EGT
127 สมาชิกร่วมกลุ่มที่เหมือนหมู (1)
เสียงหวีดดังสนั่นไปทั่วป่ามืดทั้งหมด
บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของระยะเวลาการป้องกันในขณะนี้
เกือบในเวลาเดียวกันกลุ่มเยาวชนที่อยู่เบื้องหลังเฉินหยานเซียว ก็ทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเสียงร่ายอาคม ดาบน้ำแข็ง ลูกบอลเพลิง ถูกยิงไปในทิศทางของ
เฉินหยานเซียวอย่างเมามัน!
แม้ว่าความเสียหายที่เกิดจากดาบน้ำแข็งและลูกบอลเพลิงจะไม่สูงมาก
แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าทักษะเหล่านี้ดีที่สุดสำหรับการต่อสู้ที่รวดเร็ว เพราะเวลาในการร่ายอาคมของพวกเขาสั้นและพวกเขาก็สามารถเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งทางกายภาพในปัจจุบันของฉีเซียน้อยกว่าเมื่อก่อน
ท่ามกลางลำธารของการโจมตีด้วยดาบน้ำแข็งและลูกบอลเพลิง
เขาก็กลิ้งไปที่ด้านหลังของต้นไม้ขนาดใหญ่ทันทีและซ่อนตัวอยู่หลังลำต้นที่แข็งแรงเพื่อหนีการโจมตีที่บ้าคลั่งของนักเวท
หยานอู๋ลังเลที่จะวางม่านแสงป้องกันสำหรับตัวเขาเอง
การปะทะกันของม่านแสงและใบมีดน้ำแข็งสามเล่มเกิดแสงสลัว ๆ
ก่อนที่ใบมีดน้ำแข็งจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
หยานอู๋ทำการเบี่ยงเบนใบมีดน้ำแข็งจอีกสามเล่มหลังจากนั้น
หยางจือเป็นนักดาบและเมื่อเปรียบเทียบกับนักเวทและหมอเวทที่เปราะบางกว่า
การป้องกันของเขาก็แข็งแกร่ง
ในตอนต้นของการโจมตีเขาได้ถือโล่ไว้ในมือของเขาและต่อต้านลูกบอลเพลิง และ
ใบมีดน้ำแข็งหลายเล่ม
แต่ยังคงเห็นนักดาบและนักกระบี่รุ่นเยาว์ที่ส่งเสียงคำรามออกมาจากฝูงชนและวิ่งเข้าหาเขา
ใบหน้าของเขามืดเล็กน้อย
"บ้าจริง! เฉินจิว อยู่ไหน?” ถังนาจื่อซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน
ลูกธนูและการโจมตีด้วยพลังเวทกำลังบินอยู่เหนือศีรษะอยู่ตลอดเวลา
พวกมันถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวเลย
แต่แล้วเขาก็พบความจริงว่า ในบรรดากลุ่มที่เข้ามาโจมดีพวกเขา พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้
ร่างของเฉินจิว ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ!
เสียงต่ำของถังนาจื่อดึงดูดความสนใจของสหายร่วมกลุ่มอีกสามคนของเขาในทันที
เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะต่อต้านการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา
แต่ในอึดใจต่อมาพวกเขาทิ้งอาวุธและตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะเดินออกไปในที่โล่งไม่มีอาวุธ
กลุ่มเยาวชนที่กำลังจะโจมตีอีกชุดหนึ่งทันใดนั้นเห็นว่าเป้าหมายของพวกเขาออกมาจากการซ่อนตัวโดยไม่มีอาวุธใด
ๆ เพื่อปกป้องพวกเขาและมันทำให้พวกเขาค่อนข้างสับสน
นี่มันบ้าอะไรกัน?
“
อืม…ข้ายอมแล้ว ไม่งั้นข้าก็จะเหงื่อออกและจะเหม็น แล้วข้าก็ไม่อยากทำเช่นนั้น”
รอยยิ้มขี้เกียจปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของ ฉีเซีย
เขาดึงตราประทับจากหน้าอกของเขาและโยนมันลงบนพื้นอย่างไม่เห็นแก่ตัว
ที่ด้านหน้าศิษย์ทั้งหมด ที่กำลังตกตะลึง
พรึบ พรึบ ...
หยานอู๋และหยางจือต่างก็โยนป้ายของตัวเองลงไปเช่นกัน
อะไรกัน ...
ขากรรไกรของเด็ก ๆ ตกลงไปที่พื้น
สิ่งนี้ควรหมายถึงอะไร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต่อสู้กันไม่กี่อึดใจ
และไม่มีแม้แต่เวทอาคมและทักษะดาบระดับสูงแล้วทำไมพวกเขาถึงยอมแพ้อย่างง่ายดาย?
“เฮ้! พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!” ถังนาจื่อจ้องไปที่สหายร่วมกลุ่มของเขาที่เหมือนหมู
อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
พวกเขาไม่ได้ต่อสู้มานาน ดังนั้นทำไมต้องยอมแพ้ในทันใด?
พวกเจ้าเป็นกลุ่มลิงไปแล้ว?
“ใจเย็น ๆ” ฉีเซีย เดินไปที่ถังนาจื่อ ส่ายหน้า
ในขณะที่ถังนาจือยังคงตกตะลึง เขาถอดป้ายบนหน้าอกได้ง่าย
จากนั้นศิษย์ได้ยินเสียงบางสิ่งที่ตกลงมาที่พื้น
“
… .. ” ถังนาจื่อรู้สึกตะลึงงัน
เจ้าไปตายซะ!
กลุ่มศิษย์ที่ได้รับการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามต่างจมอยู่ในความเงียบทันที
...
เป็นเวลานานพวกเขาดูเหมือนจะดิ้นรน
ราวกับว่าพวกเขาเลือกที่จะกินอาหารที่ดูเป็นพิษที่อาจเป็นพิษ
แต่ก็มีโอกาสที่กัดครั้งสุดท้ายเจ้าจะค้นพบว่าไม่มีพิษเลยและค่อนข้างอร่อยจริง ๆ
EGT
128 สมาชิกร่วมกลุ่มที่เหมือนหมู (2)
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาก็เป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน
แต่ในเวลานี้หัวใจของศิษย์เหล่านี้ไม่ได้มีความสุขและความตื่นเต้น
แต่พวกเขากลับรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าพวกเขาถูกจับได้เหมือนเป็นคนโง่โดยศิษย์สามคนนี้
ถังนาจื่อมองดูเมื่อศิษย์กลุ่มใหญ่หยิบป้ายสี่อันออกไป
พวกเขาดูมืดมนที่เขาเริ่มสงสัยว่าศิษย์เหล่านี้เป็นคนที่ถูกปล้นไม่ใช่พวกเขา!
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่นี่คือสี่คน
แต่กลับเห็นการแสดงออกที่ขี้อายและผิดของอีกฝ่าย
ถังนาจื่อก็กลายเป็นคนพูดไม่ออกจริง ๆ!
หลังจากศิษย์กลุ่มหนึ่งเดินออกไปพร้อมกับอารมณ์แปลก ๆ
ถังนาจื่อก็เริ่มที่พูดกับสมาชิกในกลุ่มที่เหมือนหมูของพวกเขา
เพื่อเรียกสติและความคิดที่เหมาะสมกลับคืนมา
“ฉีเซีย! เจ้ากำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่? เจ้ายอมจำนน
มอบป้ายตราประทับของเราเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้? มันดูไม่เหมือนว่าเป็นเจ้า!
เจ้าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของสาขานักเวท เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ได้ปลดปล่อยเวทอาคมใด ๆ
เท่านั้น เจ้ายังยอมจำนนต่อพวกเขา เจ้ายังมีค่าต่อศักดิ์ศรีของเจ้าในฐานะนักเวทระดับสูงอยู่หรือไม่?”
ถังนาจือกำลังคำราม เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิดของฉีเซีย
ฉีเซียมองไปที่ถังนาจื่อด้วยท่าทางที่สง่างามเล็กน้อย
เขาก้มหัวคิดในบางสิ่ง ในมุมมองของถังนาจื่อ ฉีเซียสะท้อนการกระทำของเขา
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้าแน่ใจว่าข้าปล่อยลูกบอลเพลิงไปสองครั้ง!”
“
…” ถังนาจื่อ
รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระหน่ำภายในหน้าอกของเขาและเขาก็แทบกระอักเลือดออกมา
นี่เป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ส่งมาเล่นกับเขา !!!
“เอาล่ะ เสี่ยวถัง เจ้าไม่ต้องเครียด” ฉีเซียมองไปที่ ถังนาจื่อ
ผู้ซึ่งมีหน้าขาวอยู่ครู่หนึ่งและตบไหล่เขาอย่างหนักก่อนที่จะพูดว่า“ เจ้าคิดว่า
หากเรายังคงต่อต้าน เราจะยังมีโอกาสชนะ?”
ถังนาจื่อขมวดคิ้ว ฝ่ายตรงข้ามมีเพียงหกสิบห้าคน
ไม่รวมถึงหมอเวทและนักปรุงยาในกลุ่ม พวกเขามีนักเวทสิบคน นักกระบี่สิบคน
นักธนูแปดคนและนักดาบสิบเอ็ดคน แต่ด้วยสภาพปัจจุบันของสมาชิกในกลุ่มทั้งสามของเขา
มันเป็นการยากที่จะต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว
และยิ่งยากขึ้นไปอีกกับการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มากกว่าในเวลาเดียวกัน
(หมายเหตุ มีสาขานักกระบี่โผล่มาอีกหนึ่ง)
โดยทั่วไปไม่มีความเป็นไปได้ในการพลิกกลับสถานการณ์
เว้นแต่ว่าพวกเขาจะได้พลังกลับคืนมา
แม้ว่าถังนาจื่อจะเข้าใจในตอนนี้ว่าพวกเขามีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะชนะ
แต่การพ่ายแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้กลับทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลย
“บางทีเจ้าสามารถให้ข้ายืมกระบี่ของหยางจือ…เอาละ…” ถังนาจือพูดเบา ๆ ออกมา
“แม้ว่าเราจะมอบกระบี่ให้เจ้า
ความเป็นไปได้ที่พวกเราจะสามารถเอาชนะมีน้อยกว่าครึ่ง
เราน่าที่จะพยายามอย่างดีที่สุดในการเดิมพันด้วยความน่าจะเป็นไปได้อีกครึ่งหนึ่ง
เราอาจหาวิธีอื่นในการช่วยตัวเอง” ฉีเซียงอขาของเขาและพูดออกมาอย่างเกียจคร้าน
“วิธีอื่นอะไร? ยกเว้น เฉินจิว
เจ้าได้ส่งป้ายทั้งหมดของเราแล้ว เฉินจิว
เป็นแค่เด็กตัวน้อยที่ดูแลตัวเองยังไม่ได้ เจ้าไม่สามารถคาดหวังให้เขา ... เอะ
เดี๋ยวก่อน!" ถังนาจื่อแค่คิดถึงความคิดที่บ้า
เขาจำได้อย่างคลุมเครือว่าหลังจากพวกเขารู้ว่าเฉินจิวหายตัวไป ฉีเซียก็ทำตัวแปลก ๆ
เมื่อรวมกับสิ่งที่สุนัขจิ้งจอกเพิ่งพูดไปเขาต้องการที่จะ ..
“เจ้าล้อเล่นใช่ไหม?” ถังนาจือคิดว่านี่อาจจะบ้าเกินไป!
"เจ้าคิดอย่างไร? พรสวรรค์ของเสี่ยวจิวในบางด้านนั้นหาที่เปรียบมิได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนที่มีความสามารถเช่นเขา เชื่อข้าสิเขาจะไม่ทำให้เราผิดหวัง”
ฉีเซียยิ้มออกมาอย่างสดใสเป็นพิเศษ
ในความเป็นจริงตราบใดที่ป้ายตราประทับของเฉินจิวไม่ได้ถูกพรากไปจากเขา
กลุ่มของพวกเขายังคงอยู่ในป่ามืดได้
“แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีคำถาม” หยานอู๋ก็พูดออกมา
"อะไร?"
“บอกข้าหน่อย…” หยานอู๋มองไปที่สหายทั้งสามของเขา
และถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
EGT
129 สมาชิกร่วมกลุ่มที่เหมือนหมู (3)
เฉินหยานเซียวออกไปเมื่อใด นอกเหนือจากตัวเธอแล้วไม่มีใครอาจตอบได้
ช่วงเวลาที่กลุ่มกำลังจะถูกกำจัด คนที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็กระโดดข้ามต้นไม้สูงอย่างรวดเร็ว
“มันจะดีหรือเปล่าที่จะปล่อยพวกเขาไว้ข้างหลังเช่นนั้น?” ร่างที่มีผมสีแดงปรากฎบนไหล่ของเฉินหยานเซียว
พร้อมกับดวงตาสีแดงที่เปล่งประกายออกมา ในขณะเขาถามออกมา
"แล้วมันสำคัญอย่างไร? เจ้าไม่ต้องการออกมาข้างนอกและดูข้างนอกหรอกเหรอ?
"เฉินหยานเซียวเลิกคิ้ว
ร่างเล็กกระทัดรัดของเธอกระโดดออกไปอย่างแผ่วเบาผ่านป่าด้วยความรวดเร็ว
ในขณะนี้ หงส์ไฟผู้ซึ่งถูกบังคับให้กลับเข้าไปในร่างกายของเฉินหยานเซียว
ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนที่สำนัก กำลังนอนอยู่บนไหล่ของเธอ เพราะเธอต้องการปกปิดตัวตนตนของเธอ
เฉินหยานเซียวจึงต้องเกลี้ยกล่อมและพูดคุยกับหงส์ไฟอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานานก่อนวันที่เธอจะมาที่สำนัก
ในท้ายที่สุดด้วยความช่วยเหลือของซิว
จึงทำให้นกตัวนี้ส่งกลิ่นเหม็นอยู่ภายในร่างกายของเธอได้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้ เมื่อระยะเวลาคุ้มครองสิ้นสุดลง
เธอก็หลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ต่ำ
รูปร่างของเธอมีขนาดเล็กและเธอก็มีอายุน้อยกว่าศิษย์ทั่วไปสองหรือสามปี
ความสนใจของพวกเขาส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นไปที่ ฉีเซีย และคนอื่น ๆ
ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธออยู่ที่ไหน ด้วยการสะบัดแขนของเธอเธอสามารถถอนตัวออกจากสนามรบได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากไม่มีต้นขาไว้ให้กอดอีกแล้ว เธอจะทำอะไรได้อีก?
เพียงแค่มองไปที่คลื่นของผู้คนที่ติดตามพวกเขา เธอก็ชัดเจนแล้วว่า ฉีเซีย
และคนอื่น ๆ มีโอกาสชนะน้อยมาก ดังนั้นแทนที่จะนั่งตรงนั้นและรอความตายของเธอ
มันเป็นการดีกว่าที่จะก้าวออกจากการต่อสู้ในเวลานี้ก่อน
ตราบใดที่เธอไม่ถูกใครจับ พวกเขาก็ยังสามารถอยู่ต่อได้และเดินไปในป่ามืด
“ฮึ่ม หากไม่ใช่เพราะสัญญาลงนาม
ข้าผู้เชี่ยวชาญผู้นี้จะอยู่ในร่างกายของเจ้าได้อย่างไร!”
หงส์ไฟตอบกลับมาอย่างหยิ่งยโสและดุเดือดและ
“เจ้าไม่ต้องหนีแต่อย่างใด เจ้านายของข้าไม่ควรหนีจากอันตรายใด ๆ
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา มันก็เป็นเพียงกลุ่มของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ
ข้าสามารถขยับนิ้วของข้าและพวกเขาก็จะถูกบดขยี้ไปสู่ความตาย”
หงส์ไฟไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ คนกลุ่มนั้นดูเปราะบางมากเช่นนั้น
ทำไมเจ้านายที่น่าผิดหวังของเขาจึงต้องหนีไปและไม่ต่อสู้?
มันสร้างความเสียหายต่อศักดิ์ศรีของเขาในฐานะสัตว์ในตำนาน
“ขอบใจเจ้ามาก!! แต่ข้ายังไม่ได้วางแผนที่จะกำจัด!”
มีอะไรผิดปกติกับสัตว์ตำนานโง่เขลาตัวนี้ เขาชอบใช้นิ้วของเขาบดขยี้ทุกสิ่งจนตาย
แม้แต่ซิวก็ฆ่าสัตว์เวทอันดับแปดเท่านั้น แต่หงส์ไฟ
ตัวนี้โหดเหี้ยมอย่างไม่น่าเชื่อที่ทำให้ศิษย์หลายสิบคนต้องตาย
สัตว์ในตำนาน? เขาเป็นสัตว์ร้ายจริง ๆ !
“แค่ทำตัวดี ๆ มิฉะนั้นข้าจะดันเจ้ากลับเข้าไปในร่างกายของข้า”
เฉินหยานเซียวขี้เกียจเกินกว่าที่จะเถียงกับนกที่ยังไม่รู้เรื่องสิทธิมนุษยชน
เธอมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
แม้ว่ากลุ่มของเธอจะอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชในตอนนี้
เธอยังไม่ได้วางแผนที่จะยอมแพ้
สูตรยาแก้พิษที่เธอถืออยู่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นถูกโยนลงไปในซอกเล็ก ๆ แล้ว
เธอเพิ่งเรียนปรุงยามาหนึ่งเดือนและถูกบังคับให้กลั่นสกัดยาที่ท้าทายเช่นนี้แล้ว
มันก็เปรียบเสมือนกับเด็กอนุบาลที่สอบเข้าวิทยาลัย
นี่มันไม่ตลกเลย!
ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต้นเธอพร้อมที่จะยกเลิกแผนเดิมของพวกเขาชั่วคราว
แต่มันก็เป็นเพียงชั่วคราว!
นอกเหนือจากผู้เข้าร่วมแล้วยังมีอาจารย์คอยดูแลซ่อนตัวอยู่ในป่ามืดแห่งนี้ซึ่งรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของศิษย์
และหน้าที่ของพวกเขาคือส่งศิษย์ที่ถูกกำจัดออกไปจากการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ถูกโจมตีโดยสัตว์เวทระดับต่ำ
EGT
130 สมาชิกร่วมกลุ่มที่เหมือนหมู (4)
สำหรับตอนนี้ เฉินหยานเซียวรู้สึกลึก ๆ ว่าแม้จะไม่มี “ตัวถ่วง” ทั้งสี่คน
เธอก็สามารถผ่านการทดสอบนี้ได้สำเร็จ
ศิษย์ที่กระจัดกระจายเหล่านั้นจะเป็นอะไรไปได้?
ในสายตาของเธอ พวกเขาเป็นเพียงแค่ถุงเงินที่แวววาว
การถอดป้ายจากศิษย์ที่กำลังเป็นโรคประสาทเป็นเพียงเรื่องง่ายสำหรับเธอ
"ตัวถ่วง" ผู้ที่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป จนพวกเขากำลังกลายเป็นตัวถ่วงหรือตัวขัดขวาง
ปัญหาเดียวก็คือเธอยังคงพิจารณาว่าจะช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มที่เป็นหมูทั้งสี่คนของเธอหรือไม่
แต่เมื่อเธอระลึกถึงฉาก ที่เธอถูกขายออกไปเพื่อทำกำไรของใครบางคน
เธอก็ตัดสินใจทันทีว่าจะลืมพวกเขาไว้ (ฉาก: ฉีเซียที่ขายเธอเรื่องที่เธอโขมยของจากตระกูลใหญ่)
สำหรับสัตว์สี่ตัว ...
พวกเขาต้องซื้อเวลาให้เธอสักพัก!
หลังจากที่เธอตัดสินใจแล้ว
เฉินหยานเซียวก็เริ่มจับตามองไปยังกลุ่มของศิษย์ที่เข้ามาในสายตาของเธอด้วยแววตาชั่วร้าย
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มศิษย์กลุ่มนี้ มีการประสานงานที่ไม่ดี
ในขณะที่พวกเขาต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามศัตรู ทุกอย่างควรจะง่าย
โดยกลุ่มของพวกเขาประกอบด้วยชายหนุ่มสี่คนที่มีพลังและมีหญิงสาวสวยที่เป็นเหมือนดอกไม้
สถานการณ์อาจแตกต่างกัน!
กลุ่มหนึ่งก็อาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
เคียนชานนี สาวสวยเช่นลำธารดอกไม้ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของสาขาหมอเวท
กำลังนั่งอยู่บนโขดหินที่อยู่ข้าง ๆ
ตอนนี้เหงื่อผุดออกมาบนใบหน้าซีดของเธอเล็กน้อย พร้อมด้วยสาขานักดาบ เชาซู
และสาขานักธนู เมิ่งอี้จุน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจในขณะนี้
แต่พวกเขายังคงแสดงจิตวิญญาณระดับสูงออกมา โดยไม่ต้องการที่จะเสียหน้าต่อสาวงาม
และชางกวนเสี่ยวซึ่งป่วยเป็นโรคความสะอาดอย่างรุนแรง
เริ่มเช็ดมือที่สกปรกด้วยผ้าเช็ดหน้า
เขาเช็ดผิวหน้าอย่างต่อเนื่องและเล็บของเขาเกือบจะถูกตัดออกไป
“คราวนี้ต้องขอขอบคุณพี่ชางกวนเสี่ยว” เชาซูเช็ดเหงื่อของเขาออกไป
ก่อนหันไปมองชางกวนเสี่ยวซึ่งยังคงยุ่งอยู่กับการปัดฝุ่น
"ไม่เป็นไร เมื่อข้ายอมรับคำเชิญของเจ้า
ดังนั้นโดยธรรมชาติข้าจะไม่ปล่อยให้กลุ่มของเราพ่ายแพ้โดยกลุ่มขยะนั้น”
ชางกวนเสี่ยวยังคงเช็ดถูมือทั้งสองของเขา
เมื่อเขาแน่ใจว่าไม่มีร่องรอยของฝุ่นหลงเหลือเขาจึงโยนผ้าเช็ดหน้าไปที่แม่น้ำ
“สิ่งที่พี่ชางกวนพูดนั้นถูกต้อง!
กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกลุ่มที่หลงผิดอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเขาตั้งเป้ามาที่พวกเราไว้ตั้งแต่ต้น
พวกเขารู้ว่าพี่ชางกวนเป็นนักปรุงยาระดับกลางอยู่แล้ว เพียงแค่ยาเล็ก ๆ
ของเจ้าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาไม่ขยับเขยื้อน” เมิ่งอี้จุนรีบกล่าวสรรเสริญออกมา
“ข้ายังอยู่ในระดับแรกตอนปลายเท่านั้น” ชางกวนเสี่ยวแกล้งทำเป็นคนไม่สำคัญ
แต่ดวงตาที่หยิ่งยโสของเขาเผยให้เห็นความเย่อหยิ่งของเขา
เขาอายุเพียงสิบแปดปี แต่ถึงระดับแรกตอนปลายของนักปรุงยาแล้ว
ความสามารถพิเศษนั้นหาได้ยากมากแม้แต่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
“มันต้องเป็นการฝึกมาอย่างหนักของพี่ชางกวน” เฉียนซานนี พูดเบา ๆออกมา
ใบหน้าที่บริสุทธิ์ของเธอในตอนแรกมีอาการอ่อนล้า มันทำให้เธอดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้น
ความกังวลของเฉียนซานนี ทำให้ ชางกวนเสี่ยวดูพึงพอใจมาก
เขาไม่ได้กังวลกับเชาซู และเมิ่งอี้จุนที่หยิ่งจองหองและยิ้มเบา ๆ ไปที่เฉียนซานนี
“เจ้าสามารถมั่นใจได้
ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่เจ้าจะกลับมามีความแข็งแรงตามปกติได้ในไม่ช้า”
ในฐานะศิษย์ชั้นนำของสาขาปรุงยา ชางกวนเสี่ยว มีความมั่นใจมาก
คราวนี้เขาจะเป็นคนแรกที่ผสมยาแก้พิษโดยใช้สูตรที่ได้รับมา
เฉียนซานนี ยิ้มเบา ๆ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา
ในทางตรงกันข้ามเชาซูและเหมิงอี้จุนก็กัดฟัน
ถ้ามันไม่ได้เพราะพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาทักษะด้านปรุงยาของเขาในตอนนี้
นักปรุงยาน้อยผู้นี้จะสามารถแสดงออกต่อหน้าพวกเขาได้หรือไม่?
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ