EGT 257
นักธนูระดับแปด (1)
"ศิษย์คนนี้ต้องการเข้าสู่สาขาพลังลมปราณหรือไม่?"
เด็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างน้อยก็อายุประมาณสิบสามปี
ในการเป็นศิษย์ของสาขาพลังลมปราณนั้นจะต้องมีอายุอย่างน้อยสิบสองปี
แม้ว่ามันจะสายไปสักหน่อยเมื่อเขามีอายุสิบสามปี แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เซียหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้เข้าใจผิดคิดว่าเฉินหยานเซียว
ต้องการเป็นศิษย์ใหม่ของสาขาพลังลมปราณ
เซียหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแท้จริงแล้ว
ด้วยอายุของ เฉินหยานเซียว เธออายุน้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมดในสาขานักธนู
อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครที่อายุน้อยกว่าเธอในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลานทั้งสำนัก
ดังนั้นสำหรับอาจารย์ที่ปรึกษาที่จะมีความเข้าใจผิดแบบนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ
"ไม่
เขาเป็นศิษย์ของสาขาธนูแล้ว" เซียหยุนกล่าวออกไป
อาจารย์ที่ปรึกษารู้สึกประหลาดใจเมื่อมองดูเฉินหยานเซียว
ผู้เยาว์ อายุน้อยเช่นนี้และได้ผ่านระดับหกและไปเป็นนักธนูแล้ว? พรสวรรค์แบบนี้เป็นแบบไหน? ไม่น่าแปลกใจที่
เซียหยุนได้นำศิษย์ผู้นี้มาเอง
"ช่างเป็นเด็กตัวเล็กมากเป็นพิเศษ"
อาจารย์พี่เลี้ยงอุทานออกมา
เมื่อมองดูเฉินหยานเซียวที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขาคิดถึงศิษย์อายุสิบสี่ถึงสิบห้าปีที่ยังคงดิ้นรนเพื่อฝ่าฟันระดับห้า
อาจารย์ที่ปรึกษาอดไม่ได้ที่จะลอบพึมพำออกมา
ถึงช่องว่างระหว่างเด็กคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาและศิษย์เหล่านั้น
ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงช่องว่างระหว่างคนที่มีความสามารถและคนธรรมดา
เฉินหยานเซียวแตะจมูกเธอ
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับการจัดระดับของเธอในพลังลมปราณและพลังเวท
ไม่จนกระทั่งเธอเข้าเรียนที่สำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
เธอได้ตระหนักว่าเมื่อถึงวัยปัจจุบันความสำเร็จทั้งหมดของเธอถือว่าน่าประหลาดใจมาก
"เอาละ
พาเขาไปทำแบบทดสอบก่อน ส่วนข้าจะไปหาหลิงเสี่ยว"
เซียหยุนตบไหล่ของเฉินหยานเซียว เพื่อให้กำลังใจเฉินหยานเซียว เขารู้สึกภูมิใจมาก
และอีกอย่างเขาก็พบคนพบเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว
หลังจากเซียหยุนส่งเฉินหยานเซียวไปให้กับอาจารย์ที่ปรึกษา
จากนั้นเขาก็ไปหาหัวหน้าสาขาพลังลมปราณ เพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ
"เจ้าสามารถเรียกข้าว่า
ฟางซือ อยู่ข้างข้าแล้วตามข้าไปที่แถว" ฟางซือมองดูเฉินหยานเซียว
เมื่อพูดถึงศิษย์ดีเด่นของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน เขาจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพมากขึ้น
"เข้าใจแล้ว"
เฉินหยานเซียวเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง พวกเขาเข้าไปในสนามฝึกซ้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน
กลุ่มศิษย์ที่กำลังรอการทดสอบของพวกเขา
ได้สังเกตเห็นลักษณะของเฉินหยานเซียว พวกเขามีอายุมากกว่าหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองไปที่ร่างของเฉินหยานเซียว
ฟางซือนำเฉินหยานเซียวไปที่ก้อนหินทดสอบและในเวลาเดียวกันข้างหน้าก้อนหินนั้นมีศิษย์อีกคนหนึ่งที่กำลังทดสอบพลังลมปราณ
และไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่
โชคไม่ดี ที่ศิษย์ผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่เฉินหยานเซียวรู้จัก!
เฉินเจียเว่ย
ยืนอยู่หน้าหินทดสอบอย่างประหม่า
เขามองไปที่ทิศทางของฟางซือด้วยสายตาที่มีความหวัง ฟางซือ
พยักหน้าให้เขาดำเนินการต่อ เขากลืนน้ำลายก่อนที่จะวางมือบนหินทดสอบ
ผลการทดสอบในปีที่แล้วของเขา ระดับของเขาอยู่ในระดับที่สี่ของพลังลมปราณ
เขาหวังว่าหลังจากผ่านการฝึกฝนมาตลอดเวลาหกเดือน
ในที่สุดเขาก็อาจที่จะสามารถทะลุระดับห้าได้
ชั้นแสงสีขาวจาง ๆ
เปล่งออกมาที่ด้านบนของหินทดสอบ เฉินเจียเว่ยเริ่มประสาทมากขึ้น
ในขณะที่เขาเฝ้าดูชั้นแสงใหม่ที่ซ้อนทับชั้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง
แต่ละชั้นของแสงสีขาวแสดงถึงระดับ
การทดสอบหยุดลงเมื่อแสงสีขาวห้าชั้นก่อตัวขึ้นบนหินทดสอบ
ใบหน้าของเฉินเจียเว่ยแสดงรอยยิ้มที่น่ายินดี
"ไม่เลวเลย
การที่จะพัฒนาระดับได้ภายในครึ่งปี ถ้าเจ้าปฏิบัติเช่นเดิม
อีกเพียงแค่ปีเดียวเจ้าก็จะทะลวงผ่านระดับหก" ฟางซือรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของเฉินเจียเว่ย
พรสวรรค์ของเฉินเจียเว่ยค่อนข้างดี สำหรับอายุสิบสี่ปีที่สามารถพัฒนาสู่ระดับห้า
คงเป็นไปได้ที่เขาจะก้าวหน้าไปยังระดับที่หกภายใสอายุสิบห้าปี
และย้ายไปยังสาขาหลักของอาชีพที่เขาต้องการ
เฉินเจียเว่ยยืนตัวตรงในขณะที่ศิษย์โดยรอบเริ่มชื่นชมเขา
EGT 258
นักธนูระดับแปด (2)
เขาเข้าสาขาพลังลมปราณเพียงหนึ่งหรือสองปี
สำหรับเขาที่จะไปถึงระดับนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา
ที่ว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอ
สิ่งที่เกิดขึ้นในถ้ำหงส์ไฟในก่อนหน้านั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับเฉินเจียเว่ย
เพียงแค่คิดว่าเขาที่มาถึงระดับที่สี่ของพลังลมปราณและพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดด้วยมือของเฉินหยานเซียวที่เป็นขยะโดยไม่คาดคิด
เขาก็ยังรู้สึกละอายใจมากจนกระทั่งทุกวันนี้
มันทำลายความนับถือตนเองของเขาเป็นอย่างมาก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วที่ขยะผู้นั้นได้หงส์ไฟ? ในท้ายที่สุดเธอไม่ได้มีพลังเวทหรือพลังลมปราณในร่างกายของเธอ
ถึงแม้ว่าท่านปู่จะส่งเธอไปที่สาขาปรุงยา
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมได้หรือไม่
แต่ก็ควรเริ่มซึมซับความรู้ด้านปรุงยาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้
ไม่มีทางที่คนงี่เง่าคนนั้นจะกลายเป็นนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ได้
ในทางกลับกันเขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับหกได้ในไม่ช้า
อนาคตของเขาไม่มีขอบเขต เขาไม่เชื่อว่าเพียงแค่อาศัยหงส์ไฟ
เฉินหยานเซียวจะสามารถกดดันเขาได้อย่างสมบูรณ์
ยิ่งเฉินเจียเว่ยคิดถึงอนาคตที่สดใสของเขามากเท่าไรชัยชนะของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
"อุ๊บสส"
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อย
เฉินเจียเว่ยขมวดคิ้วเมื่อเขามองหาที่มาของเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะดังมาจากทิศทางของเด็กหนุ่ม
เฉินเจียเว่ยขมวดคิ้วของเขา หัวของเด็กคนนั้นเล็กมากและร่างกายของเขาก็บางมาก
เมื่อเขายืนเช่นนั้นที่ด้านข้างของฟางซือ ทุกคนสามารถเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเขาได้อย่างง่ายดาย
เด็กน้อยผู้นั้นกล้าที่จะหัวเราะเยาะเขา
เฉินเจียเว่ยส่งเสียงเย็นชาขึ้นจมูกในทันที
ในความเห็นของเขา
อีกฝ่ายมีอายุน้อยกว่าเขาอย่างชัดเจน
ความแข็งแกร่งของเขาในหมู่สหายที่มีอายุเท่าเขาถือว่ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ดังนั้นเจ้าตัวน้อยผู้นี้จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน
"เจ้าหัวเราะอะไร?!"
เฉินเจียเว่ยพุดออกมาอย่างไม่พอใจ
เฉินหยานเซียวมองดูเฉินเจียเว่ย
ซึ่งเธอไม่ได้เห็นมาสองสามเดือนแล้ว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายแวววาว
หลังจากที่ไม่ได้เห็นเขา
ทัศนคติของเด็กคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนเลย
"ไม่มีอะไร
ข้าแค่รู้สึกอยากหัวเราะ" เฉินหยานเซียว ยักไหล่เธอ
การแสดงออกถึงความพึงพอใจของเฉินเจียเว่ยเมื่อไม่นานมานี้ก็ชัดเจนเกินไป
เพียงแค่เข้าถึงระดับห้า มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาพึงพอใจ เธอจะไม่พบว่ามันตลกได้อย่างไร
"เจ้า ...
" เฉินเจียเว่ยจ้องที่เฉินหยานเซียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ฟางซือ ยืนอยู่ที่นี่
เขาจะมอบบทเรียนที่ยากลำบากแก่เด็กที่น่าเกลียดผู้นี้นานแล้ว
"ข้าไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดังที่นี่"
หน้าผากของฟางซือ ย่นเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศิษย์ของเขากับศิษย์นักธนู
เฉินเจียเว่ยแอบกัดฟันของเขาและอดทน
เขาตัดสินใจที่จะจำรูปลักษณ์ของเด็กที่มีกลิ่นเหม็นผู้นี้เอาไว้
เขาจะต้องได้พบไอ้สารเลวผู้นี้ในสาขา ในวันต่อไป
และเขาจะจัดการเด็กตัวเหม็นผู้นี้อย่างแน่นอน
เฉินหยานเซียวยังคงยิ้มอย่างเงียบ
ๆ เธอเกือบจะเดาได้เลยว่า เฉินเจียเว่ยกำลังคิดอะไรอยู่
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ
เพียงแค่นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาตายได้
"เสี่ยวหยานเจ้าไปทดสอบพลังลมปราณก่อน"
ฟางซือ กำลังปวดหัว เมื่อเห็นความขุ่นเคืองในสายตาของเฉินเจียเว่ย เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมาก
แม้ว่าพรสวรรค์ของเฉินเจียเว่ยจะดี แต่เด็กน้อยคนนี้ที่อยู่ข้างเขาเป็นคนที่พิเศษ
ซึ่งได้ผ่านระดับหกไปแล้วและกลายเป็นนักธนูในอายุเพียงสิบสามปี
ฟางซือต้องการให้การทดสอบของเฉินหยานเซียวจบลงอย่างรวดเร็วและส่งเธอให้เซียหยุนอีกครั้ง
เขาไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งระหว่างเฉินหยานเซียวและเฉินเจียเว่ยแย่ลงไปกว่านี้
ท้ายที่สุดเขาไม่ต้องการเห็นศิษย์ของเขาถูกโจมตีด้วยอัจฉริยะจากสาขานักธนูเนื่องจากความไม่รู้ของศิษย์ของเเขา
"เสี่ยวหยาน?"
เฉินเจียเว่ย ขมวดคิ้วแอบวินาทีที่เขาได้ยินชื่อ ชื่อนี้และชื่อของเฉินหยานเซียว
ขยะ ผู้นั้นคล้ายคลึงกันเล็กน้อย มันทำให้เขาคึกคักกับคนงี่เง่า
EGT 259
นักธนูระดับแปด (3)
เฉินหยานเซียวยิ้มและเดินไปข้างหน้า
เธอไม่มีเวลาที่จะตอแยเด็กน้อยผู้นี้และรบกวนคนอื่น
เมื่อเธอมายืนอยู่หน้าหินสูง
นิ้วเรียวของเฉินหยานเซียวค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างช้า ๆ เธอค่อย ๆ
กางฝ่ามือทาบไปบนแท่งหินทดสอบ
เฉินเจียเว่ยกำลังจ้องมองแท่งหินทดสอบอย่างไม่กระพริบตา
ด้วยความอยากเห็นว่าเด็กสารเลวผู้นี้จะประสบความสำเร็จเพียงใดในการฝึกฝนของเขา
อย่างไรก็ตามในขณะที่หินทดสอบสร้างการเปลี่ยนแปลง
คางของเฉินเจียเว่ยแทบจะกระแทกพื้นด้วยเสียงที่ดัง
หินทดสอบที่สูง
ไม่ได้เปล่งแสงสีขาวเหมือนของเขา หากแต่กลับกลายเป็นหินที่เปล่งรัศมีแสงสีแดงออกมา
สีแดงของพลังลมปราณ
นั่นคือสัญลักษณ์ของการเป็นนักธนู!
เฉินเจียเว่ยไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้
ที่ยังมีอายุน้อยกว่าเขาจะทะลวงผ่านระดับหก และตอนนี้กลายเป็นนักธนู
เขาอายุเท่าไหร่? สิบสาม? หรืออายุสิบสี่ปี?
ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาได้กลายเป็นนักธนู!
สีหน้าของเฉินเจียเว่ยบิดเบี้ยว
เมื่อจำได้ถึงสิ่งที่เขาคิดเมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้เขารู้สึกอับอายมาก
ในการเปลี่ยนเป็นนักธนูอย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งของระดับหกในพลังลมปราณ
ปัจจุบันเขายังคงอยู่ในระดับห้าและยังต้องการเวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งปีในการพัฒนาสู่ระดับหก
จริง ๆ
แล้วเขาต้องการที่จะก่อปัญหากับนักธนู? นี่เป็นเรื่องตลก
แสงสีแดงยังไม่หยุดแผ่แสงออกมา
หลังจากที่รัศมีแสงสีแดงชั้นแรกเสถียรแล้วของรัศมีสีแดงอีกชั้นปก็เพิ่มออกมาอีกครั้ง
หลังจากเลือกอาชีพแล้วรัศมีแต่ละชั้นจะแสดงถึงระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาในอาชีพที่เลือก
ชั้นของแสงสีแดงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด
สนามฝึกทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ
ศิษย์ทุกคนต่างจ้องมองไปที่รัศมีแสงสีแดงที่พร่างพราวโดยไม่กระพริบตา
ชั้นหนึ่ง…ชั้นสอง...สาม…สี่…
เมื่อชั้นของรัศมีเพิ่มขึ้นทุกคนที่อยู่รอบ
ๆ ต่างสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไป
แม้แต่ฟางซือก็กำลังจะทรุดตัวลงไปเมื่อเขาเห็นว่ามีรัศมีหกชั้นปรากฏบนยอดหิน
รัศมีหกชั้นซึ่งแสดงว่าเป็นนักธนูระดับหก
นักธนูในระดับหกนั้นมีระดับสูงกว่านักธนูฝึกหัดและเป็นนักธนูขั้นต้นตอนปลาย
และเกือบจะกลายเป็นนักธนูขั้นกลางได้ในทุกเวลา
นักธนูระดับกลางอายุสิบสามปี
!!!
ฟางซือรู้สึกว่าเขากำลังฝันอยู่!
อย่างไรก็ตามแสงสีแดงที่พร่างพราวที่ดูเหมือนจะหยุดที่ชั้นหกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนเมื่อชั้นที่เจ็ดของรัศมีแสงเริ่มเบ่งบานออกมาในเวลานั้น
ฟางซือก็รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังบ้า
ในที่สุดแสงสีแดงก็ได้ก่อตัวรัศมีแสงชั้นที่แปดและจากนั้นก็หยุดกระจายออกไป
แต่ถึงกระนั้นทุกคนในปัจจุบันต่างก็งงงันเมื่อเห็นทุกอย่าง
นักธนูระดับแปด
มันอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าวจากระดับนักธนูอาวุโส!
ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าตัวน้อยนี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากระดับกลางถึงระดับอาวุโส
นักธนูระดับอาวุโส ...
มีอาจารย์ที่ปรึกษาจำนวนมากในสาขาพลังลมปราณ
ที่อยู่ในระดับขั้นสูงของนักธนู พวกเขากลัวว่าอีกไม่นานนัก
ก่อนที่ปีศาจตัวน้อยผู้นี้จะแซงหน้าเขา
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเธอยังเด็ก
ฟางซือประหลาดใจอย่างสมบูรณ์
เขาใช้เวลานานก่อนที่เขาจะได้สติ
ถึงกระนั้นก็ยังมีร่องรอยของความตกใจในดวงตาของเขาในขณะที่เขามองดูร่างของเฉินหยานเซียวอย่างจริงจัง
เด็กคนนี้ไม่ใช่อัจฉริยะ
แต่เธอเป็นเพียงความผิดปกติ!
นักธนูระดับขั้นกลางอายุสิบสามปี…หากข้อมูลนี้กระจายออกไป
มันก็กลัวว่าจะทำให้ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัว
ที่ด้านข้าง
ใบหน้าของเฉินเจียเว่ยนั้นดูต่างรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขาอย่างสิ้นเชิง
ความมั่นใจในตนเองของเขาถูกบดขยี้เป็นผงฝุ่นเมื่อเห็นรัศมีแปดชั้นที่ก่อตัวขึ้นที่เหนือหินทดสอบ
เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกภูมิใจในพลังของตัวเอง
แต่ก็หายไปเมื่อเห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่าเขาเป็นนักธนูระดับแปดแล้ว
พรสวรรค์นี้แม้จะเป็นอัจฉริยะที่รู้จักกันในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลหงส์ไฟ
เฉินอี้เฟิงก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น