ใครจะไปรู้ละว่า
เฉินเจียอี้ได้รับรู้อย่างไม่คาดคิดว่าตัวเธอต้องปรากฏตัวต่อหน้านักปราชญ์ด้วยลักษณะที่อัปลักษณ์และน่าเกลียดของเธอ
เธอเกือบจะโขกศีรษะของตัวเองตายด้วยความอับอาย
สิ่งที่ผู้หญิงใส่ใจมากที่สุดคือรูปลักษณ์ของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉินเจียอี้ เป็นผู้หญิงที่หยิ่งและหัวแข็ง
มันอาจจะสันนิษฐานได้ว่าในช่วงเวลาที่เธอได้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
เมื่อไหร่กันที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้?
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของเฉินเฟิง
มันเป็นไปได้มากที่เฉินเจียอี้ จะนำใบมีดมาและสับเฉินหยานเซียวจนเละเป็นเนื้อสับ!
สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือในวันแห่งความยิ่งใหญ่เช่นนี้และกับการที่นักปราชญ์ได้มาในวันนี้
ทำไมตัวอัปยศอดสูของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ จึงมาที่นี่?!
เฉินหยิวขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเขารู้สึกถึงความโกรธของลูกสาว
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากเฉินเฟิงเมื่อวานนี้ เฉินหยิวไม่สามารถนอนหลับได้
เพราะเขาไม่สามารถเข้าใจเหตุผลที่ เฉินเฟิงอนุญาตให้เฉินหยานเซียวปรากฏตัวที่นี่
ต้องเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าภูมิปัญญาของเฉินหยานเซียวอยู่ในระดับของเด็กวัยสี่ขวบเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ร้องไห้หรือสร้างความวุ่นวาย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าคนอื่นพูดอะไร
ถ้ามีโอกาสเธอก็อาจที่จะทำอะไรบางอย่างที่อาจดูตลกขบขันต่อหน้านักปราชญ์
มันจะไม่เป็นการเสียหน้าและทำลายภาพลักษณ์ที่ดูยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลหงส์ไฟ?
สำหรับทุกคนที่อยู่ในฉาก -
นอกจากนักปราชญ์ที่ไม่ทราบถึงสถานการณ์ เฉินเฟิงผู้ซึ่งออกคำสั่งและเฉินซืออู๋ผู้ดำเนินการตามคำสั่ง
- พวกเขาทั้งหมดต่างขมวดคิ้วเนื่องจากการทาถึงของเฉินหยานเซียว
ทุกคนกังวลว่า
ความอับอายของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟจะทำให้ครอบครัวของเธอเสียหน้าต่อหน้านักปราชญ์หรือไม่
ปกติแล้วพวกเขาย่อมไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมใด
ๆ ของตระกูล
ไม่มีแม้แต่ใครก็ตามที่เต็มใจที่จะเรียกถังขยะที่งี่เง่าผู้นี้มาร่วมมื้ออาหารของสมาชิกในแต่ละเดือน
นอกจากนี้เมื่อเฉินซืออู๋ได้กลับมา
เขาคนบ้าผู้นี้ก็ออกโรงและพาเธอปรากฏตัวต่อหน้าสายตาของทุกคน คนโง่
ที่ทุกคนหลงลืมการมีอยู่
ไม่มีใครอยากจะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับนักปราชญ์เพราะความอัปยศผู้นี้
บรรยากาศภายในห้องดูแปลก ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการมาถึงของเฉินหยานเซียว
หลังจากที่เธอเดินเข้าไปในห้องโถงหลักแล้วเธอก็ยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมอย่างเงียบ
ๆ ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นแรงพร้อมกับที่เหงื่อเย็นผุดออกมา
เป็นไปได้ไหมที่คนโง่คนนี้อยากจะยืนต่อหน้านักปราชญ์โดยไม่ได้รับความรังเกียจ? มันต้องเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อคนที่หน้าตาไม่ได้ขวนมอง
มายืนอยู่ต่อหน้าตาทุกคนที่ดูดี "อัปลักษณ์"
เป็นแค่สองคำที่ใช้ในการอธิบายตัวเธอ การดำรงอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นความผิดพลาดได้เตือนอย่างต่อเนื่องต่อตระกูลหงส์ไฟว่าเธอเป็นความอับอายขายหน้า!
เฉินทวนต้องการเปิดปากของเขาและให้คนลากเด็กงี่เง่าที่กำลังกระทำการประมาทไปทางด้านข้าง
แต่นักปราชญ์ที่นั่งอยู่ได้ยิ้มออกมาในทันทีและพูดว่า
"เด็กสาวผู้นี้น่าจะเป็นคุณหนูเจ็ดของตระกูลหงส์ไฟ?” เสียงหวานและอ่อนโยนเหมือนสระน้ำอุ่นในฤดูใบไม้ผลิขณะไหลผ่านจิตใจของทุกคน
"ใช่ แน่นอนว่าเป็นของเธอ"
เฉินเฟิงพยักหน้า ขณะที่พูด
“ภูมิปัญญาของหยานเซียวขาดไป
ถ้าเป็นการดูหมิ่นแล้วล่ะก็
ข้ายังคงหวังว่าท่านนักปราชญ์จะให้อภัยไม่เอาความ"
นักปราชญ์ยิ้มขณะที่เขาส่ายหัว
"เด็กคนนี้ที่ข้าเห็น
ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยตั้งแต่แรกเห็น"
ประโยคจากปราชญ์ทำให้ทุกคนที่ต้องกังวลว่าเฉินหยานเซียว
จะนำความอับอายมาสู่ครอบครัวตระกูลหงส์ไฟต่างตกตะลึง
พวกเขาเพิ่งได้ยินอะไรไป? ผู้นำ
นักปราชญ์ได้กล่าวอะไรออกไปอย่างไม่คาดคิด คนงี่เง่าผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยตั้งแต่แรกเห็น?!
ไม่ว่าคุณจะมองมันแบบไหน
การปรากฏตัวของเฉินหยานเซียว
ก็เป็นแบบที่ไม่สามารถพบได้อีกหลังจากทิ้งเธอไว้กับฝูงชน
เธอที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนจากครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
คล้ายกับความรู้สึกของไก่ที่ยืนอยู่ในฝูงปศุสัตว์
เพียงแค่นี้
มันจะทำให้คนรู้สึกคุ้นเคยได้อย่างรวดเร็วเพียงใด?
มันอาจเป็นไปได้ว่ารสนิยมของผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ 'ประหลาด' ผิดปกติหรือไม่?
เฉิงเจียอี้ยิ่งกว่าตกตะลึง
เมื่อเธอพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเฉินหยานเซียวที่เธอกำลังจ้องมองอยู่
ผู้ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะเทียบกับเท้าของเธอ ซึ่งเป็นคนที่น่าเกลียดคนนั้น อย่างไม่คาดฝัน
ได้รับการมองจากนักปราชญ์เป็นคนแรกอย่างนี้
ขอบคุณครับ
ตอบลบ