อย่างไรก็ตามในขณะนี้ที่
เฉินหยานเซียว ที่เคยถูกเยาะเย้ยและถูกรังแกมาเป็นเวลานาน
ได้มายืนอยู่ข้างหน้าของเธอและได้มองไปที่เธอที่กำลังอยู่ท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชน
ภายในคู่ดวงตาคู่นั้น
ที่ฝังอยู่ในหัวมาอย่างยาวนาน มันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล จากแววตาที่โง่เขลาและเบาปัญญา
ท่ามกลางความสับสนทั้งหมดมันได้ปรากฏมาในรูปลักษณ์ที่ไม่คุ้นเคย
ที่ดูน่ากลัวในขณะที่มองไปที่เฉินเจียอี้
เฉินหยานเซียวยืนอยู่หน้ากองไฟอย่างเงียบ
ๆ และมองไปที่รูปลักษณ์ที่น่าสังเวชของเฉินเจียอี้
เธอกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง
เฉินหยานเซียวรู้อย่างแน่ชัดว่าเปลวเพลิงชนิดนี้จะไม่สามารถเผาผลาญเฉินเจียอี้
ผู้ซึ่งเป็นนักบ่มเพาะพลังเวทให้ถึงกับความตายได้
แต่มันจะเพียงแค่ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลที่ได้รับ
ดังนั้นเฉินหยานเซียวจึงไม่ต้องกังวลว่าเฉินเจียอี้จะตายหรือไม่
เฉินหยานเซียวก็เพียงแค่ต้องยืนอยู่ในจุดเดิมของเธออย่างเงียบ ๆ
เพลิดเพลินไปกับใบหน้าของเฉินเจียอี้ที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
ช่วงเวลาเดียวกัน
เฉินเจียเว่ยผู้เฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของประตูได้ยินครวญครางที่ดูน่าสงสารเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นเหม็นไหม้
หลังจากทั้งหมดพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยก็ดังออกมาอย่างน่าสังเวชมากขึ้นเรื่อย ๆ
และเขาก็ตระหนักว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น เขาก็รีบกระแทกประตูเปิดเข้าไป
ในชั่วพริบตาที่เขาเปิดบานประตู
มันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก กับภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเขา
ในขณะนั้นเฉินเจียอี้กำลังดิ้นรนอยู่ในกองเปลวเพลิว
แต่กระนั้นเฉินเจียเว่ยก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
นั่นก็คือคนที่ยืนอยู่ข้างเปลวเพลิงกลับกลายเป็นเฉินหยานเซียว
และเธอก็กำลังส่งยิ้มมา
“เจี่ยเว่ย!
ช่วยข้าด้วย!" เฉินเจียอี้ร้องขอความช่วยเหลือจากน้องชายของเธอ
ขณะที่เธอไม่สามารถออกมาจากโต๊ะไม้ที่กำลังถูกไฟเผาไหม้อย่างไร้ความปราณีได้และมันกำลังอบย่างร่างกายของเธอ
เฉินเจียเว่ยได้สติ
เขาไม่ได้มีเวลาที่จะไตร่ตรองรอยยิ้มที่ไม่คุ้นเคยและน่ากลัวมากที่อยู่บนใบหน้าของเฉินหยานเซียว
ขณะที่รีบวิ่งออกจากห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ
หลังจากช่วงเวลาสั้น
ๆ เฉินหยิวได้พาคนกลุ่มหนึ่งและรีบไปที่ห้องเฉินหยานเซียว
หลังจากที่สาดน้ำไม่กี่ถัง เปลวไฟก็ลดความรุนแรงลง
สำหรับเฉินเจียอี้ที่ถูกทรมานด้วยเปลวไฟมานาน
เธอก็หมดสติไปเนืองจากความน่าสะพรึงกลัวของเปลวไฟตลอดจนความแข็งแรงทางร่างกายของเธอที่ลดน้อยลง
อีกราว
ๆ หนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาตอนเย็น
คนเหล่านั้นรวมทั้งเฉินเฟิงและเฉินซืออู๋ได้ทำการสอบถามพร้อมกับได้มองไปที่ห้องที่ยุ่งเหยิง
หลังจากที่พวกเขามองไปที่ห้อง สีหน้าของพวกเขาก็ไม่ค่อยน่าดูนัก
เฉินเฟิงผู้ยืนอยู่หน้าประตูกำลังขมวดคิ้ว
ขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าของเฉินหยิวซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธ
ในขณะที่เขาประคองเฉินเจียอี้
ก่อนหน้านี้เฉินเฟิงยังไม่มีเวลาที่จะเปิดปากของเขาออกมา
เฉินซืออู๋ผู้ซึ่งอยู่ข้างเขาได้เดินไปทางฝั่งเฉินหยานเซียวก่อน
จากนั้นเขาก็ดึงเธอไปอีกด้านหนึ่งและตรวจสอบทุกส่วนของร่างกายเพื่อดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือไม่
"เฉินหยานเซียว
เจ้าทำได้ดีมาก!"
เฉินหยิวมองไปที่ลูกสาวของเขาซึ่งยังแนบอยู่ที่อกของเขาด้วยอาการวิตกกังวล
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเฉินเฟิงอยู่ที่นี่
ในตอนนี้มันเป็นไปได้มากว่าเขาจะต้องกระพือตัวไปหาเฉินหยานเซียวนานแล้วและแยกร่างเธอออกเป็นชิ้นส่วน
ขณะที่
เฉินซืออู๋มีเฉินหยานเซียวที่ได้รับการคุ้มครองอยู่ด้านหลังของเขา
เขามองไปที่เฉินหยิว และพูดว่า "ลุงรองทำไมพูดจาออกมาเช่นนั้น? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยานเซียวอย่างไร?"
"มันเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจี่ยอี้ได้รับบาดเจ็บในห้องของเธอและเห็นได้ชัดว่านี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ชั่วร้าย
เธอได้ปกปิดเจตนาร้ายนี้ไว้เพื่อทำร้ายเจียอี้! ไม่ว่าเฉินเฟิงจะคิดอย่างไร
เฉินหยิวตั้งแต่เริ่มแรกก็ไม่ถือว่าเฉินหยานเซียวที่เป็นถังขยะไร้ค่าผู้นี้จะเป็นหนึ่งในสายเลือดของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
การเก็บขยะที่ไร้ค่าผู้นี้เอาไว้ในตระกูลนั้นนับว่าเป็นความอัปยศอดสูให้กับครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
และปัจจุบันนี้เธอกำลังนำพาความหายนะมาสู่ตระกูลอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เธอทำให้ลูกสาวของเขาได้รับบาดเจ็บ
เช่นนี้แล้วเขาจะอดทนต่อเธอต่อไปได้อย่างไร
เฉินซืออู๋ที่ปกติดูสุภาพอ่อนโยน
ในตอนนี้ดวงตาของเขาเปล่งประกายแววตาที่เป็นอันตรายออกมา
"พวกเจ้าทุกคน
หุบปากซะ!" เฉินเฟิงตะโกนออกไปเสียงดังก่อนจะจ้องมองไปที่เฉินหยิว
"ข้าจะพูดอีกครั้งหนึ่ง
เธอเป็นลูกของเฉินหยิว ถ้ามีใครกล้าที่จะตำหนิอย่างฉาบฉวยอีกครั้ง
คนนั้นก็สมควรที่จะถูกผลักออกไป!"
เฉินหยิวกัดฟันของเขา
ก่อนที่จะกักเก็บความโกรธไว้ในหัวใจของเขา ขณะที่เขากล่าวว่า "ท่านพ่อ
เจียอี้เป็นหลานทางสายเลือดของท่าน
และในตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างกะทันหันจากขยะผู้นี้ เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านจะไม่กังวลหรือเป็นห่วงในเรื่องนี้!"
ความสัมพันธ์ในครอบครัว
ถ้าเฉินเจียอี้เป็นหลานของเฉินเฟิง แล้วเฉินหยานเซียวไม่ใช่หลนหรอกหรือ? เฉินหยานเซียว หัวเราะเยาะในใจขณะที่เธอยืนอยู่ข้างหลังเฉินซืออู๋
ร้ายจริงนะ คุณหนูเจ็ด 55
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ