เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

EGT 014 กลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งส่วนที่ 2



หลังจากสิ้นสุดคำพูดของเฉินเฟิง สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ ยกเว้นเฉินหลิง ผู้ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนอื่น ๆ ย่อมไม่ทราบถึงสิ่งเหล่านี้ พวกเขารู้แต่เพียงว่ามีสัตว์ประหลาดที่ถูกขังอยู่ในสถานกักขังสัตว์เวท มันต้องเป็นที่รู้กันดีว่านับตั้งแต่ที่มีการนำสัตว์เวทกลับเข้ามาในคฤหาสน์ เฉินเฟิงได้ออกคำสั่งที่เข้มงวดว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในโดยไม่ได้รับอนุญาตใด ๆ

ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อชั่งน้ำหนักในคำพูดของเฉินเฟิง สมาชิกภายในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ และผู้ใดจะมีความกล้าที่จะละเมิดคำพูดของเขา?

แม้ว่าเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต่อสัตว์เวทเหล่านี้ พวกเขาก็สามารถกล้าที่จะทำให้เกิดความสับสนอลหม่านโดยการส่งเฉินหยานเซียว ให้ลอบเข้าไป แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าสู่ภายในนั้นแม้แต่ก้าวเดียว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ในวันนั้นเมื่อ เฉินหยานเซียวได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันของจักรวรรดิแล้ว เธอก็มีรอยแผลเป็นและเลือดปกคลุมทั่วร่างกาย ราวกับว่าเธอถูกแช่ด้วยเลือด ถ้าไม่ใช่เห็นว่าท้องของเธอขยับเคลื่อนไหว ทุกคนก็อาจจะคิดว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว

เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสถานกักขังสัตว์เวทและสัตว์เวทเหล่านั้น นอกจากเฉินเฟิงและเฉินหลิง คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้

วันนี้เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังกล่าวถึงสัตว์เวท ทุกคนก็ไม่กล้าพูดคำใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว

เฉินเฟิงส่งเสียงขึ้นจมูก ในขณะที่เขากล่าวว่า "ข้าไม่เคยคิดว่า นับตั้งแต่หลายร้อยปีของตระกูลหงส์ไฟของข้า มันเป็นที่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครสามารถปลุกหงส์ไฟให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง มันเป็นเรื่องการไร้ความสามารถที่ทำให้ผู้คนรอบนอกเยาะเย้ยพวกเรา.."

คำพูดของ เฉินเฟิง ทำให้ทุกคนตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหตุผลที่ว่า ทำไมครอบครัวตระกูลหงส์ไฟจึงสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีชื่อเสียง และยากที่สามารถเข้าถึงได้ในจักรวรรดิหลงซวน เนื่องจากช่วงเวลาแห่งการก่อตั้งจักรวรรดิหลงซวน บรรพบุรุษของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ ได้รับหงส์ไฟที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยความร่วมมือของหงส์ไฟ หัวหน้าตระกูลหงส์ไฟได้ช่วยองค์จักพรรดิ โดยการสร้างคุณประโยชน์มหาศาลในการช่วงทำศึกสงครามเพื่อก่อตั้งอาณาจักร ท่ามกลางสัตว์เวทจำนวนมาก หงส์ไฟสามารถกำหราบและทำให้เหล่าสัตว์เวทมากมายต่างนอบน้อม เพียงแค่การกรีดร้องก็เพียงพอที่จะเขย่าสัตว์นกเวททุกชนิด

พวกเขาสามารถคาดเดาได้บางอย่างจากข่าวลือถึงความน่ากลัวของหงส์ไฟ มันอาจแตกต่างกันอย่างมากจากความแข็งแกร่งของสัตว์เวททั่ว ๆ ไป ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของหงส์ไฟก่อตั้งตระกูลหงส์ไฟขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาสองร้อยปีของยุคทอง มันนิ่งสงบมาเกือบร้อยปี จากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหงส์ไฟมันเป็นที่คาดไม่ถึงว่าไม่มีใครสามารถที่จะปลุกหงส์ไฟที่จำศีลอยู่ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงการทำพันธะสัญญากับหงส์ไฟ

เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นความเศร้าโศกอย่างมากสำหรับตระกูลหงส์ไฟ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ทุกคนคงทราบอยู่แล้วว่าการคงอยู่หงส์ไฟนี้เปรียบเสมือนกับการมีตระกูลหงส์ไฟ มันอาจจะนำครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ กลับไปสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกรุ่นของตระกูลหงส์ไฟ ต่างเฝ้าปรารถนาในความฝันของพวกเขา อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยไม่มีความจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับการทำพันธะสัญญากับหงส์ไฟ เนื่องจากไม่มีแม้กระทั่งผู้ที่มีความสามารถในการปลุกหสง์ไฟซึ่งนอนอยู่เฉยๆที่หุบเขาลาวาให้ตื่นขึ้นมาได้

'หัวหน้าตระกูล มันไม่ใช่แค่ตระกูลหงส์ไฟเท่านั้น แม้แต่ตระกูลมังกรไม้ ตระกูลเสือลม ตระกูลเต่าน้ำ และตระกูลมังกรดิน ก็ไม่มีใครสามารถปลุกสัตว์ตำนานของพวกเขามาได้นับร้อย ๆ ปีที่ผ่านมา ..." เฉินจิงลูกชายคนที่สามของเฉินเฟิงพึมพำเสียงต่ำออกมา

หมายเหตุ:
หงส์แดง จูเชวี่ย (หงส์ไฟ) เทพอสูรแห่งทิศใต้
เสือขาว ไป๋หู่ (เสือลม) เทพอสูรแห่งทิศตะวันตก
เต่าดำ เสวียนอู่ (เต่าน้ำ) เทพอสูรแห่งทิศเหนือ
มังกรฟ้า ชิงหลง (มังกรไม้) เทพอสูรแห่งทิศตะวันออก
มังกรทอง หวงหลง (มังกรดิน) เทพอสูรกึ่งกลาง

สิ่งที่เฉินจิงกล่าวออกมาเป็นความจริง เมื่อก่อตั้งจักรวรรดิหลงซวน ตระกูลเหล่านั้นต่างได้รับพรและการสนับสนุนอย่างดีจากเทพอสูรโบราณทั้งห้า จนประสบกับความสำเร็จในการก่อตั้งจักรวรรดิ แม้กระนั้นในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันเหมือนกับว่าเทพอสูรทั้งห้าต่างได้นัดหมายในการจำศีลพร้อมกัน และไม่มีใครสามารถปลุกพวกมันตื่นขึ้น การจำศีลของเทพอสูรโบราณทั้งห้าได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตระกูลใหญ่ทั้งห้า

เฉินเฟิงยิ้มเยาะขณะที่เขากวาดตาไปที่เฉินจิง ในบรรดาลูกชายทั้งหกคนของเขา เฉินจิงอาจกล่าวได้ว่ามีความคืบหน้าน้อยที่สุดในหมู่พวกพี่น้องทั้งหก นอกจากเวลาที่ใช้ไปในการดื่มและการหาความสุขตลอดทั้งวัน เขามักจะไปมั่วสุมกับลูก ๆ ของพวกขุนนาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใส่ใจในความสัมพันธ์ทางสายเลือด เฉินเฟิงก็อยากจะตัดสัมพันธ์กับลูกชายคนนี้ของเขาและโยนเฉินจิงออกไปจากตระกูล ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตด้วยตัวของเขาเอง


1 ความคิดเห็น: