกต่อปีศาจ
เพื่อให้ปีศาจอันดับกลางและอันดับล่างไปอยู่ที่ด้านล่างของเมืองตะวันไม่เคยลับ
อย่าได้เคลื่อนไหวอะไรที่มีความโดดเด่นเป็นการชั่วคราว
และพวกเขาจะต้องไม่วิ่งเข้าไปในชนกับคนในตระกูลหงส์ไฟ
มีเพียงปีศาจอันดับสูงที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเฟิงและคนอื่น
ๆ แน่นอนเฉินเฟิงจะไม่สามารถค้นพบตัวตนของพวกมันในช่วงระยะเวลานี้และปล่อยให้ เฉินเฟิงค่อย
ๆ ยอมรับพวกมันอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว
งานที่ยากลำบากเช่นนี้ทำให้ปีศาจอันดับสูงปวดหัวอย่างไม่รู้จบ
เฉินหยานเซียวมอบปัญหาในการจัดการที่พักและอาหารของเฉินเฟิงให้กับปีศาจอันดับสูงและทำให้พวกมันต้องพยายามอย่างหนักที่จะสร้างความประทับใจที่ดีให้กับปู่ของเธอ
EGT 793
เฉินหยานเซียวเชิญเย่ชิงและหยุนฉีไปยังห้องโถงหลักของเมือง
"ข้าอยากจะขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยเหลือข้าในช่วงเวลานี้"
ในเวลานั้น
เฉินหยานเซียวออกเดินทางเร็วเกินไปและไม่มีเวลาอธิบายสถานการณ์ให้กับอาจารย์ทั้งสองคน
แต่เมื่อเธอกลับมาเธอสังเกตเห็นได้ทันทีว่าผู้คนในเมืองของเธอนั้นมีสุขภาพดีอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเย่ชิงและหยุนฉี
ในช่วงวันที่ผ่านมานี้เธอคิดว่าคนสองคนนี้ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนในเมืองตะวันไม่เคยลับ
เย่ชิงและหยุนฉีทั้งคู่ยิ้ม
เฉินหยานเซียวแสดงความเคารพต่อทั้งคู่เสมอ
แม้ตอนนี้แทนที่จะพักผ่อนหลังจากกลับมาเธอก็มาหาพวกเขาเพื่อทักทายพวกเขา
“มันไม่สำคัญ
แต่เมื่อหยุนฉีและข้าปฏิบัติต่อผู้คนที่นี่เราค้นพบความผิดปกติบางอย่าง”
เยิชิงขมวดคิ้ว
"มีอะไรผิดปกติเหรอ?"
เฉินหยานเซียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เย่ชิงมองดูหยุนฉี
ในช่วงเวลานั้นผู้อาวุโสที่เคารพสองคนกลายเป็นสหายกัน
หยุนฉีถอนหายใจและพูดว่า
"นี่ยังคงเป็นเพียงแค่ในส่วนของข้า หลังจากที่ข้ามาที่นี่กับเย่ชิง
ข้าก็ไปเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อของเจ้าเพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบ
เราพบว่ามียาเชิงลบระดับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากถูกโยนลงไป
พร้อมกับที่มันได้รับการผสมกับเคล็ดวิชาผสานคำสาปที่สาม"
"เคล็ดวิชาผสานคำสาปที่สาม?"
เฉินหยานเซียวถามออกไปด้วยความสับสนเล็กน้อย
เธอเป็นนักเวทมนต์ดำมานานแล้วแต่เธอยังไม่เคยได้ยินวลีนี้เลย
"นี่เป็นเคล็ดวิชาคำสาปที่สามารถใช้ได้โดยผู้ดำรงอาชีพขั้นที่สอง
ผู้อัญเชิญเวทมนต์ดำเท่านั้น เคล็ดวิชาคำสาปที่เจ้ารู้
สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเจ้ามีการสัมผัสติดต่อกับเป้าหมายโดยตรง
หรือเป้าหมายอยู่ในช่วงการโจมตีของเจ้า
หรือโดยการแนบมันเข้ากับอาวุธที่จะมีผลในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
แต่เคล็ดวิชาผสานคำสาปที่สามสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลานาน แม้ว่ามันจะเป็นพัน ๆ ปี
พลังของมันก็จะไม่ลดลงแม้แต่น้อย เมื่อมีคนแตะสัมผัสมัน เขาจะถูกคำสาปในทันที
เฉินหยานเซียวเม้มริมฝีปากของเธอ
ก่อนหน้านี้เธอเคยลงคำสาปเข้ากับลูกธนูของเธอ
แต่เคล็ดวิชาคำสาปแบบนั้นใช้งานได้เพียงไม่กี่วินาที
หากคิดว่าจริงๆแล้วมีเคล็ดวิชาคำสาปแช่งที่มีผลได้นานนับพันปี ...
เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน
มันย่อมน่ากลัวอย่างแน่นอน
"อาจารย์
กำลังหมายความว่ามีคนวางคำสาปในบ่อเหล่านั้นหรือ?"
หยุนฉีพยักหน้าดวงตาของเขาลึกล้ำ
เขาขมวดคิ้วเมื่อเขาคิดอะไรบางอย่าง
"ก่อนที่สาขานักเวทมนต์ดำจะถึงจุดสิ้นสุด
ในช่วงเวลานั้นมีทั้งหมดห้าคนที่เข้าถึงระดับผู้ดำรงอาชีพขั้นสอง อัญเชิญเวทมนต์ดำ
สองคนนั้นเป็นผู้อัญเชิญเวทมนต์ดำ ในขณะที่อีกสองคนมีความแข็งแกร่งเท่ากับข้า
มีเพียงเราห้าคนเท่านั้นที่สามารถใช้เคล็ดวิชาคำสาปได้
หลังจากนักเวทมนต์ดำล่มสลายลง แม้แต่นักเวทมนต์ดำธรรมดาก็เกือบจะสูญพันธุ์
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ ผู้อัญเชิญเวทมนต์ดำจะปรากฎตัวอีกครั้ง"
ตามข้อมูลของหยุนชีมีเพียงสี่คนในทวีปคังหมิง
ทั้งหมดที่สามารถทำสิ่งนี้นอกเหนือจากเขา
"อาจารย์
เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้คนทั้งสี่อยู่ที่ไหนกัน?" เฉินหยานเซียวหรี่ตาของเธอ
เธอมั่นใจได้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นใน
เมืองตะวันไม่เคยลับไม่สามารถแยกออกจากเมืองเวทจินตนาการได้
หยุนฉีส่ายหัวแล้วพูดว่า
"หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งสี่อาณาจักรได้ทำการตรวจสอบอย่างกว้างขวางสำหรับนักเวทมนต์ดำ
จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ผู้อัญเชิญเวทมนต์ดำคนหนึ่งเสียชีวิตขณะถูกตามล่า
ข้าเกรงว่าข้าไม่สามารถช่วยในการหาอีกสามคนที่เหลือได้
ถ้าข้าไม่ได้รับสร้อยคอแสงจันทร์โดยบังเอิญ ข้าก็เกรงว่าข้าคงหนีไม่พ้นโศกนาฏกรรมครั้งนั้นด้วย"
เกิดอะไรขึ้นในเวลานั้นเหตุใด
นักเวทมนต์ดำจึงถูกล่าและปราบปรามอย่างกว้างขวาง? เฉินหยานเซียวไม่เข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักเวทมนต์ดำในครั้งนั้น
เธอเคยได้ยินถังนาจื่อพูดถึงมันหลายครั้ง แต่เมื่อเธอขอรายละเอียดเขาก็ไม่สามารถพูดอธิบายอะไรที่มากกว่านี้ได้อีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น