ช่วงเวลาที่เฉินเจียอี้ยืนอยู่ด้านหลังของเฉินหยิว
เมื่อได้เห็นการมาถึงของเฉินซืออี้ ใบหน้าของเธอเริ่มปรากฏรอยสีแดงระเรื่อ ๆ ออกมา
คนพาลที่เอาแต่ใจตัวเองในวันก่อนได้หายไป
หลงเหลือแต่เพียงหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก
“เยี่ยม! เยี่ยมมาก!" หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เฉินเฟิงก็หัวเราะออกมาทันที
โดยไม่ได้คำนึงถึงทุกคนที่กำลังมองมาที่เขาอย่างพิจารณา
เฉินซืออู๋ก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วจนถึงด้านข้างของเฉินหยานเซียว
ในช่วงเวลาที่เฉินหยานเซียวซึ่งยังคงไม่มีปฏิกิริยาที่จะสามารถตอบสนองอะไรออกมาได้
เฉินซืออู๋ก็กางแขนทั้งสองข้างของเขาและกอดเธอไว้ในอกของเขา
"หยานเซียวข้าได้กลับมา เจ้าสามารถวางใจได้ ตราบใดที่ยังมีข้าอยู่
จะไม่มีใครสามารถข่มขู่เจ้าได้" เสียงของเฉินซืออู๋นุ่มนวลและอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านั้นได้ส่งผ่านไปยังหูของเฉินทวน
เสียงที่ดูเหมือนกับฟ้าร้องที่เสียดแทงหูของเขา
เฉินหยานเซียวกระพริบตา
เมื่อสูดลมหายใจเย็นและสดชื่นเข้าไป เธอยังครุ่นคิดอยู่อย่างเงียบ ๆ ......
การกระทำนี้จะไม่ใช่ว่าเธอกำลังถูกลวนลาม!
ภายในสมองของเธอ
ความทรงจำของเฉินซืออู๋ก็ผุดขึ้นมา
ถ้าจะบอกว่าเฉินหยานเซียวเป็นความอับอายขายหน้าของตระกูลหงส์ไฟแล้ว
เฉินซืออู๋ก็นับได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลหงส์ไฟ
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ว่า
เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
และไม่สามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้
อย่างไรก็ตาม
"ความภาคภูมิใจ" ก็ยังคงปฏิบัติกับ
“ความอัปยศ” อย่างดี ซึ่งแตกต่างจากเฉินอี้เฟิงที่แกล้งทำเป็นว่ามีความยุติธรรม
ในขณะที่เฉินซืออู๋มีความจริงใจให้กับเธอ ให้ความสำคัญและปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี
ในความทรงจำของเธอ
การปรากฏตัวของเฉินซืออู๋
ทุกครั้งก็มักจะอยู่ในลักษณะที่เขาทำการปกป้องเฉินหยานเซียวจากการกลั่นแกล้งโดยคนอื่น
ๆ
ด้วยการขัดขวางของเฉินซืออู๋
คนอื่น ๆ เช่น เฉินหยิว ก็จะไม่กล้าทำร้ายเฉินหยานเซียวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามจากการที่เฉินซืออู๋ดูแลเฉินหยานเซียว
มันก็ทำให้เฉินเจียอี้อิดหนาระอาใจเฉินหยานเซียวมากขึ้น
หญิงสาวคนหนึ่งอาจสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
มันจึงทำให้เธอมีการหึงหวงมากขึ้น
บางทีอาจเป็นเพราะความทรงจำก่อนหน้านี้ของร่างกายนี้
มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยที่เฉินหยานเซียวมีต่อเฉินซืออู๋
สำหรับพี่ชายคนโตนี้ เธอไม่มีการขัดแย้งอะไรกันเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้
ซิว ก็โพล่งออกมา
"ไม่เลว"
อะไรคือไม่เลว? เฉินหยานเซียวไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน
เมื่อเขาปลอบโยนเด็กสาวด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา
เขาก็เตือนคนเหล่านั้นที่สมคบคิดและทำผิดกฎ เฉินซืออู๋ลูบหัวเล็ก ๆ ของ
เฉินหยานเซียว สามารถมองเห็นได้ในสายตาของเขาว่า เฉินหยานเซียว เป็นคนของเขา
"ซืออู๋ เจ้าทำได้ดีมากในครั้งนี้ รางวัลอะไรที่เจ้าต้องการ?" สภาพจิตใจของเฉินเฟิงดีขึ้น เนื่องจากจิ้งจอกหิมะจิตวิญญาณ
เมื่อเฉินซืออู๋มองกลับไปในขณะที่กอดเฉินหยานเซียวไว้ในอ้อมกอดของเขาและ
จิ้งจอกหิมะจิตวิญญาณ เฉินซืออู๋ก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนขณะที่เขาพูดออกมาว่า
"ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านปู่โปรดให้อภัยความผิดของ หยานเซียว
นอกจากนี้แล้ว หลานชายคนนี้ก็คงยังไม่มีคำร้องขออื่น ๆ ใดอีก"
มันช่างเป็นความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่ต้องการปกป้องเด็กมากไปไหม?! เฉินหยิวและเฉินทวน ได้ดูคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของลูกชายตัวเอง
พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่าหลังจากที่ผู้ชายคนนี้ได้กลับมาพร้อมกับผลงาน
แต่กลับขอรางวัลเป็นเด็กสาวที่ไร้ค่าผู้นี้อย่างไม่คาดคิด!
เฉินเฟิงยิ้มขณะที่เขาพูดออกมาว่า
"ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้ามีความสุขได้ มันก็เป็นไปตามนั้น”
ไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้านอะไรออกมา
หากพูดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง
มันก็เป็นเรื่งที่ดูจะคุ้มค่ากับการแลกเปลี่ยนระหว่างโอกาสในการปลุกหงส์ไฟ
กับชีวิตของคนงี่เง่า ถ้าเฉินซืออู๋พูดออกมาว่า
เขาต้องการเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่จะได้รับการยอมรับจากตระกูลหงส์ไฟ
มันก็จะมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะต้องร้องไห้จนตายภายในห้องของตัวเอง
แม้ว่าเฉินอี้เฟิงจะสามารถจัดการกับเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยได้
แต่เฉินอี้เฟิงก็มักจะรู้สึกว่าเขาคงเป็นคนที่อาจถูกฆ่าตายถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับ
เฉินซืออู๋
ดังนั้นข้อพิพาทจากการตายของจิ้งจอกหิมะจึงจบลง
หลังจากการมาของเฉินซืออี้กับจิ้งจอกหิมะจิตวิญญาณตัวใหม่
มันทำให้ทุกคนหุบปากและไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างเปิดเผย
หลังจากที่เฉินเฟิงกล่าวคำบางคำแล้วเขาก็ไล่ทุกคนออกไป
คราวนี้เขาได้จัดผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ไว้คอยดูแลสถานกักขังสัตว์เวทเพื่อป้องกันการเกิดเหตุร้ายอีกครั้ง
สำหรับเฉินหยานเซียว
เธอรู้สึกว่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
ไม่ต้องสงสัย
ถ้าไม่ได้เฉินซืออู๋ผู้ซึ่ง นำเหรียญทองคำละเว้นโทษประหารชีวิต
ซึ่งเป็นเหมือนเทพเจ้าที่มาจากสรวงสวรรค์ เธอก็อาจจะขอร้องให้เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ซิว ได้ช่วยชีวิตเล็ก ๆ ของเธอ
ขอบคุณครับ
ตอบลบ