"ท่านนักปราชญ์ ด้วยความเคารพอย่างสูง
ไม่ทราบว่าหงส์ไฟอยู่ภายในถ้ำนี้หรือไม่?" เฉินเจียอี้กลืนน้ำลายของเธอ
ขณะที่เธอมองไปที่ถ้ำที่กำลังแผ่คลื่นความร้อนออกมา
จากก้นบึ่งของหัวใจของเธอเริ่มที่จะปลดปล่อยร่องรอยของความกลัวออกมา
ดินแดนเทพเจ้าเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับความเมตตากรุณา
ดังนั้นเธอจึงจงใจแสดงความน่ารัก น่าสงสารและเอียงอายออกมา
ขณะที่เธอยืนข้างหน้านักปราชญ์ เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับเขา
นักปราชญ์มองไปทางเฉินเจียอี้ และพยักหน้า
“หงส์ไฟอยู่ภายในถ้ำนี้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล เพราะในตอนนี้ หงส์ไฟอยู่ในสภาพจำศีลและจะไม่เป็นอันตรายต่อทุกคน"
หลังจากที่ทุกคนเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำที่มืดมิด
ฑูตดินแดนเทพเจ้าทั้งสิบแปดคนถูกแบ่งออกเป็นสองชุด
โดยชุดแรกอยู่ที่ด้านหน้าเพื่อเปิดเส้นทาง
ขณะที่อีกชุดเดินปิดท้ายเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
หลังจากที่ได้มุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำแล้ว ฑูตดินแดนเทพเจ้า
ผู้ที่อยู่ด้านหน้าได้เผยผลึกแสงอยู่ในมือของพวกเขา
ก่อนที่เขาปล่อยให้พวกมันบินออกไป
ผลึกแสงเป็นวัตถุพิเศษที่สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นแสงสว่างได้
มันจำเป็นต้องมีนักเวทเท่านั้นที่จะถ่ายเทพลังเวทของเขาลงไปในผลึก
มันจะสามารถลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับเปล่งรัศมีแสงออกมา ราวกับคบเพลิง
ตลอดการเดินทางภายในถ้ำที่มืดมิดนี้
จะต้องใช้ผลึกแสงเพื่อเพิ่มแสงสว่างอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบผลึก
แต่หลังจากนั้น ทุกคนต่างสังเกตเห็นแสงสีแดงสลัว ๆ ที่กระพริบออกมาจากผนังถ้ำ
พวกมันเป็นร่องสีแดงยาวบางเฉียบคล้ายกับหินหนืดที่ฝังอยู่ในผนังหิน
พวกมันกระพริบแสงสีแดงเลือดออกมา ตลอดเส้นทางที่ลึกเข้าไปในถ้ำ
เฉินหยานเซียวกำลังเดินอยู่ด้านทุกคนด้วยดวงตากลมโตของเธอกวาดตามองไปที่ร่องรอยสีแดงแปลก
ๆ เหล่านี้พวกมันดูเหมือนกับเส้นเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากถ้ำ
มันค่อนข้างมีกลิ่นหอมและหวาน ผสมกับกลิ่นคาว กลิ่นนี้ทำให้เธอค่อนข้างมึน
ความมืดภายในถ้ำขยายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อ
ผู้คนมองย้อนกลับไปในทิศทางของประตูทางเข้าของถ้ำ พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไร
มีเพียงแต่ ผลึกแสงที่ยังคงให้แสงสว่างในระยะจำกัดเท่านั้น
"เราต้องเดินเข้าไปอีกนานแค่ไหน? มันดูร้อนขึ้นเรื่ย
ๆ" เฉินเจียเว่ยค่อนข้างกลัว เขาเดินตามเฉินเจียอี้ ไปติด ๆ
แม้เขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเกราะชุดเส้นใยไหมเยือกแข็ง เขาก็ยังคงรู้สึกว่าอุณหภูมิสูงมากขึ้นเรื่อย
ๆ และมันเหลือที่ทนได้มากขึ้น
หยดเหงื่อผุดออกมาบนหน้าผากของเขาและใบหน้าของเขาเริ่มแดงเหรื่อ
จากสายตาของพวกเขา ในกลุ่มนี้ นอกจากเฉินหยานเซียว
ที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลังเวทและพลังลมปราณ
ความแข็งแกร่งของเฉินเจียเว่ยนับได้ว่าต่ำสุด เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
มันก็ทำให้เขายากที่จะต้านทานได้
"ข้าไม่รู้ เราน่าที่จะถึงในอีกไม่นานนี้
พยายามอดทนกับมันไปอีกสักหน่อย" ความมุ่งมั่นของเฉินเจียอี้ก็ยังไม่แน่นอน
แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของพี่ชายของเธอ เธอก็อยากจะรู้ว่าสถานการณ์ของยัยงี่เง่า
เมื่ออยู่ในสถานที่ร้อนจัดเช่นนี้เป็นอย่างไร
เฉินเจียอี้หันศีรษะของเธอเพื่อมองไปที่เฉินหยานเซียว
ที่เดินอยู่ข้างหลังเธอ
ตอนแรกเธอเชื่อว่าตัวเองจะได้เห็นใบหน้าแผ่นที่เต็มไปด้วยเหงื่อและหมดแรง
อย่างไรก็ตาม เฉินหยานเซียวที่เดินอยู่ข้างหลังพวกเขา
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเธอจะไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงหยดเหงื่อ เพราะบนใบหน้าเล็ก
ๆ ของเธอไม่มีหยาดเหงื่อแม้แต่น้อย อย่างไม่คาดฝัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกมาก เพราะแม้แต่เธอที่กำลังจะทะลวงผ่านระดับหก
เธอก็ยังรู้สึกร้อน มันมีอะไรที่ผิดปกติกับเธอหรือไม่?
ความแตกต่างระหว่างก่อนที่จะถึงระดับหกและหลังจากทะลวงผ่านระดับหกของพลังลมปราณและพลังเวทนั้น
มีความแตกต่างเป็นอย่างมาก เฉินเจียอี้ได้รับการฝึกฝนจนอยู่ในระดับห้า
แต่เธอยังไม่สามารถทะลวงผ่านระดับหกไปได้
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางที่จะต้านทานอุณหภูมิสูงได้อย่างสมบูรณ์
ในที่นี่เฉพาะผู้ที่ทะลวงผ่านระดับหกเท่านั้น เฉินอี้เฟิงผู้ซึ่งกลายเป็นนักรบระดับสามดาวแล้ว
ก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ อะไรเกิดขึ้นกับเฉินหยานเซียว? เธอเห็นได้ชัดว่าเป็นถังขยะที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้
ดังนั้นเธอจะผ่อนคลายได้ดีมากกว่าเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยได้อย่างไร?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น