ดาวเคราะห์ขยะ
-12 เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ขยะจำนวนมากในระบบดาวฟาล์
มันเป็นชื่อที่ผู้คนเรียกสำหรับสถานที่ที่ใช้ในการกำจัดขยะ
ในขณะที่วิทยาศาสตร์ยังคงพัฒนาไปสู่ยุคอวกาศ วิถีชีวิตของมนุษยชาติจึงเปลี่ยนรูปแบบไป
ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สงบสุข
และความกังวลเร่งด่วนก็เริ่มปรากฏเกี่ยวกับทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศได้ลดลงเนื่องจากความก้าวหน้าของมนุษยชาติที่อยู่เหนือท้องฟ้า
ยิ่งเมื่อมีการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่มากขึ้น เทคโนโลยีอวกาศของมนุษยชาติก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
สังคมก็ปรับเปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่วุ่นวายและขยะ ค่าใช้จ่ายในการรีไซเคิลสูงเกินไป
แต่การทิ้งขยะไปรอบ ๆ ก็เริ่มที่จะมีผลกระทบทางด้านลบต่อสภาพแวดล้อมของสังคม
ไม่ต้องพูดถึงความไม่พอใจ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตามมา วิธีการแก้ปัญหาที่ประเทศต่างๆนำมาใช้คือการกำจัดของเสียในสิ่งที่เรียกว่า
"ดาวเคราะห์ขยะ"
ดาวเคราะห์ขยะมีทั้งทรัพยากรที่ขาดแคลนหรือของเทียมที่ทำขึ้นมาแทนทรัพยากรโดยธรรมชาติ
โดยไม่ต้องพูดถึงมันเป็นสถานที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ซึ่งทำให้มันเป็นถังขยะในอุดมคติสำหรับกองขยะ
ภายใต้ท้องฟ้าสีเทา
ขยะหลากหลายชนิดถูกทิ้งซ้อนทับกันจนกลายเป็นกองภูเขา -
ดินแดนที่เงียบสงบราวกับสุสาน โลหะเย็นแวววาวที่มีเอกลักษณ์
ฝุ่นผงไม่ได้ปิดบังความเงาวาวที่มีแต่ดั้งเดิมของพวกมัน
มีเพียงบริเวณเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เป็นสนิม จนมันพอที่จะเตือนความทรงจำอันเก่าแก่ของพวกเขา
บนโลกใบนี้ที่ไร้ชีวิต
ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดถึงมันเลย
มันอาจที่จะถูกพิจารณาได้จากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
ไร้อาหารและน้ำขาดสิ่งจำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด
มีเพียงสิ่งเดียวที่มีที่นี่ - ถังขยะ!
เย่ชองเงยหน้าขึ้นเพื่อตรวจสอบนาฬิกาอะนาล็อกโบราณที่พบเมื่อสามปีก่อนที่เชิงเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปราว
ๆ สิบกิโลเมตร
เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่เป็นระบบสัมผัสนั้นได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้
เย่ชองต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการแก้ไขเพื่อให้มันสามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง นาฬิกาเรือนนี้เป็นสิ่งของจากบรรพบุรุษ
ยิ่งกว่านั้นยังมีนาฬิกาลูกตุ้มที่เป็นของโบราณมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เวลา
3:42
FT (เวลาของระบบดาวฟาล์) และเย่ชองรู้ว่าอีก 13 นาที
อากาศข้างนอกจะมาถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดของวันสำหรับการออกไปข้างนอก
และอากาศดี ๆ ก็จะจบลงที่ 6:17 FT ในเวลาอื่น ๆ
สภาพอากาศข้างนอกอาจจะแผดเผาเหมือนเตาอบหรือเย็นที่สุดเท่ากับจุดสูงสุดของฤดูหนาว
ตามปกติ
มันควรมีการกำจัดขยะตามกำหนดเวลาในคืนที่ผ่านมา
เย่ชองพิจารณาที่จะออกไปข้างนอกในวันนี้ เพื่อดูว่าเขาสามารถหาสินค้าใหม่ได้ไหม
ไม่ใช่ว่าเขากำลังขาดอาหาร สิ่งที่เขาหามาได้ในครั้งล่าสุดยังเหลือพอมากกว่าครึ่ง
มันเพียงพอสำหรับเขาไปอีก 3 วัน
นอกจากนี้ยังมีอาหารเหลวอินทรีย์เหลืออยู่จำนวนมาก แต่รสชาติแย่กว่าเนื้อสัตว์สด
มันมีรสชาติเหมือนขี้ผึ้งมากกว่า
ซึ่งเขายังเหลือมันอีกชิ้นและก็น่าจะเพียงพอไปได้อีกระยะหนึ่ง
เมื่อเวลา
3:55
FT ด้วยเวลาอันมีค่าสำหรับเย่ชอง
เย่ชองรีบวิ่งออกจากบ้านของเขาเพื่อตรงไปยังที่จุดที่เรือกำจัดขยะจะปล่อยขยะออกจากตู้สินค้าอัตโนมัติ
เขาใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงจากที่หลบภัยของเขาไปยังจุดหมายปลายทาง
โดยเวลาทั้งเดินทางไปกลับก็กินเวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมง
ดังนั้นเขาจึงเหลือเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงในการค้นหาสิ่งของ
[หมายเหตุ 3:55-6:17=1:22]
เย่ชองเดินผ่านกองขยะเขาวงกตเหมือนสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาคุ้นเคยกับรายละเอียดของภูมิทัศน์ในท้องถิ่นนี้
และเย่ชองเชื่อว่าเขายังสามารถหาทางเดินผ่านไปได้แม้ว่าจะหลับตา
สายลมพัดผ่านหูของเขาอันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของ
เขาตื่นตัวอยู่เสมอเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม เพื่อความอยู่รอดบนดาวเคราะห์ขยะ
เขาอาจที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทุกประเภท
ดาวเคราะห์ขยะไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์
แต่สำหรับรูปแบบชีวิตกลายพันธุ์ โดยไม่ต้องสงสัย มันคือสวรรค์
สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ กลับไม่มีผลใด ๆ กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่ปรับตัวได้สูง
ทรัพยากรในพื้นที่นี้ต่างอุดมสมบูรณ์ – ถังขยะ สำหรับหนูนั้น
มันกลายเป็นอาหารและบนโลกใบนี้จำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
ดาวเคราะห์ดวงนี้แตกต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่นที่อยู่ข้างเคียง
มันไม่ได้ถูกแตะต้องโดยมนุษยชาติ มันเป็นจุดที่ได้รับความนิยมสำหรับนักบังคับเมค
(หุ่นยนต์ ยานยนต์) เพื่อล่อลวงชะตากรรมของพวกเขา
ไม่มีนักบังคับเมคคนไหนที่อยากจะวางเท้าบนสถานที่ต้องห้ามเช่นนี้
หากไม่มีกลไกการตามล่าจากศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน
สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้ก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
บ้านของเย่ชองอยู่บริเวณตอนกลางของภูเขาขยะ
เส้นทางนั้นเสียหายขาดออกจากกันจนเป็นร่องลึกที่กว้างไม่เกินสี่เมตร
พร้อมกับมีคานโลหะที่ยื่นออกมาแนวนอนทางด้านนอกเพื่อใช้เป็นเส้นทางก้าวข้ามผ่านช่วงทางที่ขาดที่ดูอันตราย
เย่ชองไม่ได้ชะลอตัวลง
เขายังคงก้าวเท้ากว้างและทรงพลังของเขา -
ผู้ที่พบเห็นก็อาจที่จะเข้าใจผิดกับการเคลื่อนไหวที่สง่างามของเขาราวกับเป็นเจ้าของดินแดน
มันดูว่องไวจนน่าประหลาดใจ แต่ทว่า
ไม่มีผู้ชมบนโลกขยะใบนี้และช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์นี้เป็นของเขาเพียงคนเดียว
เย่ชองเร่งฝีเท้าของเขาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ
และเมื่อเขามาถึงจุดสูงสุดของการกระโดดเขาก็คว้าคานโลหะที่ยื่นออกไปในแนวนอนซึ่งแขวนอยู่กลางอากาศ
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงตัวหมุนรอบมันสองสามครั้งก่อนจะร่อนลงบนภูเขาขยะ
เย่ชองเดินมาและหยุดนิ่ง
เขาใช้นิ้วชี้ขวาของเขาแตะไปที่แหวนโลหะสีดำที่นิ้วนางซ้ายของเขาในขณะที่พูดเบา ๆ
ออกมา “วินนี่!”
พลันปรากฏเมคสีเขียวอมเทาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเย่ชองและเขาก็บ่นออกมาตามนิสัยของเขาว่า
“ถ้าเพียง แต่ฉันสามารถหาเครื่องรับเส้นประสาทได้ในครั้งนี้
การสั่งงานด้วยเสียงนี้แย่จริง ๆ” เขาเลื่อนตัวไปยังที่นั่งคนบังคับอย่างง่ายดาย
วินนี่เมคนั้นก็เหมือนกับเมคอื่น
ๆ ทั่วไป มันสูงประมาณสิบเมตร ตัวหนาใหญ่ มีแขนขาที่หนาเท่ากันทั้งหมด
มันมีลักษณะเหมือนก้อนโลหะและหัวล้านเหมือนกับตัวตลก
ดูมันจะมีอายุมากจากลักษณะภายนอกของเมคที่ดูหมองคล้ำ แต่ไหล่และข้อต่อหัวเข่ากลมที่มีลักษณะผิดปกติ
มันมีตะขอหนามติดตั้งเพิ่มเข้าไป เพื่อเพิ่มอาวุธที่ไร้ความปราณี
ทั่วผิวโครงร่างของวินนี่เต็มไปด้วยบาดแผลทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วนและรอยกัดที่เห็นแล้วดูน่าสยดสยอง
แต่เห็นได้ชัดว่าวินนี่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี หลักฐานทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าเย่ชองนั้นชื่นชอบเครื่องยนต์มากแค่ไหน
หากไม่ใช่เพราะวินนี่
เย่ชองก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ – อย่างน้อยที่สุดเท่าที่เย่ชองเชื่อ
เขาจะไม่มีชีวิตรอดมาได้หากเผชิญหน้ากับตัวเขมือบที่มากกว่าสองตัวหากไม่มีเมค
มันเป็นสัตว์ที่มีฟันแหลมคม และในแต่ละฝูงของพวกมันจะมีไม่ต่ำกว่าห้าตัว
บนโลกขยะนี้ ผู้อ่อนแอนั้นย่อมต้องเผชิญกับความตายในเวลาอันรวดเร็ว
กฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติได้รับการรับรองจากวิถีชีวิตของผู้คน
มีชายคนหนึ่งได้เปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างมนุษย์กับเมค
และนั่นคือพ่อบุญธรรมของเย่ชอง เย่ชองรู้จักเขาเพียงแค่ว่าเขาชื่อเกาซือฉาง
ภูมิหลังที่เหลือของเขายังคงเป็นปริศนา ตามที่พ่อบุญธรรมของเขาบอกไว้
เขาเป็นชายคนเดียวบนโลกขยะใบนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
พร้อมด้วยคำว่า "เย่ชอง" ที่ถูกเขียนไว้บนร่างกายของเขา สำหรับวิธีที่พ่ออุปถัมภ์ของเขามาถึงบนโลกใบนี้และอาชีพเดิมของเขา
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพวกมัน
เมคตัวนี้เป็นผลมาจากการค้นหาของพ่อบุญธรรมของเขา
เดิมทีมันเป็นเมคที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานสาธารณะซึ่งหลังจากการดัดแปลงที่ไม่รู้จักจบสิ้นของพ่ออุปถัมภ์ของเขา
ลักษณะเดิมของมันก็แทบจะไม่สามารถจดจำได้ว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน
สำหรับเขาในโลกภายนอกเกือบทุกคนเป็นเจ้าของเมค
แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ของพวกมันถูกนำกลับมาใช้ใหม่
มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาพบบนดาวเคราะห์ขยะ หากไม่มีโชคดี
ภายใต้อิทธิพลของพ่ออุปถัมภ์ เย่ชองพัฒนาความสนใจในเมคและพ่อบุญธรรมของเขาใจดีในการแบ่งปันความรู้ของเขา; พวกเขาทั้งสองต่างมีส่วนร่วมในการพูดคุยในเรื่องที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับโปรเซสเซอร์ของเมคที่มีอายุมากที่บ้าน
เมคนั้นมีชื่อว่าวินนี่ ตั้งตามพ่ออุปถัมภ์ของเขา
มันมาจากแบรนด์คลาสสิกของเครื่องยนต์สำหรับเมคที่ล้าสมัย
ซึ่งแตกต่างจากความชอบของพ่อบุญธรรมของเขาในการปรับเปลี่ยน
เย่ชองมีสัญชาตญาณและการรับรู้ที่ไวโดยธรรมชาติ ในการหลบหลีกกลไกตามที่เป็นอยู่
เช่นนี้วินนี่จึงมักถูกบังคับขับโดยเขาเสมอ พ่อบุญธรรมของเขาเคยกล่าวไว้ว่าเย่ชองจะเป็นนักบังคับที่ดีในวันหนึ่ง
หลังจากเผชิญหน้าในระยะประชิดกับตัวเขมือบห้าตัวที่นำไปสู่การต่อสู้ที่รุนแรงและการหลบหนีที่ประสบความสำเร็จ
เย่ชองเริ่มฝึกตัวเองอย่างจริงจังสำหรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริง
หลังจากที่เขาได้ลิ้มรสชาติของเนื้อหนูสดเป็นครั้งแรก เขาก็ไม่สามารถสนใจอาหารเหลวอินทรีย์ที่ปั่นออกมาจากเครื่องผลิตอาหารอีก
การทดสอบอย่างไม่หยุดหย่อนในการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นหมายความว่า
เย่ชอง ไม่ใช่บุคคลที่ไร้เดียงสาอีกต่อไป
ยกเว้นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวและดุร้ายไม่กี่อย่างที่เย่ชองจะไม่กล้าเข้าไปใกล้
รูปแบบชีวิตอื่น ๆ ทั้งหมดไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเย่ชองอีกต่อไป
แต่ถ้าเย่ชองไร้ความระมัดระวังสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
น่าเสียดายที่วินนี่แก่เกินไป
แม้หลังจากที่ทำการปรับเปลี่ยนทั้งหมดแล้วการขาดชิ้นส่วนและเครื่องมือที่ดีก็หมายความว่าวินนี่ดีพอ
ๆ กับที่เคยเป็นมา ข้อบกพร่องร้ายแรงอาจเป็นสมองของวินนี่ซึ่งล้าสมัยเกินไป
พ่อบุญธรรมของเขาอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญในกลไก
แต่เขาไม่ค่อยรู้เรื่องโปรเซสเซอร์ของเมค
ชายคนนั้นเคยพูดว่าสำหรับเมคใด
ๆ หากเครื่องยนต์เป็นหัวใจของมันแล้ว โปรเซสเซอร์คือจิตวิญญาณของมัน
เย่ชองรู้สึกถูกจำกัดในหลาย
ๆ ทาง ในขณะที่เขาบังคับเมค
คุณลักษณะเพียงเล็กน้อยของวินนี่ที่กู้คืนมาได้คือดวงตาคู่ไบโอนิค
เมื่อเย่ชองนำพวกมันกลับไป มันทำให้พ่อบุญธรรมเขาความสนใจ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นแบบอะไร แต่มีความคิดคร่าวๆว่ามันอาจเป็นรูปแบบใหม่จากปีที่ผ่านมา
ในที่สุดเขาก็เดินไปบนภูเขาขยะที่มีมานานหลายทศวรรษ ไม่ว่าเขาจะก้าวไปไกลมากแค่ไหน
มันก็ไม่สามารถครอบคลุมได้
ต้องขอบคุณดวงตาไบโอนิคคู่นี้ที่เย่ชองสามารถหนีจากช่วงเวลาที่อันตรายได้อีกครั้ง
แม้ว่าวินนี่จะแก่แล้ว
จนกว่าจะถึงเวลาที่จะหาเมครุ่นใหม่ได้ วินนี่ก็เป็นทางเลือกเดียวของเย่ชอง
เย่ชองเพิ่มความเร็วให้วินนี่อย่างระมัดระวังจนกระทั่งเข้าถึง
80% ของความเร็วสูงสุดเนื่องจากจะช่วยให้การเดินทางเร็วขึ้น
พร้อมกับมีเหลือพอสำหรับการปรับในกรณีฉุกเฉิน
การเดินทางราบรื่นและเย่ชองเดินทางจนถึงจุดหมายโดยไม่มีอุปสรรค
ทุกที่ที่เขาจับตาดูเต็มไปด้วยถังขยะ แต่มีพื้นที่ที่แตกต่างออกไป
ซึ่งเป็นขยะที่เพิ่มเติมล่าสุดและนี่คือเป้าหมายของ เย่ชอง สำหรับวันนี้
“เริ่มการสแกน!” เสียงของวินนี่ไม่ได้ไหลลื่น
มันเชื่องช้าคล้ายกับผู้อาวุโสสูงอายุ เย่ชองคิดอย่างไร้ประโยชน์
แต่เขากวาดตามองไปรอบ ๆสภาพแวดล้อมของเขาอย่างระมัดระวัง
ครั้งหนึ่งวินนี่ทำการสแกนเต็มรูปแบบด้วยตา แต่จะหยุดฟังก์ชั่นอื่น ๆ ทั้งหมด
ดังนั้นเย่ชองจะต้องตื่นตัวอย่างเต็มที่สำหรับภัยคุกคาม
เย่ชองตรวจสอบบางมุมที่รูปแบบการกลายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เขาพึมพำออกมาว่า “สหายเก่า เอาน่าคุณต้องทำได้ดีในวันนี้!
ฉันยังไม่ได้อะไรใหม่เลย! เอาเลย…มาเลย…” ในที่สุดเย่ชองเริ่มฮัมเพลงเล็กน้อยออกมา
อยู่คนเดียวบนโลกขยะนี้ ถ้าเขาไปสักระยะหนึ่งโดยไม่พูดอะไร
เย่ชองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้อีกแล้วแม้จะไม่มีคนอื่นที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับใคร
แต่การพูดคุยกับตัวเองก็ค่อยๆกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเรื่อย ๆ
เย่ชองคงสภาพหน้าตาแบบสบาย
ๆ แต่ท่าทางของเขาดูตึงเครียดเล็กน้อย
เมื่อเขาพูดถึงสถานะของเขาด้วยความระมัดระวังสูง
“การสแกนเสร็จสมบูรณ์!” การประกาศดังกล่าวเป็นเหมือนเสียงเพลงต่อหูของเขา
เย่ชองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เปลี่ยนเป็นโหมดการเตือนระดับสูง!”
เย่ชองสั่งวินนี่และตรวจดูผลลัพธ์การสแกนที่ถ่ายทอดออกมาจากหน่วยประมวลผลทันที
แถบสีแดงเล็ก ๆ ปรากฏในภาพสแกนที่มองเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษ
เย่ชองไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด -
ดูเหมือนว่าการค้นหาในครั้งนี้จะอุดมสมบูรณ์
เมื่อกวาดตาไล่ไปในกองขยะ
เย่ชองพ่นทรายเม็ดหนึ่งออกมาทางปากของเขาที่ปลิวเข้ามาจากรอยแยกของเมค
“บ้าเอ้ย! ไม่มีอะไรที่มีประโยชน์ โธ่สวรรค์ แน่นอนว่าฉันต้องไม่โชคร้าย!”
เสียงของเย่ชองที่ดูตื่นเต้นในครั้งแรกของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาค้นหาหลายจุด;
ทั้งหมดจบลงด้วยขยะที่ไร้ประโยชน์และตอนนี้เหลือเพียงจุดสุดท้ายที่เหลืออยู่
โดยมีวัตถุที่เล็กที่สุดในรายการ ตามขนาดที่มองเห็น
เย่ชองไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันจะใช้อะไรได้บ้าง
มันผิดพลาดยังดีกว่าโอกาสที่พลาดไป เมื่อเขาพุ่งเข้าไปในกองภูเขาขยะ
เย่ชองนั่งบนเก้าอี้
เคี้ยวเนื้อตัวเขมือบย่าง ในขณะที่เขาเล่นกับวัตถุที่มีค่ามากที่สุดในตอนนี้
มันดูเหมือนว่าจะเป็นเครื่องประดับโลหะที่มีความเงางาม
ขนาดเท่ากับเล็บนิ้วมือสามเล็บรวมกัน รูปทรงกลม
บริเวณขอบรอบวงเต็มไปด้วยใบมีดโค้งและพื้นผิวของมันปกคลุมไปด้วยรูปแบบที่แปลกประหลาดที่ดูไม่ออก
แต่อาจขึ้นอยู่กับหลักการพื้นฐานบางอย่างที่ไม่รู้จัก น่าเศร้า
บริเวณมุมของมันมีรอยบิ่นและรอยแตกบางส่วน ตามขอบของใบมีดมีร่องรอยของความเสียหาย
เย่ชองบ่น
“นี่คืออะไร มันช่างเป็นวัตถุที่แปลก!”
นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบไล้ขอบใบมีดเบา
ๆ จนเกิดรอยบาดเล็กน้อยซึ่งเย่ชองไม่รู้สึกอะไรเลย จนกระทั่งเห็นสีแดงเข้มซึมออกมา
“คมมากจริง ๆ !” เย่ชองรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“แน่นอนว่ากลไกนี้ไม่ใช่อาวุธลับใช่ไหม!” เย่ชองมองเห็นเลือดหยดหนึ่งติดอยู่บนคมมีดจากการถูกบาดไปก่อนหน้านี้
ฉับพลันปรากฏการณ์ลึกลับเกิดขึ้น!
เกินขอบเขตของความเป็นไปได้
ใบมีดดูดเลือดโดยไม่คาดคิด เหมือนฟองน้ำ โลหะดูดซับเลือดหรือไม่? เย่ชองสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่มีข้อผิดพลาดเขาสัมผัสมันและใบมีดเป็นโลหะอย่างปฏิเสธไม่ได้!
เย่ชอง เดิมพันว่าฉากที่เขาเพิ่งเห็นมานั้นไม่ใช่ภาพลวงตา
มันไม่มีสัญญาณของการหยุด
เครื่องประดับที่กำลังดูดเลือดเปล่งรัศมีแสงพร้อมกับเสียงหึ่ง
ๆ ดังออกมา
ใบมีดโค้งยื่นเข้าไปในร่างกายของเครื่องประดับและลวดลายที่คลุมเครือบนพื้นผิวของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว
เครื่องประดับทำตัวคล้ายกับเครื่องจักรบดที่ทำงานและเลือดของเย่ชองเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
เย่ชองตกตะลึงอย่างสมบูรณ์!
เสียงสะท้อนดังขึ้นโดยไม่มีการเตือนภายในใจของ
เย่ชอง “การตรวจสอบ เสร็จสมบูรณ์ จับคู่กับคลื่นสมอง ล็อคด้วยคลื่นสมอง!”
เย่ชองเปล่งเสียงโผงผาง
“ใครกัน! ออกมา!” ท่าทางของเขารุนแรงขึ้นขณะที่เขากวาดตามองไปรอบ ๆ
มือของเขาเอื้อมมือไปหากริชที่ขาของเขาอย่างเงียบ ๆ
“คุณแน่ใจ?” เสียงเดิมดังออกมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น