เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

EGT 257-259 นักธนูระดับแปด



EGT 257 นักธนูระดับแปด (1)



"ศิษย์คนนี้ต้องการเข้าสู่สาขาพลังลมปราณหรือไม่?" เด็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างน้อยก็อายุประมาณสิบสามปี ในการเป็นศิษย์ของสาขาพลังลมปราณนั้นจะต้องมีอายุอย่างน้อยสิบสองปี แม้ว่ามันจะสายไปสักหน่อยเมื่อเขามีอายุสิบสามปี แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เซียหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้เข้าใจผิดคิดว่าเฉินหยานเซียว ต้องการเป็นศิษย์ใหม่ของสาขาพลังลมปราณ

เซียหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแท้จริงแล้ว ด้วยอายุของ เฉินหยานเซียว เธออายุน้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมดในสาขานักธนู อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครที่อายุน้อยกว่าเธอในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานทั้งสำนัก ดังนั้นสำหรับอาจารย์ที่ปรึกษาที่จะมีความเข้าใจผิดแบบนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ

"ไม่ เขาเป็นศิษย์ของสาขาธนูแล้ว" เซียหยุนกล่าวออกไป

อาจารย์ที่ปรึกษารู้สึกประหลาดใจเมื่อมองดูเฉินหยานเซียว ผู้เยาว์ อายุน้อยเช่นนี้และได้ผ่านระดับหกและไปเป็นนักธนูแล้ว? พรสวรรค์แบบนี้เป็นแบบไหน? ไม่น่าแปลกใจที่ เซียหยุนได้นำศิษย์ผู้นี้มาเอง

"ช่างเป็นเด็กตัวเล็กมากเป็นพิเศษ" อาจารย์พี่เลี้ยงอุทานออกมา

เมื่อมองดูเฉินหยานเซียวที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาคิดถึงศิษย์อายุสิบสี่ถึงสิบห้าปีที่ยังคงดิ้นรนเพื่อฝ่าฟันระดับห้า อาจารย์ที่ปรึกษาอดไม่ได้ที่จะลอบพึมพำออกมา ถึงช่องว่างระหว่างเด็กคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาและศิษย์เหล่านั้น

ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงช่องว่างระหว่างคนที่มีความสามารถและคนธรรมดา

เฉินหยานเซียวแตะจมูกเธอ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับการจัดระดับของเธอในพลังลมปราณและพลังเวท ไม่จนกระทั่งเธอเข้าเรียนที่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน เธอได้ตระหนักว่าเมื่อถึงวัยปัจจุบันความสำเร็จทั้งหมดของเธอถือว่าน่าประหลาดใจมาก

"เอาละ พาเขาไปทำแบบทดสอบก่อน ส่วนข้าจะไปหาหลิงเสี่ยว" เซียหยุนตบไหล่ของเฉินหยานเซียว เพื่อให้กำลังใจเฉินหยานเซียว เขารู้สึกภูมิใจมาก และอีกอย่างเขาก็พบคนพบเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว

หลังจากเซียหยุนส่งเฉินหยานเซียวไปให้กับอาจารย์ที่ปรึกษา จากนั้นเขาก็ไปหาหัวหน้าสาขาพลังลมปราณ เพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ

"เจ้าสามารถเรียกข้าว่า ฟางซือ อยู่ข้างข้าแล้วตามข้าไปที่แถว" ฟางซือมองดูเฉินหยานเซียว เมื่อพูดถึงศิษย์ดีเด่นของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน เขาจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพมากขึ้น

"เข้าใจแล้ว" เฉินหยานเซียวเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง พวกเขาเข้าไปในสนามฝึกซ้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน

กลุ่มศิษย์ที่กำลังรอการทดสอบของพวกเขา ได้สังเกตเห็นลักษณะของเฉินหยานเซียว พวกเขามีอายุมากกว่าหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองไปที่ร่างของเฉินหยานเซียว

ฟางซือนำเฉินหยานเซียวไปที่ก้อนหินทดสอบและในเวลาเดียวกันข้างหน้าก้อนหินนั้นมีศิษย์อีกคนหนึ่งที่กำลังทดสอบพลังลมปราณ

และไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ โชคไม่ดี ที่ศิษย์ผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่เฉินหยานเซียวรู้จัก!

เฉินเจียเว่ย ยืนอยู่หน้าหินทดสอบอย่างประหม่า เขามองไปที่ทิศทางของฟางซือด้วยสายตาที่มีความหวัง ฟางซือ พยักหน้าให้เขาดำเนินการต่อ เขากลืนน้ำลายก่อนที่จะวางมือบนหินทดสอบ ผลการทดสอบในปีที่แล้วของเขา ระดับของเขาอยู่ในระดับที่สี่ของพลังลมปราณ เขาหวังว่าหลังจากผ่านการฝึกฝนมาตลอดเวลาหกเดือน ในที่สุดเขาก็อาจที่จะสามารถทะลุระดับห้าได้

ชั้นแสงสีขาวจาง ๆ เปล่งออกมาที่ด้านบนของหินทดสอบ เฉินเจียเว่ยเริ่มประสาทมากขึ้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูชั้นแสงใหม่ที่ซ้อนทับชั้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง

แต่ละชั้นของแสงสีขาวแสดงถึงระดับ การทดสอบหยุดลงเมื่อแสงสีขาวห้าชั้นก่อตัวขึ้นบนหินทดสอบ

ใบหน้าของเฉินเจียเว่ยแสดงรอยยิ้มที่น่ายินดี

"ไม่เลวเลย การที่จะพัฒนาระดับได้ภายในครึ่งปี ถ้าเจ้าปฏิบัติเช่นเดิม อีกเพียงแค่ปีเดียวเจ้าก็จะทะลวงผ่านระดับหก" ฟางซือรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของเฉินเจียเว่ย พรสวรรค์ของเฉินเจียเว่ยค่อนข้างดี สำหรับอายุสิบสี่ปีที่สามารถพัฒนาสู่ระดับห้า คงเป็นไปได้ที่เขาจะก้าวหน้าไปยังระดับที่หกภายใสอายุสิบห้าปี และย้ายไปยังสาขาหลักของอาชีพที่เขาต้องการ

เฉินเจียเว่ยยืนตัวตรงในขณะที่ศิษย์โดยรอบเริ่มชื่นชมเขา






EGT 258 นักธนูระดับแปด (2)



เขาเข้าสาขาพลังลมปราณเพียงหนึ่งหรือสองปี สำหรับเขาที่จะไปถึงระดับนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอ

สิ่งที่เกิดขึ้นในถ้ำหงส์ไฟในก่อนหน้านั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับเฉินเจียเว่ย เพียงแค่คิดว่าเขาที่มาถึงระดับที่สี่ของพลังลมปราณและพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดด้วยมือของเฉินหยานเซียวที่เป็นขยะโดยไม่คาดคิด เขาก็ยังรู้สึกละอายใจมากจนกระทั่งทุกวันนี้ มันทำลายความนับถือตนเองของเขาเป็นอย่างมาก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วที่ขยะผู้นั้นได้หงส์ไฟ? ในท้ายที่สุดเธอไม่ได้มีพลังเวทหรือพลังลมปราณในร่างกายของเธอ ถึงแม้ว่าท่านปู่จะส่งเธอไปที่สาขาปรุงยา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมได้หรือไม่ แต่ก็ควรเริ่มซึมซับความรู้ด้านปรุงยาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ไม่มีทางที่คนงี่เง่าคนนั้นจะกลายเป็นนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ได้

ในทางกลับกันเขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับหกได้ในไม่ช้า อนาคตของเขาไม่มีขอบเขต เขาไม่เชื่อว่าเพียงแค่อาศัยหงส์ไฟ เฉินหยานเซียวจะสามารถกดดันเขาได้อย่างสมบูรณ์

ยิ่งเฉินเจียเว่ยคิดถึงอนาคตที่สดใสของเขามากเท่าไรชัยชนะของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
"อุ๊บสส" ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อย

เฉินเจียเว่ยขมวดคิ้วเมื่อเขามองหาที่มาของเสียงหัวเราะ

เสียงหัวเราะดังมาจากทิศทางของเด็กหนุ่ม เฉินเจียเว่ยขมวดคิ้วของเขา หัวของเด็กคนนั้นเล็กมากและร่างกายของเขาก็บางมาก เมื่อเขายืนเช่นนั้นที่ด้านข้างของฟางซือ ทุกคนสามารถเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขาได้อย่างง่ายดาย

เด็กน้อยผู้นั้นกล้าที่จะหัวเราะเยาะเขา

เฉินเจียเว่ยส่งเสียงเย็นชาขึ้นจมูกในทันที

ในความเห็นของเขา อีกฝ่ายมีอายุน้อยกว่าเขาอย่างชัดเจน ความแข็งแกร่งของเขาในหมู่สหายที่มีอายุเท่าเขาถือว่ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าตัวน้อยผู้นี้จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน

"เจ้าหัวเราะอะไร?!" เฉินเจียเว่ยพุดออกมาอย่างไม่พอใจ

เฉินหยานเซียวมองดูเฉินเจียเว่ย ซึ่งเธอไม่ได้เห็นมาสองสามเดือนแล้ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายแวววาว

หลังจากที่ไม่ได้เห็นเขา ทัศนคติของเด็กคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนเลย

"ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกอยากหัวเราะ" เฉินหยานเซียว ยักไหล่เธอ การแสดงออกถึงความพึงพอใจของเฉินเจียเว่ยเมื่อไม่นานมานี้ก็ชัดเจนเกินไป เพียงแค่เข้าถึงระดับห้า มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาพึงพอใจ เธอจะไม่พบว่ามันตลกได้อย่างไร

"เจ้า ... " เฉินเจียเว่ยจ้องที่เฉินหยานเซียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ฟางซือ ยืนอยู่ที่นี่ เขาจะมอบบทเรียนที่ยากลำบากแก่เด็กที่น่าเกลียดผู้นี้นานแล้ว

"ข้าไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดังที่นี่" หน้าผากของฟางซือ ย่นเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศิษย์ของเขากับศิษย์นักธนู

เฉินเจียเว่ยแอบกัดฟันของเขาและอดทน เขาตัดสินใจที่จะจำรูปลักษณ์ของเด็กที่มีกลิ่นเหม็นผู้นี้เอาไว้ เขาจะต้องได้พบไอ้สารเลวผู้นี้ในสาขา ในวันต่อไป และเขาจะจัดการเด็กตัวเหม็นผู้นี้อย่างแน่นอน

เฉินหยานเซียวยังคงยิ้มอย่างเงียบ ๆ เธอเกือบจะเดาได้เลยว่า เฉินเจียเว่ยกำลังคิดอะไรอยู่

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ เพียงแค่นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาตายได้

"เสี่ยวหยานเจ้าไปทดสอบพลังลมปราณก่อน" ฟางซือ กำลังปวดหัว เมื่อเห็นความขุ่นเคืองในสายตาของเฉินเจียเว่ย เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมาก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฉินเจียเว่ยจะดี แต่เด็กน้อยคนนี้ที่อยู่ข้างเขาเป็นคนที่พิเศษ ซึ่งได้ผ่านระดับหกไปแล้วและกลายเป็นนักธนูในอายุเพียงสิบสามปี

ฟางซือต้องการให้การทดสอบของเฉินหยานเซียวจบลงอย่างรวดเร็วและส่งเธอให้เซียหยุนอีกครั้ง เขาไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งระหว่างเฉินหยานเซียวและเฉินเจียเว่ยแย่ลงไปกว่านี้ ท้ายที่สุดเขาไม่ต้องการเห็นศิษย์ของเขาถูกโจมตีด้วยอัจฉริยะจากสาขานักธนูเนื่องจากความไม่รู้ของศิษย์ของเเขา

"เสี่ยวหยาน?" เฉินเจียเว่ย ขมวดคิ้วแอบวินาทีที่เขาได้ยินชื่อ ชื่อนี้และชื่อของเฉินหยานเซียว ขยะ ผู้นั้นคล้ายคลึงกันเล็กน้อย มันทำให้เขาคึกคักกับคนงี่เง่า






EGT 259 นักธนูระดับแปด (3)



เฉินหยานเซียวยิ้มและเดินไปข้างหน้า เธอไม่มีเวลาที่จะตอแยเด็กน้อยผู้นี้และรบกวนคนอื่น

เมื่อเธอมายืนอยู่หน้าหินสูง นิ้วเรียวของเฉินหยานเซียวค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างช้า ๆ เธอค่อย ๆ กางฝ่ามือทาบไปบนแท่งหินทดสอบ

เฉินเจียเว่ยกำลังจ้องมองแท่งหินทดสอบอย่างไม่กระพริบตา ด้วยความอยากเห็นว่าเด็กสารเลวผู้นี้จะประสบความสำเร็จเพียงใดในการฝึกฝนของเขา

อย่างไรก็ตามในขณะที่หินทดสอบสร้างการเปลี่ยนแปลง คางของเฉินเจียเว่ยแทบจะกระแทกพื้นด้วยเสียงที่ดัง

หินทดสอบที่สูง ไม่ได้เปล่งแสงสีขาวเหมือนของเขา หากแต่กลับกลายเป็นหินที่เปล่งรัศมีแสงสีแดงออกมา

สีแดงของพลังลมปราณ นั่นคือสัญลักษณ์ของการเป็นนักธนู!

เฉินเจียเว่ยไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ ที่ยังมีอายุน้อยกว่าเขาจะทะลวงผ่านระดับหก และตอนนี้กลายเป็นนักธนู

เขาอายุเท่าไหร่? สิบสาม? หรืออายุสิบสี่ปี?

ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาได้กลายเป็นนักธนู!

สีหน้าของเฉินเจียเว่ยบิดเบี้ยว เมื่อจำได้ถึงสิ่งที่เขาคิดเมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้เขารู้สึกอับอายมาก

ในการเปลี่ยนเป็นนักธนูอย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งของระดับหกในพลังลมปราณ ปัจจุบันเขายังคงอยู่ในระดับห้าและยังต้องการเวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งปีในการพัฒนาสู่ระดับหก

จริง ๆ แล้วเขาต้องการที่จะก่อปัญหากับนักธนู? นี่เป็นเรื่องตลก

แสงสีแดงยังไม่หยุดแผ่แสงออกมา หลังจากที่รัศมีแสงสีแดงชั้นแรกเสถียรแล้วของรัศมีสีแดงอีกชั้นปก็เพิ่มออกมาอีกครั้ง

หลังจากเลือกอาชีพแล้วรัศมีแต่ละชั้นจะแสดงถึงระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาในอาชีพที่เลือก

ชั้นของแสงสีแดงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด

สนามฝึกทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ ศิษย์ทุกคนต่างจ้องมองไปที่รัศมีแสงสีแดงที่พร่างพราวโดยไม่กระพริบตา

ชั้นหนึ่ง…ชั้นสอง...สาม…สี่…

เมื่อชั้นของรัศมีเพิ่มขึ้นทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไป แม้แต่ฟางซือก็กำลังจะทรุดตัวลงไปเมื่อเขาเห็นว่ามีรัศมีหกชั้นปรากฏบนยอดหิน

รัศมีหกชั้นซึ่งแสดงว่าเป็นนักธนูระดับหก

นักธนูในระดับหกนั้นมีระดับสูงกว่านักธนูฝึกหัดและเป็นนักธนูขั้นต้นตอนปลาย และเกือบจะกลายเป็นนักธนูขั้นกลางได้ในทุกเวลา

นักธนูระดับกลางอายุสิบสามปี !!!

ฟางซือรู้สึกว่าเขากำลังฝันอยู่!

อย่างไรก็ตามแสงสีแดงที่พร่างพราวที่ดูเหมือนจะหยุดที่ชั้นหกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อชั้นที่เจ็ดของรัศมีแสงเริ่มเบ่งบานออกมาในเวลานั้น ฟางซือก็รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังบ้า

ในที่สุดแสงสีแดงก็ได้ก่อตัวรัศมีแสงชั้นที่แปดและจากนั้นก็หยุดกระจายออกไป

แต่ถึงกระนั้นทุกคนในปัจจุบันต่างก็งงงันเมื่อเห็นทุกอย่าง

นักธนูระดับแปด มันอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าวจากระดับนักธนูอาวุโส!

ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าตัวน้อยนี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากระดับกลางถึงระดับอาวุโส

นักธนูระดับอาวุโส ...

มีอาจารย์ที่ปรึกษาจำนวนมากในสาขาพลังลมปราณ ที่อยู่ในระดับขั้นสูงของนักธนู พวกเขากลัวว่าอีกไม่นานนัก ก่อนที่ปีศาจตัวน้อยผู้นี้จะแซงหน้าเขา

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเธอยังเด็ก

ฟางซือประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ เขาใช้เวลานานก่อนที่เขาจะได้สติ ถึงกระนั้นก็ยังมีร่องรอยของความตกใจในดวงตาของเขาในขณะที่เขามองดูร่างของเฉินหยานเซียวอย่างจริงจัง

เด็กคนนี้ไม่ใช่อัจฉริยะ แต่เธอเป็นเพียงความผิดปกติ!

นักธนูระดับขั้นกลางอายุสิบสามปี…หากข้อมูลนี้กระจายออกไป มันก็กลัวว่าจะทำให้ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัว

ที่ด้านข้าง ใบหน้าของเฉินเจียเว่ยนั้นดูต่างรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขาอย่างสิ้นเชิง ความมั่นใจในตนเองของเขาถูกบดขยี้เป็นผงฝุ่นเมื่อเห็นรัศมีแปดชั้นที่ก่อตัวขึ้นที่เหนือหินทดสอบ

เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกภูมิใจในพลังของตัวเอง แต่ก็หายไปเมื่อเห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่าเขาเป็นนักธนูระดับแปดแล้ว พรสวรรค์นี้แม้จะเป็นอัจฉริยะที่รู้จักกันในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลหงส์ไฟ เฉินอี้เฟิงก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น